“สแตสินะ ฉันจะจำเอาไว้”
พวกเรากลับมาถึงห้องพักของท่านโนอะแล้ว ล้างไม้ล้างมือ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้
หลังจากผ่านวันแสนเหนื่อยล้ามา คืนนั้นทั้งฉันทั้งท่านโนอะก็อยากจะนอนมันซะตรงนี้เลยจริงๆ
“ก่อนหน้านี้ ฉันขอให้คุณนีน่าสืบหาข้อมูลของคนที่ชื่อไบรอนแล้วนะคะ น่าจะได้รายงานข้อมูลมาไม่พรุ่งนี้ก็คงวันมะรืน ฉันวางแผนไว้ว่าจะเข้าไปที่ร้านเหล้านั้นพรุ่งนี้อีกครั้งนึงเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ”
“ฉันก็อยากไปด้วยนะ แต่พรุ่งนี้ฉันมีแผนกำหนดการแล้ว ฝากเธอจัดการทีนะคุโระ”
“รับทราบค่ะ”
ฉันลุกขึ้นโค้งหัวให้ท่านโนอะ พร้อมกับเตรียมกลับห้องที่จองเอาไว้ให้ฉ―――
“อาระ นั่นเธอจะไปไหนน่ะคุโระ?”
“เปล่าค่ะ ฉันแค่กลับห้องฉันเท่านั้นเอง”
“เหรอ ถ้างั้น อีก 3 ชั่วโมงเธอกลับมาที่นี่ได้มั้ย?”
“เอ๊ะ?”
“ฉันไม่อยากให้คนใช้คนอื่นมาทำให้เรื่องมันวุ่นวายถ้าเธอกลับมาที่นี่น่ะ ถ้าเกิดเป็นกลางดึก ไม่มีใครมาที่ห้องนี้หรอก แบบนั้นจะได้ไม่มีใครสังเกตเห็นเธอด้วย”
“…เออคือ ท่านโนอะ เอาจริงเหรอคะ?”
“ตอนดึกๆ ฉันอยากกลับไปที่ร้านเหล้านั้นอีกทีนึง อยากจะไปลองคุยกับเด็กคนนั้น คุยกับสแตดูน่ะ”
สีหน้าตอนนั้นของฉันเนี่ย
มันจะบิดเบี้ยวไปขนาดไหนกันนะ
เที่ยงคืน
ในช่วงเวลาคาบเกี่ยวระหว่างวัน เด็กสาว 2 คนกำลังเดินเตร่อยู่ในย่านสลัม ทั้งๆ ที่ทั้งคู่ก็ยังอายุ 8 ขวบกันอยู่เลย ทั้ง 2 คนกำลังทำในเรื่องแบบที่คนเขาใช้คำเรียกกันว่า ‘เด็กดีอย่าเลียนแบบนะจ๊ะ’
“หยุดเถอะนะคะท่านโนอะ ท่านคิดว่าที่นี่มันเป็นที่แบบไหนกันน่ะคะ? ที่นี่คือสลัม เป็นแดนเถื่อนไร้กฎหมาย ไม่แปลกเลยนะคะที่จะมีอะไรเกิดขึ้นที่นี่ ขนาดในเวลากลางวัน การเดินอยู่ในนี้ก็อันตรายอยู่แล้ว ยิ่งกลางคืนยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย”
“ถึงป่านนี้แล้วยังจะพูดอะไรอีกล่ะ คุโระ?”
ใช่แล้ว พวกเราเองนี่แหละ
พอกันทีกับนายเหนือหัวคนนี้น่ะ
“ช่วงกลางวันก็ได้นี่คะ? ร้านเหล้านั่นเปิดตั้งแต่ตอนเย็น ถ้ามากันระหว่างวันก็ไม่มีปัญหาไม่ใช่เหรอคะ?”
“เพราะฉันมีกำหนดการต้องไปเข้าร่วมในช่วงระหว่างวันไงเล่า ฉันปล่อยให้คุโระมาคนเดียวไม่ได้อยู่แล้วนี่จริงมั้ย?”
“ถ- ถึงยังงั้นก็เถอะค่ะ แต่มาที่นี่เอาเวลานี้มันก็”
“ถ้าอย่างนั้น เราจะมากันตอนไหนได้ล่ะ เธอรู้ใช่มั้ยว่าอีก 3 วันเราก็ต้องกลับกันแล้วนะ? จะเสียเวลาไปอย่างเสียเปล่าไม่ได้อีกแม้แต่วินาทีเดียว”
“อึก”
ฉันเข้าใจดีเลยค่ะว่าท่านพูดเรื่องอะไรอยู่
ก็รู้นั่นแหละ แต่ว่านี่มันไม่เหมือนกัน
“ดูสิ มองเห็นแล้วนะนั่นไง”
“เฮ้อ โธ่ เข้าใจแล้วค่ะ… กะแล้วเชียว ยังเปิดอยู่จริงๆ ด้วย”
พอรู้ว่าถึงบ่นไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ฉันก็เลยละสายตาหันไปมองที่ร้านเหล้าที่โผล่มาให้เห็นตรงหน้าแทน
ข้างในร้านยังมีร่างเงาเล็กๆ ขยับกันไปมาอยู่เลย
“ที่นี่มันโหดร้ายอะไรขนาดนี้เนี่ยถึงได้ให้เด็กตัวเล็กๆ ทำงานกันยันดึกดื่นป่านนี้ น่าเวทนาจริงๆ”
“ท่านโนอะคะ ท่านโนอะ โปรดหันมาดูข้างๆ ท่านด้วยค่ะ ตรงนี้ก็มีเด็กน่าสงสารอยู่อีกคนนึงที่ถูกบังคับให้ทำงานยันดึกดื่นป่านนี้เหมือนกันนะคะ”
ท่านโนอะเดินเข้าไปหาร้านเหล้านั่น ไม่ได้สนใจเรื่องที่ฉันแย้งเมื่อกี้นี้เลยซักนิด
“คุโระ ตอนที่เธอใช้เวทมนตร์ลบตัวตนของตัวเองไปน่ะ จับไหล่ฉันเอาไว้นะ”
“ได้ค่ะ”
ฉันร่ายเวทมนตร์ก่อน แล้วก็จับไหล่ของท่านโนอะเอาไว้ตามที่สั่ง
“พอทำแบบนี้แล้ว ฉันรู้สึกแปลกๆ ที่ไหล่ตัวเองเหมือนกันแฮะ เอาล่ะ งั้น ฉันเองก็ด้วย”
ไม่กี่วินาทีต่อมา ท่านโนอะก็ใช้เวทมนตร์ทำให้ตัวเองหายไปด้วยเหมือนกัน
แต่เพราะฉันยังจับไหล่ของท่านเอาไว้อยู่ ฉันเลยรู้ว่าตัวฉันยังอยู่ตรงนี้
เหมือนท่านโนอะจะเริ่มออกเดินอย่างช้าๆ ฉันก็เลยออกเดินตามไปด้วยความเร็วช่วงก้าวที่เท่ากัน
คราวนี้ดูเหมือนท่านโนอะตั้งใจจะเข้าไปที่ร้านเหล้านี่นะ แล้วท่านก็เปิดประตูเข้าไปอย่างไม่ลังเลเลย
ข้างในร้านนี่แทบจะเหมือนเดิมกับตอนที่เรามาถึงก่อนหน้านี้เลย
จำนวนลูกค้าข้างในเพิ่มขึ้นมานิดหน่อย แต่หน้าตาของเด็กๆ กับสีหน้าเหนื่อยล้าของพวกเขาก็ยังไม่เปลี่ยนไปเลย
(ไม่มีพักเลยงั้นสินะ โหดร้ายชะมัด)
แล้วฉันก็เจอเด็กผู้หญิงผมสีฟ้าที่ชื่อสแตคนนั้นซักที เธอกำลังแบกเครื่องดื่มมาด้วยแขนเรียวเล็กของเธออยู่เลย
ทั้งๆ ที่แขนของเธอมันสั่นระริกเหมือนกับว่าเธอจะทำของหล่นได้ตลอดเวลาเลยก็ตามที แต่แวบแรก สีหน้าของเธอก็ไม่มีวี่แววของความเหนื่อยล้าออกมาให้เห็นเลย
แต่ด้วยความสามารถในการอ่านสีหน้าของฉัน ฉันรู้สึกได้เลยล่ะว่าเธอแค่ทำโป๊กเกอร์เฟสเอาไว้ตลอดเวลาก็เท่านั้นเอง
เด็กคนนั้นน่ะ ทั้งเหนื่อยกว่า ทั้งเจ็บหนักกว่าเด็กคนไหนก็ตามที่อยู่ที่นี่เลย
“สั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่นั่นทำบ้าอะไรน่ะฮะ!?”
“คิดว่าตัวเองเป็นใครน่ะฮะ!? ไอ้ผมชั้นต่ำ! คิดจะหือรึไง!?”
ถึงจะโดนด่า หรือแม้แต่โดนขู่ก็ด้วย แต่สีหน้าของเด็กคนนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยซักนิด
เธอยังคงทำงานของเธอต่อไปด้วยท่าทางที่แทบจะแยกออกไปเป็นเอกเทศ ยังกับว่าอารมณ์ทั้งหมดของเธอมันโดนทิ้งไปหมดแล้วยังไงยังงั้นเลย
ทั้งๆ ที่เธอเป็นเด็กคนที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มเลยแท้ๆ
“ชิ ยังไม่พูดอะไรซักคำเหมือนเลยนะ ไอ้เด็กบ้านี่”
“รีบๆ เอาเหล้ามาวางบนโต๊ะซักทีสิวะ”
สแตก็เอาเครื่องดื่มวางบนโต๊ะทีละถาดๆ ตามที่ถูกสั่ง
ในตอนที่สแตเดินถอยหลังมา
ชายคนนึงก็เริ่มเทเหล้าขวดนึงราดลงใส่ไปที่หัวของสแตเลย
“โอ๊ะโอ! โทษทีว่ะ มือดันลื่นซะได้!”
“แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกนี่ว่ามั้ย? ทำแบบนี้แล้ว จะได้ฆ่าเชื้อในผมชั้นต่ำนั่นของแกไปได้ซักนิดนึงด้วยนี่ จริงมั้ยล่ะ? …ก้าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
เอาล่ะ ฆ่าพวกมันทิ้งเลยดีกว่า
ยังไงก็ไม่มีใครที่นี่รู้ถึงตัวตนของฉันอยู่แล้ว ต่อให้ฉันลงมือก็ไม่มีทางจะโดนจับได้แน่นอน ไม่มีใครรู้เรื่องเวทมนตร์สายความมืดของฉันเลย แม้แต่สาเหตุการตายก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ แล้วเหตุการณ์นี่ก็จะยังคงเป็นปริศนาต่อไปทั้งๆ แบบนั้น
ในตอนที่ฉันกำลังจะร่ายเวทความมืดที่ท่วมไปด้วยความโกรธออกไปอยู่แล้ว…
“เฮือก!?”
“น- นี่มันอะไรฟะเนี่ย!?”
ชายคนนึงถูกแสงที่ฉายออกมาซัดจนกระเด็นอัดเข้ากระแทกกับกำแพงร้านเหล้า แล้วก็ลอยเหินออกไปนอกร้านเลย
น่าจะยังไม่ตายหรอก แต่ดูท่ากระดูกคงหักไปหลายท่อนอยู่
มีแค่คนเดียวเท่านั้นแหละที่จะทำอะไรแบบนี้ได้
แล้วจู่ๆ มือซ้ายของฉันที่จับหัวไหล่เอาไว้อยู่ก็ถูกกระชากไปข้างหน้า
แล้วจังหวะต่อมา แสงอีกระลอกก็สว่างวาบอีกครั้ง ฉายเข้าใส่ชายอีกคน ซัดให้เจ้านั่นกระเด็นไป และทำเอากำแพงร้านเหล้ากลายเป็นรูไปอีกรูนึง
มือซ้ายของฉันนำฉันไปทางประตูทางออกของร้าน ตรงจุดที่ร่างที่เคยซ่อนเร้นอยู่กลับมามองเห็นได้อีกครั้ง แล้วก็เดินต่อจนออกมานอกร้าน
“ทำอะไรน่ะคะ ท่านโนอ-”
“ใจจริงล่ะ?”
“ทำได้ยอดมากเลยค่ะ”
แหงอยู่แล้ว คนที่ร่ายเวทมนตร์ออกมาเมื่อกี้ก็คือท่านโนอะ
แต่ ท่านก็ช่วยฉันไว้เลยล่ะ ถ้าเรื่องมันยังเป็นแบบนั้นต่อ ฉันอาจจะลงเอยด้วยการฆ่าเจ้า 2 คนนั่นไปเลยก็ได้
อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน แต่ฉันทนดูต่อไปไม่ไหวเลย
มันรู้สึกเหมือนฉันเห็นตัวเองใช้ชีวิตเหมือนเป็นทาสของพ่อแม่เมื่อชาติก่อน แล้วฉันก็ปล่อยเด็กคนนั้น ปล่อยสแตเอาไว้คนเดียวไม่ได้จริงๆ ฉันโกรธมากจนแทบจะคุมตัวเองเอาไว้ไม่อยู่อยู่แล้ว
“ฉันเองก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน มาเห็นเด็กสาวที่มีพรสวรรค์มาโดนไอ้พวกไร้น้ำยาพวกนั้นมาดูถูกแบบนั้นน่ะ”
“ฉันเกือบจะฆ่าเจ้าพวกนั้นอยู่แล้ว ขอบคุณนะคะ”
“คุโระเองก็มีด้านโมโหร้ายด้วยเหมือนกันสินะเนี่ย”
ตอนที่ฉันหันไปมอง ก็เห็นชาย 2 คนนั้นนอนแผ่อยู่กับพื้น เลือดไหลเจิ่งนองออกมากองเลย
ทิ้งเอาไว้แบบนั้นก็คงไม่ตายหรอก
ถึงฉันจะอยากให้พวกมันตายขนาดไหนก็ตาม แต่ฉันก็ไม่ทำถึงขนาด―――
*ตุบ*
“ส- สแตจัง!?”
“สแต!”
พอมีเสียงแปลกๆ กับเสียงใครบางคนตะโกนเรียกชื่อของสแตดังขึ้น ฉันก็หันขวับไปมองทางต้นเสียง
ตรงนั้น ฉันเห็นสแตล้มทรุดลงไป แล้วเด็กๆ ก็ร้องเรียกเธออย่างลนลานทำอะไรกันไม่ถูกเลย
TN: เอาเลย! โนอะซามะ!!