“ท่านโนอะคะ คำตอบกลับจากดอนนี่คนนั้น และไวเคานต์เจ้านายของเขามาถึงแล้วค่ะ”
“ก็คงเป็นประโยคยืดยาวอยู่ดีนั่นแหละ ใช่มั้ยล่ะ? ช่วยสรุปใจความของมันย่อๆ มาทีสิ”
“เขาบอกว่า [เราจะเป็นข้ารับใช้ผู้ว่าง่ายของท่านโนอามารี โปรดเรียกพวกเราว่าพวกหมาได้เลย โฮ่งโฮ่ง] ค่ะ”
“ยอดเยี่ยมและกระชับดีมาก สมกับเป็นคุโระจริงๆ”
“ท่านไม่จำเป็นต้องชมฉันเลยค่ะ”
ท่านโนอะ สแต และฉันกำลังสนุกกับช่วงเวลาน้ำชายามบ่ายกันอยู่อย่างอลังการ
พวกเรา 3 คนที่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่ข้างนอกตอนนี้ ไม่มีทางที่ใครจะมาสงสัยหรอกว่าคนนึงจะเป็นสุดยอดจอมเวทย์ที่กลับมาเกิดใหม่ ที่ตอนนี้ได้รวบรวมบรรดาขุนนางในละแวกรอบข้างนี้มาอยู่ในการชักใยของตัวเองเพื่อเป้าหมายอันทะเยอทะยานอย่างการครองโลก คนนึงเป็นเด็กสาวที่มีพลังเวทอย่างมหาศาล ตัวตั้งตัวตีท้าชิงตำแหน่งผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ที่มาพร้อมความสามารถในการควบคุมจิตใจผู้อื่น และอีกคนที่เป็นผู้กลับมาเกิดใหม่จากต่างโลก ผู้ครอบครองพลังที่ควบคุมความตายได้ดังใจ
“จะว่าไป ท่านโนอะคะ ทราบหรือเปล่าคะว่าในช่วงนี้ ดูเหมือนท่านจะถูกผู้คนที่เดินกันไปมาตามท้องถนนเรียกกันว่า ‘สตรีศักดิ์สิทธิ์’ ด้วยนะคะ”
“หา?”
“คุณหนูเป็น สตรีศักดิ์สิทธิ์?”
ท่านโนอะดูจะงงกับคำพูดของฉัน สแตเองก็เอียงคอสงสัยเหมือนกัน
“คุณหนูไม่ใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์ซักหน่อย นางร้ายต่างหาก”
“สแต ฉันรู้นะว่าเธอไม่ได้เจตนาร้ายหรอก แต่มันก็เจ็บอยู่เหมือนกันนะ ช่วยหยุดพูดแบบนั้นได้มั้ย?”
“ทำไม?”
“สแต การเรียกใครว่าเป็นนางร้ายเนี่ย โดยทั่วๆ ไปแล้วจะสื่อถึงผู้หญิงที่ทำเรื่องร้ายกาจ หมายถึงผู้หญิงที่ใช้ได้ทุกวิถึทางที่จำเป็นอย่างไม่ลังเลเลยเพื่อจะให้ได้มาซึ่งเป้าหมายของตัวเอง เต็มไปด้วยความคิดที่ชั่วร้าย และพร้อมจะทำตามความคิดนั้นออกมาเป็นการกระทำอยู่เสมอ”
“ก็คุณหนูนี่”
“อาเระ? มาลองคิดดูก็จริงนะ ขอโทษนะ สแต”
“นี่ เดี๋ยวสิ”
ฉันพยายามหลบสายตาที่ท่านโนอะจ้องเขม็งมาอย่างสุดกำลัง
“แล้ว ฉันก็ลองค้นหาสาเหตุดูค่ะว่าทำไมพวกเขาถึงเริ่มเรียกท่านว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์กัน?”
“เปลี่ยนเรื่องกันห้วนๆ เลยนะ ช่างเถอะ แล้ว ว่ายังไงบ้าง?”
“ดูเหมือนเมื่อท่านโนอะโตขึ้น การปกครองของอาณาเขตโดยรอบนั้นก็พัฒนาขึ้นตามไปด้วยนะคะ
ลองดูสิคะ ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ท่านโนอะใช้ความสามารถในการอ่านใจของสแตเปิดโปงจุดอ่อนของผู้คนมากมาย และช่วยทำให้การทำชั่วทั้งหลายทั้งแหล่ได้ถูกยับยั้งเอาไว้ ผู้คนก็เลยเข้าใจผิดกันว่านี่คือพลังของโชคจากผมสีทอง และตอนนี้ ข่าวลือดังกล่าวก็แพร่ออกไปด้วยค่ะ”
“แบบนี้นี่เอง เป็นความเข้าใจผิดที่น่าพอใจจริงๆ ด้วยข่าวลือแบบนี้แล้ว ฉันคงจะปรนเปรอตัวเองได้มากขึ้นอีกซักหน่อยสินะ”
“แต่ผู้คนในเมืองนี้ที่ต่างรู้กันดีว่าจริงๆ แล้วท่านโนอะเป็นยังไงต่างก็มองข่าวลือพวกนี้ด้วยอารมณ์อย่าง ‘พูดเรื่องอะไรกันเนี่ย’ ล่ะนะคะ”
“ก่อนที่พวกนั้นจะพูดอะไรที่ไม่จำเป็น เดี๋ยวให้สแตไปจัดการลบความทรงจำของพวกที่ไม่ยกย่องฉันให้หมดเลยดีกว่า ทำได้มั้ย สแต?”
“อาจจะ”
เพื่อเป้าหมายของตัวเองแล้ว ท่านไม่ลังเลเลยที่จะควบคุมคนภายใต้การปกครองของตัวเอง
เรียกท่านว่านางร้ายนั่นแหละเหมาะสมแล้วล่ะ
“ที่ฉันสนใจคือ มีข่าวลือเกี่ยวกับฉันกับสแตเล่ากันปากต่อปากด้วยนะคะ”
“เอาเถอะ พวกเธอ 2 คนก็เด่นกันอยู่แล้วล่ะนะ แถมยิ่งมีอยู่กับฉันแบบนี้ด้วยอีก”
“ฉันก็เลยลองแอบฟังการพูดคุยต่างๆ ดู แต่―――ท่านคิดว่าพวกเขาคุยกันว่ายังไงล่ะคะ?”
“อาจจะเป็นอะไรอย่าง ‘พวกชั้นต่ำชั่วช้ามาเกาะแกะนักบุญศักดิ์สิทธิ์’ อะไรแบบนี้หรือเปล่า? ปล่อยพวกนั้นพูดกันไปเถอะ”
“ไม่ใช่ค่ะ ตรงข้ามกันเลย”
“ตรงข้าม?”
“ค่ะ เขาพูดกันแนวๆ ว่า ‘พวกเส้นผมชั้นต่ำได้รับการชำระล้างจากท่านสตรีศักดิ์สิทธิ์ จนตอนนี้สามารถใช้เวทมนตร์ได้เลย’ น่ะค่ะ”
“อุบ”
กะแล้วเชียวว่าท่านโนอะต้องกลั้นขำไม่อยู่แน่ๆ ส่วนสแตก็ดูจะงงๆ
“ล- แล้วยังไงต่อ? พวกนั้นคิดว่าเธอ 2 คนใช้เวทมนตร์ได้เพราะฉันภาวนาต่อพระเจ้าซักองค์ จนเขาลงมาช่วยชำระล้างให้พวกเธอหรือยังไงเนี่ย?”
“ตามนั้นเลยค่ะ”
“อ๊าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!! นี่มันอะไรน่ะ!? ทำไมพวกมนุษย์ปุถุชนถึงได้มีความคิดที่พลาดเป้าไปแบบลิบลับได้ขนาดนี้กันเนี่ย!”
“คุณหนูภาวนาต่อพระเจ้า แปลก”
“ก็ใช่นะ ฉันไม่ได้เชื่อในพระเจ้าหรืออะไรหรอก อ่า~ แปลกดีจัง แต่จะว่าไป―――”
ท่านโนอะหยุดพูดไปครู่นึง หันมามองฉัน ก่อนจะหัวเราะมาอีกระลอก
“―――แล้วหลังจากที่ได้รับการชำระแล้ว เวทมนตร์ที่ได้ออกมาก็เป็นเวทมนตร์สายความมืดด้วยนะ! นี่พระเจ้าทำอะไรของเขาล่ะเนี่ย! อ๊าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!”
ก็จริง
ถึงเรื่องที่ว่าเวทมนตร์ของฉันมันเป็นแบบไหนก็น่าจะเป็นที่รู้กันแท้ๆ แต่ไหงความเป็นจริงถึงได้คลาดเคลื่อนไปได้ขนาดนี้กันล่ะเนี่ย?
เวทมนตร์ของฉันควบคุม [ความตาย] และ [การเสื่อมสลาย] รวมทั้งบิดกฎเกณฑ์ของโลกใบนี้
เวทมนตร์ของสแตควบคุมทุกแง่มุมของจิตใจได้ อย่าง [ความทรงจำ] หรือ [สภาวะจิต] โดยไม่ได้ใส่ใจเกียรติ ศักดิ์ศรี หรือความเป็นส่วนตัวของสิ่งมีชีวิตไหนๆ เลย
พอมาคิดว่านี่คือสิ่งที่ได้หลังจากการชำระบรรดาเส้นผมชั้นต่ำแล้วนี่ ท่านโนอะไปอธิษฐานต่อเทพมารองค์ไหนเข้าล่ะเนี่ย
“ช่วงหลังฉันไม่ได้ออกไปในเมืองเลย ก็เลยอาจจะไม่รู้มากขนาดนั้น แต่ดูเหมือนพวกแฟนคลับของท่านโนอะก็มาอยู่ที่เมืองนี้กันได้ประมาณนึงแล้วนะคะ พวกซื่อบื้อข้างนอกนั้นไม่ได้เรื่องอะไรเลย ไม่ว่าจะจุดประสงค์ที่แท้จริง หรือจะตัวตนที่แท้จริงของท่านโนอะ แต่ก็ยังดันทุรังอยากจะเอาท่านหาบขึ้นแคร่แห่เฉลิมฉลองไปทั่วอยู่อีก”
“ฉันไม่ควรจะเป็นคนพูดแบบนี้หรอก แต่ว่านะคุโระ เธอนี่ก็ปากคอเราะร้ายเหมือนกันนะ”
ก็ ว่าตามตรง ไม่ว่าใครก็ตามนอกเหนือจากท่านโนอะกับสแตแล้ว สำหรับฉัน จะใครก็ไม่ได้สำคัญอะไรกับฉันเลย
ก็จริงอยู่ที่มีบางคนเหมือนกันที่เป็นมิตร ใจดีกับฉัน อย่างคุณสาวใช้นีน่านั่นแหละ แต่ถ้าเกิดท่านโนอะสั่งให้ฉันฆ่า ฉันก็ฆ่าทุกคนตามที่ท่านสั่งได้อย่างไม่ลังเลเลย หรือถ้าต้องทิ้งพวกเขาไปเพื่อรับประกันความปลอดภัยให้ท่านโนอะกับสแต ฉันก็จะทิ้งพวกเขาไปแบบไม่ต้องคิดเลยเหมือนกัน
สำหรับฉันแล้ว ท่านโนอะเป็นคนที่สำคัญขนาดนั้นเลยล่ะ
ตั้งแต่ที่เราเจอกัน นี่ก็ผ่านมา 7 ปีแล้ว ความจงรักภักดีที่ฉันมีให้ท่านก็ไม่หวั่นไหวเลยซักนิด สแตเองก็เหมือนกัน
“อาระ ป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย ใกล้ได้เวลาที่พวกเธอ 2 คนต้องกลับแล้วนะ มาเรียนกันที่ห้องสมุดใหญ่กันอีกซักหน่อยเถอะ”
“อืม”
“ค่ะ”
พวกเรายืนยันได้อย่างมั่นใจเลยล่ะว่า แค่ได้อยู่ตรงนี้ เคียงข้างท่าน แค่นั้นก็ดีใจแล้ว
คนที่เป็นที่รู้จักกันว่าโนอามารี เทียไลท์ เป็นตัวตนที่สำคัญถึงขนาดนั้นนั่นแหละ
“คุโระ เรื่องการเรียนรู้เวท {เดธ (มรณา)} คืบหน้าถึงไหนแล้ว?”
“รู้สึกว่าจะเข้าใกล้ไปทีละนิดๆ แล้วค่ะ ถึงจะยังทำให้ตายในทันทีไม่ได้ แต่ถ้าร่ายต่อเนื่องประมาณ 10 วินาที ฉันก็ใช้เวทมนตร์นี้ฆ่ามนุษย์คนนึงได้นะคะ แต่ว่า โครงสร้างเวทมนตร์นี้มันค่อนข้างยาก แล้วฉันก็ปัดความรู้สึกที่เหมือนกับว่ามันขาดอะไรซักอย่างไปไม่ได้เลย”
“แล้วสแตล่ะ ยังงมอยู่กับเวทมนตร์สายจิตใจระดับสูงอยู่หรือเปล่า?”
“อืม คุมคนได้ซัก ประมาณสิบ แต่ให้ทุกคนยังไม่ไหว”
“แบบนี้เอง”
“ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงค่ะ ท่านโนอะ ที่ฉันไม่สามารถเป็นประโยชน์กับท่านได้”
“ขอโทษ คุณหนู”
“หืม? อ่า ไม่ใช่แบบนั้นหรอก พวกเธอ 2 คนทำได้ดีมากเลยล่ะ การที่คนในวัยพวกเธอจะใช้เวทมนตร์ได้ถึงระดับนี้น่ะไม่ได้มีเยอะหรอกนะ แต่ในอนาคต เวทมนตร์ของพวกเธอจะจำเป็นยิ่งกว่านี้อีก คอยสะสมเอาไว้ให้มากเข้าๆ นี่แหละดีแล้ว”
ท่านโนอะพูดแบบนั้นพร้อมกับรอยยิ้มอันบิดเบี้ยว
ความจำเป็นต้องใช้เวทมนตร์ของพวกเรามากขึ้น ก็แปลว่าในอนาคต จะมีเรื่องการฝังพวกศัตรูทางการเมืองลงโลง กับการบังคับจิตใจอีกฝ่ายมากขึ้นกว่าตอนนี้อีกสินะ
“พรุ่งนี้ก็ยังมีเรื่องน่ารำคาญอีก ถ้าเกิดฉันไม่ชอบหน้าอีกฝ่ายล่ะก็ ฉันคิดว่าจะจัดแจงการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุไม่คาดฝันอีกซักทีให้พวกนั้นด้วยหน่อยนะ”
“พรุ่งนี้ ไม่ใช่ว่าพ่อของท่านสั่งเอาไว้แล้วตั้งแต่เมื่อ 3 วันก่อนแล้วเหรอคะ?”
“ใช่ๆ อ่า ชายคนนั้นเคยทำเรื่องที่มันเข้าท่าไว้ให้ฉันด้วยซักครั้งหรือไงนะ”
“ไม่ใช่ว่าแขกครั้งนี้มาจากประเทศเพื่อนบ้าน―――จักรวรรดิดีโอทีรีโอไม่ใช่เหรอคะ?”
“อื้อ จากตระกูลไวเคานต์กิฟท์ แต่พวกนั้นน่ะตัวปัญหาเลย…”
“ปัญหายังไงเหรอคะ?”
“ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรขนาดนั้นหรอก แต่ว่า… คนที่จะมาพรุ่งนี้คือผู้นำตระกูลกับลูกชาย ฉันแค่ไม่ชอบเจ้าลูกชายนั่นเท่านั้นเอง”
“มีอะไรที่ทำให้ท่านไม่ชอบใจเขางั้นเหรอคะ?”
พอฉันถามแบบนั้น ท่านโนอะก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“…เขาเป็นคู่หมั้นฉันน่ะ”
สิ่งที่ออกมาจากท่านเป็นคำพูดที่หนักอึ้ง―――
“…หาาาาา!?”
TN: เอาแล้ว 555