[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า 152 องค์ที่ 5 กำเนิดจอมมาร – [บทศูนย์] สละตัวเอง

ตอนที่ 152 องค์ที่ 5 กำเนิดจอมมาร - [บทศูนย์] สละตัวเอง

“อึก……”

 

เวทมนตร์แสงทะลุเวทคุ้มครองของฉันเข้ามา แล้วถากผ่านไป

แต่ขนาดโดนแค่นั้นก็ทำเอารู้สึกเจ็บแปล๊บวิ่งไปทั่วร่างเลย ทั้งๆ ที่พอฉันตายแล้วก็ไม่ควรจะรู้สึกเจ็บได้แท้ๆ

 

“ดีเช! ไม่เป็นไรนะ!?”
“ไม่เป็นไร… เธอก็บาดเจ็บเหมือนกันนี่นา เนล… {ดาร์กออร่า (การกัดกินจากความมืด)}”

 

เวทความมืดได้เข้าห่อหุ้มอีกฝ่าย และโถมเข้าทำลายเป้าหมายของเวทนั้นอย่างช้าๆ

แต่ว่า อันเดดน่ะมีความสามารถในการดูดซึบการโจมตีธาตุมืด และนำมารักษาอาการบาดเจ็บได้ สำหรับอันเดดแล้ว เวทความมืดก็เหมือนกับเป็นเวทฟื้นฟูเลยล่ะ

 

“ดีเช! อย่าใช้พลังเวทเสียเปล่าแบบนั้นสิ! การฟื้นฟูของเค้าน่ะดีพอแล้วนะ! รักษาแผลของตัวเองก่อนเถอะ! ไม่ต้องห่วงนะ! กำลังเสริมจากท่านจอมมารต้องมาถึงในไม่ช้าแน่นอน!”
“…คงยากแล้วล่ะ เจ้านั่น แข็งแกร่งสุดๆ เลย ฉันคิดว่า ขนาดในกองทัพจอมมาร คงมีแค่เลตตี้กับฟรานเองล่ะมั้งที่จะชนะได้ แต่ตอนนี้ พวกเรา 2 คนน่ะ…”

 

ชายคนนั่น เป็นใครกันแน่?

ตอนที่การซ่อมแซมศาลเจ้าใกล้จะเสร็จอยู่แล้ว จู่ๆ เจ้าหมอนั่นก็โผล่มา และขยี้ทุกคนที่อยู่ที่นี่จนราบคาบเลย

บริวารอันเดดของฉัน กับพวกมนุษย์ที่ศรัทธาในท่านอิซึสึก็พยายามสู้กลับแล้ว แต่พวกเขาทำอะไรไม่ได้เลย จนท้ายสุด แม้แต่ผู้บริหาร 2 คนที่ท่านจอมมารส่งมาก็ถูกฆ่าตามไปด้วยเหมือนกัน

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว เลตตี้… อาจจะไม่ไหวก็ได้ ต้องระดับฟรานเท่านั้นเลยถึงจะเอาหมอนี่อยู่น่ะ

เป็นศัตรูที่พวกเรารับมือไม่ไหวแน่ๆ เอาชนะไม่ได้เลย

 

จากเสียงฝีเท้า ดูท่าหมอนั่นกำลังใกล้เข้ามาแล้ว

ไม่ทันไร ก็เริ่มเห็นเค้าโครงคร่าวๆ ก่อนจะค่อยๆ เห็นร่างนั่นชัดขึ้นเรื่อยๆ

อายุราว 20 ต้นๆ หรือเปล่านะ? เจ้านั่นมีผมสีบลอนด์ รูปร่างดูดี แต่สีหน้านั่นกลับดูมีความขมขู่แผ่ออกมายังไงไม่รู้

ในมือทั้ง 2 ข้างนั่น เขาก็ถือมีดสั้นคู่ที่ดูทนทานกับการใช้งานอันหนักหน่วงได้สบายๆ อยู่ด้วย

 

“…ยังตายอยู่อีกเหรอเนี่ย? ก็สมแล้วล่ะที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้บริหารที่เก่าแก่ที่สุด”
“เรื่องนั้นก็ขอบคุณแล้วกัน แกนี่ สุดยอดจริงๆ เลยนะ”
“…เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว”

 

ทันทีที่เจ้านั่นพูดจบ มันก็พุ่งตรงเข้ามาฟันฉันเลย

 

“เค้าจัดการเอง! หย้า!”

 

เนลก้าวมาเข้ามาหน้าของฉัน และปะทะกับการโจมตีนั่น

 

“แกนี่มันอ่อนแอซะจริง”
“กั๊ก…”

 

เนลตามการโจมตีนั่นไม่ทันเลย จนเธอถูกแทงเข้าที่หัวใจอย่างจัง

 

“เนล!”
“……ไม่เป็น ไร…”

 

เพราะเนลน่ะเป็นอันเดด หรือก็คือเธอน่ะตายไปแล้ว เธอก็เลยสามารถสู้ต่อได้ ต่อให้เธอถูกแทงเข้าที่หัวใจ หรือถูกตัดหัวก็ตาม

แต่ว่า! ถ้าเกิดมันเป็นการโจมตีที่เสริมเวทมนตร์แสงหรือเวทฟื้นฟูเข้าไป ร่างกายจะหายไปเลยนะ!

 

“หายไปซะ {โฮลี่… (…แสงศักดิ์สิทธิ์)}”
“{ดาร์กเนสเรย์ (กระสุนอนธการ)} !”
“ฮึ…”

 

เวทมนตร์ของฉันเร็วกว่าเจ้านั่นแบบเฉียดฉิวเลย

เจ้าหมอนั่นก็โดดถอยไป ส่วนเนลก็ถอยกลับมาหาฉัน

 

“เนล อย่าวู่วามสิ เว้นระยะห่างไว้”
“…เข้าใจแล้ว”

 

การต่อสู้ ถูกเจ้าหมอนั่นกุมความได้เปรียบตลอดตั้งแต่ต้นยันจบเลย

ถึงจะเป็นการต่อสู้แบบ 2 รุม 1 แล้ว แต่หมอนั่นก็ไม่ยี่หระ แถมยังโจมตีพวกเราไม่รู้กี่ครั้ง ที่พวกเราทำได้มีแค่พยายามหาทางรับมือกับการโจมตีพวกนั้นอย่างเดียวเลย

 

แต่ไหนแต่ไร ฉันก็เป็นอาชีพนักบุญฝ่ายสนับสนุนกองทัพจำนวนมากอยู่แล้วด้วย ฉันไม่เหมาะกับการต่อสู้โดยที่มีจำนวนคนน้อยๆ แบบนี้เลย

ตอนนี้ ฉันร่ายเวทเสริมกำลังให้ตัวเองกับเนลเอาไว้ แล้วก็ต่อสู้ไปพลาง สนับสนุนไปพลางด้วยวิธีต่างๆ ดู แต่รูปแบบการต่อสู้ตามปกติของฉันน่ะ จะเป็นรูปแบบที่สามารถใช้พลังของลีชให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด โดยให้ความสำคัญกับการสนับสนุนกองทหารจำนวนมากอย่างเดียวก็พอ รวมทั้งเปลี่ยนพวกศัตรูที่ตายไปมาเป็นส่วนหนึ่งของกองทหารอันเดดของฉันด้วย

จะมีกำลังพลต่างกันขนาดไหน จะมีพวกพ้องน้อยแค่ไหน ก็สามารถพิชิตมันไปได้ พิชิตความต่างชั้นนั้น และพิชิตเหล่าศัตรูจนราบคาบ นี่แหละ พลังของ ‘แม่ทัพผู้พิชิต’ ล่ะ

แต่ตรงนี้น่ะมีศพอยู่น้อยเกินไป ไม่ว่าจะเปลี่ยนมนุษย์ที่ถูกฆ่าไปตรงนี้ให้กลายเป็นอันเดดไปซักกี่คน ก็ซื้อเวลาจากชายคนนี้แทบไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป แถมอันเดดที่ถูกชำระล้างแล้วจะไม่สามารถถูกเปลี่ยนเป็นอันเดดได้อีกเลยด้วย

แม้แต่ด้านเวทมนตร์ ชายคนนี้ก็ดูเหมือนจะด้อยกว่าแค่ฟรานเท่านั้นเอง…

เนลน่ะมีความสามารถพอๆ กับผู้บริหารทั่วไปเลยนะ แต่ถ้าให้พูดอีกแบบ เธอก็ยังมีพลังอยู่แค่ในระดับนั้นเท่านั้น ไม่เพียงพอที่จะพลิกสถานการณ์ตรงหน้านี่ได้เลย

ตอนนี้ ที่พวกเรายังรอดชีวิตกันอยู่ได้ ก็อาศัยแต่ประสบการณ์ที่มี, ความสามารถในการสนับสนุน, เอกลักษณ์ของเผ่าพันธุ์ แล้วก็สมบัติศักดิ์สิทธิ์ ‘แหวนแห่งการตัดสิน เดเวีย’ ที่มีความสามารถในการปรับเปลี่ยนความเป็นไปได้ แต่สมดุลนั้นใกล้จะถูกทำลายลงแล้ว

 

เรียบร้อย ถึงขีดจำกัดแล้วล่ะ

พลังเวทของฉันหมดไม่เหลือแล้ว ทั้งเวทสนับสนุน ทั้งเวทคุ้มครองที่ฉันร่ายไว้ก็หมดผลลง

 

“…จบแล้วเรอะ? ไม่คาดไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอผู้บริหารยุคบุกเบิกในที่แบบนี้ได้ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยนะ”
“…ชนะคนอย่างฉันไปก็อย่าเพิ่งดีใจดีกว่านะ ก็จริงอยู่ที่นายน่ะแข็งแกร่ง แต่ว่า แค่นั้นน่ะ… ชนะฟรานหรือเลตตี้ไม่ได้หรอกนะ ทั้ง 2 คนนั้นน่ะ ไม่ใช่คนธรรมดาดาดดื่นแบบฉันหรอก”

 

ฉันถึงขีดจำกัดแล้ว ที่ทำได้ก็มีแต่พูดเท่านั้นเอง

ดาบของเนลก็หักไปแล้ว แถมกำลังกายที่มีก็สู้ต่อไม่ได้แล้วเหมือนกัน ไม่ว่าจะมองยังไง ฉันก็ไร้ทางช่วยแล้วสินะ

 

“…หึ วางใจได้เลย ข้าจะส่งพวกแกทั้งคู่ลงนรกไปด้วยกันนี่แหละ”

 

ผู้ชายคนนั้น กางฝ่ามือยื่นมาทางพวกเรา

 

“{โฮลี่พิลลาร์ (เสาค้ำจุนแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์)} !”

 

การถูกเวทมนตร์แสงระดับสูงแบบนี้ สำหรับอันเดดอย่างพวกเราแล้ว นี่ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับอันตรายถึงชีวิตเลย

 

“…มันจบแล้วสินะ เนล แต่อย่างน้อย พวกเราก็อยู่ด้วยกันจนวาระสุดท้ายเนอะ”
“…ก็คงยังงั้น ขอโทษนะ อย่างน้อย เค้าก็ควรจะให้ดีเชหนีรอดไปได้แท้ๆ เลย”
“พูดอะไรของเธอน่ะ ฉันเคยพูดไว้ตั้งแต่หลายสิบปีก่อนแล้วนี่ ว่าต่อให้ต้องสลายไป ฉันก็จะอยู่กับเนลน่ะ”
“…งั้นเหรอ ขอบใจนะ… ดีเช เค้ารักเธอที่สุดเลยล่ะ”
“อื้อ… ฉันก็เหมือนกัน”

 

ขอโทษนะคะ ท่านจอมมาร พวกฉันคงต้องเกษียณตัวเองกันที่นี่แล้วล่ะ

แต่ว่าไม่ต้องเสียใจไปหรอกนะคะ พวกฉันจริงๆ ก็ตายมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว พวกฉันเป็นตัวตนที่ไม่ควรจะมาขยับเคลื่อนไหวได้แบบตอนนี้ด้วยซ้ำไป

ถึงจะไม่มีฉันแล้ว กองทัพจอมมารก็ยังดำเนินต่อไปได้อยู่ดีนั่นแหละ

ฉันขอภาวนาให้ท่านสามารถ… พาคุณริงกะกลับมามีชีวิตอีกครั้งได้สำเร็จด้วยนะคะ

 

“{ดาร์กเนสพิลลาร์ (เสาค้ำจุนแห่งทมิฬมืด)}”

 

ร่างกายของพวกฉันสลายไปไม่เหลือ… เมื่อวินาทีที่แล้ว

เวทมนตร์ความมืดที่เทียบเท่ากับ {เสาค้ำจุนแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์} ถูกร่ายออกมาปะทะกัน หักล้างแสงนั่นออกไป

เพราะได้เวทนี้ ฉันกับเนลก็เลยยังไม่สลายไป

ถึงหลายส่วนจะถูกชำระล้างไป จนแม้แต่เวทความมืดก็อาจจะรักษาไม่ได้แล้ว… แต่ก็ยังมีสติสัมปชัญญะอยู่

เนลหมดสติไปแล้ว แต่ฉันรู้ได้จากการเป็นลีชว่าเธอยังไม่ได้สลายหายไป

 

พอฉันหันไปทางทิศที่ฉันรู้สึกถึงเวทความมืดนั้น ตรงนั้นก็คือ…

 

“ท่านจอมมาร……!?”
“อะไรกัน…?”

 

ดูเหมือน… ดูเหมือน จะทันเวลาพอดีสินะ

ถ้าเวทนั้นเกิดหน่วงจนช้าไปซักวินาทีล่ะก็ มีหวัง 2 คนนั้นได้หายไปจากโลกแน่ๆ

แต่ครั้งนี้ เรา ช่วยเอาไว้ได้แล้ว เราจะไม่พลาดแบบนั้นอีก พลาดแบบตอนริงกะอีกแล้ว

 

ในใจของเราตอนนี้ มีอารมณ์ 2 ขั้วที่ปนเปกันไปหมด ถ้าให้พูดชัดๆ ก็คือความโล่งใจกับความโมโห

เรื่องความโล่งอกน่ะ ไม่ต้องคิดให้เสียเวลาเลยว่าทำไม แต่เรื่องความโมโหที่เรามีเนี่ย กับเจ้านั่นที่ทำให้ดีเชกับคนอื่นๆ อยู่ในสภาพแบบนี้… ไม่ใช่เจ้านั่นหรอก

 

“…เฮ่ ดีเช”
“ท- ท่านจอมมาร ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะคะ! เพราะความสำคัญของท่านแล้ว ที่ลงมาในสนามรบแบบนี้-…”
“ยัย… โง่บรมเอ๊ย!!”
“เอ๋!?”

 

ยัยอันเดดโง่เง่าเอ๊ย! ทำเป็นแต่เรื่องโง่ๆ หรือไงกันน่ะฮะ!

 

“เธอนี่นะ! ส่งโทรจิตมาแบบนั้น แล้วเธอยังจะคิดว่า เราคงจะคิดแบบ ‘งั้น ก็ปล่อย 2 คนนั้นทิ้งไปแล้วกัน’ งั้นเหรอ!? คิดว่าเราจะไม่ออกมาสู้งั้นเหรอ!? เป็นแบบนั้นก็แย่แล้วล่ะยัยบ้านี่! มาพูดว่า ‘กลับไปไม่ได้’ บ้าบออะไร! ก็กลับมาสิ! อยากให้เราต้องเจอเรื่องที่ต้องเสียคนสำคัญไปอีกรอบหรืองั้นกันน่ะหา!?”
“ต- แต่ว่า… ผู้ชายคนนั้นแข็งแกร่งมากเลย แล้วพวกฉัน 2 คนก็-…”
“เธอ นี่ นะ!! ทำงานอยู่กับเรามาตั้งหลายร้อยปี… พูดขอให้ช่วยซักทีนึงมันจะตายหรือไงฮะ!?”
“อะ…”

 

ดูเหมือนยัยนี่จะเข้าใจเหตุผลที่เราโกรธได้ซักทีนะ

 

“เราเคยพูดไปตอนไหนหรือไงว่าให้สละตัวเองเพื่อหาซักทางเพื่อโต้กลับศัตรูไปให้ได้น่ะ!? ถ้ามีเวลามาคิดอะไรไร้สาระพรรค์นั้นล่ะก็ ก็หาวิธีให้ตัวเองมีชีวิตอยู่ต่ออีกซักวินาทีซะ!!… รู้ไว้เลยนะ! ครั้งต่อไปที่เธอพล่ามอะไรไร้สาระแบบนี้อีก แล้วไม่มาขอให้ช่วยล่ะก็ เราจะกระชากเส้นเสียงที่เธอไม่ยอมใช้ออกมาเอง!! เข้าใจหรือยังฮะ!! เข้าใจแล้วก็ตอบด้วย!!”
“ค- ค่ะ!… ขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ”

 

เอาล่ะ

 

“…โทษทีนะที่ให้รอ จากตรงนี้ไป เราจะเป็นคู่มือให้แกเอง”
“…แกคือจอมมารสินะ”
“ใช่ เราเองคือจอมมาร ศัตรูฟ้าประทานของมนุษย์อย่างพวกแกยังไงล่ะ จอมมาร ฟิลิส ดาร์กลอร์ด… โทษฐานที่แกฆ่าบริวารของเรา และยังเกือบจะฆ่าผู้บริหารและเพื่อนพ้องที่เรียกได้ว่าเป็นมือขวาของเราแบบนี้ แกกำลังจะได้ชดใช้กับความผิดนั้นแล้ว เจ้ามนุษย์”

 

เจ้าหมอนี่แข็งแกร่ง กะคร่าวๆ ก็คงเก่งกว่าฟลูเรเทีย แต่ก็ยังน้อยกว่าฟราน

ถึงยังไงก็เทียบเราที่มีผลของการอวยพรจากดวงจันทร์ทำงานอยู่ไม่ติดฝุ่นเลยซักนิดล่ะนะ

แต่ว่า ยังไงเจ้าหมอนี่ก็ไม่มีทางปล่อยโอกาสทองแบบนี้หลุดมือไปหรอก เราที่เป็นผู้นำของฝ่ายศัตรูที่เป็นอันตรายที่สุดของมนุษย์น่ะ… แต่ พลิกความคาดหมาย เจ้าหมอนั่นกลับ

 

“…พอแล้วล่ะ”

 

เจ้านั่นเก็บมีดสั้นกลับไป แล้วก็ไม่มีความต้องการจะสู้ต่อเหลืออีกเลย

 

“ข้าเอาชนะแกไม่ได้ ข้าไม่ได้โง่ขนาดจะหลับหูหลับตาวิ่งเข้าไปสู้โดยไม่รู้ถึงความต่างชั้นของพลังหรอก”
“เป็นคนที่ใจเย็นแถมไร้อารมณ์จริงๆ เลยนะ แต่ นี่แกคิดจริงๆ เหรอว่าเราจะปล่อยให้แกหลุดมือไปน่ะ?”
“ถ้าเกิดแกจะสู้ ก็คงเลี่ยงไม่ได้… แต่อย่างน้อย ข้าก็จะเอาเจ้า 2 คนนั่นตามข้าไปด้วยล่ะนะ”

 

…แบบนี้นี่เอง

แน่นอนว่า ถ้าเราเลือกจะสู้กับเจ้าหมอนี่ที่นี่ตอนนี้ ก็เป็นไปได้สูงมากเลยว่าทั้ง 2 คนจะถูกลากเข้ามาเอี่ยวด้วย

เพื่อความปลอดภัยของทั้งคู่ ปล่อยเจ้าหมอนี่ไปคงจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสินะ?

หมอนี่ สุขุม ไร้อารมณ์ แถมยังหัวหมออีก

 

“ชิ… ไปซะ”
“…หึ”

 

เจ้านั่นเริ่มใช้เวทเคลื่อนย้ายโดยไม่มีทีท่าจะหันหลังให้เลย

 

“…เดี๋ยว แกน่ะ บอกชื่อมาซิ”
“…บอกไปแล้วข้าจะได้อะไร”
“เราก็แค่เอาไปจดไว้ในรายชื่อพวกคนที่ทำให้เราหงุดหงิดก็เท่านั้นเอง”
“…เป็นกิจจะลักษณะเลยนะ”
“แล้ว ชื่อของแกคือ?”

 

“……รีเวลซ์ ข้าคือ [ผู้กล้า] รีเวลซ์”

 

ชายคนนั้นพูดทิ้งเอาไว้แบบนั้น ก่อนจะหายไปด้วยเวทเคลื่อนย้ายในที่สุด

 

TN: ที่แท้ก็คือเขานี่เอง คนที่พวกเราคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี

ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r

[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

Score 10
Status: Completed
เซนโจ โยนะ เด็กหญิงที่ถูกกลั่นแกล้งอย่างหนัก ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุแก๊สระเบิด หลังจากนั้น ด้วยความช่วยเหลือของเทพชั่วร้าย อิซึสึ เธอก็ได้มาเกิดใหม่เป็นลูกสาวของผู้นำเผ่าแวมไพร์ [ลีน บลัดลอร์ด] ชีวิตอันสงบสุขกำลังรอเธออยู่ รายล้อมไปด้วยครอบครัวและเพื่อนพ้องที่รักเธอ สิ่งที่เธอต้องการมาโดยตลอดจากชาติก่อน ... แต่เวลาเหล่านั้นก็ต้องสิ้นสุดลง จากการกวาดล้างเผ่าพันธุ์แวมไพร์ด้วยน้ำมือของพวกมนุษย์อย่างไร้เหตุผล “อา เข้าใจแล้ว ชีวิตของฉันต้องพังทลายเพราะว่ามีพวกมนุษย์อยู่งั้นสินะ” อีกด้าน มีเด็กสาวที่ถูกมองเป็นตัวน่ารำคาญในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เธอได้รับ [คุณสมบัติของผู้กล้า] พร้อมทั้งพรสวรรค์และศักยภาพอันล้นเหลือ แต่จิตใจของเธอกลับถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของพวกมนุษย์ เพื่อล้างสมอง และเปลี่ยนเธอเป็นอาวุธมีชีวิต “จริงๆ แล้ว...ไม่อยากปกป้องพวกมนุษย์ซักหน่อย เราไม่ได้อยากเป็นผู้กล้า…” และพวกเธอผู้เกลียดชังต่อมนุษย์ ก็กลายมาเป็นภัยพิบัติต่อมนุษยชาติ นี่คือเรื่องราวของเด็กสาว 2 คนที่ชีวิตต้องถูกทำลายด้วยน้ำมือของมนุษย์ และสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไป เหลือเพียงแค่ชีวิตของตัวเอง และพวกเธอจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อล้างแค้นและกวาดล้างมนุษยชาติให้สิ้น

Options

not work with dark mode
Reset