(WN) สืบล่าหาผู้ใช้ศาสตร์ความตาย 11

ตอนที่ 11

     สุดปลายทางบันไดที่มืดสนิทคือห้องใต้ดินขนาดใหญ่

     ห้องนั้นสว่างไสวเป็นสีฟ้าขาวด้วยแสงเวท

     ตรงกลางมีสิ่งที่เหมือนกับแท่นบูชาตั้งอยู่ และลูน่าก็นอนอยู่บนแท่นนั้น

     เห็นได้ว่าเลือดกำลังไหลออกมาจากคอของลูน่า

     ชายผมเทาที่ยืนอยู่ด้านข้างคนนั้นคงจะเป็นคาน

     คานมองมาที่รัถและพวกพ้องอย่างแปลกใจ

“มาที่นี่ได้ยังไง อย่าบอกนะว่าจัดการกริม รีปเปอร์ไปแล้ว”

     น้ำเสียงของเขาไม่เพียงแต่จะดูไม่ประหลาดใจ แต่กลับราบเรียบเสียด้วยซ้ำ

     ทว่ามีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของคาน

“นี่แก ทำอะไรลูน่า!”

     รัถฉุนโกรธจัด ชักดาบออกมาจ่อคาน

“ไม่ใช่เรื่องของพวกเธอ เพราะลูน่าเป็นของที่ฉันใช้เงินซื้อมา”

     คานตอบอย่างไร้อารมณ์

“มีสิทธิ์อะไรมาใช้เงินเล่นกับชีวิตของคนอื่นตามใจชอบ!”

“สิทธิ์เป็นสิ่งที่มนุษย์กำหนดขึ้นมาเองต่างหาก ไม่ใช่สัจธรรม”

“ไอ้……”

     รัถรู้สึกหงุดหงิดที่คุยกันไม่รู้เรื่อง

“ท่านรัถคะ”

     ลูเซียน่าส่งเสียงกระซิบจากด้านหลัง

“ตอนนี้คานได้กลายเป็นราชาอมตะแล้ว เราควรถอยก่อนค่ะ ลำพังแค่พวกเราสามคนคง……”

     ลูเซียน่าตัดสินใจด้วยความสุขุมเยือกเย็น ว่าหากอีกฝ่ายเป็นราชาอมตะ โอกาสชนะก็คงน้อยนิด

“ฉันจะโค่นมันลงตรงนี้นี่แหละ พวกแกจะกลับไปฉันก็ไม่ว่า”

     รัถตอบโดยไม่ละสายตาจากคาน

“ผมก็จะช่วยด้วยครับ”

     คิเลียนก็ตั้งท่าถือดาบ

“ท่านลูน่าก็เป็นสหายของผมเช่นกัน”

“เฮ้อ……ช่วยไม่ได้สินะคะ”

     ลูเซียน่าถอนหายใจหนึ่งเฮือกแล้วจับไม้เท้าให้เข้าที่

“เพราะถึงแม้เจ้านายจะเบาปัญญา แต่หน้าที่ของผู้ใต้บังคับบัญชาก็คือเชื่อฟังยังไงล่ะคะ”

“……ฉันไม่เข้าใจว่าพวกเธอโกรธอะไร แต่ที่นี่คือคฤหาสน์ของฉัน และฉันไม่ได้ทำอะไรนอกเหนือไปจากพิธีกรรมทางเวทมนตร์ มันไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนเลยแม้แต่น้อย ช่วยกลับไปทีได้ไหม”

     คานกล่าวโน้มน้าวรัถและพวกพ้องที่แสดงออกถึงความเป็นศัตรู

“ทุกคำที่แกพูดมามันมีเหตุผลจนฉันหงุดหงิด แต่เสียใจด้วยที่ศาสตร์ความตายยังถือเป็นสิ่งต้องห้าม ซึ่งแกคงรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว จงรับโทษทัณฑ์ ด้วยดาบของฉันนี่แหละ”

     รัถพูดพลางย่นระยะห่างระหว่างตัวเองกับคานลง

“นั่นก็เป็นสิ่งที่มนุษย์กำหนดขึ้นมาเองเช่นกัน อายุขัยของมนุษย์ไม่ยืนยาวพอที่จะฝึกฝนเวทมนตร์ให้ถึงขีดสุด ฉันจึงได้เอาความเป็นนิรันดร์มาครอบครอง เรื่องก็มีอยู่เท่านั้น”

     คานมองรัถที่เข้ามาใกล้แล้วเริ่มร่ายเวทอย่างใจเย็น

“ฉันไม่ปล่อยให้แกทำอย่างนั้นหรอก!”

     รัถเข้าไปประชิดตัวในชั่วอึดใจ และเล็งปลายดาบไปที่คอของคาน

     คานหลบสิ่งนั้นด้วยการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยแล้วเตะเข้าที่ลำตัวของรัถ

“อุก!?“

     ต่อให้สวมชุดเกราะอยู่ แรงเตะอันรุนแรงก็ทำให้ร่างของรัถลอยกระเด็นไปด้านหลัง

“……ใช้ได้ทีเดียวสำหรับอายุปูนนี้”

     รัถพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ พลางเอามือลูบบริเวณที่ถูกเตะ

“ไม่ว่าจะราชาอมตะหรือผีดูดเลือด ความสามารถทางกายภาพและพลังเวทก็จะเพิ่มขึ้นมากกว่าตอนที่ยังเป็นมนุษย์อย่างมหาศาล โปรดใช้ความระมัดระวังในการต่อสู้ด้วยค่ะ!”

     ลูเซียน่าร้องบอก

     คานยิงเวทที่เสร็จสมบูรณ์ไปทางลูเซียน่า

     เขาปล่อยแสงเวทออกมาจากปลายนิ้วแทนที่จะเป็นไม้เท้า แล้วแสงนั้นก็กลายเป็นสายฟ้าพุ่งเข้าใส่ลูเซียน่า

     ส่วนลูเซียน่าก็กวัดแกว่งไม้เท้าเพื่อกางกำแพงเวท

     แต่สายฟ้าก็ทะลุกำแพงเวทเข้ามาได้อย่างง่ายดาย ลูเซียน่าได้รับความเสียหายบ้างเล็กน้อย

“อั้ก……”

     ใบหน้าของลูเซียน่าเหยเกด้วยความเจ็บปวด

“พี่!”

     คิเลียนขว้างขวดที่บรรจุน้ำศักดิ์สิทธิ์ใส่คาน

     ไม่มีทางที่คานจะสามารถหลบของเหลวได้ ร่างกายของคานจึงเปียกโชกไปด้วยน้ำ

     และต่อมาผิวหนังที่เปียกโชกของคานก็บวมแดงขึ้น

“โฮ่……อย่างที่คิดไว้ พอกลายเป็นอันเดดแล้วก็จะแสดงปฏิกิริยาต่อต้านน้ำศักดิ์สิทธิ์โดยไม่ขึ้นกับความเชื่อสินะ”

     คานมองดูผิวหนังที่บวมแดงของตนเองราวกับว่าเป็นเรื่องของคนอื่น

     จังหวะนั้นเอง รัถและคิเลียนก็ฟาดฟันคานพร้อมกัน

     คานหลบดาบของทั้งสองอย่างเฉียดฉิวได้อย่างต่อเนื่องราวกับปรมาจารย์หรืออะไรสักอย่าง

“ไอ้ปีศาจเอ๊ย!”

     แม้รัถจะมั่นใจในดาบของตัวเองมาก แต่ก็ตกใจที่มันไม่ได้ผลกับอีกฝ่ายที่สู้ด้วยมือเปล่า

     มิหนำซ้ำ ยังถูกปัดดาบด้วยหลังมือ กินกำปั้นและรับลูกเตะที่สวนมาอีกด้วย

     ถึงเกราะจะช่วยให้ไม่ได้รับความเสียหายมาก แต่คานก็ไม่มีแม้แต่ท่าทีเหนื่อยล้า

     คิเลียนขว้างน้ำศักดิ์สิทธิ์ใส่หลายครั้ง แต่มันก็ไม่ได้ผลมากนัก

     ลูเซียน่าเองก็ร่ายเวทอย่างต่อเนื่อง แต่คานที่กลายเป็นผีดูดเลือดมีความต้านทานเวทสูงมาก จึงไม่ได้ผลเลยแม้แต่นิดเดียว

     ซ้ำร้าย หากทางนี้ไม่เริ่มเปิดก่อน คานก็จะมีเวลาร่ายเวท ทำให้การต่อสู้มีแต่จะดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป เห็นทีทางนี้จะพ่ายแพ้เพราะหมดแรงไปเสียก่อน

“หรือเราควรกลับไปดีนะ……”

     ลูเซียน่าบ่นโอดโดยไม่ได้ตั้งใจ

“จะกรุณากลับไปตอนนี้เลยก็ได้ ฉันไม่ว่าหรอกนะ เพราะฉันไม่ได้สนใจอะไรพวกเธอ”

     ถึงอย่างนั้นคานก็แสดงท่าทีใจกว้าง

“ดูถูกกันสินะ……”

     แม้รัถจะพูดเช่นนั้น แต่สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความอ่อนล้า คิเลียนเองก็กำลังหายใจหอบเหนื่อย

     คานยังคงมีสีหน้าเช่นเดิมตั้งแต่แรกเริ่มไม่มีเปลี่ยนแปลง เห็นสัญญาณแห่งความพ่ายแพ้อย่างชัดเจน

     แต่จังหวะที่ความเงียบมาเยือนห้องใต้ดินอยู่ชั่วขณะ ลูน่าที่อยู่บนแท่นบูชาก็ร้อง “อึ๊ก” แล้วขยับเล็กน้อย

“อย่าบอกนะว่า…… ยังมีชีวิตอยู่?”

     รัถตาเบิกโพลง ลูเซียน่าและคิเลียนก็ตกใจเช่นกัน

     แต่ไม่ทันไรลูน่าก็หยุดนิ่งไป

     เมื่อเห็นเช่นนั้น รัถก็จ้องคานเขม็ง

“นี่แก ไม่ใช่ราชาอมตะหรอกเหรอ”

“อืม เรื่องนั้นฉันเลิกแล้ว”

     คานยอมรับราวกับไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร

“……ทำไม”

“ไม่ใช่เรื่องของพวกเธอ”

“งั้นเหรอ……นั่นสินะ”

     รัถหายใจออกอย่างช้า ๆ

“ลูเซียน่า เอากระจกมา”

“รับทราบค่ะ”

     สิ่งที่ลูเซียน่านำออกมาหลังจากพูดเช่นนั้น คือกระจกขนาดเท่าศีรษะมนุษย์

“นั่นมัน……”

     คานเปลี่ยนสีหน้าเป็นครั้งแรก

     “กระจกสุริยา” ที่หากเป็นผู้ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับศาสตร์เวทก็จะรู้จัก เป็นอุปกรณ์เวทที่สามารถเก็บกักแสงอาทิตย์ในช่วงกลางวัน และจำลองแสงอาทิตย์ในเวลากลางคืนได้ ถูกใช้เป็นเครื่องมือปราบผีดูดเลือดมาตั้งแต่สมัยโบราณ

“ทำไมถึงได้มีของสิ่งนั้น”

     “กระจกสุริยา” ถูกทำขึ้นโดยชาวอาซูรา และเป็นอุปกรณ์เวทที่ไม่สามารถทำขึ้นได้ในปัจจุบัน ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากสามารถนำแสงอาทิตย์กลับมาส่องสว่างในเวลากลางคืนได้ จึงมักถูกใช้เพื่อการแสดงอำนาจของราชวงศ์ เป็นอุปกรณ์เวทที่ไม่ควรจะมีเร่ขายทั่วไปในท้องตลาด

“ไม่ใช่เรื่องของแก ลูเซียน่า จัดการ”

     ลูเซียน่าได้ยินดังนั้นก็ใส่พลังเวทให้ “กระจกสุริยา” ทำงาน

     จากนั้นดวงอาทิตย์ก็เริ่มปรากฏขึ้นบนกระจกและสาดแสงจ้าราวกับจะส่องห้องใต้ดินทั้งห้องให้สว่าง

     คานรีบยกแขนขึ้นมาบังหน้า แต่ร่างกายบริเวณที่อาบแสงโดยตรงก็เริ่มมีควันสีขาวออกมา

“อึ้ก……”

     มือที่ใช้บังหน้าของคานแตกระแหงในชั่วพริบตา ผิวหนังเริ่มหลุดลอกออกเป็นแผ่น ๆ

     แต่คานที่อยู่ในสภาพเช่นนั้นไม่มีทีท่าจะขยับ

     รัถคลานเข้าใกล้คานแล้วแทงดาบเข้าที่หัวใจ

“อั้ก……”

      เลือดปริมาณมากไหลทะลักออกมาจากปากของคาน จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ ล้มลงไปที่พื้น

“พอได้”

     รัถสั่งลูเซียน่าให้เก็บกระจก

“ท่านรัถ คานยังไม่ตายไม่ใช่เหรอคะ”

     ลูเซียน่าเอ่ยสิ่งที่กังวลออกมา

“ไม่เป็นไร มันขยับตัวไม่ได้แล้ว เป็นชีวิตที่อยู่ได้อีกไม่นาน”

     เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลูเซียน่าก็เก็บกระจกเข้าไปในเสื้อคลุม

     รัถเดินเข้าไปหาลูน่าอย่างช้า ๆ

“ตื่นสิ ลูน่า ลืมตาขึ้นมาสิ”

     รัถเขย่าร่างของลูน่าอย่างแรง

“…..อือ”

     ลูน่าที่ถูกเขย่าร่างอย่างแรงลืมตาขึ้นพลางทำหน้าบิดเบี้ยว เธอเอามือแตะคอ ไม่รู้ว่าเจ็บหรืออย่างไร

“……ทำไม รัถถึงมาอยู่ที่นี่”

     ลูน่าจำรัถได้ แม้จะยังมึนงงอยู่

“เธอ จำได้ไหมว่าตัวเองถูกทำอะไร”

“หืม? ถ้าจำไม่ผิดฉันถูกอาจารย์.…..เอ๊ะ”

     พอเห็นเลือดเปื้อนติดมือที่จับคออยู่เมื่อกี้ ลูน่าก็นึกออกว่าก่อนที่จะหมดสติไปเกิดอะไรขึ้น

“ฉันถูกอาจารย์กัด!”

     ลูน่ากลับมามีสติในพริบตาแล้วส่งเสียงดังลั่น

“……อาจารย์ล่ะ?”

“ล้มอยู่ตรงนั้น”

     รัถชี้คานที่นอนล้มอยู่

“เพราะอะไร”

“เขากลายเป็นผีดูดเลือด เราก็เลยฆ่าเขา”

     รัถตอบอย่างเรียบ ๆ

“เพราะอะไรอาจารย์ถึงกลายเป็นผีดูดเลือดล่ะ”

     ลูน่าถึงกับอึ้ง

“ถามเจ้าตัวเอง ยังพอทันอยู่”

     หลังจากรัถอุ้มลูน่าที่อยู่บนแท่นบูชาลง ก็ค่อย ๆ พาไปใกล้ ๆ คานที่นอนล้มอยู่

     ลูน่าลงจากอ้อมแขน แล้วยืมไหล่รัถเพื่อยันตัวยืนขึ้น

“อาจารย์ ทำไมถึงกลายเป็นผีดูดเลือดอะไรอย่างนั้นล่ะคะ”

(WN) สืบล่าหาผู้ใช้ศาสตร์ความตาย

(WN) สืบล่าหาผู้ใช้ศาสตร์ความตาย

Score 10
Status: Completed
*ย้ำอีกทีว่าเป็น web novel แต่เอาปก light novel มาใส่เฉยๆ* ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์ ราชอาณาจักรตกอยู่ในอันตรายจากการกบฏ แต่กลับมีกองทัพอันเดดบุกเข้าถล่มกองทัพกบฏจนย่อยยับ ใครกันที่ใช้วิชาต้องห้าม ท่ามกลางความอลหม่าน การตามล่าหาตัวผู้ใช้ศาสตร์ความตายได้เริ่มต้นขึ้น

Options

not work with dark mode
Reset