“ฟุฟุฟุฟุฟุ อยู่ที่ไหนกันค้า~? ซ่อนอยู่ก็ไม่ประโยชน์หรอกค่า~…”
“อะฮะ ท่านเทียน่าครับ อย่าพูดอะไรโหดร้ายแบบนั้นสิครับ เหล่าลูกแกะที่น่าสงสาร~”
“โอยะโอยะ~ งั้นเหรอคะ? เอาล่ะ อยู่ไหนกันน้า? คุณลีนลบกลิ่นอายได้เก่งขึ้นมากเลยค่ะ… แต่ก็ยังหวานหมูอยู่นะคะ {อิเล็กโตรเบิร์ส (แผ่อัสนิบาต)} !”
“กรี๊ดดด!?”
“คิย้าาา!?”
“นี่… ลีน! 2 คนนั้นน่ากลัวมากเลยนะ! จำไม่เห็นได้เลยว่าคุณเทียน่าจะเป็นแบบนั้นเลยนี่!”
“นั่นคือนิสัยจริงของคุณเทียน่าน่ะ! แถมดูเหมือนเธอจะไม่รู้ตัวด้วย! …ปัญหาคือ ฉันไม่คิดว่าซากุระคุงก็เป็นเหมือนกันเนี่ยสิ…!”
“อุฟุฟุฟุฟุ… เป็นอะไรไปคะ? วิ่งหนีกันให้มากกว่านี้หน่อยนะคะ…”
“พวกเราไม่ปล่อยพวกคุณทั้งสองคนไปหรอกนะครับ…”
““กรี๊ดดดดดด!?””
บทสนทนานี่มัน เดจาวูจังเลยนะ
คุณเทียน่าไล่ตามฉันพร้อมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า และฉันก็วิ่งหนีสุดแรงเกิด
สิ่งที่ต่างกับก่อนหน้านี้คือมีคนไล่ล่าเพิ่มมาคนนึง และก็มีคนหนีเพิ่มอีกคนนึงเท่านั้นเอง
หือ? ทำไมฉันถึงมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้งั้นเหรอ?
เท่าที่ฉันจำได้ พวกเราน่าจะ―――
ทุกอย่างต้องเล่าย้อนไป 2 ชั่วโมงก่อน
หลังจากการเปิดตัวโยมิมาสัปดาห์นึง ตัวตนของเธอก็ถูกรับรู้ และในเวลาเดียวกัน ตัวตนของเธอก็ต้องถูกเก็บไว้ไม่ให้มนุษย์รับรู้เหมือนกัน จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม
…หือ? ทำไมถึงไม่ปล่อยให้พวกมนุษย์รู้ถึงตัวตนของโยมิงั้นเหรอ?
ถ้าพวกมันรู้ว่าผู้กล้าที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมาดันย้ายข้างมาอยู่ฝั่งกองทัพจอมมารล่ะก็ พวกนั้นก็ต้องเสริมการป้องกันให้แน่นหนาขึ้น และที่สำคัญ ถ้าพวกมันมารู้ทีหลัง มันเรียกความสิ้นหวังได้มากกว่า ว่ามั้ย?
โยมิที่ตอนนี้สามารถเดินไปมาในเมืองของเผ่ามารพร้อมรอยยิ้มบนหน้าแล้ว ก็กำลังเดินกลับบ้านกันหลังจากที่พวกเราฝึกเสร็จ
“นั่นอะไรน่ะ ลีน?”
“ร้านขายของชำของเอลฟ์น่ะ มีผักอร่อยๆ แถมราคาไม่แพงให้ซื้อได้เท่าที่ต้องการเลย”
“แล้วนั่นล่ะ?”
“ลู่วิ่งของพวกเผ่าม้า มีการลงเงินกันด้วยนะว่าใครจะวิ่งได้เร็วที่สุด”
“ทางนั้นล่ะ?”
“ร้านขายของเล่นของคนแคระ พวกเขามีความสามารถด้านนี้ที่ยอดเยี่ยม เลยสามารถทำของเล็กๆ แบบนั้นได้ด้วย แต่หลักๆ แล้วพวกเขาจะทำอาวุธกันล่ะนะ”
โยมิมองไปรอบๆ ด้วยตาที่เป็นประกายเลย น่ารักจัง
“ยอดเลย! ยอดเลย! มีแต่ของที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเต็มไปหมดเลย!”
…มาคิดๆ ดูแล้ว โยมิบอกว่าเธอมาจากหมู่บ้านในชนบทนี่นะ แถมยังถูกขังอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์มานานเลยด้วย
ก็ไม่แปลกนี่เนอะที่เธอจะไม่รู้ถึงสถานที่ตามปกติพวกนี้เลย
“โอ๊ะ นั่นร้านหนังสือนี่นา? เราอยากเรียนวิธีเขียนกับเวทมนตร์มาตลอดเลย”
“แบบนั้นก็ดีนะ จะได้อ่านเอกสารหรืออะไรพวกนั้นได้ด้วย คุณเทียน่าหรือคุณเฟเรียสอนเวทมนตร์ให้เธอได้ งั้น เธอก็น่าจะลองเรียนจากหนังสือภาพหรืออะไรแบบนั้นก็ได้นะ”
“งั้นเหรอ? ขอแวะที่นี่หน่อยได้มั้ย?”
“ฉันก็มีอะไรอยากซื้อเหมือนกัน ตอนที่ฉันบอกว่าจะพาโยมิไปเดินในเมือง ท่านจอมมารเลยให้ค่าขนมมานิดหน่อยด้วยล่ะนะ”
แถมยังได้มาเกินพอสำหรับเรา 2 คนเลยด้วย
ชวนให้นึกถึงคุณยายที่ชอบโอ๋หลานๆ เลย แต่ฉันไม่พูดออกไปหรอก
“ไปกันเถอะ! โห ขนาดเด็กผู้หญิงคนนั้นยังอ่านหนังสือเล่มหนาๆ ยากๆ แบบนั้นเลยเหรอ… นี่คือเรื่องปกติในเผ่ามารสินะ?”
ฉันหันไปดูที่ร้านหนังสือตามคำพูดนั้น และใช่ ฉันเห็นเอลฟ์เด็กถือกรีมัวร์เล่มหนักมากอยู่ในมือเธอ
“ฉันก็ไม่รู้สิ มันก็ค่อนข้างจะหายากอยู่…นะ อาเระ? เด็กคนนั้น…”
ใช่ เด็กผู้หญิงคนนั้น ฉันน่าจะรู้จักเธอนะ
“…ซากุระคุง?”
“เหวอ…!? …อะ…คุณ…ลีน?”
เด็กผู้หญิงที่ดูแปลกคนนั้น ผมสั้นสวยสีทอง ใบหน้าสวยดูไร้เดียงสา และรูปร่างภายนอกที่ดูเหมือนอยู่ในช่วงอายุ 12-13 ปี…และก็ จริงสิ เขาเป็นเด็กผู้ชายนะ
ถึงไม่ว่าจะดูยังไง เขาก็ดูเหมือนเด็กผู้หญิงเลยก็เถอะ แต่จริงๆ เขาเป็นเด็กผู้ชายจริงๆ นะ… หรือที่เรียกกันว่า [กับดัก] นั่นแหละ ซากุระ ฟอเรสเตอร์
เขาเป็นหลานชายของคุณเทียน่า เป็นบุคลากรระดับสูงในกองทัพจอมมาร และเป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกเลือกให้รับตำแหน่งราชาเผ่าเอลฟ์คนต่อไปด้วย
เป็นนักเวทที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพจอมมาร และเป็นหนึ่งในตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพจอมมารด้วย ร่วมกับ ‘แม่ทัพจอมบดขยี้’ คุณเกรย์ และก็ ‘แม่ทัพแห่งภัยพิบัติ’ คุณเรน
เชี่ยวชาญเวทมนตร์กว่า 90% ของเวททั้งหมดที่มีอยู่ในโลก
พูดง่ายๆ ก็เป็นเด็กผู้ชายที่หลงใหลในเวทมนตร์นั่นเอง
“ลีน รู้จักเขาด้วยงั้นเหรอ?”
“ใช่ เขาคือซากุระคุง ว่าที่ผู้บริหารของกองทัพจอมมารน่ะ… หายากนะเนี่ยที่เจอกันในเมือง อยู่คนเดียวแล้วก็อะไรแบบนั้นน่ะ”
“อา…อืม…คือ หนังสือ… มันขาด… เลยมาเปลี่ยน…”
“อ้อ เข้าใจละ แล้วคุณเทียน่าล่ะ? ไม่ได้มาด้วยกันเหรอ?”
“ท่านเทียน่า ตอนนี้… ไปซื้อ เมจิกไอเท็มครับ”
“ขอโทษที่ให้รอนะ ซากุระ… โอ๊ะ คุณลีนกับท่านโยมินี่คะ?”
“อะ คุณเทียน่า”
“สวัสดีค่ะ คุณเทียน่า… เออ ช่วยอย่าเรียกเราว่า ‘ท่าน’ เลยนะคะ”
“ขอโทษนะคะ งั้นฉันจะเรียกคุณว่าคุณโยมิก็แล้วกันนะคะ… จะว่าไป รู้สึกเหมือนฉันเคยได้ยินบทสนทนาแบบนี้ที่ไหนนะคะ…”
“ฉันพูดแบบนี้เหมือนกันมาก่อนค่ะ แล้วคุณก็พูดประมาณว่า ‘งั้นฉันจะเรียกคุณว่าคุณลีนก็แล้วกันนะคะ’”
“อ๋า จริงด้วยนะคะ… จะว่าไป พวกคุณ 2 คนทำอะไรอยู่เหรอคะ?”
“แค่มาเดินเล่นค่ะ… อะ พอดีเลยค่ะ จริงๆ แล้ว…”
แล้วฉันก็บอกเธอเรื่องที่โยมิอยากเรียนเวทมนตร์
“เข้าใจแล้วค่ะ เป็นความรับผิดชอบใหญ่หลวงเลยนะคะ สอนเวทมนตร์ให้อดีตผู้กล้าอย่างคุณโยมิเนี่ย”
“ใช่ค่ะ… ถูกต้องเลย โยมิไม่ได้ใช้เวทมนตร์นี่คะ ก็เธอใช้ดาบเป็น- “{เทเลพอร์เทชั่น (เคลื่อนย้าย)}” …อะ?”
ฉันเจอตัวเองถูกพามาที่ป่าด้วยเวทเคลื่อนย้ายซะแล้ว
…ไม่สิ เร็วไปแล้วมั้ยคะ ฉันไม่ได้หมายถึงว่าจะเรียนตอนนี้เลยซักหน่อย
“ขอฉันตรวจสอบความเข้ากันได้ของคุณหน่อยนะคะ”
“เอ๋? ความเข้ากันได้?… ด- เดี๋ยวค่ะ คุณเทียน่า! นี่มัน!?”
คุณเทียน่าพูดแบบนั้นก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้โยมิ
อา รู้สึกเดจาวูจังเลยนะ
นึกถึงตัวเองเมื่อ 3 ปีก่อนเลยแฮะ
“เดี๋ยวค่า… อะ… คุณเทียน่า… อย่าเพิ่ง-…”
*――― ตึบ*
“…เอ๋?”
“……นี่มัน…ค่อนข้างพิเศษเลยนะคะ…เอาล่ะ…ฉันจะอธิบายยังไงดี……”
“…ลีน นี่คือ…?”
“การตรวจสอบความเข้ากันได้ของเวทมนตร์น่ะ แค่เอาหน้าผากชนกันก็ได้แล้ว ง่ายๆ ใช่มั้ยล่ะ?”
อะ หน้าเธอแดงขึ้นมาเลย แถมก้มหน้าหลบลงไปแล้วด้วย น่ารักจัง
“สรุปแล้ว… มีเวทแค่แบบเดียวที่เข้ากับคุณโยมิได้ดีค่ะ”
คุณเทียน่าพูดเรื่องของโยมิ ให้กับเธอที่รวบรวมสติกลับมาได้แล้ว พร้อมกับฉันและซากุระคุงที่ฟังอยู่ด้วย
…แค่เวทเดียวเองเหรอ? อาระ ดูเหมือนเธอจะมีพรสวรรค์ด้านดาบมากเกินไปจนไปลดพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ไปแทนซะงั้น
“แต่ว่า เวทที่เข้ากันนั้นคือ… [เวทเสริมแกร่งทางกายภาพ] ค่ะ”
[เวทเสริมแกร่งทางกายภาพ] ?
เป็นเวทที่ธรรมดามากเลยจากที่เห็นในชาติก่อนของฉัน แต่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยที่โลกนี้ โยมิก็ดูเหมือนจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับมันเลยเหมือนกัน
แล้วมันต่างกับเวทเสริมกำลังยังไงคะนั่น?
“เวทเสริมแกร่งทางกายภาพ เรียกอีกอย่างคือ ‘เวทมนตร์ที่สามารถร่ายให้ได้แค่กับตัวเอง’ ค่ะ คนที่เข้ากันได้กับเวทนี้ค่อนข้างหายาก แม้แต่ซากุระก็ไม่ได้มีความเข้ากันกับเวทนี้เหมือนกันค่ะ เนื่องจากร่ายได้กับตัวเองเท่านั้น ผลของเวทจึงแข็งแกร่ง สำหรับคนที่เป็นอาชีพสายนักสู้เวทมนตร์แล้ว ยิ่งกว่าฝันเป็นจริงเลยค่ะ”
อะไรล่ะนั่น สุดยอดไปเลยนี่
“ปัญหาคือ… ในกองทัพจอมมาร มีแค่คนเดียวที่ใช้เวทมนตร์นี้ได้นอกจากคุณโยมิค่ะ”
“ใครเหรอคะ?”
“คุณเกรย์ค่ะ”
คนๆ นั้น ――― ตอนนี้อยู่ระหว่างไปลุยในสงครามอยู่นี่นา
“เพราะงั้น โชคไม่ดีสำหรับฉันเลยนะคะ ฉันสามารถสอนการจะใช้งานเวทมนตร์ได้ แต่ฉันไม่สามารถสอนเวทเสริมกำลังทางกายภาพโดยละเอียดได้ค่ะ”
เข้าใจแล้วค่ะ ยังไม่สามารถเรียนได้ตอนนี้สินะคะ
“แต่ก็มีวิธีอยู่นะคะ จากที่ฉันเคยได้ยินมา คนที่เข้ากันได้กับเวทเสริมกำลังทางกายภาพสามารถเสริมกำลังให้ร่างกายได้อย่างไม่รู้ตัวหากตกอยู่ในอันตรายค่ะ”
…หืม?
“…เข้าใจแล้วครับ ถ้างั้น พวกผมก็แค่ไล่ล่าคุณโยมิ ไล่ต้อนเธอ แล้วก็ทำให้มันเกิดขึ้น แบบนั้นใช่มั้ยครับ ท่านเทียน่า?”
“นั่นแหละค่ะที่ฉันหมายถึง ซากุระ”
ซากุระคุง ทำไมอยู่ดีๆ ก็พูดคล่องขึ้นมาซะงั้นล่ะ?
…เอ นี่เป็นการพัฒนาไปในทางที่ไม่ดีหรือเปล่านะ?
“โยมิ หนีเร็ว จากคุณเทียน่า เดี๋ยวนี้เลย”
“…เอ๋? ทำไมล่ะ?”
“ไปเถอะน่า! ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่…”
“{ดาร์กเนส แคนนอน (ปืนใหญ่อนธการ)}”
“{บลูแฟลร์ (เพลิงสีคราม)}”
““อ๊าา!?””
ลำแสงหนาสีดำถูกฉายมา และไฟสีฟ้าก็โปรยปรายลงมาจากข้างบน
…ว้า ล้อกันเล่นใช่มั้ยเนี่ย
“เดี๋ยว…นี่มัน…!?”
“ฉันบอกแล้วไงให้รีบหนี! คุณเทียน่ายิงมาแล้ว! ฉันหมายถึง… ซากุระคุงก็ด้วย…กรี๊ดดดดด!?”
“ฟุฟุฟุ… เอาล่ะนะคะ”
“อะฮะฮะ เริ่มงานเทศกาลกันเลยนะครับ…”
“จริงจังนะ วิ่งสุดแรงเลย โยมิ! คุณเทียน่าคนเดียว หรือแม้แต่ซากุระคุงตรงนั้นด้วย ฉันตอนกลางวันหรือโยมิที่อ่อนแอลงตอนนี้เทียบไม่ได้เลย!”
“ข- เข้าใจแล้ว…คิย้าาาา!?”
“ไม่ปล่อยให้หนีหรอกนะค้า~…”
“มาเล่นกันก่อนสิคร้าบ~…”
“…ซากุระคุงก็เป็นสาย S ด้วยงั้นเหรออออออ!!!”
TN: แล้วแบบนี้ จะเหลือใครอีกที่ยังพอจะเชื่อใจได้ 555