“นี่เลย นี่เลย~!”
“กีก…!”
ต่อหน้าการโจมตีอันดุดันของท่านฟลูเรเทียแล้ว ฉันทำได้แต่ตั้งรับอย่างเดียวเลย
นี่ถ้าไม่มีการส่องอนาคตกับการส่องจิตใจของเนตรสวรรค์ อารุสล่ะก็ ฉันคงโดนฆ่าไปตั้งแต่ระฆังเริ่มยกแหงๆ เลย
ฉันต้องเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด คอยสร้างระยะห่าง และสวนกลับเมื่อมีโอกาส… แต่ก็นะ คนคนนี้ไม่เปิดช่องว่างเลยซักนิด
ทักษะในศิลปะการต่อสู้ก็ระดับสูงเลย นี่ถ้ามาแข่งประลองการต่อสู้กัน เธอคนนี้ไม่เก่งพอๆ กับคุณเกรย์เลยหรือไงนะ?
“เป็นอะไรไปเหรอ ลีนจัง? ถ้าไม่โจมตี เธอก็ไม่มีทางชนะหรอกนะ!”
“ถ้าฉันโจมตีไปตอนนี้ คุณก็เอาแขนฉันไปด้วยไม่ใช่หรือไงคะ!”
ถึงฉันพยายามจะโจมตีกลับ ฉันก็เห็นอนาคตได้จากเนตรสวรรค์ อารุสแล้ว
ทั้งรับมือยากเกินไป ทั้งแข็งแกร่งเกินไปเลย คนคนนี้
โยมิเองก็…
“กรร―――ร!”
“เร็วชะมัด เลย…!? คิย้า!”
…ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่
กว่าดวงอาทิตย์จะตกก็เหลืออีกตั้ง 15 นาทีที่การอวยพรจากดวงจันทร์จะทำงานได้ กว่าจะถึงตอนนั้น ฉันต้องรับมือกับคนคนนี้ด้วยตัวคนเดียวงั้นสินะ
“ไม่… เป็นไปไม่ได้เลยหรือเปล่านะ?”
ถึงจะผ่านสถานการณ์อันตรายมาเพียบ แต่ฉันก็ซื้อเวลาได้พอควรเลย
โยมิเองก็… ใกล้จะปิดฉากได้แล้วหรือเปล่านะ? แต่ถ้าละสายตาไปเหลือบมองโยมิแค่แวบเดียว ฉันก็โดนไล่ทันแล้ว เพราะงั้นเลยไปมองดูเธอดีๆ ไม่ได้เลย
แถม ถึงจะมองเห็นอนาคตด้วยอารุสแล้ว ฉันยังถูกโจมตีไปแล้วสองสามครั้งเลยด้วยอีกต่างหาก
“อือ ดิฉันเข้าใจดีเลยล่ะ การเคลื่อนไหวที่ติดเป็นนิสัยของลีนจัง วิธีการใช้งานสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของเธอ แล้วก็อื่นๆ… ครั้งต่อไปคงเรียบร้อยแล้วสินะ?”
“…น่ากลัวนะคะเนี่ย แต่ฉันเองก็เก่งไม่น้อยหรอกนะคะ”
“ดิฉันรู้อยู่แล้ว ถึงยังไง เธอก็เป็นเด็กที่ฟิลิสเลือกมานี่นะ… แต่ว่า ลีนจังน่ะถูกเลือกเป็นตำแหน่งที่ 2 ของขุนพลจตุเทวอสุราก็เพราะความสามารถในการต่อสู้ รวมกับผลของการอวยพรจากดวงจันทร์นี่ ความแข็งแกร่งในเวลากลางวัน คืนเดือนมืด ในที่ร่ม หรือสภาพอากาศที่มืดครึ้ม พลังของเธอก็อาจด้อยกว่าเกรย์จังที่อยู่ตำแหน่งที่ 4 เลยใช่มั้ย… ไม่งั้น เธอก็คงไม่จำเป็นต้องระมัดระวังตัวขนาดนี้ เหมือนแบบโยมิจังไง จริงมั้ย?”
…ถึงจะน่าหงุดหงิด แต่เธอก็พูดถูกเลย
สเตตัสเฉลี่ยของฉันในเวลากลางวันจะสูงกว่า 20,000 นิดหน่อย ไม่ดีเท่าโยมิหรือคุณเกรย์เลย
เวลาที่ดวงอาทิตย์จะตกดิน… เหลืออีก 5 นาที จะรอดถึงตอนนั้นมั้ยนะ?
ระหว่างนั้น ก็ต้องใช้วิธีส่องอนาคต และส่องจิตใจว่าเธอคนนั้นคิดอะไรอยู่… นั้นคือวิธีที่ฉันใช้ยื้อเวลามาจนถึงตอนนี้
คืนนี้เป็นคืนจันทร์เสี้ยว สเตตัสจะเพิ่มขึ้น 2 เท่า ขอโทษนะคะ แต่ถ้าเป็นแบบนั้น ต่อให้สู้กับโยมิ ฉันก็ชนะได้ด้วยซ้ำ
ถึงอย่างนั้น ถ้าเธอคนนี้ถามว่า โยมิที่ถูกผนึกเวทเสริมแกร่งทางกายภาพไป และฉันที่ถูกผนึกเวทมนตร์ไปสามารถชนะเธอด้วยตัวคนเดียวมั้ย? คำตอบง่ายๆ เลยก็คือไม่มีทาง
กล่าวคือ ถ้าฉันร่วงไปตรงนี้ล่ะก็ โยมิต้องแพ้อย่างเลี่ยงไม่ได้แน่นอนเลย
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะคะ แต่ฉันเองก็ไม่อยากให้คู่หูต้องบาดเจ็บเท่าที่เป็นไปได้… ฉันจะทนไว้เองค่ะ”
“อาระอาระ~… ดิฉันได้ยินมาว่าเธอชอบโยมิจังมากเลยนี่นะ”
โอ้ย! ทำไมเรื่องนั้นมันลอยมาไกลถึงที่นี่ได้กันล่ะเนี่ย!?
“เอาล่ะ ถ้าเกิดเธอได้สู้ภายใต้การอวยพรจากดวงจันทร์ มันจะเป็นเรื่องยุ่งยากเอา เพราะงั้น มาปิดฉากการต่อสู้นี้โดยเร็วเลยดีกว่า… ฮ่า!”
“อึก!? อันตราย…”
ฉันบิดตัวเพื่อหลบท่านฟลูเทเรียที่พุ่งเข้ามา และโจมตีโดยเล็งใส่ที่เอวของฉัน
ตอนที่เธอใช้ดาบมือข้างซ้ายฟาดเข้ามา ฉันก็ย่อตัวลงเพื่อหลบมัน, หดคอลงเพื่อหลบการถีบของเธอ และเตะพื้นเพื่อทิ้งระยะห่างจากเธอมา
“จ้า~ จับตัวได้แล้ว~♪”
“!? ขามัน……!?”
ทันทีที่ฉันต้องการจะเตะพื้นเพื่อสร้างระยะห่าง ฉันก็เพิ่งรู้ตัวว่าขาของฉันไม่ยอมขยับเลย… พอดูดีๆ แล้ว เหมือนจะมีวัตถุสี่เหลี่ยมจัตุรัสโปร่งใสปริศนาติดกับเท้าของฉันอยู่
นี่มัน…
“บาเรีย…!? ทำไมเท้าฉันถึงถูกยัดอยู่ในบาเรียจิ๋วนี่ได้ล่ะ…!”
“ใช่แล้วจ้า ดิฉันวางกับดักเอาไว้ก่อนแล้วไงล่ะ… ตะวฉันเคยใช้เนตรสวรรค์ อารุสมาก่อนไง จำที่ดิฉันเคยบอกได้หรือเปล่า? ดิฉันรู้จุดอ่อนของมันหมดนั่นแหละ”
จริงด้วยสิ
ฉันเองก็เห็นอนาคตที่ตัวเองขยับไม่ได้ และฉันก็รู้ว่าท่านฟลูเรเทียเล็งเรื่องนี้เอาไว้แล้วจากการที่ฉันส่องจิตใจมาแล้ว
…แต่ ฉันสับสนเพราะไม่เข้าใจเลยว่าเธอใช้ ‘วิธี’ ไหนในการทำมัน สุดท้าย ฉันเลยโดนจับตัวได้
“ภาพที่เธอเห็นจากการส่องอนาคตด้วยเนตรสวรรค์ อารุสน่ะ ก็คือ[b]ภาพอนาคตที่ตาของเธอกำลังมองเห็นอยู่ในตอนนี้ไง[/b] พูดอีกอย่างก็คือ ถ้าดิฉันวางกับดักเอาไว้ในจุดที่อยู่นอกลานสายตาของเธอล่ะก็ ประสิทธิภาพของการส่องอนาคตก็จะลดลงไปกว่าครึ่งแล้วยังไงล่ะ… ไม่ต้องพูดถึงการส่องจิตใจหรอกเนอะ นั่นน่ะ นั่นก็เป็นสิ่งที่เธอเห็นได้แค่ส่วนเดียวเท่านั้นเอง”
“อื้อ…! ของแบบนี้น่ะ อีกนิดเดียว……”
“ใช่ เธอใช้แค่นาทีเดียวก็ทำลายมันได้แล้ว แต่ว่า… คิดว่าดิฉันจะไม่ทำอะไรเลยระหว่างนั้นหรือเปล่าล่ะ?”
“กึก…! อ๊าาาา ไม่น้าาาาา!”
…ขอโทษนะ โยมิ เป็นไปไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ
อย่างว่านั่นแหละ ฉันไม่มีความมั่นใจเลยว่าจะยื้อเธอไว้ได้โดยที่ขยับจากตรงนี้ไปไหนไม่ได้เลยน่ะ
…ฉันซื้อเวลาให้เธอเต็มที่แล้ว เพราะงั้นรีบจัดการเจ้าสัตว์อสูรนั่นให้ได้ในช่วงเวลาที่ฉันพอจะยื้อไว้ให้ได้นะ
“…ครั้งหน้า ฉันไม่แพ้แน่ค่ะ”
“อาระ~ น่ากลัวจัง… งั้น เอาล่ะนะ”
และ ท่านฟลูเรเทียก็โจมตีเข้ามา
ฉันส่องอนาคต และวางแผนล่วงหน้าเอาไว้หมดแล้ว การโจมตีที่เข้าจุดสำคัญก็รับมือเป็นพิเศษ ส่วนการโจมตีเล็กๆ น้อยๆ ฉันก็ปล่อยเข้ามา
…ถึงอย่างนั้น ก็อย่างที่คิดเลย การโจมตีเข้าจุดสำคัญมีมากเกินไป ฉันรับมือพวกมันได้ไม่หมด
อีก 30 วินาที นั่นคือเวลาที่ฉันจะพอจะต้านการโจมตีของท่านฟลูเรเทียได้
สุดท้ายแล้ว การโจมตีที่ฉันทำอะไรไม่ได้ถึงจะส่องอนาคตเต็มกำลังก็พุ่งทะลุฉันเข้ามาแล้ว เป็นหมัดตรงเข้าลิ้นปี่แบบเต็มแรงเลย
“อึ้ก………”
“ไม่นึกเลยว่าจะทนได้ขนาดนี้นะเนี่ย… ไว้พยายามใหม่นะ ลีนจัง”
อ่า… ขอโทษนะ โยมิ ฉันมันอ่อนแอ ถ้าไม่มีการอวยพรจากดวงจันทร์แล้ว ฉันขอโทษนะ
แล้ว ท่านฟลูเรเทียก็จะทำให้ฉันสลบด้วยการสับเข้าที่ท้ายทอย
“ไม่ยอมให้ทำหรอก น่าาาาาาา!”
“ฮะ!?”
“เอ…? …โยมิ?”
ดาบมือของท่านฟลูเรเทีย ถูกหยุดไว้ด้วยไดอาสของโยมิ
“ฮะ… เจ้าสัตว์อสูรนั่น!?”
“ชนะมันเรียบร้อยแล้วค่ะ!”
ฉันลนลาน พลางมองไปทางที่โยมิอยู่… ก็เห็นสัตว์อสูรคล้ายๆ เสือตัวนั้นถูกฟันในตามขวางเป็น 2 ท่อนอย่างสมบูรณ์เลย
“จัดการสัตว์ประหลาดระดับสูงที่มีสเตตัสเฉลี่ยสูงกว่า 20,000 ได้ในเวลาสั้นๆ แบบนี้โดยที่ไม่มีเวทเสริมแกร่งทางกายภาพช่วยเลยงั้นเหรอ… ดูเหมือน ดิฉันจะยังดูถูกเธอมากไปหน่อยสินะ… สมแล้วล่ะที่เธอควรถูกเรียกว่านักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพจอมมารในตอนนี้น่ะ”
ดูเหมือน ความระแวดระวังของท่านฟลูเรเทียจะย้ายมาที่โยมิแทนแล้วสินะ
บาเรียที่เท้าเอง ตอนนี้ก็…
“ลีน ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
“อ- อื้อ… ขอบใจนะ ช่วยฉันเอาไว้ได้พอดีเลย”
“เราพังบาเรียที่เท้าเธอเอาไว้ให้ก่อนแล้วนะ ตอนนี้จะกลางคืนอยู่แล้ว เพราะงั้นเราจะซื้อเวลาไว้ให้เอง”
“ต- แต่ว่า…!”
จากนั้น โยมิก็…
“ไม่เป็นไร เราจะปกป้องลีนเองนะ”
เอ๊ะ?
……เอ๋?
…………เอ๋??
…ใครน่ะ?
ใครน่ะ คนคนนี้ คนที่หันมายิ้มเท่ๆ ให้ฉันแบบนี้คือใครกันน่ะ?
โยมิแสนน่ารักน่าเอ็นดูไปไหนแล้วล่ะ?
เด็กผู้หญิงแสนสวยคนนั้นที่ทำให้ฉันคิดว่า ‘ฉันจะปกป้องเธอคนนี้’ หายไปไหนน่ะ?
…เอ๊ะ อะไรน่ะ? ความรู้สึกนี่คืออะไรน่ะ? ความรู้สึกที่หัวใจเหมือนถูกกรีดออกมานอกอก เหมือนบุคลิกทั้งหมดของฉันถูกบิดเป็นเกลียว ความรู้สึกอลม่านแบบนี้น่ะ
โยมิแสนน่ารัก กลายเป็นโยมิสุดเท่ไปแล้ว แต่หน้าของเธอยังน่ารักเหมือนเดิม แต่ก็เท่มากเลยในเวลาเดียวกัน
เอ๋… อา… ช-…
“…ฮวา……”
“เอ๊ะ? …โอ้ เอ๋? ลีน!?”
“อุหวา… เด็กคนนี้ เป็นคนประเภทที่คว้าหัวใจคนอื่นมาได้โดยไม่รู้ตัว อย่างที่ลือกันจริงๆ สินะ… เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย…”
“ค- คุณทำอะไรลีนน่ะ!”
“เปล่า ไม่ใช่ดิฉันหรอก เธอต่างหากที่เป็นคนทำน่ะ… แต่เอาเถอะ…”
ฉันปล่อยสติล่องลอยไประหว่างที่ฟังบทสนทนาพวกนั้นอย่างไม่ได้ศัพท์ ก่อนทุกอย่างจะมืดดับไป