WDS Chapter 123 ร่างจําลองนักสู้
“เปิดใช้งานโคลน”
พร้อมกับคํากล่าวของแดนีล ร่างที่เปลือยเปล่าก็เริ่มก่อตัวขึ้นตรงหน้าเขา
เขาค่อนข้างจะติดใจกับกระบวนการครั้งนี้ เช่นเดียวกับในครั้งแรกที่เขาใช้ ซึ่งมันทําให้เขาถึงกับตั้งใจมองดูอย่างจริงจังขณะที่ระบบร่ายคาถาและสร้างโคลนขึ้นมา
ร่างนั้นราวกับก่อตัวขึ้นมาจากเมฆ เมื่อเวลาผ่านไป เมฆก็แข็งตัวมากขึ้นขึ้นเรื่อยๆ และร่างนั้นก็เริ่มปรับตัวให้เป็นเช่นเดียวกับร่างของเขา
จากนั้น ผิวหนังก็ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
สําหรับแดนีล มันราวกับว่ามีใครบางคนกําลังทอร่างดังกล่าวต่อหน้าเขาโดยใช้เส้นใยแสงภายในห้องเป็นเส้นด้ายจําลองเป็นร่างของเขาขึ้นมา
รูปร่างหน้าตาและรูปทรงกร้ามเนื้อ เหมือนกับเขาโดยสิ้นเชิง เหลือเพียงดวงตาของโคลนเท่านั้นที่ยังคงว่างเปล่า
ในตอนนี้ แทบไม่มีใครสามารถจะบอกความแตกต่างระหว่างทั้งสองได้เลย
“รักษาตําแหน่งที่ยืน แล้วเปลี่ยนจิตสํานึกไปที่โคลน”
หลังจากกล่าวในใจแล้ว แสงหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในการมองเห็นของเขา ทําให้การมองเห็นของเขาเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์
บางอย่างเปลี่ยนไปราวกับเขาเปลี่ยนสถานที่ โดยที่ตัวเขาไม่ได้ขยับเคลื่อนไหวใดๆ
หลังจากสายตาของเขาฟื้นสภาพแล้ว เขาก็ก้มลงเห็นร่างที่เปลือยเปล่าของตนเอง
แตกต่างจากครั้งแรกที่เขากระโดดด้วยความตกใจและเกือบจะล้มลงกับพื้น ในครั้งนี้ เขาเริ่มชินกับมันแล้ว หลังจากนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังร่างต้นของเขาที่ดวงตากลายเป็นว่างเปล่า
ร่างนั้นยืนนิ่ง และความเคลื่อนไหวเดียวที่แดนีลเห็นก็คือ หน้าอกที่ขยับขึ้นลงจากการหายใจ
นี่คือการทํางานของคาถาโคลน : ระบบสร้างร่างจําลองของเขาซึ่งเขาสามารถจะควบคุมมันได้ หากร่างจําลองของเขาอยู่ในรัศมี 10 กิโลเมตรจากตัวเขา
หากร่างโคลนหลุดออกไปจากระยะนี้ มันจะสลายไปและจิตสํานึกของแดนลจะกลับร่างต้นของเขา
หากร่างโคลนถูกโจมตี แม้มันจะเป็นการโจมตีของจอมเวทย์หรือนักสู้ผู้ฝึกหัดระดับมนุษย์ก็ตามแต่ร่างโคลนก็จะสลายไป
และแน่นอนว่า หากเวลาจํากัดสิ้นสุดลงมันก็จะสลายไปเช่นกัน
ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า ร่างโคลนเป็นเพียงหุ่นเชิดที่ถูกควบคุมโดยแดนึล
เทคนิคร่างจําลองนักสู้ดั้งเดิม มันจะทําให้เหล่านักสู้ที่ฝึกฝนสามารถจะสร้างร่างจําลองของตัวเองขึ้นมา เพื่อใช้เบี่ยงเบนความสนใจของคู่ต่อสู้ได้
ระดับต่ำสุดที่จําเป็นสําหรับการฝึกฝนเทคนิคนี้ก็คือ นักสู้ระดับนักรบขั้นสูงสุด ในเวลานั้น นักสู้จะมีความเข้าใจวิธีการควบคุมอนุภาคมูลฐานที่แตกต่างออกไป ซึ่งไม่ต้องใช้หน่อจอมเวทย์เหมือนกับเหล่าจอมเวทย์
ตามที่เฟลิกซ์กล่าว เทคนิคนี้สูญหายไปจากสถานการณ์บางอย่าง ทําให้มูลค่าของเทคนิคลดลงเป็นอย่างมาก
เห็นได้ชัดว่า เทคนิคนี้จะมีส่วนสําคัญอย่างมากในการทะลวงเข้าสู่ระดับผู้ชนะในฐานะนักสู้
ดังนั้น แม้สํานักฝึกอบรมจะมีเทคนิคที่ยอดเยี่ยมนี้ แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถจะฝึกฝนมันได้
มันเป็นเพราะการคงอยู่ของระบบที่ทําการพัฒนาคาถาที่ลบข้อจํากัดเดิมออกไป และทําให้แดนึลสามารถจะร่ายคาถานี้ ได้ขณะที่เขาเป็นเพียงจอมเวทย์ผู้โดดเด่นระดับมนุษย์เท่านั้น
แตกต่างจากเทคนิคโคลนของจอมเวทย์ที่ต้องการการควบคุมอนุภาคมูลฐานในระดับสูง ซึ่งเกินกว่าระดับในปัจจุบันของเขา เทคนิคนี้มุ่งเน้นไปที่ความซับซ้อนมากกว่าระดับ เขาจึงสามารถจะใช้มันได้
แน่นอนว่า ข้อเสียของมันก็คือ ร่างจําลองอ่อนแอเป็นอย่างมาก มันคงอยู่ได้เพียงระยะเวลาสั้นๆ และอยู่ห่างจากตัวเขาได้เพียงระยะทางสั้นๆเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นตามระดับพลังของเขา
ในตอนนี้ แค่นี้มันก็เพียงพอแล้ว เพราะด้วยร่างโคลนนี้ เขาจะสามารถจัดการกับทุกสิ่งที่จําเป็นในพระราชวัง ขณะเดียวกันก็สามารถจะหลบเลี่ยงความเสี่ยงใดๆหากเขาออกไปนอกพระราชวังได้ ด้วยเครื่องมือปลอมตัวและเครื่องมือเฝ้าระวังที่ระบบใช้ ร่างโคลนจะสมบูรณ์แบบมากขึ้น มันจะเป็นดั่งสายลับที่ไร้ที่ติ แม้ว่าจะมีข้อจํากัดในพื้นที่ที่สามารถจะเปิดใช้งานได้ก็ตาม
แต่ความปรารถนาที่แท้จริงหลังจากที่แดนีลได้ฟังคําอธิบายเกี่ยวกับคาถาก็คือ เขาจะสามารถฝึกฝนและทําสิ่งที่เขาต้องการตลอดทั้งวันได้อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม ใน 1 วัน เขาสามารถจะใช้คาถาได้เพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น
นี่เป็นข้อจํากัดที่ถูกําหนดโดยระบบมันระบุว่า นี่ก็เพื่อความปลอดภัยของหน่อจอมเวทย์ของเขา
แม้ระบบจะเป็นคนร่ายคาถา แต่มันก็ยังคงต้องใช้หน่อจอมเวทย์ของแดนึลในการควบคุมอนุภาคมูลฐาน
ระดับการควบคุมอนุภาคมูลฐานของคาถาดั้งเดิมสูงมากเกินไป ขณะเดียวกัน ระดับในปัจจุบันของแดนึลก็ยังคงต่ำเกิน
ดังนั้น การทํางานของหน่อจอมเวทย์จึงหนักมากเกินไป มันคล้ายกับคนที่แบกน้ำหนักตามขีดจํากัดร่างกายของเขา เขาสามารถจะทําเช่นนั้นได้มากที่สุดเพียง 1-2 ครั้งเท่านั้น การทําครั้งที่สามโดยไม่หยุดพัก มันอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกายได้
หากเขาเปิดใช้งานร่างโคลน 1 ร่าง เขาได้รับคําแนะนําให้พัก 12 ชั่วโมง ก่อนจะเปิดใช้งานร่างต่อไป แต่เช่นเดียวกับในตอนนี้ แดนีลสามารถเปิดใช้งานร่างโคลน 2 ร่างต่อเนื่องได้ แต่เขาจะต้องพักยาวตลอด 1 วันก่อนจะเปิดใช้งานอีกครั้ง
โชคดีที่สิ่งนี้ ไม่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการร่ายคาถาตามปกติของเขา
คิดเกี่ยวกับมัน เขาตัดสินใจที่จะใช้ร่างโคลนอย่างระมัดระวัง
ในฉับพลัน ผ่านทางระบบ แดนึลตรวจพบว่า เคลเลอร์และแฟกซัลกําลังเดินเข้ามาในห้องของเขา
แดนึลรีบแต่งตัวให้กับร่างโคลนของเขาและย้ายจิตสํานึกกลับไปยังร่างต้น ก่อนจะกลับไปยังห้องโถงฝึกอบรมกระตุ้นพลังงาน และสั่งให้ระบบเปิดใช้งานเทคนิคการพัฒนาหลังจากนอนในท่าที่สบายที่สุดแล้ว ครั้งก่อนเขารู้สึกชาที่ขาขณะกลับร่าง เพราะความโง่ของเขาที่บอกให้ระบบรักษา ท่านั่งขัดสมาธิเอาไว้เป็นเวลานาน
ตามคําอธิบายของคาถาดั้งเดิม หากคนที่ใช้งานคาถามาถึงระดับที่ฝึกฝนมันได้ เขาจะสามารถควบคุมร่างทั้งสองพร้อมกันได้โดยการแยกจิตสํานัก
อย่างช่วยไม่ได้ แดนึลยังคงห่างไกลอีกมาก ดังนั้น เขาจึงทําได้เพียงสั่งให้ระบบทําอะไรง่ายๆอย่างการนั่งและยืน
ขณะที่ดวงตาที่ว่างเปล่าของร่างโคลนกลายเป็นกระจ่างชัดอีกครั้ง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
ประตูเปิดออกตามคําสั่งผ่านระบบ แดนึลนั่งอยู่บนโซฟาที่เขาสั่งให้นํามา
ก่อนหน้านี้ ห้องโถงว่างเปล่ามันมีเพียงเตียงและตู้ไม่กี่หลังเท่านั้น
ตอนนี้ มันมีโซฟา 5 ตัว ถูกจัดวางหันหน้าเข้าหาหัวใจมังกรที่อยู่ตรงกลาง ขณะที่มีเก้าอี้หรูหรา 1 ตัว ตั้งอยู่ด้านหน้าพวกมัน โดยด้านหลังของเก้าอี้ตัวนั้น ก็คือรากของรูป แบบ
ย้ายไปนั่งลงบนเก้าอี้นั้น แดนึลรอให้คนอื่นๆกล่าว ขณะเดียวกัน เขาก็คอยสังเกตว่า พวกเขาค้นพบการเปลี่ยนแปลงใดๆในตัวเขาหรือไม่แม้พวกเขาจะไม่ได้กล่าวอะไรเลย ในระหว่างการประชุมราชสํานัก แต่เขาสงสัยว่าพวกเขาสังเกตเห็นบางอย่างที่อาจจะทําให้พวกเขาสงสัยในร่างโคลนของเขา
“ฝ่าบาท ราชอาณาจักรกาดําได้ส่งข้อความอย่างเป็นทางการผ่านเครื่องประดับเวทมนต์”
ขณะที่กล่าว เคลเลอร์ก็หยิบเครื่องประดับเวทมนต์สัมฤทธิ์รูปร่างกาออกมา ซึ่งมันถูกทิ้งไว้โดยทูตเบวิส ก่อนที่เขาจะออกไปจากแผนธานอร์ แดนึลผูกมัดโลหิตกับมัน ก่อนจะทิ้งมันไว้ในห้องเก็บเครื่องประดับสื่อสาร
รูปร่างกานี้ ทําให้แดนึลคิดถึงเครื่องประดับเวทมนต์ที่แฟกซัลเคยขว้างมาที่เขา อย่างไรก็ตามมันดูธรรมดามากกว่า เมื่อเทียบกับเครื่องประดับเวทมนต์ที่ประณีตอย่างมากชิ้นนั้น
โดยทั่วไปแล้ว กระดาษจะถูกใช้สําหรับการสื่อสารระยะสั้น ขณะที่เครื่องประดับเวทมนต์สื่อสารจะถูกใช้สําหรับการสื่อสารระยะไกลถึงไกลมาก
แดนึลสังเกตเห็นว่า สหายของเขาตัวแข็งมากขึ้น เขาตระหนักได้ว่า มันอาจจะเป็นเพราะการเอ่ยชื่อของผู้ที่ฆ่าครอบครัวของเขา
แฟกซัลมองไปที่เครื่องประเวทมนต์รูปร่างกานั้นด้วยความอดทน ขณะที่แดนึลจับมันไว้ในมือและฟังข้อความ
หลังจากนั้น เขาก็ยิ้มออกมาบนใบหน้าและกล่าวว่า “พวกเขาขอนัดพบอีกครั้ง ข้าคาดเดาว่ามันเป็นไปได้สูงที่พวกเราจะได้รับข้อมูลที่สําคัญบางอย่างประสานงานกับข้ารา ชการของพวกเขา และนัดพบในวันพรุ่งนี้เวลาเที่ยงที่ประตูเหนือ อ้อ ตรวจสอบให้แน่ใจว่า ค่ายสํารองจะถูกตั้งขึ้นห่างจากประตู 5 กิโลเมตร พวกเราจะหยุดอยู่ที่นั้นก่อนการนัดพบ”
หากพวกเขาวางกับดัก ราชอาณาจักรกาดําจะต้องผิดหวังเป็นอย่างมาก เมื่อพวกเขาได้เห็นว่า ราชาแห่งแลนธานอร์หายตัวไปจากที่นัดพบในฉับพลัน ราวกับเขาจินตนาการแผนของพวกเขาออกตั้งแต่แรก