「เฮ้อ… หดหู่ว่ะ」
ผมได้ยินเสียงกรีดร้องมาจากห้องพักครู ผมพยายามจะไม่สนใจมันและเดินไปตามโถงทางเดินและผมจะกลับบ้านเลยก็ได้ แต่ผมรู้สึกอยากเปลี่ยนบรรยากาศมากกว่า จึงมาเดินเล่นเปลี่ยนอารมณ์สักหน่อย
ตอนนี้ใกล้จะ 6 โมงเย็นแล้ว แต่เสียงของการทำกิจกรรมชมรมที่ดังมาจากสนามหญ้ายังดังอยู่เลย แต่ในในโรงเรียนกลับเงียบสงบ และต่างจากตอนกลางวันโดยสิ้นเชิง
ผมเดินในทางตรงข้ามกับทางที่จะเดินไปที่ห้องเรียนเพราะคิดว่ามันเงียบเกินไป
โรงเรียนมัธยมปลายกิงกะ ที่มีการเปลี่ยนชื่ออยู่บ่อยครั้ง แต่ก็เป็นโรงเรียนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและก่อตั้งมาตั้งแต่ 100 ปีก่อน
ยังไงก็ตาม ถึงจะมีการต่อเติมและปรับปรุงหลายครั้ง และเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งมีการสร้างอาคารเรียนใหม่เสร็จ ถึงจะยังรู้สึกไม่คุ้นเคยเท่าไหร่ แต่บางส่วนที่ยังคงเก่าก็ยังคงเหลืออยู่ และมันทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าปีที่ระบุไว้ในบางจุดนั้นต่างออกไป
「บรรยากาศช่วงพลบค่ำนี่ดีจริง ๆ 」
เนื่องจากมันตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ตรงข้ามกับสนามกีฬา เสียงเลยค่อนข้างเา และเนื่องจากหลอดไฟไม่ใช่แบบ LED แต่เป็นหลอดฟลูออเรสเซนต์ เสียงหึ่งๆ จึงดังแว่วเข้าหูจนเป็นเสียงที่ไม่ค่อยน่าฟัง เมื่อพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว มันแทบจะเหมือนบ้านผีสิงเลย
เมื่อเวลาผ่านไปเกินหนึ่งปีนับตั้งแต่เรียนที่โรงเรียนนี้ ผมได้เดินผ่านทางเดินนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่ยังคงรู้สึกเหมือนกับมาครั้งแรก ผมเลยเดินไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย
ผมไม่ได้กลัวเลย กลับกัน ความอยากรู้อยากเห็นกลับมีมากกว่า แม้กระทั่งในหัวผมตอนนี้ยังคิดว่าถ้าผมได้ถ่ายภาพในสถานที่แบบนี้จะเป็นยังไงนะ อะไรทำนองนั้น
「อยากลองไปถ่ายภาพที่โรงเรียนร้างสักครั้งนึงเหมือนกันแฮะ ถึงจะไม่น่ามีโอกาสได้ไปก็เถอะ」
ผมต้องใช้รถเพื่อเดินทางเพราะมีสัมพาระเยอะ แต่น่าเสียดายที่ผมไม่รู้จักใครเลยที่ขับรถเป็น ถึงจริง ๆ แล้วยุซึฮะซังจะมีรถและใบขับขี่ก็เถอะ แต่มันน่าจะไม่ค่อยเหมาะที่ผมจะเป็นคนนั่งแล้วยุซึฮะซังเป็นคนขับแหละนะ
「คงจะดีถ้าผมได้ถ่ายภาพยุซึฮะซังในชุดนักเรียนได้ แต่ถึงมันจะเป็นไปไม่ค่อยได้ก็เถอะนะ」
ยูซึฮะซังไม่ใช่คนที่ขี้อาย แต่เธอก็เป็นคนที่ติดบ้านอยู่หน่อย ๆ เหมือนกันแฮะ
ผมเลิกคิดเรื่องต่าง ๆ และเดินไปตามทางโดยคิดว่าจะหาโอกาสชวนคอสเพลย์เยอร์แนวหน้าของญี่ปุ่นมาถ่ายภาพที่โรงเรียนร้างยังไง
「───ฮืมมมม」
ผมได้ยินเสียงเบา ๆ จากห้องเรียนที่พึ่งเดินผ่านไปเมื่อกี้
「…ไม่ได้คิดไปเองหรอกใช่ไหม」
ชั้นเรียนในตึกเก่าส่วนใหญ่จะใช้ในคาบเรียนที่ต้องเดินทาง ทำให้ไม่ควรใช้ในช่วงหลังเลิกเรียนยกเว้นเพื่อทำความสะอาด แต่ผมมั่นใจว่ามีคนอยู่ตรงนั้นจริง ๆ
「คงไม่มีทางเป็นผีหรอกเนอะ」
ผมรู้สึกว่าเสียงของผมสั่น ผมเลยหยุดเดินแล้วกลับไปที่ประตูด้วยความระมัดระวัง ถ้าเป็นตอนกลางคืนก็เข้าใจได้ แต่ผีมันมีตอนเย็นด้วยหรอ?
「ฮืมมมมม… รูปที่ถ่ายได้ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่เลยแฮะ」
ไม่ต้องฟังให้ดีก็รู้ว่าเสียงนักเรียนหญิงที่พึมพำเบา ๆ ออกมาจากประตูที่แง้มอยู่เล็กน้อย เป็นเสียงหวานไพเราะที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนเลย…
แต่รู้ว่าเสียง ก็คงต้องขอลอง! ผมกลั้นหายใจแล้วเดินไปที่ประตูเหมือนแมลงเม่าที่บินเข้าหากองไฟ
แล้วผมก็มองเห็นเพื่อนร่วมชั้นที่กำลังพยายามจะถ่ายรูปเซลฟี่ของตัวเอง แต่ในแบบที่วาบหวิวหน่อย ๆ
「เฮ้อ… จะถ่ายรูปยังไงให้สวยนะ」
นักเรียนหญิงที่กำลังถอนหายใจอย่างรู้สึกเบื่อหน่ายพร้อมกับจ้องหน้าจอสมาร์ทโฟนอยู่นั้นเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงจนไม่มีใครในโรงเรียนนี้ไม่รู้จัก เธอเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่แม้แต่เด็กใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเรียนก็ยังสามารถจำหน้าและชื่อได้ และเมื่อเช้านี้ก็เพิ่งพูดคุยกันกับเพื่อนร่วมชั้นคนนั้น
「ทำไมชิโนมิยะซังถึงทำแบบนี้ล่ะ…?」
ผมพึมพำถึงชื่อเพื่อนร่วมชั้นที่นั่งข้าง ๆ ผม และกลืนคำถามที่กำลังเข้ามาในหัวไปให้หมด
รูปร่างที่สมบูรณ์แบบจนทำให้ทุกคนทั้งชายและหญิงต่างก็อิจฉา แม้แต่คนดังยังต้องหนีไปด้วยความอาย นิยมที่ความทำให้ทุกคนล้อมรอบเธออยู่เสมอ เธอมีความสามารถในการเข้ากับทุกคนอย่างไม่มีการแบ่งแยก และยิ้มแย้มแจ่มใสเสมอ ถ้ามีผู้หญิงที่เป็นเหมือนนางฟ้าหรือผู้หญิงที่บริสุทธิ์ในความหมายทางศาสนาในโลกนี้ คงไม่มีใครไม่เห็นด้วยว่าคนนั้นคงเป็นเธอ พูดจริง ๆ นะ คงไม่มีใครที่ไม่ชอบเธอเลยล่ะ
เธอเปิดเผยผิวในห้องเรียนที่ไม่มีคน? ตอนนี้แมวที่มีเครื่องหมายคำถามกำลังลอยอยู่ในความคิดผม
「ไม่เข้าใจจริง ๆ เลยนะ…」
เลิกคิดอะไรแปลก ๆ ได้แล้ว! ผมบอกตัวเองให้ทำเป็นไม่เห็นอะไรเลยแล้วรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
「หรือฉันควรจะปลดกระดุมเพิ่มอีกหน่อยแล้วเลิกกระโปรงขึ้นมาให้สูงสุดเท่าที่จะทำได้ดีนะ?」
แย่แล้ว ผมเดินไม่ไปเหมือนเท้ามันติดกับพื้น ทั้ง ๆ ที่ผมอยากหนี แต่เหมือนสัญชาตญาณของผมมันจะบอกให้อยู่
ในขณะที่นั่งอยู่บนโต๊ะที่ผมใช้เรียนประจำ ผมรู้สึกสับสนและตื่นเต้นกับเพื่อนร่วมชั้นที่ทำท่าทางยั่วยวนจนเผยให้เห็นผิวและชุดชั้นในของเธอ
「มุมกล้องสมาร์ทโฟน…อึ๋ย…การถ่ายเซลฟี่นี่มันยากจริงๆ…」
ผมตลกที่เธอปรับมุมกล้องอย่างน่ารัก ผมอยากจะแนะนำให้เธอหาอุปกรณ์ช่วยเซลฟี่มาแก้ปัญหา แต่ถ้าผมบอก เธอก็จะจับได้และมันจะเป็นปัญหาใหญ่เลยล่ะ…
「ไม่ดีเลย…」
เอาล่ะ เรามาลบทุกอย่างที่เห็นในวันนี้ออกจากความทรงจำดีกว่า และผมคิดจะออกไปจากที่นี่ แต่ผมกลับเห็นภาพของดวงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาในหน้าต่างซ้อนทับกับความเศร้าสร้อยของชิโนมิยะ และในเวลานั้นเองได้มีกระแสไฟฟ้าวิ่งแล่นผ่านหัวของผมไป
ผมรู้ว่ามันผิด ผมเข้าใจดีว่าสิ่งที่ผมทำมันจะกลายเป็นอาชญากรรมได้ถ้าผิดพลาดแค่นิดเดียว และมันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิดเดียว แต่สัญชาติญาณของผมกลับบอกให้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้
ถึงจะเสียดายที่ไม่ได้เอาอุปกรณ์ถ่ายภาพที่ใช้ประจำมาด้วย แต่ผมก็หยิบสมาร์ทโฟนออกมาจากกระเป๋าแล้วเปิดกล้อง หัวใจของผมเต้นแรงมากจนมันเหมือนกับว่าจะเต้นออกมาจากปากผมในตอนนี้ และผมหายใจติดขัดเล็กน้อย อีกอย่างคือมือผมสั่น ผมพึ่งเคยเจอประสบการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรกทั้ง ๆ ที่เคยถ่ายรูปคอสเพลย์เยอร์ที่สวยมาก ๆ
「…เฮ้อ…」
ผมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อทำสมาธิโดยไม่ให้เธอเห็น แล้ววางโทรศัพท์ไว้ใกล้ช่องว่างระหว่างประตู
ในขณะที่สิ่งนี้กำลังเกิดขึ้น ภาพชิโนมิยะที่ปรากฎบนหน้าจอได้คลายกระดุมเม็ดที่สองของเสื้อนักเรียนของเธอ ทำให้เห็นหน้าอกของเธอ แนวกระดูกไหปลาร้าและเนินอกของเธอน่าหลงไหลมาก ด้วยผิวที่ขาวบริสุทธิ์และนุ่มนวลของเธอ หน้าอกของเธอดูอ่อนนุ่ม บอกได้เลยถึงจะไม่เคยได้สัมผัส ถูกห่อหุ้มด้วยชั้นในที่เรียบง่าย
สัญชาติญาณได้กระซิบในสมองของฉันว่า อย่าพลาดช่วงเวลามหัศจรรย์ที่จะมาถึงในไม่ช้านี้ ผมจึงตั้งสมาธิทุกอย่างและรอคอยเวลานั้นอย่างใจจดใจจ่อ
「ฮ่ะฮ่ะ ต้องเป็นเซียนจริง ๆ ถึงจะทำได้สินะ…」
ชิโนมิยะซังพึมพำแล้วดูถูกตัวเองโดยยักไหล่ ชุดเครื่องแบบและชั้นในของเธอยังเปิดอยู่ เสียงถอนหายใจและท่าทางที่่บ่งบอกถึงความเบื่อหน่าย และห้องเรียนว่างเปล่าที่ไม่มีใครอยู่ในนั้นเลยนอกจากเธอคนนั้น องค์ประกอบเหล่านี้ผสมผสานเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว ผมรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับรูปภาพของชิโนมิยะ ริโนอะ ที่ไม่เคยมีผู้ใดเห็นมาก่อน จนต้องถ่ายรูปเก็บไว้
「…ใครน่ะ」
「อ่า…」
เสียงที่ดูเหมือนตกใจ ไม่ใช่ผ่านกล้อง แต่เป็นการสบตากันตรงๆ ถึงแม้จะพยายามกลั้นหายใจก็ตาม แต่ถ้าได้ยินเสียง ‘คลิก’ ขึ้นมา ใครก็ต้องสังเกตเห็นแน่ และไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่มันดังติดต่อกันหลายครั้ง ยิ่งทำให้รู้สึกชัดเจนยิ่งขึ้น
แต่เรื่องแบบนั้นไม่สำคัญตอนนี้ ยังไงก็ตาม ผมต้องออกไปจากที่นี่ก่อน ผมคิดว่าจะขอโทษด้วยการคุกเข่าแทนที่จะวิ่งหนี แต่จะทำแบบนั้นก็ไม่ได้เพราะก็แอบถ่ายไปแล้ว ผมจึงใช้ไม้ตาย ก้มหัวและถามว่า “ขอถ่ายรูปเธอหน่อยได้ไหม”
มาคิดอีกทีก็เสียดายอยู่นะ แต่ไม่ทันแล้ว ผมรีบวิ่งชิ่งไปที่ประตูโรงเรียนเหมือนกับเสือชีตาร์ที่กำลังวิ่งอยู่บนทุ่งหญ้าสะวันน่า
ผมอยากกลับไปที่ห้องเรียนเพื่อไปเอากระเป๋า แต่ถ้ากลับไปแล้วก็จะเจอเธออีก เอาเป็นว่าวันนี้ผมยอมแพ้ก่อนดีกว่า [TLN: ไม่มีวันนี้ก็มีวันหน้าล่ะวะเพื่อนเอ้ย]
หลังจากวิ่งออกมา ผมก็นั่งรถไฟฟ้ากลับบ้านโดยไม่ได้รับประทานอาหารเย็นและทำงานตัดต่อภาพถ่ายไประหว่างทาง
ทั้งหมดนี้ เพื่อที่จะลบภาพของชิโนมิยะ ริโนอะ ที่ยังคงวนเวียนอยู่ในใจของผม
และแล้ว──
「…ทำมันลงไปแล้ว」
พระอาทิตย์ที่ควรจะตก กลับกลายเป็นพระอาทิตย์ขึ้นโดยที่ผมไม่รู้ตัวและมีแสงสาดส่องมาอย่างเจิดจ้า ผมกลับมามีสติและถอนหายใจอย่างหนัก ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะหมกมุ่นกับงานได้ขนาดนี้และทำจนเสร็จได้
「นอนอีกสักหน่อยดีไหมนะ ไม่ล่ะ อาบน้ำดีกว่า」
ผมลุกจากเก้าอี้ หมุนไหล่เพื่อคลายความตึงเครียดและเมื่อหมุนศรีษะ จะได้ยินเสียงของกระดูกที่น่าพอใจ
ถ้าพูดตามตรง ผมก็อยากหาข้ออ้างเพื่อไม่ไปโรงเรียนสักวัน แต่ถ้ายังทิ้งกระเป๋าไว้ในห้องเรียนก็ทำไม่ได้หรอก
แล้วอีกอย่าง ถึงแม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็สบตากับชิโนมิยะซัง ถ้าเพื่อนร่วมชั้นที่นั่งข้างๆ ลืมกระเป๋าไว้ที่โรงเรียนแล้วกลับบ้านไป พอวันถัดไปเขามาโรงเรียนไม่ได้ ถ้าไม่ใช่คนที่ไร้ความรู้สึกจนเกินไป คงจะสันนิษฐานได้ว่าผมเป็นคนทำแน่
「ทางเลือกที่ดีที่สุดคือไปโรงเรียนโดยทำเป็นไม่รู้เรื่องสินะ…」
ผมถอนหายใจอย่างหนักออกมา ถ้าคิดให้ดีอาจจะมีทางออกที่ดีกว่านี้ก็ได้ แต่น่าเศร้าที่สมองที่อ่อนล้าจากการจ้องคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งคืนจนหมดแรงนั้น คงคิดหาทางออกดีๆ ไม่ได้หรอก ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าผมปล่อยให้ความสนใจหลุดไปแม้แต่น้อย ตอนนี้คงจะเหมือนหุ่นที่เส้นด้ายขาดจนความรู้สึกหลุดหายไปเลยก็ว่าได้
「ถ้าอาบน้ำแล้วดื่มเครื่องดื่มชูกำลังก็น่าจะพอมีแรงใช้ชีวิตไปได้อีกวันนึงล่ะนะ…」
ถ้าผมราดน้ำร้อนใส่หัวสักหน่อย ก็คงจะช่วยให้รู้สึกสดชื่นขึ้นบ้างไม่น้อย และแม้ว่าพึ่งได้รับคำชมจากอาจารย์มิโกะว่า ‘เก่งจังที่ไม่งีบหลับแล้ว!’ แต่ถ้าผมงีบตลอดทั้งวันคงไม่ได้แค่โดนดุอย่างเดียวแน่
ผมถอนหายใจออกมาอีกครั้ง พร้อมกับขยี้ตาที่เริ่มปวดจากการกะพริบบ่อยๆ แล้วก็เดินไปยังห้องน้ำ
───────────────────
ลองมาราธอนดูครับ แปลตั้งแต่ 2 ทุ่ม เจอกันอีกทีวันจันทร์ครับ ขอตัวไปวูบก่อน