“เปิดอยู่แล้ว เชิญเลย”
ประตูถูกเปิดออกดังเอี๊ยดอ๊าด แล้วผู้ชายคนนึงก็เดินเข้ามา
หน้าตาเขาก็ ธรรมดานะ ไม่แย่ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ
จะว่ายังไงดีล่ะ เขามีเคราที่ปลายคางสีน้ำตาลสีเดียวกันกับสีผม แล้วก็ใส่แว่น นั่นแหละผู้ชายคนนี้
“ไม่ได้เจอกันนานนะ โนอามารี”
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ ท่านพ่อ เอาฉันไปใช้ได้ดีเลยมั้ยล่ะ?”
“หมายความว่ายังไง?”
“จะบอกว่าคุณถูกลูกสาวตัวเองใช้ กลับกัน คุณก็ใช้ลูกสาวได้ด้วยดีมั้ยล่ะ? คิดว่าไงบ้างคะ?”
“กรร…”
ถ้าให้พูดแบบหยาบๆ เลยเนี่ย เขามีหน้าตาที่ ‘ดูฉลาด แต่ชอบดูถูกคนอื่นว่าด้อยกว่า จนสุดท้ายก็ต้องกลายเป็นหมาที่ต้องคอยฟังคำสั่งอย่างเคร่งครัด’ ประมาณนี้ล่ะนะ
“…จะยังไงก็ช่าง ฉันมาที่นี่ก็เพราะมีเรื่องต้องคุย”
“อาระ มีเรื่องอะไรเหรอ?”
“โนอามารี แกน่ะ…”
พ่อของท่านโนอะเหลือบมามองทางฉันแวบนึง พ่นลมออกมาทางจมูก แล้วก็หันกลับมาเผชิญหน้ากับท่านโนอะอีกรอบ
“เอาไอ้ผมดำนี่เข้ามาในบ้านมันหมายความว่ายังไง!? ต่อให้จะเป็นแก ฉันก็มองผ่านเรื่องนี้ไม่ได้หรอกนะ! ทำอะไรของแก เอาตัวซวยเข้ามาในบ้านทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นตัวแทนของโชคน่ะฮะ!?”
“พูดถึงเรื่องโชคเรื่องลางนี่มันไร้สาระทั้งเพ ฉันถูกใจคุโระ เพราะงั้นฉันจะเอาเธอไว้ข้างๆ ตัว และคุณก็ไม่มีสิทธิ์จะมาบ่นอะไรด้วย”
“อย่ามาพูดอะไรบ้าๆ! รีบไล่มันออกไปให้พ้นที่นี่ซะ เดี๋ยวนี้! ถ้าราชารู้เรื่องนี้เข้าล่ะก็ มีหวังบ้านนี้-”
“ก็ไม่รู้สินะ ฉันไม่สนหรอกว่าเขาจะรู้มั้ย ถ้าใครมาว่าอะไร บอกกลับไปเลยนะว่า ‘ถ้าคิดจะตะเพิดเด็กสาวสวยผมดำออกไปล่ะก็ โนอามารีจะออกไปจากประเทศนี้แน่นอน’ แค่นั้น เจ้าพวกลุงโลลิค่อนหลงผมทองพวกนั้นก็เงียบปากแล้ว”
“ว- ว่าไงนะ…?”
ขนาดท่านโนอะโดนพ่อตะคอกใส่แบบนี้ ท่านก็ยังหลบเลี่ยงมันได้อย่างชำนาญด้วยสีหน้ารำคาญไปบ้าง แต่ก็ยังคงสงบนิ่งไม่หายเลย
อีกอย่าง เมื่อกี้ฉันเพิ่งถูกเรียกว่า ‘เด็กสาวสวย’ เหรอ ได้ยินคำนี้จากเด็กสาวที่สวยสุดๆ (ท่านโนอะ) แบบนี้แล้วมันก็รู้สึกยังไงไม่รู้แฮะ แต่ก็ทำเอาฉันเขินอยู่เหมือนกันนะ
“แล้วอีกอย่าง แต่ไหนแต่ไรแล้วเนี่ย คุณมีกระทั่งสิทธิ์จะมาสั่งสอนฉันด้วยหรือไง? ถ้าอยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณก่อร่างสร้างขึ้นมาอย่างโสมมนี่พังครืนล่ะก็ ฉันก็ยินดีจะฟังความเห็นของคุณต่อนะ แต่ว่าคุณนั่นแหละ จะทำได้หรือเปล่า?”
“พ- พูดแบบนี้กับพ่อแท้ๆ ของแกเองงั้นเรอะ…!”
“เป็นพ่อแท้ๆ แล้วมันทำไมเหรอ? อีกอย่าง คุณเองก็พยายามจะเอาเปรียบฉันอยู่ฝ่ายเดียวด้วยเหมือนกันไม่ใช่หรือไง? ฉันรู้นะว่าคุณน่ะจ้างผู้เชี่ยวชาญมาค้นห้องฉัน พยายามค้นหาหลักฐานการฉ้อราษฎร์บังหลวงและการกระทำผิดที่ฉันรวบรวมเอาไว้ ถูกมั้ยล่ะ?”
“ฮึก!?”
“แต่ น่าเสียดายนะ ฉันไม่ได้โง่ขนาดจะทิ้งของแสนมีค่าเอาไว้ในที่ที่มันทนโท่แบบนั้นอยู่แล้ว มันถูกเก็บเอาไว้ในที่ที่ไม่ว่ายังไงคุณก็ไม่มีวันหาเจอแล้วไงล่ะ”
ท่านโนอะเหลือบสายตาลงมองไปที่พ่อของท่านอย่างเหยียดหยาม พลางใช้นิ้วม้วนผมเล่นไปด้วย
พอเห็นแบบนี้ ฉันก็นึกถึงพวกม้วนเอกสารหลายแผ่นที่ตกแต่งไว้แปลกๆ กับมีเชือกมัดเอาไว้ วางอยู่บนโต๊ะที่ห้องสมุดใหญ่ที่ท่านพูดถึงเมื่อกี้นี้ขึ้นมาได้พอดีเลย
“ฉันเคยบอกแล้วไงว่าระหว่างที่ฉันใช้งานคุณอยู่ ฉันรับประกันความสำเร็จให้คุณได้เลย มีอะไรให้ไม่พอใจตรงไหนเหรอ? เนอะ คุโระ?”
“เอ๊ะ? ฉันเหรอคะ? ค่ะ นั่นสินะคะ ถ้าประสบความสำเร็จด้วยดีอยู่แล้ว ก็น่าจะไม่เป็นไรนะคะ?”
“ใช่เลยล่ะ แต่คนคนนี้น่ะเขาไม่ชอบหรอก กับข้อเท็จจริงที่ว่าเขากำลังถูกเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนึงชี้นิ้วสั่ง ใช้งานอยู่แบบนี้น่ะ เขาถึงได้หาเรื่องฉันอยู่ได้ตลอดเวลาแบบนี้เนี่ย น่าหงุดหงิดชะมัดเลยนะ”
ท่านโนอะยังคงยั่วยุพ่อที่ตอนนี้สั่นเทิมจนเห็นได้ชัดไปทั้งตัวแล้ว ราวกับว่าสิ่งที่ท่านเห็นอยู่นี่เป็นเรื่องน่าขำขันยังไงยังงั้นเลย
อืม ฉันพอจะรู้สึกได้อยู่แล้วล่ะ แต่ไม่ผิดแน่
“เอาล่ะ ไหน? ใครกันน้า? คนขี้แพ้ที่มีแต่เปลือกนอกที่ดูมีชีวิตรุ่งโรจน์ สำเร็จไปได้ด้วยดี แต่ชะตากรรมของตัวเองกลับถูกชักใยด้วยลูกสาวของตัวเองน่ะ? ถ้าจบเรื่องตรงนี้แล้วก็ ทำไมคุณไม่รีบๆ ไปให้พ้น แล้วก็เอาความเครียดไประบายลงกับผู้หญิงที่คุณเอามาด้วยคนนั้นซักทีละ? ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับคุโระอีกซักหน่อย”
“น- นังเด็กนั่น มันมีค่าอะไรกับแกนักหนารึไง…”
“นั่นสิน้า ฉันคิดว่าในวันข้างหน้า เธอคงมีค่ามากกว่าคุณเป็นร้อยๆ เท่าได้เลยล่ะ”
คนคนนี้น่ะ S สุดๆ ไปเลย
“งั้น ลาก่อนนะคะ ท่านพ่อ แน่นอนว่า ถ้าคุณแม้แต่คิดจะพยายามแตะต้องคุโระล่ะก็… คงจะรู้นะ?”
“เฮ้อ~ ยุ่งยากชะมัดเลย”
“เหนื่อยหน่อยนะคะ ท่านโนอะ ดื่มชาซักหน่อยสิคะ”
“อาระ ขอบใจนะ”
หลังจากที่ไล่พ่อของท่านออกไปเรียบร้อย ทุกอย่างก็ดูจะสงบลงได้ซักพัก ท่านโนอะยกชาขึ้นจิบอย่างเหนื่อยล้า ราวกับเป็นการบอกว่าต้องการจะหยุดพักซักครู่นึง
“แต่ว่า ใส่ไฟยุไปถึงขนาดนั้น จะไม่เป็นไรเหรอคะ?”
“แน่นอน ถ้าไม่ทำถึงขั้นนี้ เดี๋ยวเจ้านั่นก็ได้ใจกันพอดี”
ท่านโนอะบิดขี้เกียจ ก่อนจะจุ่มตัวลงนั่งเข้าไปกับเก้าอี้ ท่านโนอะที่กำลังกินชากับขนมที่ท่านเอามาด้วยในท่าทางสบายๆ แบบนี้เนี่ย น่ารักเหมือนแมวเลยแฮะ
“เอาล่ะ เรื่องท่านพ่อน่ะช่างเถอะ คุโระ ถึงเวลาที่เราต้องเริ่มออกตามหาเด็กๆ ที่มีพรสวรรค์ของเวทมนตร์หายากได้แล้วล่ะนะ”
“คนที่มีพรสวรรค์ของเวทมนตร์หายากนี่ คือให้ตามหาใครก็ตามที่โดนดูถูกว่าเป็นพวกชั้นต่ำสินะคะ”
“ถ้าไม่รีบหาให้เจอเสียตั้งแต่เนิ่นๆ ล่ะก็ จะไม่มีเวลาให้ทันได้ฝึกพรสวรรค์ที่มีเอานะ ไม่นาน ถ้าฉันต้องลงไปในสนามรบแล้ว เกิดพวกเขาไม่แกร่งพอที่จะกำจัดพวกศัตรูทั้งหมดจากประเทศอริทั้งหลายที่หมายหัวฉันก็คงลำบากน่าดูเลย”
“แต่ ในเมื่อเรียกว่าเวทมนตร์หายาก ฉันไม่คิดว่าจะหาเจอกันได้ง่ายๆ หรอกนะคะ”
“นั่นมันก็จริงนะ ฉันลองสำรวจดูเร็วๆ แล้ว ดูเหมือนว่าพวกนักเวทย์หายากน่ะมีอยู่น้อยยิ่งกว่าเมื่อพันปีก่อนซะอีก คนที่สามารถปลุกให้เวทมนตร์หายากในตัวตื่นขึ้นได้นั้นมีอยู่น้อยอยู่แล้ว การที่เวทมนตร์ของพวกเขาจะได้รับการสืบทอดต่อมาก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ทุกวันนี้ พวกเขาจะเกิดมาได้ก็มีแต่รูปแบบคล้ายๆ กับการกลายพันธุ์ผ่าเหล่านั่นแหละ”
คุณสมบัติทางเวทมนตร์ของแต่ละคนน่ะมักจะสืบทอดลงมาตามสายเลือดอย่างจากรุ่นพ่อแม่หรือจากรุ่นปู่ย่าตายาย
แต่ว่า นานๆ ครั้งจะมีคนที่สืบทอดสีผมมาจากบรรพบุรุษในอดีตอันไกลโพ้นมาได้เหมือนกัน
สีที่ได้รับสืบทอดมานั่น ที่เป็นจุดสังเกตของผู้ใช้เวทมนตร์หายาก คือสิ่งที่ในตอนนี้ถูกเรียกว่าพวกเส้นผมชั้นต่ำไปแล้ว
“จะหาได้ยังไงเหรอคะ?”
“ต่อให้ฉันจะเป็นบุตรีตระกูลขุนนาง ฉันก็ยังเด็กอยู่เลย การจะบริหารจัดการใช้กำลังคนเข้าค้นหาน่ะเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะฉะนั้น ทางเลือกเดียวที่ฉันมีก็คือออกตามหาในระหว่างที่เราเดินทางไปตามที่ต่างๆ แต่โอกาสก็คงจะต่ำมาก เราคงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องค่อยๆ ตรวจสอบจากข้อมูลที่มีอยู่จำกัด แล้วค่อยๆ ค้นหาไปตามนั้นล่ะนะ”
“ในห้องสมุดนี้ไม่มีไอเท็มสำหรับค้นหาเลยเหรอคะ?”
“ถ้ามีของแบบนั้นล่ะก็ ฉันคงเอามาใช้นานแล้วล่ะ”
อัตราการเกิดของเส้นผมชั้นต่ำ ผู้ใช้เวทมนตร์หายากในโลกนี้น่ะต่ำมากๆ ทั้งประเทศๆ นึงอาจจะมีแค่ 3 คนเองมั้ง
ที่จริง การที่พวกเรา ผู้ใช้เวทมนตร์หายาก โดยเฉพาะทั้งเวทมนตร์สายแสงสว่างกับเวทมนตร์สายความมืด 2 เวทมนตร์ระดับสูงสุด บังเอิญมาเจอกันได้ง่ายๆ แบบนี้น่ะ พวกเราโชคดีมากจนน่าทึ่งเลย
จากข้อมูลที่เรามีอยู่นี่ ในประเทศนี้ก็คงมีคนที่มีพรสวรรค์อย่างเวทมนตร์หายากอยู่อย่างมากที่สุดก็แค่คนเดียวเท่านั้นแหละ
“อันที่จริงแล้ว ความเป็นไปได้ที่ท่านโนอะจะหาฉันเจอได้เนี่ยมันต่ำมากจนรู้สึกเหมือนว่าพวกเราเอาโชคทั้งชีวิตมาใช้เพื่อการนี้ยังไงยังงั้นเลยนะคะ”
“ให้ตายซี่ อ่า นี่ถ้าเรามีนักเวทย์หายากคนอื่นๆ อีก การค้นหาคงจะง่ายกว่านี้เยอะเลย ทั้งเวทแสงสว่างทั้งเวทความมืด ไม่มีอันไหนเลยที่เหมาะกับการใช้ค้นหาคนน่ะ”
“พวกเราลำบากกับการค้นหาวิธีการค้นหาตำแหน่งของนักเวทย์หายากอยู่นะคะ ตอนนี้น่ะ”
“สำหรับตอนนี้ วิธีที่อาจจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดน่าจะเป็นการให้ท่านพ่อจัดรถม้าออกไปตามที่ต่างๆ โดยอ้างว่าเป็น [การเปิดหูเปิดตา] แล้วก็ค่อยๆ ออกค้นหาไปนั่นแหละนะ อ่าาา น่ารำคาญชะมัดเลย”
ระหว่างที่ให้กำลังใจท่านโนอะที่ท้อแท้แล้ว ฉันก็
นิดนึง แค่นิดนึงเท่านั้นแหละ
ที่อดคิดไม่ได้เลยว่าการที่ยึดโลกใบนี้ด้วยแค่พวกเรา 2 คนก็ไม่เลวเหมือนกันน่ะ
TN: แซ่บเกินเบอร์มาก 555