(WN) สืบล่าหาผู้ใช้ศาสตร์ความตาย 9

ตอนที่ 9

     คอนราตกำลังจัดระเบียบข้อมูลในสมอง

     เรื่องที่ได้ฟังจากลูน่ามีเรื่องไร้สาระอยู่มาก แต่ก็มีเรื่องสำคัญอยู่ไม่น้อย

     นักเวทที่ชื่อคานคนนั้นเป็นผู้ใช้ศาสตร์ความตายอย่างที่คิด และเหมือนจะสามารถใช้เวทระดับสูงได้พอสมควร

     ถึงจะบอกว่ายังไม่ถึงขั้นที่จะใช้งานโครงกระดูกมังกรได้ แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าที่จริงเขาไปถึงขั้นนั้นแล้วโดยไม่ได้บอกลูน่า

     นอกจากนี้ยังได้ข้อมูลเกี่ยวกับคฤหาสน์ที่คานอาศัยอยู่ด้วย

     ในสวนมีกูลถูกฝังอยู่ และดูเหมือนว่าถ้าเดินเข้าไปโดยพลการก็จะถูกจับเท้าและโดนโจมตี

     เป็นกับดักที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้

     ในคฤหาสน์มีโครงกระดูกที่เรียกว่ากริม รีปเปอร์อยู่ 3 ตัว

     เป็นอันเดดระดับสูงที่ใช้เคียวขนาดใหญ่เป็นอาวุธ ไม่รู้ว่าคนของกองอัศวินจะเอาชนะได้หรือเปล่า

     คอนราตสรุปความได้ว่ามันอันตรายที่จะเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้า

     จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากลูน่า เพื่อให้ไปถึงตัวคานได้อย่างแน่นอน 

     ด้วยเหตุนี้ คอนราตจึงพูดกับลูน่าว่า

“ลูน่า อันที่จริง ชีวิตของคานอาจจะกำลังตกอยู่ในอันตราย”

“ชีวิตอาจารย์? เพราะอะไร?”

     ลูน่าถามด้วยความประหลาดใจ ดูเหมือนเธอจะไม่รู้อะไรเลย

“ปัจจุบัน อาณาจักรรามกำลังอยู่ในภาวะสงครามสู้กับกองทัพกบฏ แต่เป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ ทว่ายังไม่ได้มีการแจ้งให้ประชาชนในเมืองหลวงทราบว่ากำลังเสียเปรียบ เพราะไม่อยากให้เกิดความโกลาหลโดยไม่จำเป็น”

     นับตั้งแต่ที่กษัตริย์ผู้ห้าวหาญทรงพระประชวร อาณาจักรรามที่สร้างอาณาเขตอันกว้างใหญ่ก็ได้เกิดช่องโหว่ และทยอยเกิดการกบฏขึ้นในหลายพื้นที่ มิหนำซ้ำ การเคลื่อนไหวเหล่านั้นยังทำให้เกิดการรวมกำลังกันเป็นหนึ่งเดียวโดยใช้การต่อต้านอาณาจักรรามเป็นสัญลักษณ์ จนเกิดเป็นกระแสคลื่นลูกใหญ่

     กองทัพรามพ่ายแพ้ต่อกองทัพกบฏที่มีจำนวนเหนือกว่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้สถานการณ์การรบอยู่ในภาวะที่เสียเปรียบเป็นอย่างมาก

     ทว่า สถานที่ซึ่งเป็นแนวหน้านั้นอยู่ไกลจากเมืองหลวง จึงเป็นสงครามที่ชาวเมือง

ไม่ได้ตระหนักถึงมากนัก

“อ่อ”

     ลูน่าตอบกลับอย่างไร้อารมณ์ คงคิดว่าเรื่องสมรภูมิอันห่างไกลไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตนเองสินะ

“แต่ว่า ความเสียเปรียบนั้นกำลังจะถูกตีกลับ เพราะดูเหมือนจะมีนักเวทคนหนึ่งกำลังขับไล่การรุกรานของกองทัพกบฏอยู่ แถมยังใช้กองทัพอันเดดอีกด้วย”

     เรื่องนี้ก็ยังไม่ได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณชนเช่นกัน แต่กองทัพกบฏที่กำลังเป็นต่ออยู่นั้น ถูกกองทัพอันเดดซึ่งปรากฏตัวอย่างกะทันหันทำลายกองทัพที่เป็นกำลังหลักจนพินาศย่อยยับ

     กองทัพกบฏปกปิดความพ่ายแพ้เพื่อซ่อนความจริงข้อนั้น ส่วนกองทัพรามก็ไม่ต้องการให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่ดีว่าได้รับความช่วยเหลือจากอันเดด จึงไม่ได้เป็นที่รู้กันมากนัก

“ต้องการจะบอกว่าคนคนนั้นคืออาจารย์งั้นเหรอ แต่ฉันว่าอาจารย์สร้างกองทัพอันเดดอะไรนั่นไม่ได้หรอกนะ”

     ลูน่าเอียงคอเล็กน้อย

“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันไม่คิดว่าพวกอันเดดจะโจมตีกองทัพกบฏเอง ต้องมีผู้ใช้ศาสตร์ความตายที่มีพลังมหาศาลอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน เราได้รับการยืนยันถึงการมีอยู่ของโครงกระดูกมังกรที่สร้างจากกระดูกมังกรแล้ว เป็นศัตรูที่น่ากลัวที่ถึงแม้จะมีกำลังของกองทัพขนาดใหญ่ ก็ไม่สามารถเอาชนะได้

     ตอนนี้ ทั้งอาณาจักรรามและกองทัพกบฏ ต่างก็กำลังตามหาผู้ใช้เวทคนนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย อาณาจักรรามต้องการคุ้มครอง ส่วนกองทัพกบฏต้องการสังหาร”

     เป็นที่รู้กันว่าแม้แต่ในบรรดาปิศาจ โครงกระดูกมังกรก็อยู่ในระดับสูง ถึงแม้ไม่มีพลังโจมตีเท่ามังกร แต่ก็ยากที่จะได้รับความเสียหายหากไม่ใช่อุปกรณ์ที่ใช้ต่อต้านอันเดด

     แน่นอนว่ากองทัพไม่มีทางเตรียมอุปกรณ์แบบนั้นไว้ อีกนัยหนึ่ง มันจึงเรียกได้ว่าเป็นศัตรูที่จัดการยากที่สุด

“ฉันพอเข้าใจสถานการณ์คร่าว ๆ แล้ว แต่ว่า ยังมีผู้ใช้ศาสตร์ความตายอีกตั้งเยอะแยะไม่ใช่เหรอ ไม่ได้มีอาจารย์ของฉันแค่คนเดียวนี่”

“อันที่จริงศาสตร์ความตายยังเป็นเวทต้องห้ามอยู่น่ะ คนที่รู้เรื่องนี้มีแค่ผู้ใช้เวทที่ได้รับการศึกษาอย่างถูกต้องเท่านั้น แต่เอาเข้าจริง แค่การศึกษาศาสตร์ความตายอย่างเดียวก็ถือเป็นความผิดแล้ว เพราะงั้นจึงแทบไม่มีผู้ใช้ศาสตร์ความตายเลยไงล่ะ”

“ศาสตร์ความตายเป็นเวทต้องห้าม? งั้นหรอกเหรอ ไม่เคยรู้มาก่อนเลย!”

     ลูน่าเอามือปิดปากและเบิกตาโพลง

“ไม่ใช่แค่นั้น เธอบอกว่าเมื่อหนึ่งเดือนก่อน คานไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์ แต่ช่วงเวลานั้นมันมีการต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างกองทัพรามและกองทัพกบฏ

     แถมการต่อสู้ครั้งนั้น กองทัพกบฏยังแพ้ราบคาบเพราะถูกพวกอันเดดโจมตีอีกด้วย ไม่มีทางที่เรื่องนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญแน่

     มีความเป็นไปได้สูงว่าคานอาจจะกำลังควบคุมกองทัพอันเดด เพียงแต่เธอไม่รู้ก็เท่านั้น”

     คอนราตประสานมือทั้งสองไว้ระดับปากแล้วจ้องลูน่า

“แน่นอนว่า เราจะไม่ตั้งข้อหาเธอ ลูน่าก็แค่ไม่ได้รับการศึกษาอย่างถูกต้อง เลยไม่รู้เรื่องนี้เฉย ๆ

     อีกอย่าง ถึงจะบอกว่าเป็นเวทต้องห้าม แต่เรื่องที่ศาสตร์ความตายช่วยอาณาจักรรามก็เป็นความจริง

     ไม่ว่าคานจะเป็นนักเวทที่เรากำลังตามหาอยู่หรือไม่ เราก็จะไม่ยอมให้เขาต้องรับโทษ”

“ทั้งฉันและอาจารย์จะไม่ได้รับโทษสินะ ค่อยยังชั่ว”

     ลูน่าโล่งใจเมื่อรู้ว่าพวกตัวเองจะไม่ถูกตั้งข้อหา

“ไม่ ถึงพวกเราจะตั้งใจเช่นนั้น แต่แม้แต่ในอาณาจักรรามก็มีกลุ่มคนที่รังเกียจและหลีกเลี่ยงผู้ใช้ศาสตร์ความตายอยู่ ความเห็นในเรื่องการปฏิบัติต่อผู้ใช้ศาสตร์ความตายจึงแตกออกเป็นสองฝ่าย อีกอย่างกองทัพกบฏก็กำลังหมายหัวเขาอยู่เป็นแน่ แม้ว่าคานจะไม่ใช่นักเวทที่กำลังต่อสู้ขับไล่กองทัพกบฏ แต่พวกมันก็คงจะกำจัดผู้ใช้เวทที่น่าสงสัยทั้งหมด เดิมทีศาสตร์ความตายก็เป็นสิ่งต้องห้ามอยู่แล้ว จึงไม่ลังเลที่จะฆ่าไปจนหมดสิ้น จะแบบไหน ชีวิตของคานก็เป็นอันตรายอยู่ดี”

“แล้วฉันควรทำยังไง”

“พาพวกเราไปหาคาน นำทางไปยังที่ที่ปลอดภัย”

“ให้ฉันปรึกษากับอาจารย์ก่อนได้ไหม ฉันพาคนอื่นเข้าไปในคฤหาสน์ตามอำเภอใจไม่ได้หรอก”

“ไม่ ไม่ได้ มันจำเป็นต้องทำอย่างเร่งด่วน ฉันกังวลเรื่องคนที่ชื่อรัถ ที่เขาพยายามสุดชีวิตเพื่อให้เธอเป็นอิสระจากคาน ก็เพราะรู้ว่าคานอาจจะเป็นผู้ใช้ศาสตร์ความตายไม่ใช่หรือไง

     ฉันไม่รู้จักรัถจริง ๆ ในฐานะหน้าที่แล้ว ฉันต้องรู้จักบุคคลสำคัญทั้งหมดในเมืองหลวงแห่งนี้ แต่ฉันไม่รู้จักคนที่ชื่อแบบนั้นเลย ส่วนชื่อคิเลียนก็ธรรมดาเกินไปจนนึกไม่ออกเลยว่าเป็นใคร ขนาดหัวหน้ากองอัศวินของเรายังชื่อคิเลียนเลย แต่อายุ 60 กว่าแล้วน่ะ

     เพราะงั้นมันมีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะเป็นคนของฝ่ายกองทัพกบฏ หรือถึงแม้จะเป็นคนในราชอาณาจักร ก็อาจเป็นคนที่ไม่ได้ยอมรับผู้ใช้ศาสตร์ความตาย ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็เป็นไปได้ว่าพวกเขาติดต่อกับเธอเพื่อล้วงเอาข้อมูลของคาน และถ้ารู้ว่าเป็นผู้ใช้ศาสตร์ความตายละก็ อาจจะคิดกำจัดคานก็เป็นได้”

“รัถเนี่ยนะ? จริงอยู่ที่เขาอยากรู้เรื่องของอาจารย์ แต่ไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอก”

“ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่มีความเป็นไปได้อยู่วันยังค่ำ แต่ถ้าพูดตามตรง อาณาจักรรามกำลังเสื่อมลงตั้งแต่ที่ฝ่าบาททรงพระประชวร เพราะอาณาเขตอันกว้างใหญ่ของอาณาจักรรามถูกสร้างขึ้นในยุคของพระองค์ยังไงล่ะ เมื่อมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ก็ย่อมมีจุดบกพร่องมากมายด้วยเช่นกัน

     ขนาดในอาณาจักรรามเอง พอเห็นว่ากองทัพกบฏเป็นต่อ คนทรยศก็หางโผล่กันออกมาเป็นแถว ๆ แม้แต่สำหรับคนทรยศพวกนี้ ผู้ใช้ศาสตร์ความตายที่กำลังบดขยี้กองทัพกบฏก็ยังเป็นสิ่งอันตราย เพราะถ้าประเทศที่ตนเองหักหลังดันได้เปรียบ ที่ทำไปทั้งหมดก็สูญเปล่ายังไงล่ะ เพราะงั้นตอนนี้ แม้แต่คนในเอง ก็ยังมีไม่กี่คนที่เชื่อใจได้”

     คอนราตจับไหล่ลูน่าแล้วจ้องดวงตาสีแดงคู่นั้น

“ขอร้องล่ะ เชื่อพวกเราเถอะ เราอยากช่วยพวกเธอ”

     ลูน่าจ้องตาคอนราตแล้วถอนหายใจเบา ๆ

“…… เข้าใจแล้ว ฉันจะนำทางไปหาอาจารย์ แต่จะไปทันทีเลยได้เหรอ”

“ไม่มีปัญหา ฉันจะไปกับลูกน้องสองคนที่อยู่หน้าประตู สองคนนั้นไว้ใจได้”

“หมายความว่า ไม่มีคนอื่นที่ไว้ใจได้อีกแล้ว?”

“น่าเสียดาย แต่มันเป็นอย่างนั้นน่ะ”

     คอนราตยิ้มเจื่อน

“แต่ไม่เป็นไร ฉันกับพวกลูกน้องก็เป็นอัศวินที่มีฝีมือพอตัว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็จะปกป้องพวกเธอ”

     พอพูดเช่นนั้น คอนราตก็ออกไปนอกห้องเพื่อเรียกลูกน้องที่อยู่ด้านนอก

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น งั้นเหรอ”

     ลูน่าแตะไหล่ที่คอนราตจับไว้เมื่อครู่

“ผู้ชายที่เป็นกันเอง มักเชื่อใจไม่ค่อยได้ซะด้วยสิ”

     เสียงนั้นส่งไม่ไปถึงคอนราต

──

     คอนราตพร้อมลูกน้องทั้งสองคนติดอาวุธครบครัน และสวมเสื้อคลุมทับไว้ด้านนอก

     อาวุธของพวกเขาคือดาบมิธริล กล่าวกันว่ามันมีประสิทธิภาพในการต่อกรกับปิศาจประเภทอันเดดมากกว่าดาบเหล็ก

     ถือเป็นสิ่งของที่มีเผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉิน

“รอนานเลยสินะ ไปกันเลยไหม”

     คอนราตส่งเสียงเรียกลูน่าที่กำลังพิงประตูที่ทำการรอ

“ก็นานอยู่นะ ถึงจะเป็นเพราะเรื่องของฉันมันยืดยาวด้วยก็เถอะ เลยสายไปมากจนจะมืดค่ำแล้ว”

     เมื่อประตูเปิดออก ทิวทัศน์ภายนอกก็ย้อมไปด้วยแสงอาทิตย์อัสดง

(WN) สืบล่าหาผู้ใช้ศาสตร์ความตาย

(WN) สืบล่าหาผู้ใช้ศาสตร์ความตาย

Score 10
Status: Completed
*ย้ำอีกทีว่าเป็น web novel แต่เอาปก light novel มาใส่เฉยๆ* ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์ ราชอาณาจักรตกอยู่ในอันตรายจากการกบฏ แต่กลับมีกองทัพอันเดดบุกเข้าถล่มกองทัพกบฏจนย่อยยับ ใครกันที่ใช้วิชาต้องห้าม ท่ามกลางความอลหม่าน การตามล่าหาตัวผู้ใช้ศาสตร์ความตายได้เริ่มต้นขึ้น

Options

not work with dark mode
Reset