[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า 64 องค์ที่ 3 บดขยี้ – เจ้าหญิงแวมไพร์, ขุนพลจตุเทวอสุรา และสมบัติศักดิ์สิทธิ์

ตอนที่ 64 องค์ที่ 3 บดขยี้ - เจ้าหญิงแวมไพร์, ขุนพลจตุเทวอสุรา และสมบัติศักดิ์สิทธิ์

“…เหตุที่เราได้เรียกพวกเจ้ามารวมตัวกัน ณ วันนี้ หาใช่เรื่องใดอื่นไม่ เราขอประกาศบุคลากรตำแหน่งใหม่… ขุนพลจตุเทวอสุรา”

 

งานประกาศเรื่องตำแหน่งระดับผู้บริหารกลุ่มใหม่… จัดขึ้น 3 วันต่อมาหลังจากการประชุมเรื่องก่อตั้งขุนพลจตุเทวอสุราแห่งกองทัพจอมมารในหมู่ผู้บริหาร

ตอนนี้ ในบรรดาเผ่ามารที่มาฟังกันนั้น ก็คล้ายๆ กับตอนที่โยมิเข้าร่วมกับกองทัพจอมมารเลย เสียงกู่ก้องจากหลากหลายเผ่าพันธุ์ก็ดังไปทั่ว ส่วนฉันก็ยังรอคำประกาศอยู่

 

“เช่นนั้น เราจะเริ่มทำการประกาศ ณ บัดนี้ เริ่มจาก ตำแหน่งที่ 4 เกรย์ คริสต์”

 

ในเวลาเดียวกับเสียงประกาศนั้น คุณเกรย์ก็ก้าวออกไปข้างหน้า เสียงเชียร์และเสียงปรบมือก็ดังขึ้นมาพร้อมกัน

สมกับเป็นคุณเกรย์ เป็นคนดังสุดๆ ไปเลยค่ะ ดูเหมือนจะมีแฟนคลับที่เห็นว่าความเงียบขรึมนั่นน่ะน่าหลงใหลเกินจะต้านทานได้เลยด้วยสิ

 

“เกรย์ เราขอแต่งตั้งเจ้าเป็นขุนพลเทวอสุราตำแหน่งที่ 4 เจ้าผู้ที่เคยถูกกล่าวขานกันว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพจอมมาร การถูกตั้งเป็นอันดับที่ 4 เช่นนี้อาจทำให้เจ้ารู้สึกไม่พอใจนักก็เป็นได้”

“เรื่องนั้น… ไม่เลยครับ…… 3 คนที่… เหนือกว่าข้า… แข็งแกร่งกว่า…… ก็เท่านั้นครับ……”

“โห เช่นนั้นฤๅ?”

“……แต่ …ข้า และกระบวนยุทธ์ …หากเป็นเช่นนี้ …ข้าจะไม่คิดจะ …เฉื่อยชาเป็นแน่……”

“คุคุคุ ทัศนคติยอดเยี่ยม ถูกใจเรานัก เพื่อเป็นเกียรติกับความเป็นนักรบของเจ้า เราขอมอบฉายา ‘ขุนพลเทพยุทธ์’ ให้กับเจ้า นับต่อแต่นี้ไป ขอให้เจ้าอุทิศตนอย่างเต็มกำลังเพื่อกองทัพจอมมารต่อไปเสีย”

“รับทราบครับ……”

 

เสียงตะโกนร้องเชียร์ดังขึ้นอีกครั้งนึง

…เท่มากค่ะ คุณเกรย์ นับถือเลยค่า

 

“ต่อมา ซากุระ ฟอเรสเตอร์”

“ค- ครับ!!”

“ซากุระ เราขอแต่งตั้งเจ้าเป็นตำแหน่งที่ 3 ที่เทียน่าต้องคุมงานบริหารมาจนถึงตอนนี้… เหตุผลหลักนั้นคือเจ้า… ขาดความสามารถในการนำทัพมากเกินไป ด้วยเหตุนี้ เราจึงไม่อาจเลื่อนเจ้าให้ขึ้นมาเป็นผู้บริหารได้”

 

ซากุระคุง ฉันชักจะสงสัยแล้วว่าความสามารถนั่นมันน้อยขนาดไหน ถึงขนาดทำให้แม้แต่ท่านจอมมารยังลังเลได้เนี่ย

 

“…แต่ทว่า ความสามารถทางเวทมนตร์ของตัวเจ้านั้นอยู่ระดับสุดยอดในกองทัพจอมมารไม่ผิดแน่ นับต่อแต่นี้ไป ขอเจ้าจงใช้พลังนั้นตามแต่ที่ใจเจ้าปรารถนาเสีย”

“ข- เข้าใจแล้วครับ! จ- จากนี้ไป… เออ ผมจะเผาพวกมนุษย์ ระเบิดพวกมัน จมพวกมัน และแบบๆ นั้นเลยครับ!”

“อ- โอ้ …เช่นนั้น ด้วยพรสวรรค์ที่หาตัวจับยาก และอัจฉริยภาพทางเวทมนตร์ของเจ้า เราขอมอบฉายา ‘ขุนพลเทพปราชญ์’ ให้กับเจ้า”

“ข- ขอบพระคุณ สำหรับคำพูดที่เมตตานี้ครับ!”

 

กัดลิ้นตัวเองมั้ยล่ะนั้น

 

“เช่นนั้น ต่อไป… ลีน บลัดลอร์ด”

 

อ๊ะ ตาฉันแล้ว

ก็เหมือนกับเมื่อ 2 คนก่อนหน้านี้ ฉันเดินมาหาท่านจอมมารพร้อมจัดท่าจัดทางตัวเองให้เหมาะสม

แล้ว เสียงตะโกนเชียร์แบบของคุณเกรย์กับซากุระคุงก็ดังขึ้น อุหวา น่าอายจังเลย

 

“…ลีน เพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ของเราเพียงคนเดียวที่เหลือรอด เจ้าเป็นตำแหน่งที่ 2… แต่ การที่เจ้าแข็งแกร่งขึ้นมาได้ถึงขนาดนี้ เราเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเช่นกัน”

“ต้องขอขอบคุณพลังของเผ่ามารทุกคน รวมถึงเหล่าผู้บริหารทุกท่านด้วยค่ะ หากฉันต้องสู้เพียงลำพัง ฉันคงตายไปนานแล้วแน่นอนค่ะ”

“…เจ้านี่หนา หลายครั้งหลายคราเราก็ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเจ้านั้นเพียงแค่ถ่อมตัวหรือนั่นเป็นความโลภของเจ้ากันแน่”

 

ฉันคิดว่าทั้งคู่เลยนะคะ

 

“เอาเถิด เรื่องนั้นหาเป็นปัญหาไม่ เราได้ทราบถึงเรื่องการอาละวาดของเจ้าในสนามรบมาแล้ว ไม่กี่วันก่อน เจ้ากับเรนได้นำอาณาจักรหนึ่งไปสู่การล่มสลายได้สำเร็จ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ จะสามารถทำได้สำเร็จหรอกนะ”

 

หมายถึงอาณาจักรอัลเวร่าเหรอคะ?

พอได้ยินกันแบบนั้น เสียงชื่นชมก็… ดังกระหึ่มมาจากข้างหลังเลย หยุดเถอะนะคะ ฉันอายจนไม่รู้จะยังไงแล้วตอนนี้เนี่ย

 

“สำหรับเจ้า ฉายาใหม่ที่จะมอบให้นั้นคือ ‘ขุนพลเทพอสูร’ นับต่อแต่นี้ไป ขอเจ้าจงอุทิศตนอย่างเต็มที่ให้สมกับภาระหน้าที่ของเจ้าหญิงแวมไพร์เสีย”

“รับทราบค่ะ”

 

ตอนที่ฉันเดินลงมา เสียงเชียร์ก็ดังขึ้นหยั่งกับเสียงคำราม

เพราะแบบนี้ไงคะถึงอยากให้หยุดน่ะ ฉันรับมือกับการถูกชมเชยไม่เก่งนะ!

 

“และสุดท้าย อย่างที่ พวกเจ้าทุกคน ณ ที่นี้สามารถคาดเดากันได้… โยมิ จงก้าวขึ้นมาตรงนี้เสีย”

“ค่ะ ท่านจอมมาร”

 

อ๊ะ ถึงตาโยมิแล้ว

ทำไมทำหน้าประหม่านิดๆ แบบนั้นด้วยล่ะ? น่ารักจัง มีใครมีกล้องมั้งคะ?

 

“โยมิ ตำแหน่งที่ 1 เป็นของเจ้า… กล่าวคือ เป็นหัวหน้าของกลุ่มนี้ เราขอยอมรับ เจ้านั้นนับว่าแข็งแกร่งที่สุดเป็นอันดับ 2 ในกองทัพ เป็นรองเพียงแต่เราเท่านั้น”

“ค่ะ… เราได้เข้าร่วมกับกองทัพจอมมาร ทั้งที่เป็นมนุษย์แท้ๆ จะขอบคุณเท่าไหร่ก็ไม่พอเลยค่ะ ชีวิตนี้ที่ได้ถูกช่วยไว้จากท่านจอมมารกับลีน เราจะขอใช้มันทั้งหมดเพื่อกองทัพจอมมารค่ะ”

“คุคุคุ ขอเจ้าจงรักษาชีวิตนั้นไว้กับตัวเองเสียเถิด… เช่นนั้นแล้ว โยมิ ฉายาของเจ้าที่เหมาะสมกับการต่อสู้ของเจ้าที่หาใครทัดเทียมมิได้… ‘ขุนพลเทพสงคราม’ เราขอมอบฉายานี้ให้กับเจ้า นับต่อแต่นี้ไป ขอพลังอันแข็งแกร่งที่สุดนั่น จงเป็นพลังให้แก่กองทัพจอมมารเสีย”

“แน่นอนค่ะ!”

 

และเสียงตะโกนเชียร์ที่ดังที่สุดในวันนี้ก็ดังขึ้น

สมแล้วล่ะที่เป็นโยมิ เอ๊ะ หน้าเขินแบบนั้นมันอะไรกันน่ะ น่ารักสุดๆ ไปเลย

 

ดังนั้น ผู้บริหารกลุ่มใหม่ ――― ขุนพลจตุเทวอสุราแห่งกองทัพจอมมารก็ถูกก่อตั้งขึ้น

 

ตำแหน่งที่ 4 ――― ‘ขุนพลเทพยุทธ์’ เกรย์ คริสต์

ตำแหน่งที่ 3 ――― ‘ขุนพลเทพปราชญ์’ ซากุระ ฟอเรสเตอร์

ตำแหน่งที่ 2 ――― ‘ขุนพลเทพอสูร’ ลีน บลัดลอร์ด

ตำแหน่งที่ 1 ――― ‘ขุนพลเทพสงคราม’ โยมิ

 

4 เสาหลักที่แข็งแกร่งที่สุดของกองทัพจอมมาร

ใช้เวลาไม่นานเลย ที่พวกเราทั้ง 4 คน รวมตัวฉันด้วย จะกลายเป็นตัวแทนแห่งความสิ้นหวังของมนุษยชาติ

 

วันรุ่งขึ้น หลังการประกาศก่อตั้งขุนพลจตุเทวอสุราขึ้น พวกเรา 4 คนก็ถูกท่านจอมมารเรียกตัวอีกครั้ง

 

“เอ คือ… ท่านจอมมารครับ มีเรื่องอะไร ถึงได้เรียกพวกเรา งั้นเหรอครับ?”

“อืม เช่นนั้น ณ บัดนี้ พวกเจ้าจะทำงานในฐานะขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพจอมมารแล้ว แต่… เราเล็งเห็นว่าควรมอบของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้พวกเจ้า เพื่อตอบแทนให้ความพยายามและทุกสิ่งทุกอย่าง จนกระทั่งพวกเจ้าได้รับเลือกเสียหน่อย”

“ของขวัญ? อะไรเหรอคะ? เงิน? ขนมหวาน? สิทธิ์ในการกอดโยมิได้เท่าที่ต้องการ?”

“ไอ้อย่างสุดท้ายนั่นมันอะไรน่ะ!?”

“มิใช่เลย จริงๆ ก็หาใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างใด เราเพียงจะมอบสมบัติศักดิ์สิทธิ์ให้พวกเจ้าเพียงเท่านั้น”

 

อะไรกัน สมบัติศักดิ์สิทธิ์เองเหรอ~

สมบัติศักดิ์สิทธิ์นี่เอง~

 

……….

 

สมบัติศักดิ์สิทธิ์เหรอ!?

 

“ส- สมบัติศักดิ์สิทธิ์… สมบัตินั้นน่ะเหรอครับ!?”

“ไม่รู้เลยว่าชิ้นอื่นๆ มีอะไรอยู่อีกบ้าง บางทีอาจจะเป็นเจ้านั่นก็ได้”

“อะไรกัน……สมบัติศักดิ์สิทธิ์…มันคือ……”

 

สมบัติศักดิ์สิทธิ์

กาลครั้งหนึ่ง เผ่ามารกับเผ่ามนุษย์ยังไม่สู้กัน ยังอยู่อาศัยร่วมกันและแลกเปลี่ยนความเจริญกัน

กษัตริย์ผู้เรืองอำนาจในตอนนั้นเลยสั่งให้สร้างเมจิกไอเท็มขึ้นมา 99 ชื้นเพื่อปกป้องและสร้างความเจริญให้กับประเทศของตัวเอง

แต่ละชิ้นนั้นเป็นอุปกรณ์ที่แข็งแกร่งที่สุด พร้อมด้วยประสิทธิภาพการทำงานที่แสนน่ากลัว นั่นแหละคือสมบัติศักดิ์สิทธิ์

 

“แม้เราจะพูดอย่างนั้น แต่ก็มีสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่หายสาบสูญไปตามกาลเวลาและประวัติศาสตร์อันยาวนานนี้อยู่ไม่น้อยเลย ปัจจุบัน กองทัพจอมมารของเรามีสมบัติศักดิ์สิทธิ์อยู่ในครอบครองเพียง 13 ชิ้นเท่านั้น ในบรรดา 13 ชิ้นนี้ เราจะเลือกชิ้นที่เหมาะสมให้กับพวกเจ้าแต่ละคน”

“จ- จะดีเหรอครับ…”

“ปล่อยทิ้งไว้ให้หยากไย่เกาะ โดยไม่มอบโอกาสให้พวกมันได้ออกไปแสดงประสิทธิภาพนั้น มันจะเสียเปล่าเอาได้ เพราะฉะนั้น เราจึงไว้ใจที่จะมอบพวกมันให้พวกเจ้าได้นำพวกมันไปใช้งานนั่นแล”

 

…โอ้

จะสุดยอดขนาดไหนกันนะเนี่ย

ตอนนี้ ที่ข้อมือของฉันก็มี ‘กำไลสงวน’ สมบัติศักดิ์สิทธิ์รุ่นด้อยกว่า กำลังส่องประกายแสงแวววาวออกมาอยู่ด้วย

นี่เองก็เป็นไพ่ใบนึงของฉัน แต่ถ้าได้ไพ่ใบอื่นมาเสริมให้ฉันแข็งแกร่งขี้นอีก ก็ไม่มีเหตุผลที่ฉันจะไม่รับมันเลยล่ะ

 

“เริ่มจากเกรย์ นี่สำหรับเจ้า”

“……นี่คือ …เสื้อผ้า……”

“ชื่อของมันคือ ‘ชุดเสริมแกร่ง กราบอลัส’ ความสามารถนั้นเรียบง่าย มันจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งและการป้องกันให้กับเจ้าได้หลายเท่าตัว อีกทั้งยังมีความสามารถที่ทำให้เจ้าสามารถเปลี่ยนรูปแบบของชุดได้อย่างตามอิสระ ปรับเปลี่ยนการออกแบบได้ดั่งใจที่เจ้าต้องการ”

“……โอ้…”

 

สมบัติศักดิ์สิทธิ์สุดยอด

แก้ไขสเตตัสได้โดยไม่มีข้อเสียอะไรเลย

 

“ซากุระ ของเจ้าคือสิ่งนี้ ‘คทาราชัน ฮาติ’ ขอเจ้าจงใช้มันอย่างระวังเสียด้วย”

“เอ่อ สิ่งนี้ มัน……”

“มันสามารถเพิ่มพลังเวทให้แก่ผู้ถือครอง ลดปริมาณพลังเวทที่จำเป็นต้องใช้ในการร่ายเวทมนตร์แต่ละครั้ง และไม่ใช่เพียงแค่นั้น เจ้ายังสามารถรวบเวทมนตร์ให้ใช้ได้ง่ายดายขี้นอีกด้วย”

“รวบเวทมนตร์……?”

“เวทใดที่เป็นเวทบทใหญ่ จำเป็นต้องเตรียมพิธีกรรมก่อน ด้วยคทานี้ ต่อให้จะเป็นเวทที่ต้องเสียเวลามากมากในการร่ายจนน่าหงุดหงิดใจบทใดก็ตาม ทั้งหมดนั้นสามารถร่ายจบได้ในไม่กี่วินาที เจ้าเข้าใจสิ่งที่เราจะสื่อหรือไม่?”

“เ―เอ๋!?”

 

ไอเท็มสุดขี้โกงถูกมอบให้คนใช้สูตรโกงเวทมนตร์แล้วค่า

 

“ลีน สำหรับเจ้า…… อ้อ จริงสิ เจ้านี่แล ‘เนตรสวรรค์ อารุส’”

 

เนตรสวรรค์ อารุส?

นี่อะไรเนี่ยคะ? จี้ห้อยคอเหรอ?

 

“เจ้านี่ทำอะไรได้เหรอคะ?”

“เสริมความสามารถในการมองเห็นได้ทุกรูปแบบอย่างไรเล่า”

“………คือ มัน?”

“กล่าวคือ แม้จะตกอยู่ภายในระเบิดควันที่ตาของแวมไพร์ถูกทำให้มองไม่เห็น หรือแม้นจะถูกแสงสว่างกระแทกใส่ตา เจ้าก็จะยังสามารถมองเห็นได้ตามปกติประหนึ่งไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย”

 

……อืม? คือมันก็สะดวกดีนั่นแหละค่ะ แต่ทำไมพอเทียบกับ 2 อันที่แล้ว ของฉันมันดูอ่อนๆ ยังไงก็ไม่รู้แฮะ

 

“มิใช่เพียงแค่นั้น เนตรสวรรค์ยังสามารถปรับเลื่อนมุมมองการมองเห็นของเจ้าออกไปจากจุดที่ยืนอยู่ได้ สามารถมองเห็นอนาคตได้ตั้งแต่ 1 จนถึง 10 วินาทีข้างหน้า สามารถมองทะลุเข้าไปในจิตใจเพื่อมองสิ่งที่เป้าหมายคิดอยู่ได้บางส่วน และที่สำคัญ ยังสามารถแอบดู [สเตตัส] ของฝ่ายตรงข้ามได้อีกด้วย”

 

ฉันขอถอนคำพูดเมื่อกี้ค่ะ เจ้าไอเท็มนี่มันสุดๆ ไปเลยค่ะ

นี่มันสุดยอดไปเลยนะคะ ของชิ้นนี้ จะดีเหรอคะที่ให้กับฉันน่ะ?

 

“เช่นนั้นแล้ว สุดท้ายคือโยมิสินะ…… นี่สำหรับเจ้า”

“นี่มัน… ดาบนี่คะ”

 

…อึม? ดาบเล่มนั้น เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนน้า…

…อ๊ะ

 

“นี่มัน ‘ดาบมาร ไดอาส’ นี่คะ เล่มที่โยมิใช้เมื่อตอนเป็นผู้กล้านี่นา”

“เอ๊ะ แบบนั้นเหรอครับ!?”

“ถูกต้อง ความสามารถของมันทั้งสามของมันนั้นแข็งแกร่งอยู่แล้ว ไม่ว่าจะความสามารถในการตัดทะลุผ่านการป้องกันของคู่ต่อสู้ได้โดยไม่สนค่าสเตตัส ความสามารถในการตัดวัตถุที่ไร้รูปร่างแน่นอนจับต้องมิได้อย่างไฟหรือน้ำ และความสามารถที่เพิ่มความยากลำบากในการรักษาแผลอันการจากการฟันของดาบเล่มนี้”

 

ต่อให้ถามฉันอีกที ฉันก็สงสัยอยู่ดีว่าไอเท็มชิ้นนี้มันโกงเกินไปหรือเปล่า

โดยเฉพาะการตัดทะลุผ่านการป้องกันเนี่ย ศัตรูตามธรรมชาติของพวกที่เชี่ยวชาญด้านการป้องกันเลยล่ะ

 

“เราจักขอส่งสิ่งนี้คืนให้แก่เจ้า จงปลาบปลื้มเสียเถิด”

“……ค่ะ ขอบคุณนะคะ…”

“และจงนำสิ่งนี้ไปด้วย”

“………คะ?”

 

เอ๊ะ?

ไม่รู้ทำไม ท่านจอมมารถึงถือดาบมาด้วยอีกเล่มนึง

 

“ดาาบมาร ไดอาสนั้นเป็นของเจ้าอยู่ก่อนแล้ว นี่เราก็ทำเพียงแค่คืนมันให้เจ้าเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ นอกเหนือจากดาบเล่มนั้น เราจึงมีอีกสิ่งหนึ่งจะมอบให้กับเจ้า”

“เอ๋…!? เดี๋ยวค่ะ ไม่สิ…เรารับไป 2 ชิ้นไม่ได้หรอกนะคะ!”

“ดั่งที่เราได้บอกแก่พวกเจ้าเอาไว้ก่อนหน้านี้ การทิ้งพวกมันไว้ให้หยากไย่เกาะอยู่ในนี้นั้นมันหาประโยชน์มิได้ ถ้าหากเป็นเจ้าแล้วล่ะก็ คงสามารถใช้วิชาสองดาบได้สินะ?”

“ไม่ค่ะ คือ มัน…… ได้ค่ะ เราทำได้ค่ะ…”

 

ทำได้ด้วย!?

อาเระ ได้ยินมาว่ามันยากมากเลยไม่ใช่เหรอ!?

 

“นี่คือ ‘ดาบแห่งจุดจบ อาริอุส’ ความสามารถของมันนั้น―――”

 

…พอได้ฟังความสามารถของมันแล้ว พวกเราทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ยืนอ้าปากค้างกันเลย

อันตรายสุดๆ อะไรน่ะ ถ้าโยมิใช้มันล่ะก็ จะเหลือใครให้เรียกว่าเป็นศัตรูของเธอได้อีกเนี่ย?

 

“เช่นนั้น ก็หมดเรื่องแต่เพียงเท่านั้น เราต้องขอโทษพวกเจ้าด้วยที่เรียกตัวมาอย่างกะทันหัน มิได้นัดหมายไว้ก่อน แยกย้ายได้”

 

ท่านจอมมารพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แล้วท่านก็เคลื่อนย้ายหายไปเลย

อยู่ๆ เราก็ได้พลังมาแบบไม่คาดคิด พวกเรา 4 คนเลยหันมามองหน้ากัน… ตอนนี้ พวกเรามุ่งหน้าไปที่สังเวียนเพื่อทดสอบพลังที่ได้มานี่กันดีกว่า

 

1 ชั่วโมงผ่านมา พวกเราถึงกับพูดไม่ออกกับความสามารถที่ไม่ธรรมดาของพวกมันเลย

 

แล้วสังเวียนก็ถล่มลงมา พร้อมกับเสียงกรีดร้องของคุณเซดแบบที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วย

 

R.I.P. ให้กับสังเวียน ที่เพิ่งซ่อมไปเมื่อตอนที่ 54 เอง

[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

Score 10
Status: Completed
เซนโจ โยนะ เด็กหญิงที่ถูกกลั่นแกล้งอย่างหนัก ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุแก๊สระเบิด หลังจากนั้น ด้วยความช่วยเหลือของเทพชั่วร้าย อิซึสึ เธอก็ได้มาเกิดใหม่เป็นลูกสาวของผู้นำเผ่าแวมไพร์ [ลีน บลัดลอร์ด] ชีวิตอันสงบสุขกำลังรอเธออยู่ รายล้อมไปด้วยครอบครัวและเพื่อนพ้องที่รักเธอ สิ่งที่เธอต้องการมาโดยตลอดจากชาติก่อน ... แต่เวลาเหล่านั้นก็ต้องสิ้นสุดลง จากการกวาดล้างเผ่าพันธุ์แวมไพร์ด้วยน้ำมือของพวกมนุษย์อย่างไร้เหตุผล “อา เข้าใจแล้ว ชีวิตของฉันต้องพังทลายเพราะว่ามีพวกมนุษย์อยู่งั้นสินะ” อีกด้าน มีเด็กสาวที่ถูกมองเป็นตัวน่ารำคาญในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เธอได้รับ [คุณสมบัติของผู้กล้า] พร้อมทั้งพรสวรรค์และศักยภาพอันล้นเหลือ แต่จิตใจของเธอกลับถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของพวกมนุษย์ เพื่อล้างสมอง และเปลี่ยนเธอเป็นอาวุธมีชีวิต “จริงๆ แล้ว...ไม่อยากปกป้องพวกมนุษย์ซักหน่อย เราไม่ได้อยากเป็นผู้กล้า…” และพวกเธอผู้เกลียดชังต่อมนุษย์ ก็กลายมาเป็นภัยพิบัติต่อมนุษยชาติ นี่คือเรื่องราวของเด็กสาว 2 คนที่ชีวิตต้องถูกทำลายด้วยน้ำมือของมนุษย์ และสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไป เหลือเพียงแค่ชีวิตของตัวเอง และพวกเธอจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อล้างแค้นและกวาดล้างมนุษยชาติให้สิ้น

Options

not work with dark mode
Reset