“อ- อันดับ… 3…… ในก- กองทัพจอมมาร……?”
“ถูกต้อง ในชาติที่แล้ว ไม่ว่าพวกแกจะทำอะไรฉัน ฉันก็ต่อต้านไม่ได้เลย… แต่ว่า ดูตอนนี้สิ! ฉันมีพลังที่ต่อให้พวกแกรวมหัวกันสู้ พวกแกก็สะกิดฉันไม่ได้เลยแม้แต่ปลายเล็บด้วยซ้ำ!”
“ท- ทำไม…”
“หืม?”
“ทำไม แกถึงเข้าร่วมกับกองทัพจอมมาร? แกเป็นมนุษย์นี่ ถึงต่อให้จะแค่เคยเป็นก็เถอะ? ทำไมไม่คิดจะเอาพลังนั้นมาใช้เพื่อมวลมนุษย์กันเล่า!”
“ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว… ฉันเกลียดมนุษย์มากขนาดที่อยากจะล้วงสมองตัวเองออกมาแล้วทำให้ตัวเองลืมๆ ไปซะว่าตัวเองเคยเป็นมนุษย์มาก่อนด้วยซ้ำไป… พวกมนุษย์น่ะนะ ฉันล่ะโโโโโคตรเกลียดพวกมันเลย!”
“อะไรกัน……!?”
“เพราะงั้น พวกแกไม่มีทางจะได้หนีไปจากที่นี่มาตั้งแต่แรกแล้ว เพราะฉันตัดสินใจไว้ว่าจะไม่มีทางยอมไว้ชีวิตมนุษย์หน้าไหนก็ตามที่เข้ามาให้ฉันเห็นแม้แต่คนเดียว ถ้าเกิดว่าไม่มีเหตุผลเพียงพอล่ะก็นะ”
ไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้ พวกมนุษย์มันก็เลวสิ้นดีไม่ต่างกัน
อา ก็ต้องยอมรับว่าที่โลกเดิม ก็ยังพอจะมีมนุษย์ที่เป็นคนดีอยู่บ้างจริงๆ
แต่ที่โลกใหม่นี้น่ะ พวกมนุษย์ที่หมกมุ่นคลั่งไคล้ในเทพธิดามิซารี่ แถมยังดูถูกเหยียดหยามทุกเผ่าพันธุ์อื่นนอกจากพวกมันเองน่ะเรอะ อยู่ไปก็รังแต่จะเป็นพิษเป็นภัยกับโลกนี้เท่านั้นแหละ
…และถึงแม้ว่าเจ้าพวกที่อยู่ตรงหน้าฉันตอนนี้จะไม่ได้บ้าไร้สติแบบพวกมนุษย์คนอื่นๆ ก็ตาม แต่แค่การมีอยู่ของพวกมันก็เป็นภัยต่อความสงบกับโลกที่ฉันอยู่นี่มากเกินพอแล้วล่ะ
“เอาล่ะ นี่เราคุยกันมามากพอแล้วสินะ? ฉันก็อยากเล่นสนุกให้มากกว่านี้จัง… อ้อจริงสิ! ทำไมพวกแกลองพยายามขัดขืนดูซักหน่อยล่ะ? แบบนั้นน่ะน่าสนใจกว่ากันเยอะเลย”
“…พ- พวกนายทุกคน ใช้เวทมนตร์! ใครที่ใช้เวทมนต์อะไรได้ก็ใช้เลย! เร็วเข้า!”
ด้วยคำพูดนั้นของคุโรดะ พวกนั้น 3 ใน 6 คนก็ยิงเวทมนตร์ใส่ฉันออกมาอย่างลนลานและหวาดหวั่น
เวทพวกนั้นหลายอันก็โจมตีโดนฉันนะ เล่นซะฝุ่นควันฟุ้งตลบไปทั่วบริเวณ ทำเอามองรอบๆ แทบไม่เห็นอะไรเลย
“ง- ไง ไงเล่า! สมน้ำหน้า! เป็นแค่ยัยเซนโจแท้ กล้ามาดูถูกพวกเรารึไง…”
“ไอ้พวกบ้า! โดนไปแค่นั้น ยัยนั่นไม่มีทางตายอยู่แล้วเว่ย! หนี! รีบหนีเลยเร็วเข้า!”
“ถูก~ต้อง~ คุโรดะคุง แต่โทษทีนะ ไม่มีทางให้พวกแกหนีหรอก~♪”
“เหวอออออ!?”
“อ- อ้อมมาดักหน้าได้ยังไง…!?”
“พูดอะไรของพวกแกเนี่ย ฉันก็แค่ถีบพื้นทีนึงแล้วอ้อมมาดักหน้าพวแกก็เท่านั้นเอง โอ๊ะ! แต่สงสัยฉันคงจะเร็วเกินไป พวกแกก็เลยมองตามไม่ทันสินะ!”
“ส- ส-… สัตว์ ประหลาด…”
“เลือกใช้คำมาเรียกเด็กผู้หญิงได้ห่วยแตกมาก เอาเถอะ ตาฉันแล้วสินะ… ฉัน~ จะ~ เลือก~ ฆ่า~ ใคร~ ก่อน~ ดี~ น้า~?”
จ้ำจี้เลือกเอานี่ละกัน
“เอาล่ะ ถ้างั้น เราก็มาเริ่มจาก… มิซึทานิคุงสินะ― อยากให้ฉันฆ่าแกด้วยวิธีไหนดีล่ะ?”
“อื้อ…!? ม- ไม่…ไม่เอา ไม่นะ! ช่วยด้วย…!”
“นี่ ฉันถามแกอยู่นะ… อยากให้ฉันฆ่าแกด้วยวิธีไหนดีล่ะ? อ้อ เพราะแกเพิ่งจะเป็นรายแรก แกอยากให้ฉันช่วยเลือกให้ก่อนซักหน่อยมั้ยล่ะ?”
“ย- หยุด… หยุดนะ หยุดทีเถอะ!! ขอล่ะ! ฉันขอร้อง! ช่วยฉันด้วย!”
“อ๊า― ปัดโธ่― หนวกหูเป็นบ้า… งั้น เอาแบบนี้ละกัน”
ในตอนนั้น ฉันก็หยิบเลื่อยออกมา 1 ปื้น
แต่ไม่ใช่เลื่อยธรรมดาๆ นะ เลื่อยนี่น่ะทำมาจากไม้เนื้อแข็งที่แสนจะทนทานเลยทีเดียวล่ะ
“น- นั่น นั่นมันอะไรน่ะ? แกจะทำอะไรฉัน…?”
“หืม? ก็จะตัดคอแกด้วยเจ้านี่ไง ถ้าฉันใช้ดาบหรือเลื่อยโลหะธรรมดาๆ มันจะคมไป จนจะทำเอาจบเร็วเกินน่ะสิ… นี่รู้มั้ย? เวลาที่โดนฟันน่ะ พวกอาวุธทื่อๆ เนี่ยจะทำให้เจ็บกว่ากันหลายเท่าตัวเลย อีกอย่าง แกจะได้สำราญกับความรู้สึกนี้ได้นานๆ ด้วยไง จริงมั้ยล่ะ?”
“น- นี่…!? ย- อย่านะ…! อย่าาาา!”
ทั้งฉี่ราด ทั้งทำหน้ายู่ยี่แบบนั้น สกปรกที่สุดเลยนะ แกเนี่ย
…โอ๊ะ จะหนีแล้วงั้นเหรอ
“คิดว่าฉันจะปล่อยให้แกหนีไปหรือไง―”
“เหวอ!?”
“โอ๋ ไม่ต้องร้องไห้ขนาดนั้นหรอกนะ มิซึทานิคุง แค่โดนฟันคอจากเลื่อยที่ทื่อขั้นสุดเลยเท่านั้นเองนี่? เน้อออ? …นี่ฉันฟันแกไปตั้งหลายแผล ตัดไปแม้แต่เสื้อผ้า …แต่นี่ แกก็ยังหัวเราะอยู่เลยนี่ เน้อ!?”
“ขอโทษ! ขอโทษด้วย! ฉันขอโทษ! ฉันขอโทษ! ฉัน ขอ โท- อ๊าาาาาาาาาาาากกกกกกกกก!!!”
“อะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!! อ๊าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!! เอ้า กรีดร้องให้มันมากกว่านี้สิ!! ดูไม่จืดเลยนะแกเนี่ย!? ฉันถูกพวกแกทรมานมาเป็นปีๆ! พวกแกกลับแค่ต้องเจอกับมันแบบรวดเดียวเลยก็เท่านั้นเอง!? แถมถ้าแกตายไป แกก็ไม่ต้องทรมานด้วยไงเล่า แกนี่โชคดีจริงๆ เลยนะ! อะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!! อ๊าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!”
◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆
“ฟู่ว―ว… อาเระ?”
ใช้เวลาไปเยอะเลยแฮะเพื่อฆ่าคนแค่คนเดียว
รู้สึกสดชื่นมากเลย แต่ตอนนี้ ทั้งเนื้อทั้งตัวฉันเลอะเลือดเปรอะไปหมดเลย สกปรกจังแฮะ
อีกอย่าง คนที่เหลือก็ดันหนีกันไปซะแล้ว
เอาเถอะ เรื่องแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก―
เริ่มจาก หนึ่งในความสามารถของสมบัติศักดิ์สิทธิ์อย่าง ‘เนตรสวรรค์ อารุส’ ตราบใดที่ไม่มีสิ่งกีดขวางสายตา ด้วยพลังของเนตรสวรรค์ก็ช่วยให้ฉันมองเห็นพวกมันได้ไกลสุดลูกหูลูกตาเลย… แต่พวกนั้นก็ไปกันได้ไกลอยู่นะเนี่ย
‘อา ฮัลโหลๆ ซากุระคุง เธอช่วยลดความรุนแรงของเวทคุ้มครองยับยั้งการเคลื่อนย้ายนี่ลงซักแป๊บนึงสิ’
‘ด- ได้ครับ… เข้าใจแล้วครับ…’
เอาล่ะ ถ้างั้น ก็เคลื่อนย้ายไปหาเจ้าพวกจานหลักที่กำลังวิ่งหนีอยู่กันโลด
“ให้รอนานมั้ย~! ถ้างั้น ใครจะเป็นรายต่อไปดี?”
“กรี๊ดดด!?”
“โกหกน่า!?”
“โธ่ น่าเบื่อจริงๆ เลยนะ… เอาล่ะๆ คือ ฉันเองก็ไม่ได้มีเวลาเยอะด้วยสิ พอได้มาเป็นตำแหน่งขุนพลจตุเทวอสุราแล้ว ก็มีงานต้องทำตามตำแหน่งเยอะเลยล่ะ เพราะแบบนั้นก็เลยต้องกลับบ้านช้าตลอดเลย แถมถ้าเกิดต้องไปเจอพวกลำดับสูงๆ ใน 12 อัครสาวก มันจะยิ่งน่ารำคาญกว่านี้อีกล่ะนะ… เพราะงั้น ฉันก็จะเล่นกับพวกแกซะก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยไปหาคุโรดะคุงกับคุณเนโมโตะทีหลังแล้วกัน… ต่อให้จะเก็บพวกแก 3 คนไปพร้อมกัน ฉันก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากหรอก {ทริปเพล็กซ์ เอนเชนท์ • อิมมอร์ทัลแฟลร์ (เสริมกำลัง 3 เท่า เพลิงไร้วันดับมอด)}”
“กุอ๊าาาาาาาาาาาา!?!?”
“ร้อน! อ้า! ร้อออออออออออนนนน!!!”
“ช่วย ช่วยฉันด้วววววววววววยยยย!!”
“อ๊าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ไม่ต้องห่วง ฉันปรับพลังเอาไว้อย่างเหมาะสมเลย! {เพลิงไร้วันดับมอด} น่ะต่างจากไฟทั่วๆ ไปนะ มันเป็นไฟพิเศษที่ไม่ต้องใช้ออกซิเจนในการเผาไหม้เลย เพราะงั้นพวกแกจะไม่ขาดอากาศหายใจแน่นอน! ด้วยอุณหภูมิระดับนี้… เอาเถอะ ฉันคิดว่าไม่ถึง 5 นาที เดี๋ยวพวกแกก็ตายแล้ว!”
เอาล่ะ เทศกาลความสนุกสนานนี่ใกล้จะสิ้นสุดแล้วสินะ
ตรงหน้าของฉัน ชาย 2 หญิง 1 ที่ถูกตัดมือทิ้้งกำลังตัวสั่นเทาไปพร้อมกับน้ำตา
ถ้างั้น มาเริ่มจาก…… อ่าว นี่ยังอยู่ตรงนี้อีกเหรอเนี่ย?
“นี่~ นี่~ คุณเนโมโตะ”
“อื้ก… ย- หยุด นะ……”
“นี่ เธอรู้จัก ‘ไอเอิร์นเมเดน’ (สาวพรหมจรรย์เหล็ก) หรือเปล่า?”
“เอ๋…?”
สาวพรหมจรรย์เหล็ก
เครื่องประหารสุดโหดเหี้ยมที่มีรูปร่างเหมือนกับโลงศพที่มีเข็มปักอยู่ภายในอย่างแน่นหนา รูปร่างของโลงขนาดเท่าคนนั้นออกแบบมาให้เหมือนกับผู้หญิง และเมื่อปิดฝาโลง หนามภายในทั้งหมดก็จะทิ่มแทงเหยื่อในโลงนั้นได้ทั้งตัวพร้อมกันเลย
“ก็นะ… ฉันน่ะพยายามสร้างมันขึ้นมาเพื่อเธอโดยเฉพาะเลยนะ คิดว่าไงบ้าง? เธอชอบมันใช่มั้ยล่ะ?”
“อ-… อา อะ……”
“ดูเหมือนเธอจะชอบมันสินะ! ถ้างั้นก็ เชิญข้างในเลยจ้า เดี๋ยวฉันจะรอปิดประตูให้เธอ อย่าง~ ดี~ เลย~♡”
“ไม่- ไม่นะ! ยก- ยกโทษให้ฉันด้วยเถอะ! เรื่องในชาติก่อน ฉันต้องขอโทษจริงๆ นะ!!”
“แกทำอะไรให้ฉันไว้เยอะน่าดูเลยนี่? แกไถตังฉัน เอารูปที่ฉันถูกจับเปลือยไปแปะประกาศทั่วโรงเรียน มีเคยโดนแกจับหน้ากดลงโถส้วมด้วยนี่นา! อ้อ! มีครั้งนึงที่ฉันโดนน้ำร้อนราดใส่ตัวด้วย! …นี่แกคิดจริงๆ เหรอว่าเรื่องทั้งหมดนี้ แค่ขอโทษทีเดียว แล้วแกจะได้รับการยกโทษให้งั้นเรอะ? อย่าได้ใจให้มันมากนัก อีด**เอ๊ย!”
“ม- ไม่นะ อ๊าาาาาาาาาาาาาาาา!!!”
“อ้อ เกือบลืมไปเลย ด้วยสเตตัสการป้องกันที่สูงอย่างไร้ประโยชน์ของแกนั่นน่ะ ฉันว่าแกก็คงจะไม่ได้ตายทันทีหรอก? งั้นแกก็คงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากรอให้หนามทุกเล่มที่แทงใส่แกค่อยๆ ทำให้เลือดแกไหลออกมาทีละนิด ทีละนิด จนกว่าในที่สุด แกก็จะตายเพราะเลือดออกหมดตัวนั่นแหละ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องใช้เวลาแค่ไหน แต่ก็ขอให้โชคดี แล้วก็ไปตายซะ!”
“ไม่เอานะ ไม่อาาาาาาาาาาวววว!!!……”
หลังจากที่ปิดฝาโลงลงสนิท ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรข้างในแล้ว เพราะฉันสร้างมันเอาไว้แบบนั้นให้เป็นแบบนี้นี่แหละ
“เอาล่ะ… ถ้างั้น ขอโทษน้าที่ฉันปล่อยให้รอนานเลย เพราะฉันอยากเก็บแกเอาไว้เป็นคนสุดท้ายไงล่ะ เพราะงั้นก็ รอก่อนนะ คุโรดะคุง~♪”
“อาาา… อ้าาาาาาาาาาาา… อุว้าาาาาาาาากกกกกก!!”
หนวกหูชะมัดเลยเจ้านี่
หรือจะดึงลิ้นมันออกมาทิ้งก่อนดีนะ? แต่ถ้าทำหยั่งงั้นก็ไม่ได้ฟังเสียงกรีดร้องแบบนี้น่ะสิ…
“เห้ย! ใครก็ได้มาช่วยฉันที! ฉันเป็นผู้กล้านะ! ใครก็ได้มาจัดการไอ้สัตว์ประหลาดนี่ที! ฆ่ามันเลย! อ๊าาาาากกกกก!!”
…จนป่านนี้แล้ว ยังคิดจะผลักภาระนี่ไปให้คนอื่นอีกเหรอเนี่ย?
“ช่าย―ความช่วยเหลือน่ะมันไม่มีหรอกน้า―อ๊ะ ดูท่าแกจะไม่ต้องใช้แขนหรือขาแล้วนี่นา? ถ้างั้น เดี๋ยวฉันช่วยหยิบอีก 3 ข้างที่เหลือออกมาให้แกดูก็แล้วกัน”
“เอ๊ะ? …อ๊าาาาากกก ไม่เอานะ ไม่เอา! หยุดทีเถอะ… อ้าาาาาาาาาาาาากกกกกกกก!”
โอ้ ตัวมันเล็กลงแล้วนี่ไง
กะทัดรัดลงเยอะเลย ถึงยังไง ยุคนี้ก็เป็นยุคคนไซส์เล็กแล้วนี่เนอะ
อ่าว ไม่ได้หมายถึงแบบนี้เหรอ? เออ ช่างมันเถอะ
“เอาล่ะ แกอยากจะได้ตายแบบไหนดีล่ะ? ฉันรับรองเลยว่าก่อนที่ฉันจะฆ่าแก แกจะได้ทุกข์ทรมานแบบสุดขั้วแน่นอน แต่อย่างน้อย ฉันจะให้แกได้เลือกวิธีตายของตัวเองก็แล้วกัน อยากโดนเผาตาย โดนถ่วงน้ำตาย ขาดอากาศตาย เลือดออกจนตาย… จะเลือกแบบไหนก็ได้ทั้งนั้นเลย อยากได้แบบไหนล่ะ?”
“ช- ช่วยฉันที……”
“ก็―บอก―ว่า― ไม่มีความช่วยเหลือที่ไหนมาหาแกหรอก หรือต่อให้มีใครมา มันก็เอาชนะฉันไม่ได้อยู่แล้ว นี่แกเรียกร้องขอความช่วยเหลือเสร็จรึยัง? …อ๋า~ ฉันคิดอะไรดีๆ ขึ้นมาได้พอดีเลย! ทุบจนกว่าจะตายไง แน่นอน ฉันออมแรงให้แกแน่ แค่ต่อยกับเตะก็พอ แค่นี้ก็ฆ่าแกได้แล้ว! ว่าไง? ไม่คิดว่าเป็นความคิดที่ดีงั้นเหรอ!?”
“อึก…อื้อ……”
“อ่า― แต่ไม่ดีกว่า การเตะต่อยคนที่ไม่มีแขนไม่มีขา แถมต่อต้านอะไรก็ไม่ได้ มันจะไปสนุกอะไรล่ะ… งั้น…จะทำไงดีน้า…”
“อ- เออ… คุณ ลีนครับ”
“น- นายตรงนั้นน่ะ! ฉันไม่รู้ว่านายเป็นใคร แต่ช่วย-…”
“อาเระ ซากุระคุง มีอะไรงั้นเหรอ?”
“เออ คือ… ท่านจอมมาร… สงสัยว่า… ยังไม่เสร็จอีกเหรอ… น่ะครับ… อาจจะมีอะไรเกิดขึ้น… หรือเปล่า แต่… ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง… สินะครับ…”
“เอ๋!? …อ่า แย่ละสิ ฉันใช้เวลามากไปแล้วสินะเนี่ย… ดันทำให้ท่านจอมมารเป็นห่วงซะแล้วสิ…เฮ้อ ช่วยไม่ได้ งั้นคงต้องฆ่าให้จบแบบเร็วๆ สินะ…”
ถึงยังงั้นก็เถอะ ฉันไม่อยากแค่ฆ่าๆ ไอ้เจ้านี่ให้มันจบๆ ไปน่ะสิ
อยากให้มันได้ทรมาน อยากให้มันได้ตายอย่างช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้มากกว่า
จะทำยังไงดีนะ…
“คือ… คุณลีนครับ… ม- ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจนะครับ… คุณลีน ก- เกลียด เจ้า หมอนี่ สินะครับ …อยากทรมานให้มันค่อยๆ ตายสินะครับ?”
“หืม? …ก็ อย่างนั้นล่ะนะ”
“ถ- ถ้าแบบนั้นล่ะก็ …ผมมี ข้อเสนอครับ…”
“เอ๊ะ อะไรเหรอ อะไรเหรอ?”
“ผมใช้… เวทมิติเวลา… ที่เป็นขั้นที่สูงกว่า ของเวทพื้นที่ได้ครับ… ในบรรดา เวทมนตร์พวกนั้น มีเวทมนตร์ที่ทำให้เป้าหมาย ถูกบังคับให้… รับรู้เวลา ได้เร็วกว่าปกติ… อยู่ครับ…”
หืม
“ทำร้าย มนุษย์คนนี้ ไม่ให้ตายในทันที… เพิ่มความเร็วในการรับรู้ ทำให้รู้สึกเจ็บปวดไปไม่มีสิ้นสุด เป็นยังไงบ้างครับ? อิฮิฮิ…”
…โ―โอ้!
“สมแล้วล่ะซากุระคุง! เป็นสาย S ตามธรรมชาติแบบไม่รู้ตัวจริงๆ ด้วย! เป็นความคิดที่ดีจนฉันแทบไม่ทันสังเกตเลยว่าเธอพูดคล่องในตอนท้ายแล้วด้วยน่ะ! จะว่าไป ความเร็วที่เร่งได้นั่นน่ะ เร่งได้มากแค่ไหนเหรอ?”
“เออ… หนึ่งล้านเท่า ครับ”
“ประเด็นคือ ถ้าฉันสร้างแผลถึงตายใน 10 วินาที ก็จะถูกเร่งเป็น 10 ล้านวินาที… อ- เออ ก็คือ……”
“ต้องทรมานอยู่ประมาณ 115 วันครับ”
“ยอดไปเลยนี่… เป็นไงบ้าง? ได้ยินหรือยัง~? ฉันจะประยุกต์ความคิดล้ำๆ ของเขามาทำให้แกได้ทรมานต่อเนื่องไปเกือบ 4 เดือนเลยน้า~”
“ย- หยุดที… เถอะ… ช่วยหยุดทีเถอะ นะ…”
“แกทำอะไรเอาไว้กับฉันซะเยอะเลยนี่ จริงมั้ย? ฉันหมายถึง เรื่องอะไรก็ตามที่เจ้าพวกนั้นที่ฉันฆ่าไป ตลอดมาจนถึงตอนนี้ ทุกอย่างที่พวกมันทำกับฉัน ทั้งหมดมันก็มาจากคำสั่งของแกด้วยนี่? เพราะงั้น ถ้าแกไม่ได้ตายหลังจากทรมานให้มันมาาาากกกกกกกก~กว่าเจ้าพวกลิ่วล้อของแก มันก็ไม่คุ้มกับแกน่ะสิ ว่ามั้ย? …ถ้างั้น แกก็จงสำราญกับความเจ็บปวดทรมานเจียนตาย แต่กลับชิงตายหนีไม่ได้ไปซะเถอะ!”
“อ๊าาากกกก! ไม่นะ! ไม่เอ้า! ไม่เอาแบบนั้น! ช่วยด้วย! ช่วยฉันที! ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย!! …อ๊าาาาาา!!!”
“อะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!! อ๊าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!! ยอดมาก! กรีดร้องมาได้ดีเลยนี่!!… งั้น ซากุระคุง ฝากด้วยนะ”
“ค- ครับ! … {เบรน แอคเซลาเรชั่น (เร่งการรับรู้เวลา)}!”
10 วินาทีผ่านไป เจ้าคุโรดะก็แทบจะเป็นง่อยไปแล้วเรียบร้อย
มันดูแก่ลงจนฉันตะลึงเลยว่า แค่ 10 วิ คนเราจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรอ
“ขะ…”
“ขะ?”
“ข-… ฆ่า… ที…”
ช่วยฆ่าฉันซักที อะไรประมาณนั้นสินะ?
ก็นะ เจ้านี่ก็ดูทรมานมาขนาดนี้แล้ว งั้นแค่นี้ก็ได้
ตอนนี้ อากาศดีจังเลยน้า
“…งั้นก็ ลาก่อน หวังว่าจะไม่มีโลกหลังความตายที่ต้องให้เรามาเจอหน้ากันอีกก็แล้วกัน”
“อ-……”
แล้ว ฉันก็ฆ่ามันด้วยการระเบิดกระโหลกของมันทิ้ง
“อา―วล่ะ! เรียบร้อยๆ! จะว่าไป ซากุระคุง เดี๋ยวช่วยรอฉันอีกแป๊บนึงนะ พอดีมีเรื่องที่ฉันต้องจัดการปิดท้ายซะก่อนน่ะ”
“เอ๋…? จัดการ ปิดท้าย…งั้นเหรอครับ?”
“อือ เอาล่ะ… คือแบบนี้ ฉันตั้งใจจะปล่อยนักผจญภัยกลับไปแบบเป็นๆ ซักคนนึง ตามแผนทันมั้ย?”
“อ่า… ครับ…”
นักผจญภัยผู้หญิงแค่คนเดียวที่ยังอุตส่าห์รอดชีวิตอยู่
จากสเตตัสที่ฉันมองเห็นจากเนตรสวรรค์ อารุส… ดูเหมือนยัยนี่จะชื่อ ‘จูเลีย’ สินะ เอาเถอะ จะอะไรฉันก็ไม่ได้สนอยู่แล้ว
“อืก… ฮือ… ย- อย่านะ…!”
“อือ ฉันหยุดแล้ว”
“เอ๊ะ……?”
“ถ้าเธอฟังฉัน ฉันจะยอมปล่อยแกไปก็ได้… พอดีฉันอยากจะฝากข้อความให้เแกเอาไปส่งต่อให้หน่อย แกจะได้มั้ย?”
TN: สนุกจริงๆ ครับตอนนี้ สะใจเสียนี่กะไร~!