เมื่อผมกลับมาถึงห้องเรียน นานามิซาวะ ชิโนะ เพื่อนของผมกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่และเริ่มเอาสมุดจดของเธอออกมา
“อ๊ะ การเทศนา จบแล้วเหรอ ”
“อา ก็ประมาณนั้น แล้วฉันก็ซื้อขนมปังกินมาเรียบร้อยแล้วด้วย. วันนี้ตั้งใจเรียนน่าดูเลยนะเธอน่ะ”
“แน่นอนสิ ไหนจะมีกิจกรรมชมรมอีก ฉันเองก็ต้องพยายามเหมือนกัน! ”
นานามิซาวะอยู่ชมรมวอลเลย์บอลหญิง
ถึงเธอจะเล่นกีฬาเก่งก็ตาม แต่เรื่องเรียนนี้ค่อนข้างจะ…
ก็นะ ถ้าเป็นผมล่ะก็ต่อให้มีแรงบัลดาลใจ แต่คงก็ทนได้ไม่พอ 3นาทีเลยมั้ง แล้วก็จบลงแบบเดิมก็คือ เบื่ออะ ไม่เล่นละ ช่างมันละกัน
“การแข่งครั้งต่อไป ใกล้เข้ามาแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“อื้ม เพราะงั้นฉันก็เลยตั้งใจเรียนเพื่อไม่ให้กระทบต่อทีมไงล่ะ”
แม้ว่านานามิซาวะจะเป็นเด็กม.ปลาย ปี1 แต่เธอก็ได้มีชื่อติดอยู่ในรายชื่อผู้เล่นตัวจริงและดูเหมือนเธอจะเป็นที่จับตามองในทีมระดับจังหวัดเหมือนกัน
เหตุผลที่เธอกับผมทำไมถึงได้มาเป็นเพื่อนกันน่ะเหรอ ก็เพราะเราเป็นเพื่อนสมัยเด็กกันยังไงล่ะ ไม่ได้มากหรือน้อยไปกว่านั้น
การเรียนร่วมกับนานามิซาวะดำเนินต่อไปจนกระทั่งเสียงออดดัง เป็นสัญญาณของการสิ้นสุดช่วงพักกลางวัน
+×+×+×+
เมื่อพักกลางวันเสร็จ ไอดอลซังก็ได้กลับเข้าห้องเรียนมาเช่นกัน
ตอนที่ไอดอลซังเดินเข้ามาก็ได้จ้องมาทางนี้ด้วยสายตาเฉียบคม
อะไรเล่า ยังโมโหเรื่องเมื่อกี้อยู่เรอะ
ผมเริ่มเตรียมบทเรียนต่อไป ขณะที่โดนจ้องมาไม่หยุดปานจะกินเลือดกินเนื้อ
ทำไมเธอถึงมาขอร้องผมกันนะ
หรือเพราะเธอบังเอิญเจอผมเมื่อวานเหรอ?
ถึงจะว่างั้นก็เถอะ เธอก็ไม่น่าอยากไปเกมเซ็นเตอร์กับผู้ชายที่ไม่เคยคุยด้วยมาก่อนนะ
ไม่มีสมาธิเรียนเลยวุ้ย
ฉันก็ไม่ได้เป็นแฟนคลับเธอสักหน่อย
จริงๆแล้ว ผมไม่ได้ชอบอะไรแบบนั้นเลยด้วยซํ้า
ผมจดจ่อกับการเรียนไม่ได้จริงๆ เพราะเอาแต่คิดว่า ทำไมไอดอลสาว JK ที่ทุกคนต่างชื่นชอบถึงได้มาขอร้องผมอย่างกระตือรือร้นขนาดนั้น
ไอดอลซังและตัวประกอบคุงที่รักอิสระ
คนสองคนที่อาศัยอยู่คนละโลกกันที่ไม่น่าโคจรมาบรรจบกันได้
เสียงออดดังขึ้นบ่งบอกถึงเวลาเลิกเรียน
ตัวผมที่สังกัดชมรมกลับบ้าน จึงมุ่งหน้ากลับบ้านทันทีเมื่อเสร็จคาบโฮมรูมแล้ว
วันนี้ก็ว่างอีกเช่นเคย หาอะไรทำฆ่าเวลาดีนะ
ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้วหลังจากที่การสอบจบลง ผมพึ่งสอบเสร็จแล้วก็ไม่ได้มุ่งมั่นกับการเรียนอะไรขนาดนั้น ผมก็อยากจะหาอะไรทำฆ่าเวลาได้อย่างสบายใจ
เอาล่ะ…
ผมหยิบรองเท้าหนังออกจากชั้นวาง ใส่มันแล้วรีบเดินตรงออกไปผ่านทางเข้าตึกทันที
มันมีเหตุผลที่ผมรีบอยู่
….อย่างที่คิดมีวิญญาณตามติดกำลังตามผมมาอยู่
มีเงาดำตะคุ่มๆอยู่ด้านหลังผม พอหันหลังกลับไปก็เป็น ซากุระซากิ นาโกะ ยืนจังก้าอยู่ตรงนั้น
“…เอ่อ”
“อ- อาา~ ฉันต้องรีบไปเกมเซ็นเตอร์แล้วนี่นา~”
เธอรีบหันหลังกลับและพึมพำกับตัวเองราวกับหุ่นยนต์โดยไม่ยอมสบตา
…ถ้ารีบขนาดนั้น ก็รีบๆเดินไปสิฟะ เอาเถอะไม่เกี่ยวอะไรกับผมอยู่ละ กลับบ้านดีกว่า
ผมรีบเดินผ่านประตูรั้วโรงเรียนแล้วเดินกลับบ้าน
แต่ว่าน้า เสียงฝีเท้าจากด้านหลังก็ยังตามมาไม่หาย
ถึงจะออกจากโรงเรียนมาแล้วเธอก็ยังเดินตามผมมาอยู่
ทันทีที่เดินมาถึงไฟสัญญาณจราจรผมก็หยุดเดิน เธอก็เข้ามาหยุดยืนข้างๆผม
ผมเหลือบมองเธอเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเธอมีอะไรบางอย่างจะพูด
“เฮ้ออ~ เอ่อคือว่า ซากุระซัง? ”
ในที่สุดผมเริ่มทนไม่ไหวและเริ่มพูดกับเธอ
ผมรู้สึกว่าถ้ายังเมินเธอแบบนี้ต่อไป เธอคงจะตามผมมาไม่เลิก
“เธอบอกจะหาคนไปเกมเซ็นฯด้วยไม่ใช่เหรอ แต่แล้วทำไมถึงตัวคนเดียวเหรอครับ?”
“เลิกใช้คำสุภาพเถอะนะ”
“…แล้ว ทำไมถึงตัวคนเดียวล่ะ?”
“อื้อ ….เพราะฉัน ไม่มีเพื่อนเลย”
เธอพูดด้วยสีหน้าเศร้าหมองและหดหู่
ไม่มีเพื่อนเลยเหรอ สักคนเดียว?
ซากุระซากิ นาโกะ ที่เป็นคนดังและมีชื่อเสียงในโรงเรียน คนนั้นอ่ะนะ?
“ดูเหมือนนายจะเข้าใจอะไรผิดไปนะ ต่อให้มีชื่อเสียงมากก็ไม่ได้เป็นที่นิยมเสมอไปนะ”
“ไม่สิ เธอก็เป็นที่นิยมนี่”
“ไม่ใช่หรอก นั่นเป็นแค่เพียงความประทับใจของคนรอบข้างที่เห็นฉันเป็นไอดอล ความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นเลย ”
“ความเป็นจริง? อ่อ หมายถึงชีวิตในโรงเรียนเหรอ?”
“…ในโลกของเด็กผู้หญิง มันยากนะที่จะหาเพื่อนสักคน ถ้าไม่ได้มีรสนิยมแบบเดียวกับคนอื่นๆด้วย ก็เป็นเพื่อนกันไม่ได้หรอก” TN:บุ๋งๆๆ
เธอพูดด้วยนํ้าเสียงที่ดูอ่อนแรง แต่หน้าของเธอก็ยังคงมีรอยเปื้อนยิ้มบนใบหน้า
“แล้วอีกอย่าง ฉันว่าฉันคงถูกเกลียดเข้าแล้วล่ะ”
“…คงไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง?”
“ไม่หรอก ฉันพูดจริงๆ คือเมื่อวันก่อนฉันเผลอไปได้ยินเข้าน่ะ มีคนพูดเกี่ยวกับฉัน……ยัยซากุระซากิเนี่ยโคตรน่ารำคาญเลย”
หยาดนํ้าตาหยดเล็กๆไหลลงมาตามแก้มของเธอ
ใบหน้าของเธอในยามปกติที่ดูสดใสร่าเริง ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยและมืดมน
ไฟจราจรได้เปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้ว แต่ตัวเธอก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน
แขนและขาของผมก็ไม่ได้ขยับไปไหนเช่นกัน
ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยๆออกมาจากกระเป๋า ในขณะที่เธอใช้มือน้อยๆของเธอเช็ดนํ้าตาที่ไหลรินอย่างสิ้นหวัง
“อยากเล่นอะไรในเกมเซ็นฯ ล่ะ? ”
“เอ๊ะ? ”
เขายื่นผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นให้แก่เธอ
เธอก็รับผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นมาแล้วนำเช็ดนํ้าตา
“จะไปไม่ใช่เหรอ? เกมเซ็นฯ น่ะ”
“อ- อื้ม! ”
เธอเริ่มจัดทรงผมของเธอใหม่
และไฟสัญญาณจราจรก็ได้ปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง