[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า 33 องค์ที่ 2 ผู้กล้า – เจ้าหญิงแวมไพร์และ 3 ปีต่อมา

ตอนที่ 33 องค์ที่ 2 ผู้กล้า - เจ้าหญิงแวมไพร์และ 3 ปีต่อมา

“{ไอซ์ฟาแลงซ์ (หอกน้ำแข็งต่อเนื่อง)}”

“อันตรายนะคะ… {กราวิตี้บุลเล็ต (กระสุนแรงโน้มถ่วง)} !”

“โห อย่างที่คิดเลยค่ะ…! {เทมเพสต์แคนนอน (ปืนใหญ่วายุคลั่ง)} !”

“อุหวา!? อือ… {ไฟร์เบลด (คมดาบเพลิงผลาญ)} !”

 

ภายในอาณาเขตของเผ่ามาร ในพื้นที่รกร้างที่ยังไม่ถูกบุกเบิก

ที่นั่น แทนที่จะมีฝนสาดลงมา กลับมีเงา 2 ร่างกำลังสาดเวทใส่กันอยู่

 

หนึ่งในนั้นคือฉันเอง ลีน บลัดลอร์ด เจ้าหญิงแวมไพร์ ผู้รอดชีวิตจากเผ่าแวมไพร์ ทหารระดับสูงขั้นที่ 1 ของกองทัพจอมมาร

ส่วนอีกเงานึงก็คืออาจารย์สอนเวทมนตร์ของฉัน คุณเทียน่า ฟอเรสเตอร์ ราชินีของเผ่าเอลฟ์ เผ่าไฮเอลฟ์ ผู้บริหารลำดับที่ 3 ของกองทัพจอมมาร

 

สำหรับสิ่งที่เรากำลังทำกันอยู่นี่ ก็อย่างที่เห็นนี่แหละค่า เรากำลังฝึกเวทมนตร์กันอยู่

เมื่อตอนเริ่มต้น การฝึกเวทมนตร์ทั้งหมดเราจะเรียนกันอยู่ในห้องเรียน แต่เมื่อไม่นานนี้ มันก็กลายเป็นการฝึกใช้งานจริงโดยเฉพาะแล้ว

เป็นประสบการณ์ที่ดีและแนวทางที่ดีที่ได้ดูและศึกษาเวทมนตร์จากคุณเทียน่าเลย

…ถึงจะลำบากทุกทีเวลาความ S ลับๆ ของคุณเทียน่าที่ตื่นๆ ขึ้นมาเป็นครั้งคราวล่ะนะ

 

ฉันแข็งแกร่งขึ้นมาจากการผ่านการฝึกประจำวัน, ฝึกฝนตัวเอง, เพิ่มเลเวล และออกกำลังอย่างหนักเพื่อเสริมความแกร่งให้ตัวเอง

แล้วก็ยังมีหลายๆ อย่างเกิดขึ้นระหว่างแต่ละขั้นเพื่อให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นด้วยล่ะนะ อ่าฮะ

อ่า ชวนให้นึกถึงเรื่องพวกนั้นขึ้นมาเลยแฮะ

 

ค่ายฝึกเวทมนตร์นรกแตกของคุณเทียน่าที่โหดอย่างกับอยู่ในนรกจนท่านจอมมารต้องมาหยุดเอง

ฉันกับคุณเทียน่าไปเรียนรู้การใช้เวทฟื้นฟูที่คุณเทียน่าก็ใช้ไม่ได้เหมือนกัน และเพราะอะไรซักอย่าง คุณเทียน่ากับคุณเฟเรียก็เข้าต่อสู้กันโดยเมินฉันไป

คุณอารอน ผู้บริหารลำดับที่ 5 ของกองทัพจอมมารเริ่มสอนการต่อสู้ระยะประชิดให้ฉัน

คุณอารอนโดนคุณเกรย์ ผู้บริหารลำดับที่ 2 อัดซะยับตอนที่เขาอารมณ์ไม่ดีขึ้นมา

ฉันฝึกการต่อสู้แบบต่อเนื่องยืดเยื้อกับกองทหารอันเดดของคุณเซด ผู้บริหารลำดับที่ 8

จากนั้น ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง มนุษย์มังกรอย่างคุณรูส ผู้บริหารลำดับที่ 4 ก็เข้ามาแทรกกลางการต่อสู้ แล้วกองทหารก็ถูกกวาดล้างจนเรียบ

ท่านจอมมารโกรธมากกับการกระทำของเขา ก่อนจะอัดคุณรูสซะยับเยิน

ในงานเลี้ยงอาหารเย็นครั้งนึงที่มีพวกผู้บริหาร ว่าที่ผู้บริหาร และทหารชั้นสูงที่โดดเด่นคนอื่นๆ มาร่วม คุณอารอนที่ดื่มจนเมาก็เข้าไปยุ่มย่ามกับคุณนัตสึเมะ เงือกผู้บริหารลำดับที่ 9 เลยโดนทั้งเธอทั้งคุณเรน แฟรี่ผู้บริหารลำดับที่ 7 ที่เป็นเพื่อนสนิทของเธออัดซะเละคาโถงจัดงานเลี้ยง

 

…ไม่ค่อยมีความทรงจำดีๆ ให้นึกถึงเลยแฮะ

แต่พอมาคิดดูดีๆ แล้ว ส่วนใหญ่ความทรงจำที่ไม่ดีของฉันก็มาจากพวกผู้บริหารเกือบหมดเลยนี่นา

และในเหตุการณ์ส่วนมาก ต้องมีซักคนโดนอัดด้วย

เผ่ามารควรจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่สุภาพอ่อนโยนนะ แต่ไม่รู้ทำไมผู้บริหารของพวกเราถึงได้เป็นพวกกระหายการต่อสู้กันหมดเลยเนี่ย…

 

ยังไงก็ตาม 3 ปีที่ผ่านมา ฉันก็เติบโตขึ้นเยอะเลย

เพื่อเตรียมตัวสำหรับวันที่จะมาถึงล่ะนะ

 

“ฮะ… ฮะ… คุ- คุณเทียน่าคะ ช่วยออมมือให้ฉันซักหน่อยไม่ได้เหรอคะ…”

“ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ คุณลีน ฉันเกรงว่าคุณลีนนั้นเติบโตเร็วจนมีหลายจังหวะที่อาจเป็นอันตรายได้หากฉันออมมือค่ะ…”

 

ฉันดีใจที่ได้ยินแบบนั้น แต่คุณช่วยลดปริมาณพลังเวทที่ยิงมานั่นลงซักหน่อยไม่ได้เหรอคะ?

เมื่อกี้นี้ ก็มีธนูสายฟ้าดอกนึงวิ่งเฉียวแก้มฉันไปไม่ใช่หรือไงเล่า?

 

“แต่คุณก็ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมากเลยนะคะ คุณลีน ฉันประทับใจมากที่คุณสู้ได้ดีขนาดนี้ แม้จะอยู่ในเวลากลางวันแท้ๆ นะคะ”

 

ใช่แล้วค่ะ ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน

ทำไมแวมไพร์อย่างฉันที่เป็นเผ่าพันธุ์ที่ใช้ชีวิตในเวลากลางคืนถึงสู้ในเวลากลางวันแบบนี้น่ะเหรอ?

ฉันเพิ่งรู้ตัวเมื่อไม่นานนี้เองว่าเมื่อเลเวลเรายิ่งสูง ความต้องการการนอนหลับจะลดลงตามไปด้วย

พูดง่ายๆ ก็ เลเวลยิ่งเพิ่ม เราก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น แล้วยิ่งแข็งแกร่งขึ้น การกระทำที่เราสามารถทำได้ก็ยิ่งหลากหลายมากขึ้น ก็ยิ่งสร้างภาระกับสมองมากขึ้น

พอสมองค่อยๆ ชินกับภาระพวกนั้น และเรารู้สึกตัวแล้ว สมองและร่างกายของเธอก็จะไม่เหนื่อยอีกกับแค่การออกกำลังกายเล็กๆ น้อยๆ มันก็แค่นั้นแหละ

ก็ ตั้งแต่ที่ฉันเห็นถึงเรื่องนี้ ฉันก็เลือกที่จะลดเวลานอนของตัวเองลง

ตอนนี้ฉันนอนแค่ 2-3 ชั่วโมงก็พอแล้ว ยังนานกว่าพวกทหารรุ่นพี่ที่เลเวลสูงกว่าฉันประมาณชั่วโมงนึงได้

 

“ฉันตัดเวลานอนของตัวเองได้แล้วเรียบร้อยค่ะ ช่วงนี้ ร่างกายฉันก็เบาขึ้นๆ ทุกครั้งจากการนอนแค่นิดเดียวก็พอแล้ว สุดยอดเลยนะคะ ประโยชน์ที่ได้จากการเลเวลเพิ่มขึ้นเนี่ย”

“ฉันถึงขีดจำกัดเลเวลไปแล้ว เลเวลก็เลยไม่ได้เพิ่มมานานแล้วล่ะค่ะ แต่ฉันก็เข้าใจความรู้สึกนั้นนะคะ”

 

เลเวลตอนนี้ของคุณเทียน่าคือ 141 และเธอมาถึงขีดจำกัดเลเวลตั้งแต่ 200 ปีมาแล้วตั้งแต่เธออยู่ที่เลเวล 135

กล่าวคือ เลเวลของเธอเพิ่มมาแค่ 6 เลเวลในเวลา 200 ปีที่ผ่านมา น่ากลัวจริงๆ เลยแฮะ ขีดจำกัดเลเวลเนี่ย

 

“…แต่โปรดนอนหลับให้สนิทในเวลาที่คุณทำด้วยนะคะ มันอาจจะไม่จำเป็นก็จริง แต่คุณเพิ่งจะอายุ 8 ปีเอง เป็นช่วงเวลาที่เหมาะจะได้สนุกกับชีวิตนะคะ”

“ก็มันช่วยไม่ได้นี่คะ คุณเทียน่า ฉันตัดสินใจไปแล้ว… ฉันจะทำลายล้างมนุษยชาติให้ได้ค่ะ นั่นคือทุกอย่างที่ฉันอยากจะทำในตอนนี้เลย”

 

ปณิธานของฉันไม่เปลี่ยนหรือเบี่ยงเบนไปจากเดิมสักนิดเลย แม้จะผ่านมา 3 ปีแล้ว

ความเคียดแค้นต่อพวกมนุษย์ ความปรารถนาต้องการฆ่า และอารมณ์ด้านลบต่างๆ เต็มไปหมด ทุกวันนี้พวกมันยังอยู่ดีกินดีกันอยู่ ฉันรู้สึกถึงอารมณ์พวกนั้นได้มากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกวันที่ผ่านมาเลย

มนุษย์ที่ทำลายชีวิตประจำวันอันสงบสุขของฉันเพื่อสนองความพอใจส่วนตัวและความคลุ้มคลั่งของพวกมัน

ที่นี้ล่ะ ฉันจะทำลายพวกแกให้เหี้ยน และพวกแกจะได้ชดใช้แน่นอน

 

“คุณมีใบหน้าที่สวยนะคะ แต่มันจะดูไม่ดีเอาซะเลยเวลาพูดถึงหัวข้อของพวกมนุษย์ขึ้นมาทีไร… แถม- โอ๊ะ ข้อความจากท่านจอมมารค่ะ”

 

เอ๊ะ? โอ้ จริงด้วยค่ะ

 

‘เทียน่า ลีน ได้ยินเราหรือไม่? มีเหตุฉุกเฉิน เราจะจัดประชุมด่วนสำหรับผู้บริหารที่ยังอยู่ที่นี่ พวกเจ้าก็มาเข้าร่วมเสียด้วยล่ะ’

‘ค่ะ ท่านจอมมาร… การที่ให้ท่านลีนร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย หมายความว่า…’

‘เราจะอธิบายให้ในภายหลังเอง ณ ตอนนี้พวกเจ้ารีบมาที่นี่เสียก่อน โดยเร่งด่วนด้วย’

‘รับทราบค่ะ’

‘ค่ะ ท่านจอมมาร’

 

ผ่านมา 3 ปี ฉันก็ค่อนข้างคุ้นเคยกับการใช้โทรจิตสื่อสารแล้ว

ถึงฉันจะยังตกใจอยู่เวลาที่จู่ๆ เสียงก็ดังขึ้นมาจากไหนก็ไม่รู้ก็เถอะ เพราะงั้นฉันเลยขอให้ใส่เสียงริงโทนไว้ในหัวฉันก่อนที ซึ่งฉันประหลาดใจมากตรงที่ว่ามันทำได้ง่ายๆ เลย

 

“งั้นเราไปกันเลยมั้ยคะ? ฉันจะเคลื่อนย้ายไปหน้าเวทคุ้มครองป้องกันการเคลื่อนย้ายนะคะ โปรดรอซักครู่”

“โอเคค่ะ”

“งั้นไปกันเลยค่ะ {เทเลพอร์เทชั่น (เคลื่อนย้าย)}”

 

ในชั่วพริบตานั้น พวกเราก็มาถึงหน้าประตูรั้วสู่ปราสาทจอมมารแล้ว

เราเข้าไปภายในเมื่อประตูรั้วถูกเปิดออก และเมื่อเราเปิดประตูอีกบานนึง แน่นอน การเชื่อมต่อมิติก็เปลี่ยนจุดหมายให้เรามาที่ห้องประชุมแล้ว

คนที่อยู่ในห้อง ณ ตอนนี้มีท่านจอมมาร, คุณวีเนล ผู้บริหารลำดับที่ 1, คุณเกรย์ ผู้บริหารลำดับที่ 2, คุณเรน ผู้บริหารลำดับที่ 7 และคุณเซด ผู้บริหารลำดับที่ 8

ผู้บริหารคนที่เหลือต้องออกไปอยู่ในสนามรบแน่นอน พูดอีกอย่างก็คือ เรามาถึงเป็นกลุ่มสุดท้ายเลย

 

“มาถึงแล้วสินะ พวกเจ้าเป็นกลุ่มสุดท้ายแล้ว ไปนั่งที่ได้”

 

หลังจากที่พวกเราไปนั่งตามเก้าอี้ที่กำหนดไว้ ซึ่งถูกกำหนดไว้ให้เราไปแล้ว ท่านจอมมารพยักหน้า ก่อนจะเริ่มพูดขึ้น

 

“ขอบใจพวกเจ้าทุกคนที่สละเวลาจากตารางเวลาอันวุ่นวายมารวมตัวกัน จุดประสงค์ในการประชุมครั้งนี้คือ… เรามั่นใจว่าพวกเจ้าคงคาดเดาเรื่องได้กันแล้ว จากการที่เราเชิญให้ลีนมาร่วมประชุม ณ ที่นี้ด้วย”

 

ก็ แน่นอนค่ะ เวลาในการประชุมจะตรงกันกับแต่ละคน และฉันไม่ใช่แม้แต่ผู้บริหารด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับผู้บริหารที่เกี่ยวข้องอยู่แล้วด้วย ดังนั้น ทุกคนเดาได้แน่นอนว่าทำไมฉันถึงถูกเรียกตัวมาที่นี่ด้วย

 

“เราได้รับการแจ้งด่วนจากนัตสึเมะ มีรายงานว่าพบเด็กตัวเล็กที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากปรากฏตัวในแนวหน้าแล้ว”

 

อ่า ว่าแล้วเชียว

 

“เด็กคนนั้น… เธอมีผมสีเงินยุ่งเหยิง อายุพอๆ กันกับลีน และ… มีสีหน้าตายด้าน ราวกับตุ๊กตาที่แม้นในยามลงมือสังหารศัตรู ใบหน้าก็ไม่กระดุกกระดิกเลยแม้แต่ปลายคิ้ว”

 

ไม่ต้องสงสัยเลย

 

“นั่นเป็นอย่างที่ฉันคิดใช่มั้ยคะ? ท่านจอมมาร”

“ใช่ เรามั่นใจเรื่องนี้เช่นกัน

 

ในที่สุด ‘ผู้กล้า’ ก็ถูกส่งออกมาในแนวหน้าเสียที”

 

[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

Score 10
Status: Completed
เซนโจ โยนะ เด็กหญิงที่ถูกกลั่นแกล้งอย่างหนัก ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุแก๊สระเบิด หลังจากนั้น ด้วยความช่วยเหลือของเทพชั่วร้าย อิซึสึ เธอก็ได้มาเกิดใหม่เป็นลูกสาวของผู้นำเผ่าแวมไพร์ [ลีน บลัดลอร์ด] ชีวิตอันสงบสุขกำลังรอเธออยู่ รายล้อมไปด้วยครอบครัวและเพื่อนพ้องที่รักเธอ สิ่งที่เธอต้องการมาโดยตลอดจากชาติก่อน ... แต่เวลาเหล่านั้นก็ต้องสิ้นสุดลง จากการกวาดล้างเผ่าพันธุ์แวมไพร์ด้วยน้ำมือของพวกมนุษย์อย่างไร้เหตุผล “อา เข้าใจแล้ว ชีวิตของฉันต้องพังทลายเพราะว่ามีพวกมนุษย์อยู่งั้นสินะ” อีกด้าน มีเด็กสาวที่ถูกมองเป็นตัวน่ารำคาญในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เธอได้รับ [คุณสมบัติของผู้กล้า] พร้อมทั้งพรสวรรค์และศักยภาพอันล้นเหลือ แต่จิตใจของเธอกลับถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของพวกมนุษย์ เพื่อล้างสมอง และเปลี่ยนเธอเป็นอาวุธมีชีวิต “จริงๆ แล้ว...ไม่อยากปกป้องพวกมนุษย์ซักหน่อย เราไม่ได้อยากเป็นผู้กล้า…” และพวกเธอผู้เกลียดชังต่อมนุษย์ ก็กลายมาเป็นภัยพิบัติต่อมนุษยชาติ นี่คือเรื่องราวของเด็กสาว 2 คนที่ชีวิตต้องถูกทำลายด้วยน้ำมือของมนุษย์ และสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไป เหลือเพียงแค่ชีวิตของตัวเอง และพวกเธอจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อล้างแค้นและกวาดล้างมนุษยชาติให้สิ้น

Options

not work with dark mode
Reset