…ทุกคนที่อยู่ตรงนี้น่ะ ไม่มีใครอยากจะเชื่อหูตัวเองเลยซักคน
อาวิซน่ะแข็งแกร่ง หมอนั่นน่ะแข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเราอย่างไม่ต้องสงสัยเลย แล้วที่ไปด้วยนั่นก็มี 12 อัครสาวก ผู้ที่ว่ากันว่าเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของมนุษยชาติอยู่ตั้ง 3 คนด้วยนะ แถมยังมีนักผจญภัยระดับ S ไปด้วยอีกต่างหาก
…นี่จะบอกว่าทุกคนโดนฆ่าหมด ด้วยแวมไพร์แค่ตนเดียวงั้นเหรอ?
“…จูเลีย ที่เธอว่านั่น คงไม่ใช่แค่เรื่องล้อเล่นหรอกใช่ไหม?”
“ด- ดิฉันไม่ได้ล้อเล่นเลยแม้แต่คำเดียวนะคะ! ที่ดิฉันพูดล้วนเป็นความจริงทุกประการเลยค่ะ! เจ้าแวมไพร์นั่นมันแข็งแกร่งมากจนน่ากลัว ไม่ว่าจะทั้งพวกท่าน 12 อัครสาวก ทั้งเหล่านักผจญภัยระดับ S อย่างพวกดิฉัน… ทั้งคณะท่านผู้กล้า ทุกคน…!”
“ลีน… ชื่อเดียวกับที่มีอานำกลับมารายงานเลยนี่… มีพลังในการต่อสู้ขนาดนั้นเลยอย่างนั้นหรือ…?”
…จริงๆ เหรอเนี่ย?
คณะผู้กล้า… กลุ่มมนุษย์แนวหน้า 13 คน ไม่สามารถต่อกรได้แม้แต่นิดเดียวงั้นเหรอ?
“…เข้าใจแล้ว เราเชื่อเธอ ฉะนั้นแล้ว เธอจงเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเธอทั้งหมดมาโดยละเอียดที”
“ค- ค่ะ! …มันเริ่มต้นด้วย-…”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ!”
“อึก…!? ม- มีอะไรงั้นเหรอคะ…?”
คนที่ขัดการเล่าของคุณจูเลียขึ้นมาคือ… 12 อัครสาวกลำดับที่ 2 คุณเฮเลน่าแห่ง ‘เนตรสมบัติ’
ผู้หญิงที่เกิดมาพร้อมกับดวงตาปริศนาที่ต่างจากปรากฏการณ์ทางเวทมนตร์ทั่วๆ ไป ในระดับที่ว่ากันว่าเธอสามารถมองเห็นทะลุผ่านทุกสรรพสิ่งได้เลยทีเดียว
“…คุณจูเลีย มาทางนี้หน่อยค่ะ”
“ค- ค่ะ…”
พอคุณจูเลียเดินไปอยู่ข้างตัวคุณเฮเลน่า คุณเฮเลน่าก็จ้องมองหน้าท้องของเธอ…
“…คุณจูเลีย คุณน่ะ ถูกฝังระเบิดเวทไว้ในร่างกายนะคะ”
“เอ๋…?”
“บางที แวมไพร์ที่ชื่อลีนตนนั้นอาจจะเป็นคนใส่มาก็ได้… {มาจิก รีลีส (ปลดเวทมนตร์)} …อืม กำจัดมันไปแล้วเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ล- ร- ระเบิด…! ข- ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ ท่านเฮเลน่า! ถ้าท่านไม่สังเกตเห็น ดิฉันคง-…”
…ขนาดกับคนที่ปล่อยให้หนีไป ยังติดกับดักเอาไว้เพื่อพยายามจะฆ่าเขาทีหลังด้วยเหรอ แถมยิ่งกว่านั้น วิธีการที่เลือกใช้ยังเป็นระเบิดด้วย นี่ก็แสดงว่าตั้งใจจะลากคนอื่นๆ รอบตัวให้บาดเจ็บไปด้วยงั้นสิ
แวมไพร์ที่ชื่อลีนนั่น ดูแล้วต้องเป็นคนที่ทั้งโหดเหี้ยมทั้งไร้ปรานีจนน่ากลัวแน่นอนเลย
“ถ- ถ้าอย่างนั้น ดิฉันจะเริ่มเล่าเลยนะคะ………”
พอเราฟังเรื่องจากคุณจูเลียจบ… ทุกคนก็พูดอะไรไม่ออกเลย
นั่นเป็นเพราะ พลังการต่อสู้ที่เกินกว่าคำว่าแข็งแกร่งไปมากของผู้หญิงที่ชื่อว่า ลีน คนนั้น
“สัตว์ประหลาดอะไรกันล่ะนั้น…”
“ถึงจะเป็นแค่ลำดับล่างก็เถอะ แต่ถึงขั้นที่ 12 อัครสาวกถึง 3 คนร่วมมือกันแล้วยังรับมือไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียวเนี่ยนะ…?”
“ล- แล้วก็ ขออนุญาตนะคะ… ธ- เธอน่ะ… เธอคนนั้นเรียกตัวเองว่าขุนพลจตุเทวอสุรา ตำแหน่งที่ 2 ‘ขุนพลเทพอสูร’ ด้วยค่ะ…”
“ขุนพลจตุเทวอสุรา…? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย นั่นมันอะ-… เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้เธอบอกว่า ตำแหน่งที่ 2 งั้นเหรอ?”
“…แค่สันนิษฐานนะคะ ถ้าเราอนุมานว่าขุนพลจตุเทวอสุราคือกลุ่มมารที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพจอมมารแล้วล่ะก็… นี่จะบอกว่ายังมีคนที่เก่งกว่านั้นอีกตำแหน่งนึงด้วยงั้นเหรอคะ…!?”
“ม- ไม่ทราบเลยค่ะ… แต่ว่า… เธอคนนั้น พูดคุยกับ ลมหายใจแห่งหายนะ… พูดคุยอย่างสนิทสนมกับซากุระ ฟอเรสเตอร์ด้วยค่ะ… อย่างน้อย ฐานะของแวมไพร์นั่นก็ต้องเท่าเทียมกันกับว่าที่ผู้บริหารที่แข็งแกร่งที่สุดแน่นอน…”
…เหงื่อผมแตกไปหมดทั่วตัวเลย
นี่กองทัพจอมมารมีตัวตนที่แข็งแกร่งขนาดนั้นอยู่มากแค่ไหนกันแน่?
ลีน บลัดลอร์ด อสูรที่ทำลายคณะผู้กล้าทั้งคณะได้ด้วยตัวคนเดียว แล้วนี่ยังจะมีคนที่แข็งแกร่งระดับเดียวกันอยู่อีกตั้ง 3 คนเลยเหรอ
…ฝันร้ายชัดๆ ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ คนเดียวที่รับมือได้ก็คงมีแต่ท่านรีเวลซ์ ที่เป็นลำดับที่ 1 ของ 12 อัครสาวกเท่านั้นแหละ
“…ผู้หญิงคนนั้น …บอกกับดิฉันว่า ‘จะปล่อยแกไป ถ้ารับเงื่อนไขพวกนี้แทน’ ค่ะ… ฉัน ตัดสินใจจะนำข้อมูลพวกนี้กลับมาเป็นอันดับแรก เลยตัดสินใจรับเงื่อนไขนั้นค่ะ…”
“เงื่อนไข…งั้นเหรอ?”
“ข้อนึง… คือให้ส่งต่อข้อมูลเหล่านี้กับทุกท่าน อีกข้อนั้นคือ… บอกข้อมูลของพวกเราให้เธอเท่าที่ฉันรู้… ซึ่งฉันปฏิเสธไป… ส่วนข้อสุดท้ายคือ… ส่งต่อข้อความค่ะ…”
“ข้อความ… งั้นเหรอ?”
จุดประสงค์ที่ให้แพร่ข้อมูลออกมานี่ คงจะเพื่อฝังความกลัวให้มนุษย์ ให้พวกเราได้รับรู้ถึงตัวตนของพวกตัวเองแน่ๆ
แต่ว่า ข้อความงั้นเหรอ?
“ข้อความถึง… 12 อัครสาวก ท่านนอยน์ กับท่านอีดิธค่ะ”
“…ถึงฉันกับท่านนอยน์เหรอ?”
“ฮึก… นั่นมัน อะไรงั้นเหรอครับ…?”
คุณนอยน์ ลำดับที่ 6 ของ 12 อัครสาวก ‘จอมเวทเจ้าน้ำตา’ กับคุณอีดิธ ลำดับที่ 7 ของ 12 อัครสาวก ‘ดาบวิศุทธ์’ เหรอ
คุณนอยน์เป็นนักเวทตัวใหญ่ที่ร้องไห้อยู่ตลอดเวลาเลย แล้วก็เป็นคุณนอยน์นี่แหละที่ช่วยสอนการใช้เวทมนตร์ให้ฉันล่ะนะ
ส่วนคุณอีดิธเป็นอัศวินที่เที่ยงธรรม ผู้ต้องการความสงบของมนุษยชาติยิ่งกว่าใคร เธอเป็นคนสวยและได้รับการชื่นชมจากนักดาบทุกคนเลย
“…ผู้หญิงที่ชื่อลีนนั่น ดูท่าทางเธอจะเป็นแวมไพร์นะ… เข้าใจแล้ว พอจะจับจุดได้แล้วล่ะ ท่านนอยน์ คุณน่ะ… จำได้มั้ยว่าเมื่อ 8 ปีที่แล้ว คุณเคยทำแวมไพร์หลุดมือไปตัวนึง?”
“ฮึก… อ้อ เด็กผู้หญิง ตัวเล็กนั่น… หรือว่า เธอคนนั้นน่ะ…!? อ่า ท่านมิซารี่ครับ! โปรดยกโทษให้การกระทำอันโง่เขลาของข้าพเจ้าด้วยเถิด…!”
…? หมายความว่าไงกันนะ?
พวกคุณลืมหรือเปล่าว่าพวกเรา กลุ่มคนที่มาเกิดใหม่ที่ต่างโลกน่ะ ตามไม่ทันกันแล้วน่ะ? ท่านรีเวลซ์ก็อธิบายขึ้นมา
“…เผ่าพันธุ์แวมไพร์น่ะ จริงๆ แล้วควรจะถูกทำลายจนสูญพันธ์ุไปจากผลงานของอีดิธและนอยน์ตั้งแต่ 8 ปีก่อนแล้ว เพราะมีการพบว่าพวกนั้นแอบติดต่อกับกองทัพจอมมารแบบลับๆ ระหว่างเผ่ามารกับเผ่ามนุษย์ โดยแสร้งทำเป็นว่าเป็นกลางในสงคราม… แต่ว่า ในตอนนั้น มีเด็กน้อยเผ่าแวมไพร์คนนึงหายสาบสูญไป แวมไพร์เด็กคนนั้นที่มีพลังมากผิดปกติ อาจเป็นพวกกลายพันธุ์ก็ได้ ว่ากันว่าเธอได้ลงมือสังหารเหล่าอัศวินที่ประจำการอยู่ในหมู่บ้านมากกว่า 20 คนนั้นไปหมดทุกคน”
“…หรือว่า แวมไพร์คนนั้น จะเป็นลีน บลัดลอร์ดอย่างนั้นเหรอคะ?”
“เป็นไปได้มากทีเดียว… เช่นนั้น จูเลียเอ๋ย ข้อความที่ว่านั่นคืออะไร?”
“ค- ค่ะ… ‘พวกแกคือรายต่อไป ฉันจะให้พวกแกได้ชดใช้ความผิดที่แกฆ่าพ่อของฉัน แม่ของฉัน เพื่อนของฉัน และพรรคพวกของฉัน ฉันจะไปฆ่าพวกแกแน่นอน’ ค่ะ…”
“อึก… ก็ดีแล้วนี่ที่เก็บความแค้นเอาไว้น่ะ”
“โห่ ช่างน่าเศร้า…! ในตอนนั้น เราควรจะส่งเธอลงนรกตามแม่ของเธอไปแท้ๆ…!”
…ไม่ว่าเขาจะเกี่ยวข้องกับกองทัพจอมมารหรือเปล่า แต่มันก็ไม่ควรจะทำแบบนั้นน่ะ กับการทำลายเผ่าพันธุ์ๆ นึงไป โดยไม่สนทั้งเด็กทั้งผู้หญิงน่ะ มันเป็นเรื่องที่รับได้กันในโลกนี้งั้นเหรอ?
“…ดูท่า ศัตรูตอนนี้เองก็ตัดสินใจแล้วสินะ… [ขุนพลจตุเทวอสุรา] ของกองทัพจอมมาร… ก่อนอื่นเลย การหาข้อมูลของกลุ่มนี้เป็นความสำคัญอันดับ 1 ในตอนนี้ เรายังไม่ต้องจะส่งสมาชิกลำดับสูงใน 12 อัครสาวกออกไปในสู้ในแนวหน้า …พวกเธอทุกคน ระวังตัวให้มากกว่าเดิมด้วย”
“““ครับ/ค่ะ!”””
…ด้วยเหตุนี้ ภัยร้ายใหม่ก็ได้ถูกค้นพบ และการประชุมเพื่อตัดสินอนาคตของมนุษยชาติก็ได้ปิดลง
“…คือ…คุณเซโน่คะ”
ระหว่างที่ฉันกำลังเดินมาตามโถงทางเดินพลางคิดเรื่องของอาวิซ นักผจญภัยระดับ S ที่อยู่ในห้องประชุมเมื่อกี้… จูเลียก็เรียกฉันเอาไว้
“มีอะไรเหรอครับ?”
“…จริงๆ แล้ว …คุณเซโน่น่ะค่อนข้างสนิทกับท่านผู้กล้าอาวิซสินะคะ”
“…ก็ ไม่ใช่ว่าพวกเราสนิทมั้ยหรอกครับ พวกเราแค่ต้องอยู่ด้วยกันบ่อยแค่นั้นเอง”
ให้ไปสนิทกับคนอย่างมันเนี่ยขอเถอะ
“…คือ นี่เป็นเรื่องที่ฉันได้ยินตอนสติกำลังเลือนรางน่ะค่ะ… เป็นความทรงจำที่ไม่ค่อยชัดเจน แถมไม่มีข้อยืนยันเลยซักนิดเดียว… เพราะงั้นฉันเลยไม่ได้เอาไปพูดในที่ประชุมค่ะ… แต่ถ้าเป็นคุณ…”
…? หมายความว่าไงกันนะ?
“หมายความว่ายังไงเหรอครับ? ถ้ามีอะไรให้ผมพอช่วยได้ ก็บอกได้เลยนะครับ”
“…ความเป็นไปได้ที่ฉันจะเข้าใจผิดไปเองมีอยู่สูงเลย เพราะงั้น ฉันเลยอยากให้ฟังแบบไม่ต้องคิดอะไรมากก็ได้นะคะ ฉันรู้สึกว่าบทสนทนาระหว่างท่านผู้กล้ากับแวมไพร์ที่ชื่อลีนนั่น… เหมือนพวกเขาเคยรู้จักกันมาก่อนเลยค่ะ”
“…ว่ายังไงนะครับ?”
“ท่านอาวิซกับแวมไพร์นั่น… เหมือนจะเรียกกันด้วยชื่ออื่นที่ไม่ใช่ชื่อของตัวเองกันน่ะค่ะ”
“ช่วยเล่าเรื่องนี้อีกหน่อยทีครับ!”
“เออ… ด- ได้ค่ะ…
รู้สึกว่าแวมไพร์นั่นจะเรียกท่านอาวิซว่า………. ‘คุ-โร-ดะ-คุน’ ……… ฉันจำได้ประมาณแบบนั้นนะคะ…”
คุ-โร-ดะ-คุน… คุโรดะคุง!
ชื่อในชาติก่อนของอาวิซนี่
ทำไม…ลีน บลัดลอร์ดถึงได้รู้ชื่อนั่นได้!?
…จากที่ฉันเคยได้ยิน คุโรดะกับพวกนั้นน่ะ… ถูกสังหารอย่างน่ากลัวและโหดเหี้ยม
ถ้าข้อสันนิษฐานที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่ฉันคิดได้ล่ะก็… มันเป็นไปได้มากเลยว่าคุโรดะกับพวกน่ะต้องถูกทรมานจนกว่าจะถูกฆ่าแน่ๆ
ขอให้ฉันจะคิดผิดที หวังว่าการคาดเดานี้จะพลาดไปด้วยเถอะ
เป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำว่า ‘เธอ’ คนนั้นน่ะ จะเป็นคนเดียวกับลีน บลัดลอร์ดน่ะ
“…อาวิซ… เรียกแวมไพร์ตนนั้นว่าอะไรเหรอครับ?”
“อ- เออ… ขอโทษนะคะ ความจำฉันมันเลือนรางมากเลย…”
“ช่วยนึกให้ออกทีเถอะครับ! ขอร้องล่ะครับ!”
“อุ อา……”
ขอเถอะ ขอให้เป็นคนละคนที
ขอเถอะ…!
“อ๊ะ…! ฉ- ฉันคิดว่า… เซ… เซน… โช… ‘เซนโจ’ ค่ะ… คิดว่าท่านน่าจะเรียกแวมไพร์นั่นว่าเซนโจนะคะ”
…ทันทีที่ฉันได้ยินแบบนั้น
หัวของฉัน มันก็ขาวโพลนไปหมดเลย