World’s Best Martial Artist 57 ยาหล่นจากสวรรค์

ตอนที่ 57 ยาหล่นจากสวรรค์

ถานเจิ้นผิงโบกมือให้ฟางผิงทันทีเมื่อเห็นเขา

…..

จากนั้นทองสองก็มาหยุดตรงสถานที่ที่ค่อนข้างเงียบ

ถานเจิ้นผิงถามด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย “ฟางผิง เธอบอกฉันได้ไหมว่าปราณและเลือดสูงเท่าไหร่?”

ฟางผิงปลายตามอง เมื่อเห็นความสิ้นหวังจากอีกฝ่าย หลังคิดเล็กน้อยเขาจึงกล่าว “ลุงถาน…ผมไม่เคยตรวจมาก่อน…”

แม้เขาจะรู้ว่าปราณและเลือดเขามีเท่าไหร่ แต่ฟางผิงเลือกซ่อนไว้เพื่อความได้เปรียบ เขาไม่รู้ว่าถานเจิ้นผิงซุกแผนร้ายไว้รึเปล่า

“เธอน่าจะเคยฝึกเคล็ดเสริมสร้างมาก่อนใช่ไหม?”

“ใช่ครับ”

“เธอรู้สึกว่าต่อให้เส้นเลือดพลุ่งพล่าน แต่เธอก็เพิ่มปราณและเลือดไม่ได้…”

ฟางผิงเข้าใจสิ่งทีอีกฝ่ายถามทันที เขากำลังพูดถึงคอขวดเมื่อปราณและเลือดมาถึง 149แคล

หลังพิจารณาเล็กน้อย ฟางผิงก็ไม่ได้ตอบไปตรงๆ เขาถามคำถามแทน “ลุงถาน คุณพูดเรื่องนี้ทำไมเหรอ?”

“การประเมิณปราณและเลือดใกล้เริ่มแล้ว ผมรู้ว่าระดับปราณและเลือดของผมจะเพิ่มหลังการสอบ”

ถานเจิ้นผิงรู้ว่าเจ้าหนูนี่ไม่ได้เรียบง่าย แถมยังฉลาดอีก

หลังคิดเล็กน้อย ถานเจิ้นผิงก็กล่าวเสียงเบา “งั้นเอาแบบนี้ ถ้าปราณและเลือดเธอไปถึงระดับที่เพิ่มต่อไม่ได้ ตัดสินจากปราณและเลือดที่แผ่พุ่งออกมาตอนเธอระเบิด เธอควรเกือบถึงขีดจำกัดแล้ว หรืออาจถึงขีดจำกัดแล้ว”

“ขีดจำกัดที่ฉันพูดถึงคือครึ่งก้าวผู้ฝึกยุทธ เธอควรรู้ใช่ไหมว่าฉันหมายถึงอะไร?”

“ลุงถานกำลังพูดถึงคอขวด 149แคลกับ 150แคลใช่ไหม?”

“ถูกต้อง”

ถานเจิ้นผิงพูดต่อ “ฉันเดาไว้ก่อนแล้ว แต่ฉันไม่กล้ายืนยัน”

“ครึ่งก้าวผู้ฝึกยุทธที่มีปราณและเลือด 149แคลยังเรียกได้ว่าครึ่งก้าวผู้ฝึกยุทธสูงสุด…”

ฟางผิงไม่ค่อยกระตือรือร้นอยากฟังนัก หลังถานเจิ้นผิงพูดจบ เขาก็ไม่ได้ตอบ เขาเลือกที่จะมองไปแทน

ถานเจิ้นผิงมาค้นหาด้วยความสิ้นหวัง และตอนนี้ก็มาถามอีกว่าถึงขีดจำกัดครึ่งก้าวผู้ฝึกยุทธไหม…ต้องมีอะไรแน่ๆ

“เฮ้อ!”

ถานเจิ้นผิงจนปัญญาเล็กน้อย เจ้าหนูนี่ไม่เหมือนเด็กมัธยมปลายเลย

เขาพิจารณาครู่นึง เด็กคนนี้ยังมีหวังจินหยางหนุนหลังอีก แถมเขาก็ไม่ได้เรียบง่ายเหมือนกัน

พอคิดแบบนั้น ถานเจิ้นผิงก็เปิดเผยความจริง “เมืองรุ่ยหยางมีผลงานตอนสอบวิชายุทธไม่ดีมาหลายปีแล้ว ถ้ายังเป็นอันดับท้ายๆอยู่อีก เบิ้องบนจะต้องรับผิดชอบ”

“ก่อนหน้านี้ผู้อำนวยการจิน ผู้อำนวยการกระทรวงศึกษาของเมืองรุ่ยหยางได้มาหาเราแล้วขอข้อมูลของนักเรียนที่ปราณและเลือดเกิน 115แคลแล้ว”

“เขาหวังว่าจะช่วยจัดหาเม็ดยาให้นักเรียนทะลวงคอขวด 120แคลระหว่างตอนประเมิณได้”

“ความเสี่ยงสูงเกินไป และเราก็ไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม…”

“ผู้อำนวยการจินพูดถึงครึ่งก้าวผู้ฝึกยุทธด้วย ฉันเลยนึกถึงเธอ…”

ถานเจิ้นผิงไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดให้เขา แต่ฟางผิงพอเข้าใจแล้ว

ถ้าเมืองรุ่ยหยางทำผลงานสอบวิชายุทธไม่ดีอีก กระทรวงศึกษาจะต้องรับผิดชอบ ส่วนจะถูกไล่ออกหรือปลดออกจากตำแหน่งก็เป็นชะตากรรมของผู้อำนวยการ ฟางผิงไม่รู้ได้

ที่เขารู้ก็คือ มันไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน

ผู้อำนวยการจินกำลังหากลุ่มนักเรียนที่มีปราณและเลือดเกือบถึง 120แคล เขาจะควักเนื้อมอบเม็ดยาให้นักเรียนเพื่อให้พวกเขาทะลวงคอขวดสู่ 120แคล

แต่จะมีนักเรียนผ่านเกณฑ์นั้นกี่คนเชียว?

นอกจากนี้ยาปราณและเลือดธรรมดาจะเพิ่มได้กี่แคลเชียว? เขาอาจต้องแจกยาปราณและเลือดขั้นหนึ่ง

แต่เม็ดยามีฤทธิ์แรงมากส่วนใหญ่จะใช้โดยผู้ฝึกยุทธขั้นสอง

เมื่อนักเรียนที่มีปราณและเลือดต่ำใช้ มันมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีผลข้างเคียง ความตายก็อาจเป็นไปได้

ถานเจิ้นผิงกับคนอื่นๆค่อนข้างตกใจกับแผนการของเขาและคัดค้านสุดเสียง กลัวจะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

สุดท้าย หัวข้อการสนทนาก็เบี่ยงไปทางฟางผิง

ผู้ฝึกยุทธทั้งสามได้เห็นการระเบิดพลังของฟางผิงและคาดเดาว่าเขาคงใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว

ถ้าปราณและเลือดเขาไม่ถึง 149แคล อย่างน้อยก็ต้องมี 145แคล

สำหรับฟางผิงที่มีปราณและเลือดสูงมาก การใช้ยาปราณและเลือดขั้นหนึ่งแทบไม่มีความเสี่ยงเลย

แม้ว่าปราณและเลือดเขาจะยังไม่ถึง 149แคล หลังกินยาแล้วระเบิดพลัง ปราณและเลือดเขาก็คงถึง 149แคล

การทำแบบนี้มีความเสี่ยงน้อยกว่าให้นักเรียนคนอื่นใช้ยา และมีโอกาสสำเร็จสูงกว่ามาก

…..

หลังเข้าใจคร่าวๆแล้ว ฟางผิงหลบสายตาและยิ้มแห้งๆ “ลุงถาน ปราณและเลือดผมอาจจะยังไม่ถึง 149แคล”

“ไม่เป็นไร อย่างน้อยเธอก็ควรมีถึง 145แคลแล้ว”

“หลังใช้ยาปราณและเลือดขั้นหนึ่ง เธอจะระเบิดพลังได้สูงยิ่งขึ้นอีก…”

“มันเสี่ยงเกินไป!”

ฟางผิงรีบส่ายหน้า “ลุงถาน อย่าคิดว่าผมไม่รู้อะไร”

“เตรียมผู้ฝึกยุทธที่ยังขัดเกลากระดูกไม่เสร็จ ฤทธิ์ของยาปราณและเลือดขั้นหนึ่งจะแรงเกินไป”

“เธอไม่เป็นแบบนั้นหรอก อีกอย่างผู้อำนวยการจินเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นสาม ผู้อำนวยการกระทรวงศึกษาเมืองรุ่ยหยาง…”

ฟางผิงกล่าวอย่างปราศจากอารมณ์ “ผู้ฝึกยุทธขั้นสาม? ผมไม่รู้ว่ารุ่นพี่หวังอยู่ขั้นไหน ผมควรโทรไปถามเขา…”

คำพูดเมื่อครู่ของถานเจิ้นผิงแฝงด้วยภัยคุกคาม

แน่นอนอีกฝ่ายไม่ได้พูดออกมา แต่ฟางผิงเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายจะสื่อ ยังไงเสียเขาก็ไม่ได้โง่

ถานเจิ้นผิงชะงัก เขาเกือบลืมเรื่องนี้!

ฟางผิงไม่ได้ตัวคนเดียว เขามีหวังจินหยางคอยหนุนหลัง

เมื่อเห็นสีหน้าของฟางผิง ถานเจิ้นผิงก็พลันเข้าใจสถานการณ์

เขาไม่ได้ปฏิเสธข้อเสนอ เขาเปิดโอกาสให้ต่อรองแทน

ถานเจิ้นผิงไม่รู้จะรู้สึกยังไง เขารู้สึกเหมือนกำลังคุยกับคนที่อายุมากกว่า ไม่ใช่เด็กมัธยมปลาย

ถ้าเขาเป็นนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาๆ เขาคงก้มหัวให้กับตัวตนผู้ฝึกยุทธและรองผู้อำนวยการกระทรวงศึกษาเมืองหยางเฉินของถานเจิ้นผิง และยอมรับข้อเสนอทันที

เขาไม่จำเป็นต้องพูดถึงจินเค่อหมิงด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เป็นคนจ่าย แถมเขาก็ตกใจกับความสิ้นหวังของผู้อำนวยการจินเมื่อครู่

เขากลับมาสงบเหมือนเดิมและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พ่อหนุ่ม ฉันรู้ว่าเธอหมายถึงอะไร”

“เธอเป็นเพื่อนของห่าวและเทา ลุงถานย่อมสนับสนุนเธอ”

“แต่ต่อให้เธอมีหวังจินหยางสนับสนุน เธอก็ไม่ควรล้ำเส้น ผู้อำนวยการจินมีตำแหน่งที่ไม่ธรรมดาในรุ่ยหยาง”

“ถ้าเธอช่วยผู้อำนวยการจินครั้งนี้ เขาจะเป็นหนี้เธอครั้งนึง”

“ถ้าคำขอของเธอมากเกินไป เขาจะไม่เพียงคิดว่าไม่เป็นหนี้เท่านั้น เขายังจะเก็บไปฝังใจด้วย ต่อให้เธอไม่สนใจเรื่องนั้น แต่ญาติพี่น้องทั้งหมดของเธออาศัยอยู่ในเขตเมืองรุ่ยหยาง…”

“ลุงถาน ผมเข้าใจ” ฟางผิงขัดจังหวะ “ผมไม่เคยพบผู้อำนวยการจินมาก่อน และไม่รู้ความสำคัญของสถานการณ์ด้วย”

“คุณเป็นพ่อของถานห่าวถานเทา ผมคิดว่าคุณไม่ควรทำร้ายผม”

“แต่ความจริงมันก็ค่อนข้างเสี่ยง ถ้าให้ผมรับความเสี่ยง มันก็ต้องคุ้มค่าสำหรับผม”

“ผมใกล้เป็นผู้ฝึกยุทธแล้ว ถ้าผมเสี่ยงเพื่อแลกกับผลประโยชน์เล็กน้อย มันก็ไม่คุ้มเลย…”

“เธอพูดไม่ผิด…” ถานเจิ้นผิงยอมรับคำพูดของฟางผิง

แม้เขาจะรู้สึกว่าความเสี่ยงมันต่ำ แต่มันก็ยังมีความเสี่ยง เตรียมผู้ฝึกยุทธอย่างฟางผิง เขาจะเข้ามหาลัยวิชายุทธและก้าวหน้าเป็นผู้ฝึกยุทธได้แน่นอน ถ้าจะให้คนอย่างเขารับความเสี่ยง มันก็ควรมีราคาต้องจ่าย

หลังครุ่นคิดเงียบๆสักครู่ ถานเจิ้นผิงก็พูดเกริ่น “ผู้อำนวยการจินขอให้เราหานักเรียนสามสิบคนที่มีปราณและเลือดใกล้เคียง 120แคล พวกเขาจะได้รับยาปราณและเลือดธรรมดาคนละเม็ด ยาปราณและเลือดขั้นหนึ่งก็อาจเป็นไปได้”

“เม็ดยาปราณและเลือดขั้นหนึ่งมีราคาตลาดเกือบสามแสน แน่นอนผู้อำนวยการจินมีแหล่ง เขาสามารถซื้อได้ในราคา 70% ของราคาตลาด

“ถ้าเขาให้ยาปราณและเลือดขั้นหนึ่งทุกคน มูลค่าของมันก็เกือบหกล้าน!”

“แต่ถ้าเธอโลภเกินไป มันก็ไม่ใช่เรื่องดี เธอจะเสียบุญคุณไป”

“เขาอาจไม่ปฏิเสธถ้าเธอขอยาหรือเงินสดสักครึ่งนึง ฉันคิดว่าผู้อำนวยการจินจะไม่ปฏิเสธ!”

ถานเจิ้นผิงเปิดเผยทุกอย่าง เพราะยังไงเขาก็ไม่ได้ออกเงินด้วยตัวเอง

เขาไม่ได้หวังว่าฟางผิงจะมาช่วยเหลือในอนาคต แต่การผูกมิตรกับเขามีประโยชน์มากกว่าการทำร้าย

ฟางผิงแววตาเปล่งประกาย

มีเรื่องดีๆแบบนี้ด้วยเหรอ?

นี่เป็นผลประโยชน์ที่มาหาเขาแบบฟรีๆ!”

เดิมทีการประเมิณปราณและเลือดก็เป็นสิ่งจำเป็นอยู่แล้ว ถ้าเขาได้เงินด้วย ใครจะปฏิเสธกัน?

หลังถานเจิ้นผิงพูดจบ ฟางผิงก็กล่าวทันที “ลุงถาน ผมใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว”

“หลังทานยาปราณและเลือดขั้นหนึ่ง มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่ผมจะถึงขีดจำกัด!”

“แน่นอน เม็ดเดียวไม่พอ ถ้าผมเสี่ยงใช้สองเม็ด มันจะมีโอกาสมากที่สุด”

“ถ้ายาปราณและเลือดขั้นหนึ่งสองเม็ด บวกกับเงินสดสองล้าน ผมจะยอมเสี่ยงชีวิตสักครั้ง!”

“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับผม ครอบครัวผมจะสูญเสียคนหาเลี้ยงครอบครัว พ่อแม่ผมก็ไม่แข็งแรง…”

ถานเจิ้นหมิงมุมปากกระตุกขณะฟังเรื่องดราม่าเพื่อขอความเห็นใจของฟางผิง

เขาจะเสี่ยงชีวิตสักครั้ง?

ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเด็กคนนี้ถึงขีดจำกัดแล้วล่ะ?

แต่ฟางผิงไม่ได้ขอมากนัก เม็ดยาปราณและเลือดขั้นหนึ่งสองเม็ดและเงินสดสองล้านน้อยกว่าเงินที่ต้องใช้กับความคิดก่อนของจินเค่อหมิงเสียอีก

จินเค่อหมิงสิ้นหวังมากจนแทบโดดตึก ต่อให้ฟางผิงเรียกราคาสูงกว่านี้ เขาก็อาจไม่ปฏิเสธ

หลังคิดเล็กน้อย ถานเจิ้นผิงก็พยักหน้า “ตราบใดที่เธอมั่นใจว่าถึง 149แคลตอนประเมิณ ฉันจะตกลงในนามของผู้อำนวยการจิน!”

“ลุงถาน งั้นผมก็รบกวนคุณแล้ว…” ฟางผิงยิ้ม “ลุงถาน คุณจะบอกเขาก็ได้ว่าผมขอยาปราณและเลือดขั้นหนึ่งสามเม็ด คุณแค่ให้ผมสองเม็ดก็พอ”

ถานเจิ้นผิงพูดไม่ออกอีกครั้ง เด็กคนนี้เป็นเด็กมัธยมปลายจริงเหรอ? เขายังมีความคิดหาผลประโยชน์ให้ฉันอีกเหรอ? นี่นับเป็นค่าส่งของใช่มั้ย?

ฟางผิงยังคงยิ้มกว้าง เขาพูดต่อ “ลุงถาน โปรดอธิบายความเสี่ยงที่ผมต้องรับเพิ่มด้วย นอกจากนี้บอกพวกเขาว่าเมื่อผมเข้ามหาลัยวิชายุทธ เงินล้านนี้จะไม่มีความหมายเลย”

“ผมคิดว่าผู้อำนวยการคงเข้าใจผมและขอบคุณผมที่ยอมรับความเสี่ยงนี้…”

“ผมจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกพี่หวัง เผื่อเขาจะกังวลและมีบางอย่างผิดพลาดในกระบวนการ”

ถานเจิ้นผิงตัวแข็งทื่อ เด็กคนนี้คิดรอบคอบมาก

เขาไม่เพียงแต่พูดดราม่าชะตากรรมตัวเองเท่านั้น แต่เขายังพูดถึงหวังจินหยางเป็นการคุกคามเงียบๆ เขาใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็ง

จินเค่อหมิงหาฟางช่วยชีวิตอย่างสิ้นหวัง เขาก็คงไม่ขุ่นเคืองอะไร ต่อให้เขาขุ่นเคือง เมื่อคำพูดเหล่านี้ถึงหูเขา เขาก็คงไม่ขุ่มเคืองอีก ถานเจิ้นผิงรู้สึกปั่นป่วน เด็กคนนี้ไม่ได้เป็นคนซื่อสัตย์อย่างที่เขาคิด

ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าฟางผิงเตรียมอุดปากเขาด้วยปราณและเลือดขั้นหนึ่ง ต่อให้ฟางผิงไม่ทำแบบนั้น เขาก็รู้ว่าต้องทำยังไง

“เอาล่ะ การประเมิณปราณและเลือดใกล้เริ่มแล้ว ฉันจะไปคุยกับผู้อำนวยการจินทันที”

“เข้าไปศูนย์ประเมิณเถอะ ฉันจะมอบยาให้ที่นั่น ส่วนเงิน ฉันจะโอนให้หลังเธอประเมิณเสร็จ”

“อีกเรื่อง…”

ถานเจิ้นผิงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อีกเรื่อง เธอต้องมั่นใจว่าปราณและเลือดเธอไปถึงขีดจำกัด ไม่งั้นต่อให้มีหวังจินหยางหนุนหลัง เธอก็จะมีปัญหา!”

“ผมเข้าใจ มั่นใจได้เลยครับ”

“…”

…..

นอกศูนย์ประเมิณ

จินเค่อหมิงเหงื่อแตกพลั่กด้วยความสิ้นหวัง ถ้าไม่ใช่เพราะต้องรักษาศักดิ์ศรีต่อหน้าคนอื่น เขาคงทรุดกองกับพื้นไปแล้ว!

ในฐานะผู้อำนวยการกระทรวงศึกษา นอกจากโซนประเมิณปราณและเลือดก็อยู่ในเขตอำนาจเขา

ถานเจิ้นผิงยังไม่กลับมา การประเมิณก็เริ่มแล้ว จินเค่อหมิงก่นด่าในใจ เขาควรเรียกกลุ่มนักเรียนมาช่วยไม่ใช่เหรอ?

ตราบใดที่เขามอบผลประโยชน์พร้อมกับข่มขู่ นักเรียนเหล่านั้นก็อาจยอมรับต่อให้มันจะมีความเสี่ยงก็ตาม

ส่วนฟางผิง…ต่อให้ลูกน้องจากซิงซีและอันผิงบอกว่าเขาใกล้ก้าวสู่ขั้นหนึ่งแล้ว แต่ใครจะรู้ล่ะว่าเขาใกล้ถึงขีดจำกัดแค่ไหน?

ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่ในห้อง ถานเจิ้นผิงก็เข้ามาอย่างเร่งรีบ

จินเค่อหมิงรีบถาม “เป็นไงบ้าง?”

“ผู้อำนวยการ…”

ถานเจิ้นผิงกระซิบเล่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ให้เขาฟัง แม้ว่าเขาจะไม่ทำตามคำพูดของฟางผิงทุกทำพูด แต่เขาก็เตือนผู้อำนวยการว่าเด็กคนนี้มีอนาคตที่สดใสและมีหวังจินหยางสนับสนุน

เงินสดสองล้านและยาปราณและเลือดขั้นหนึ่งสามเม็ด นี่เป็นราคาที่ฟางผิงเรียกร้อง

จินเค่อหมิงจะสนใจเงินน้อยนิดแค่นี้ได้อย่างไร? ในฐานะหนึ่งในห้าคนที่มีอำนาจสูงสุดในรุ่ยหยาง ต่อให้ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการทุจริต ทรัพย์สินเขาก็มีมากมาย

เขากระทั่งเตรียมยาปราณและเลือดขั้นหนึ่งสามสิบเม็ดในกระเป๋า แถมฟางผิงยังขอน้อยกว่าที่เขาคาดคิดเสียอีก

เมื่อถานเจิ้นผิงพูดจบ จินเค่อหมิงก็กล่าวทันที “ตราบใดที่เขาไปถึงขีดจำกัดได้ ฉันสัญญาเลยว่าเขาจะไม่ได้น้อยกว่าที่เรียกร้อง!”

ส่วนกรณีที่เด็กคนนี้ทำไม่ได้…เขานึกถึงคนที่กำลังยืนอยู่ห้องควบคุมชั้นบน ฉันเกรงว่าฉันคงไม่มีอนาคตให้พูด

“คนที่หวังจินหยางสนับสนุนอาจไม่ทำให้ฉันผิดหวัง…”

จินเค่อหมิงเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง ต่อให้ยังเด็ก แต่หวังจินหยางก็อยู่ขั้นเดียวกับเขา

คนแบบนี้คงไม่เลวร้ายนัก ถ้าอีกฝ่ายยินดีกำหนดราคา มันก็หมายความว่าเขามีความมั่นใจมาก

จินเค่อหมิงไม่ลังเลอีก เขาหยิบขวดยาจากเลขาแล้วส่งให้ถานเจิ้นผิง “เอาให้เขาเดี๋ยวนี้ ฉันจะไม่เผยตัว”

“รับทราบครับ!”

ถานเจิ้นผิงมองฟางผิงที่กำลังรออยู่ใกล้ๆแล้วถือขวดยาส่งสัญญาณให้เขาแล้วเดินเข้าไปหา

…..

ไม่นาน ฟางผิงก็ได้ยาปราณและเลือดขั้นหนึ่งสามเม็ด

เขาไม่ได้มอบส่วนแบ่งให้ถานเจิ้นผิงทันที เพราะจินเค่อหมิงอยู่ข้างนอก คงต้องรอจนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยถึงจะมอบได้

เมื่อได้ยามาอยู่ในมือ ฟางผิงก็แววตาเปล่งประกาย

เม็ดยาหล่นจากสวรรค์ของแท้เลย!

…..

การประเมิณปราณและเลือดเริ่มขึ้นไม่นานหลังฟางผิงได้ยา

คนที่ผ่านการตรวจสอบก่อนหน้านี้ต่างก็รวมตัวกันตรงหน้าโซนประเมิณปราณและเลือด

จินเค่อหมิงเข้าไปในโซนเช่นกันพร้อมกับคนจากกรมสืบสวน ทีมตรวจสอบ พวกลูกน้องรวมถึงถานเจิ้นผิง โดยอ้างว่ามาตรวจตราโซนประเมิณ

รองลั่วที่อยู่ข้างบนรู้ถึงแรงจูงใจของเขา

ตามกฏแล้ว ห้ามผู้นำท้องถิ่นเข้าโซนประเมิณปราณและเลือดเพื่อป้องกันการโกง

แต่ไม่มีใครคิดว่าเขาจะมีความสามารถเช่นนั้น เพราะมีทั้งคนจากกรมสืบสวนและทีมตรวจสอบไปพร้อมกับเขาด้วย

จินเค่อหมิงผู้สิ้นหวังอยากทราบผลทันที และรองลั่วก็เต็มใจทำตามความต้องการของเขา

…..

ณ โซนประเมิณปราณและเลือด

หลายคนรู้สึกตื่นเต้นและวิตกกังวล ส่วนฟางผิงรอให้ถึงตาเขาด้วยความผ่อนคลายและมั่นใจ

ทรัพย์สิน : 2,896,000

ปราณและเลือด : 149แคล

จิตใจ : 172เฮิรตซ์

ยาปราณและเลือดขั้นหนึ่งเพิ่มทรัพย์สินให้เขา 6.3 แสน!

นอกจากนี้ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ฟางผิงมีความเข้าใจต่อระบบมากขึ้น

ยกตัวอย่าง ถ้าเขาเอายาปราณและเลือดขั้นหนึ่งให้ถานเจิ้นผิง ทรัพย์สินเขาจะลดลงไหม?

ตอนที่เขาให้เงินฟางหยวน เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้น แต่ถ้าเป็นสิ่งของ เขาไม่มั่นใจ

เนื่องจากฟางผิงครุ่นคิดแต่เรื่องนี้ เขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจกับการประเมิณปราณและเลือดมากนัก

World’s Best Martial Artist

World’s Best Martial Artist

Score 10
Status: Completed

เรื่องย่อ

 

ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์ได้แล้ว!

 

หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง

 

ความจริงอะไรงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าเขากลับมาเกิดใหม่ในร่างตัวเองตอนเด็ก และเนื่องจากเขามีความรู้ของอนาคตติดตัวมาด้วย เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจ! เขาจะรวย!

 

นั่นเป็นความคิดของเขาจนกระทั่งเพื่อนเขามาขัดจังหวะ

 

“สรุปนายจะลงทะเบียนสอบวิชาการต่อสู้ไหม?”

 

อะไรนะ? พูดเล่นเหรอ? หรือเขาส่งบทผิด? วิชาการต่อสู้คืออะไร? ทำไมถึงมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน? หัวของเขาเต็มไปด้วยประโยคคำถาม ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่าเขาอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่เขาคิดไว้ตอนแรก…

Options

not work with dark mode
Reset