ผมต้องทำใจของผมให้สงบ ในใจผมยังคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น…ไม่ เดี๋ยว ลืมมันไปซะ! ใช่ๆ โอเค ผมต้องคิดถึงนิยายของผม ตัวละครตัวใหม่ ช่าย มนุษย์หมาป่า ควรที่จะมีบทได้แล้ว….หมางั้นหรอ?…ถ้าพูดถึงปอมเมอเรเนียน? อย่าโง่ อย่าไปคิดถึงเรื่องนั้น ใจเย็นๆ มันยังไม่มีการยืนยันว่านั่นเป็นโปเมโกะจริงๆ
เมื่อผมชำเลืองมองไปที่ชิโนซูกะซัง เธอยังคงขมวดคิ้วอยู่
เธอพูดคำพูดที่มีเพียงแต่ผมกับเธอที่ได้ยิน
[…เนียน…ตะ?]
ผมรู้สึกว่าตอนนี้หัวผมกำลังจะระเบิดเป็นจุล ผมลนลานไปหมด จนทำสมุดจดของผมตก
-เนียนตะ คือ นามปากกาของผม (TSL : นามปากกาคือชื่อที่นักเขียนใช้แทนตัวเองตอนเขียนนิยาย)
หัวใจของผมเต้นแรงแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน…มันนานแค่ไหนแล้วนะที่ผมไม่ได้ลนลานขนาดนี้? มันมีความแตกต่างจากความรู้สึกที่โดนหักหลังอย่างสิ้นเชิง ผมรู้สึกได้ว่าเหงื่อกำลังไหลออกมาทั้งตัวของผม
ผมเก็บสมุดจดของผม พร้อมๆกับที่ผมพยายามปรับลมหายใจของตัวผมเอง
-ไม่เป็นไร ยังไงผมกับชิโนซูกะซังก็ยังไม่เป็นแม้แต่เพื่อนกัน พวกเราไม่มีอะไรที่จะทำต่อกันและกัน ลิมสิ่งที่เกิดขึ้นและปล่อยมันไป…
ประตูห้องเปิดขึ้น พร้อมๆกับที่อาจาร์ยก้าวขาเข้ามาในห้องเรียน
[อรุณสวัสดิ์! เด็กๆที่น่ารักทุกคน วันนี้เรามาเริ่มโฮมรูมกันเลยดีกว่าเนอะ]
ใช่ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่ว่าอย่างไง ชิโนซูกะซังก็เป็นนักอ่านที่ดี และเธอก็ไม่เคยที่จะคิดมาเกี่ยวข้องกับผม
ผมไม่ต้องการที่จะเป็นเพื่อนกับใคร มันไม่มีใครในโลกนี้ที่ผมเชื่อใจได้
ข้อความที่ทำให้ผมรู้สึกดีเหล่านั้นจะทำให้ผมกลับไปอ่อนแอเช่นเดิม
ใช่ ผมควรที่จะลบข้อความนั้นซะ เพื่อให้ตัวผมเองไม่กลับไปอ่านแล้วรู้สึกอ่อนแออีก ผมต้องแข็งแกร่งขึ้นไม่ใช่อ่อนแอลง
แต่จะไม่ใช่ตอนนี้ ผมไม่สามารถหยิบมือถือผมออกมาได้เพราะอาจารย์ยังอยู่ที่นี่ ผมจะลบมันในภายหลัง
ผมรู้สึกเหมือนว่าผมกำลังโกหกตัวเอง…
ผมรู้ว่าตัวผมเองไม่อยากลบข้อความเหล่านั้น
วันเวลามักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวหนึ่งวันก็ผ่านไปแล้ว
ใช่ตอนนี้เป็นเวลาโฮมรูม และอาจารย์กำลังพูดถึงกิจกรรมต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้น
ผมต้องการกลับบ้านเร็วในวันนี้
ผมเหนื่อยกับการจัดการปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเช้าวันนี้ ตอนนี้มิยาซากิซังก็คงไม่มีเรื่องที่จะคุยกับผมอีกต่อไปแล้ว
-เธอเป็นอะไรไหม? ผมรู้สึกเป็นห่วงเธอนิดหน่อย แม้ว่ามิยาซากิจะไม่ดูเรียบร้อยเท่าน้องสาวไม่แท้ของผม แต่เธอนั้นเป็นธรรมชาติ…โอเค กลับมาที่ตัวผมเองดีกว่า
ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่สามารถที่จะลบข้อความของโปเมโกะได้
เมื่อผมจะทำมัน ผมรู้สึกว่าตัวเองรู้สึกแย่…
ดังนั้นผมเลยเลือกที่จะไม่ลบมัน นั่นเป็นเพราะมันจะทำให้ผมรู้สึกแย่ เมื่อผมไม่ลบมัน ผมก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ความรู้สึกแย่เมื่อกี้ถูกเป่าให้หายไปอย่างง่ายดาย
-ดี ผมคิดว่าปล่อยข้อความนั้นให้มันอยู่อย่างที่ควรอยู่นั่นแหละดีแล้ว
ชิโนซูกะซังที่นั่งอยู่ข้างผม จ้องมองไปยังกระดานดำที่อยู่หน้าห้อง
เธอดูเหมือนเป็นคนที่เหลวไหล และยังมีบรรยากาศที่น่ากลัว น้ำเสียงของเธอเมื่อเช้านี้ก็น่ากลัวมากเช่นกัน
เธอเว้นระยะห่างของตัวเองจากคนอื่น โดยอาศัยความน่ากลัวของเธอ
บรรยากาศที่น่ากลัวและความเกลียดชังที่แข็งแกร่ง
เช่นเดียวกับรอยยิ้มจอมปลอม การตอบสนองแบบสุ่ม และนิสัยระมัดระวังของผม
ผมส่ายหัวของผมเล็กน้อย ผมไม่ควรที่จะคิดเรื่องของชิโนซูกะซังแม้แต่น้อย
มันเป็นสิ่งที่ดีที่ผมจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเธอ
อาจาร์ยบอกทุกคนในคาบโฮมรูมว่าจะมีการทัศนศึกษาหลังสอบกลางภาค
…ให้จับกลุ่ม โอ้ พระเจ้า
-มันทำให้ผมนึกถึงการทัศนศึกษาของผมในตอน ม.ต้น อีกครั้ง
ตอนที่ผมอยู่มัธยมต้น ไม่มีกลุ่มไหนคิดจะรับผมเข้ากลุ่มเลย ถ้าผมไปเข้ากลุ่มไหน บรรยากาศในกลุ่มนั้นจะแย่ลงทันที ผมได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ ในวันที่ผมไปทัศนศึกษา ผมไม่ได้ไปกับกลุ่มที่ผมอยู่ พวกเขาทิ้งผมเอาไว้
ผมอยู่คนเดียวท่ามกลางนักเรียนจำนวนมาก
ผมรู้สึกโดดเดี่ยวมาก
พิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์ แคมป์ อควาเรี่ยม
ไม่เพียงแต่พวกนักเรียน แม้แต่คู่รักและครอบครัว ยังมองมายังความน่าสมเพชของผม
ผมคิดว่าคงไม่มีใครสนใจผมหรอก มีเพียงแค่อาจาร์ยประจำชั้นของผมคนหนึ่งเท่านั้นที่เฝ้าดูแลผมอย่างห่างๆ
อาจารย์ที่มาใหม่และมีไฟ
เธอจะเข้ามาพูดคุยกับผมทุกครั้ง ตอนที่ผมอยู่อย่างโดดเดี่ยว
แม้ว่าผมจะบอกเธอว่าผมไม่เป็นไร แต่เธอก็ยังคงคุยกับเด็กหนุ่มผู้โดดเดี่ยวอย่างผม
ตอนนั้น ผมไม่อาจจะเชื่อใจใครในชั้นเรียนของผมได้เลย ผมเชื่อว่ามีแค่ผู้ใหญ่เท่านั้นที่ผมสามารถเชื่อใจและให้ความช่วยเหลือผมได้
ผมพยายามไปที่ห้องพักครูบางครั้งเพื่อขอความช่วยเหลือแต่ผมก็ลังเลที่จะทำมันเสมอ
นั่นคือตอนที่เธอมองเห็นผม ด้วยเหตุนี้….
คาบโฮมรูมในวันหนึ่ง มันก็เกิดขึ้น…
[ทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่อาจาร์ยต้องการแจ้งให้นักเรียนรู้…ต่อจากนี้จะเป็นคำขอจากอาจาร์ยถึงพวกคุณทุกคน]
อาจารย์มองมาที่ผมก่อนจะพูดต่อ
ผมรับรู้ได้ถึงความน่ากลัวในประโยคต่อไปที่อาจาร์ยกำลังจะพูด อาจาร์ยผู้มีไฟ เธอคงมองไม่เห็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักเรียน หรือไม่เธอก็ยังคงมีประสบการณ์น้อยและมองว่าสิ่งที่เธอทำนั้นเป็นสิ่งที่ถูก
[มีเพื่อนในห้องของเราคนหนึ่งที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวใช่ไหม? ครูรู้สึกเสียใจนะที่ได้รู้แบบนี้ ตอนนี้ พวกเธออยู่ในห้องเดียวกันนะ พวกเธอควรที่จะก้าวไปด้วยกันและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังใช่ไหม? มันน่าเศร้านะที่ได้รับรู้ว่าพวกเธอทิ้งเขาไว้ข้างหลัง คุณควรที่จะมีความกล้าที่จะคุยกับคนอื่นนะ หรือถ้าคุณมีปัญหาอะไรคุณสามารถปรึกษาอาจาร์ยที่ปรึกษาอย่างฉันได้…ฉันจะได้แกล้งคุณต่อ ฮ่าฮา พูดเล่นหน่าพูดเล่น]
ผมรู้สึกสิ้นหวัง ผมไม่ต้องการให้ใครมาชอบผม ผมไม่ต้องการเพื่อน ผมไม่ต้องการให้ใครมาสนใจผม
-ผมต้องการที่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยวและสงบผมขอแค่นี้ไม่ได้หรอ?
บรรยากาศในโรงเรียนเปลี่ยนเป็นอึดอัดขึ้น
อาจารย์มองทุกคนด้วยรอยยิ้ม
เธอยังคงอายุน้อยและยังคงอ่านสถานการณ์ไม่เก่ง นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ผมสามารถคิดได้ ผมสามารถพูดได้ว่าสถานการณ์ของผมนั้นโครตย่ำแย่ในตอนนั้น
ชีวิตของผมที่เคยอยู่อย่างสงบ อยู่ตัวคนเดียวเดียวดาย ถูกทำลายด้วยคำพูดของอาจาร์ยสาวเพียงคนเดียว
นักเรียนผู้ไม่ควรมีส่วนร่วมอะไรกับใคร…..
[อาจารย์หมายถึงฉันหรอ?]
[เห้ย? แต่ฉันไม่เคยแกล้งอะไรมันเลยนะ?] [มันโกหกแน่ๆ ไอสารเลวมันใส่ร้ายพวกเรา]
[มันเหมือนกับว่าเป็นความผิดของพวกเรา มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย?]
[มันเป็นไอสารเลวที่ชอบใส่ร้ายคนอื่น ตอนนี้พวกเราเชื่อแล้วว่าข่าวลือมันจริง]
ทุกสิ่งทุกอย่างแย่ลงอย่างรวดเร็ว จากหน้ามือเป็นหลังตีน
พวกเขาไม่ได้ทำร้ายร่างกายผม ผมว่านั่นน่าจะเป็นเพราะข่าวลือเรื่องความก้าวร้าวของผม ทุกคนกลัวเรื่องความก้าวร้าวของผม
แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่า บาดแผลทากายนั้นไม่เจ็บอะไรเลย
เมื่อเทียบกับการทำร้ายทางจิตใจ
หลังจากนั้น อาจารย์ได้เฝ้ามองดูผมอย่างห่างๆ เธอคงสงสัยว่าคำพูดของเธอ จะทำให้ทุกคนในห้องคุยกับผม…อย่างเป็นมิตร? เธอดูพอใจและเดินออกไป
อย่าไว้ใจพวกเขาเพียงเพราะพวกเขาเป็นผู้ใหญ่…
ครูประจำชั้นคนปัจจุบันของห้องผมเป็นคนที่ค่อนข้างสุขุม ผมขอวานให้เธอช่วยราวๆ 2 ครั้ง เพื่อเป็นพยานในการรับฟังคำตอบรับของผมต่อการสารภาพรัก…
ถ้าเธอเปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหัน ความซวยจะมาเยือนผมในทันที
-เห้อ กลับบ้านดีกว่าา
ผมหยิบกระเป๋าของผม และกำลังจะเดินออกไป แต่ก่อนหน้านั้น ผมสัมผัสได้ว่า ชิโนซูกะซังจ้องมองมาที่ผมด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเป็นปม ผมรับรู้ได้ถึงภัยคุกคามจากสายตานั้น แต่ผมกลับไม่รู็สึกกลัวมันแต่อย่างใด
ผมไม่สามารถยิ้มด้วยรอยยิ้มจอมปลอมได้อีกครั้ง
[ขออภัยครับ]
ผมเกือบที่จะลืมใช้คำสุภาพ การใช้คำสุภาพมีความจำเป็นอย่างมากเพื่อเว้นระยะห่างระหว่างผมกับคนอื่นๆ
ชิโนซูกะซังเริ่มที่จะเอาเท้าเตะโต๊ะ
ผมอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ผมพูดไม่ได้ นั่นคือสิ่งที่ผมเป็นในตอนนี้
[..แกมองหาอะไร? ห้ะ? อย่าทำมันเหมือนเป็นเรื่องปกติสิ ฮึ่ม!]
เธอสูดลมหายใจเล็กน้อยก่อนเดินออกไปจากห้อง
ขณะที่ผมกำลังมองแผ่นหลังของชิโนซูกะซังที่กำลังเดินจากไป ไซโตะซังก็เข้ามาหาผม
[นี่ๆ นายเป็นเพื่อนกับชิโนซูกะซังหรอ? มิยูไม่ชอบเด็กคนนั้นเลย]
[ใช่แล้วล่ะ]
ผมให้คำตอบที่เหมาะสมกับเธอ และพยายามจะเดินแซงเธอไป มันมีปัญหามากเกินไป แล้วผมก็เหนื่อยเกินกว่าที่จะจัดการปัญหาทุกอย่างในวันนี้ด้วย
ไซโตะซัง ผูที่ละทิ้งแว่นที่ตัวเองเคยใส่ ยังคงคุยกับผมต่อไป
[ฉันตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของคุณก่อนหน้านี้ ชินคุง แต่…ฉันคิดว่า…มิยูควรจะมูฟออนจากมัน ฉันคิดว่า ใช่ อดีตไม่สามารถที่จะถูกลบได้ มิยูลืมช่วงเวลาที่เคยอยู่กับชินคุงในห้องสมุดไม่ได้…มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันมีความสุขที่สุดเลยล่ะ นายรู้ไหม?….ถึงแม้ว่ามิยูจะเข้าถึงง่ายกับผู้ชายทุกคน แต่กับชินคุงแล้วมันแตกต่าง มันพิเศษกว่า…ชินคุงหน่ะเป็นรักแรกของฉันหรือเปล่านะ? คย๊าาาาา!?! พูดออกไปแล้วววว ขนลุกเลยนะเนี่ย (TSL : ห้ะ?) นายแน่ใจหรอที่อยากจะอยู่คนเดียว? ฉันรู้ว่านายผ่านอะไรมามาก ยังมีคนที่เคยอยู่โรงเรียนนั้นมาเรียนที่นี่ด้วยรู้ไหม? น้องสาวของนาย มิยาซากิซัง นานาโกะจัง และคิซารางิซัง….สีหน้าแบบนั้น!!!! อย่าบอกนะว่านายลืมพวกเธอไปหมดแล้วน่ะะะะะ!?!]
[ใช่]
ผมรู้ ผู้หญิงที่น่ารำคาญและเจ้าปัญหาเหล่านั้นนั้นยังอยู่รอบๆตัวผม…แต่ยังไงผมก็ไม่คิดจะใส่ใจจำพวกเธอไว้ในความทรงจำของผม ใบหน้าของพวกเธอถูกผมลบออกไปจากความทรงจำอย่างสิ้นเชิง
[ดังนัน…มิยูและคนอื่นๆต้องการที่จะขอโทษนาย และต่อจากนี้ไปเราจะก้าวเดินไปด้วยกันโอเคไหม?]
[ไม่เป็นไร ทุกอย่างปกติดี]
[ฮาฮา ไม่มีปัญหา มิยูเรียนรู้มาจากเกมจีบสาว มิยูเรียนรู้มาว่าถ้าเราทำผิด เราก็ควรจะทำสิ่งที่ดีที่สุดในครั้งต่อไป]
ผมรู้ว่าพวกเธอไม่ใช่เพียงแค่คนกลุ่มเดียวที่มีเล่ห์เหลี่ยม
เธอรู้ไหมไซโตะซัง เธอมีจิตใจที่แข็งแกร่ง เธอรู้สึกผิดก็จริงแต่เธอไม่สนใจมัน และเธอทำเพียงแค่จะยุ่งกับฉัน ผมถามเธอจริงๆว่าเธอมีหัวใจบ้างไหม? นั่นแหละเธอก็ไม่ต่างจากคนเจ้าเล่ห์
ไซโตะซังหยิบแว่นตาที่มีสไตล์ของเธอออกมาใส่
นี่ๆ มันดูดีใช่ไหมล่ะ? ฉันคิดว่านายน่าจะมีความสุขเมื่อเห็นฉันสวมแว่นนี้
ผมจ้องมองที่ไซโตะซังและรู้สึกว่ามีความรู็สึกบางอบ่างเอ่อล้นอยู่ในใจของผม
นานแล้วสินะ…ที่ผมไม่ได้เห็นเธอตอนใส่แว่น ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าครั้งสุดท้ายที่เธฮใส่แว่นคือเมื่อไหร่…
ผมรู้สึกว่าความอดทนของผมกำลังถูกทำลายด้วยความแค้นและความเกลียดชัง
ความทรงจำตอนม.ต้นกำลังหมุนวนและท่วมท้นอยู่ในหัวของผม
จริงๆแล้วมันคือความผิดของผมทั้งหมด ผมไม่ควรที่จะแค้นเคืองพยาบาทใคร
แต่เอาจริงๆ ทำไมถึงเป็นความผิดผมกันล่ะ? ผมแค่พยายามปกป้อง–
ไม่มีใครฟังคำพูดอธิบายของผม ไม่มีใครเชื่อผม
อย่าให้อารมณ์เหล่านั้นมาครอบงำ ผมไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว ทุกสิ่งล้วนว่างเปล่า
ผมไม่รู้ว่าผมจะสามารถควบคุมตัวผมเองในตอนนี้ได้มากแค่ไหน…
ผมสับสน ผมตัดสินใจที่จะหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อดูบางสิ่งที่จะทำให้จิตใจผมสงบลง
ผมหยิบมือถือขึ้นมาและเข้าหน้าเพจนิยายของผม
-เอ้ะ?
มีข้อความเป็นตัวอักษรสีแดงปรากฎขึ้นเช่นเคย
[…อืม ฉันชื่อ โปเมโกะ ฉันตั้งตารอดูการอัปเดตนิยายของคุณในครั้งต่อไป ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม ฉันยังคงสามารถส่งข้อความสนับสนุนคุณต่อได้ไหม? เซนเซย์….ไม่ว่ายังไงฉันก็จะส่งข้อความถึงคุณ แม้ว่าบางทีคุณอาจจะไม่ต้องการมันและไม่ตอบความคิดเห็นของฉันก็ตาม ด้วยรัก โปเมโกะ]
ถึงข้อความที่ส่งมานั้นจะสั้นกว่าทุกๆครั้ง
แต่ผมสามารถสัมผัสได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของผู้ส่งผ่านข้อความที่ถ่ายทอดออกมา -ผมคิดว่ามันน่าจะต้องถูกลบและเขียนใหม่หลายครั้ง ผมคิดว่าผมน่าจะไม่ได้รับข้อความเมื่อพวกเราได้รู้ถึงตัวตนของอีกฝ่ายในโลกความเป็นจริงแล้ว
แต่เธอก็ยังคงเป็นโปเมโกะคนเดิมที่ส่งข้อความให้กำลังใจผม…
ผมรู้สึกว่าผมกำลังนึกถึงความรู้สึกที่ถูกเก็บไว้ในส่วนลึกในใจของผมอีกครั้ง
ผมแทบจะลืมไปแล้วว่าตอนนี้ไซโตะซังอยู่ตรงหน้าผม
ผมว่า…ตอนนี้ผมรู้สึก [มีความสุข] เมื่อเห็นข้อความของโปเมโกะ
นั่นทำให้จิตใจของผมสงบลงในทันใด
ครั้งสุดท้ายที่ผมมีความรู้สึกเหล่านี้…มันเมื่อไหร่กันนะ? ผมคิดว่าผมไม่น่าจะได้รับความสุขเหล่านี้อีกแล้ว…ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้ผมมีความสุข…
โปเมโกะซัง ตั้งตารอนิยายที่ผมเขียน–
ไม่มีความคิดที่ผมจะทรยศเธอในเรื่องนั้น ที่จริงผมสามารถทรยศเธอได้โดยการที่ผมปล่อยนิยายเรื่องนั้นและไม่อัปเดทมันอีก…แต่ผมแน่ใจว่าผมจะไม่ทำมัน
เอาล่ะ กลับบ้านดีกว่า ผมต้องการที่จะเขียนนิยายในตอนนี้
ผมลบเลือนรอยยิ้มจอมปลอมของผมออกและเดินผ่านไซโตะซังไปและทิ้งเธอไว้ตรงนั้น
ใช่มันเสียมารยาทอย่างมากที่เมินเธอและแว่นของเธอ
ผมกระซิบกับตัวเอง
[–เมื่อก่อนเธอเคยน่ารักกว่านี้..ไซโตะซัง….]
[เอ๋????? เดี๋ยวนะ! เมื่อกี้หมายความว่าไง?—]
ผมรู้สึกเหมือนว่าจิตใจที่ว่างเปล่าของผมถูกเติมเต็มด้วยบางสิ่งบางอย่างจากข้อความที่ผมได้อ่าน
อย่ากังวล ผมจะไม่ทำผิดพลาดอีกแล้ว
ผมเปิดประตูห้องเรียนแล้วเดินออกจากห้องไป