‘ขอโทษนะคะ ท่านจอมมาร’
เรามุ่งหน้าไปหาเจ้าตัวที่ส่งโทรจิตนี้มา ด้วยความเร็วสูงในระดับที่ไม่เคยทำมาก่อน
‘บางที ฉันน่าจะ กลับไปไม่ได้แล้วค่ะ’
ถ้าจะโทษล่ะก็ ต้องโทษยัยเพื่อนบ้าที่เอาแต่พ่นอะไรไร้สาระอยู่ฝ่ายเดียวมาตั้งแต่เมื่อกี้นี้ก็แล้วกัน
‘จนถึงตอนนี้ ที่ฉันเป็นกำลังพอช่วยเหลืออะไรได้ ฉันดีใจจริงๆ นะคะ ไม่เป็นไรค่ะ ถึงฉันกับเนลจะไม่อยู่แล้ว กองทัพจอมมารก็ยังดำเนินต่อไปได้ ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ’
…ไม่เอานะ
‘ถ้างั้น ท่านจอมมารคะ ขอโทษด้วยนะคะเพราะยังอยู่กลางการต่อสู้อยู่เลย… แต่ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะ… ขอฝากความคิดถึงไปให้ฟราน เลตตี้ แล้วก็วีเนลด้วยนะคะ’
“เราน่ะ เสียไปมากเกินพอแล้วน่า…!”
ต้องเล่าย้อนกลับไปนิดหน่อย
ว่าที่ผู้บริหารของกองทัพจอมมาร นัตสึเมะ นำข้อมูลมาบอกว่า มีสถานที่บางอย่างคล้ายกับศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ในที่เงียบๆ ในป่าอันห่างไกล และก็มีมนุษย์เข้าๆ ออกๆ ที่นั่นอยู่
ถ้าพูดถึงศาลเจ้า ก็ต้องพูดถึงนักบุญ และถ้าพูดถึงนักบุญ ก็ต้องยกให้ดีเชเลย
เผ่าอันเดดนั้นเป็นตัวตนที่เหนือเหตุและผลมากๆ แต่ที่เราส่งดีเชไปเป็นผู้นำของทัพหน้านั้น เพราะเราคิดว่าการส่งเธอที่ถือครองอาชีพสายนักบุญระดับสูงมากอย่าง [อาร์คบิชอป] นั้นน่าจะทำให้พวกเราเรียนรู้อะไรบ้างก็ได้
และผลลัพธ์ที่ได้นั้นก็ค่อนข้างน่าตกใจพอควรเลย
‘ท่านจอมมารคะ เรื่องของศาลเจ้าที่พูดถึงกันก่อนหน้านี่เนี่ย… ด้วยเหตุผลบางอย่าง ดูเหมือนที่นี่จะไม่ใช่สถานที่ใช้บูชาเทพธิดามิซารี่นะคะ’
น่าตกใจมากๆ ศาลเจ้านั่นเป็นที่สวดบูชาของเทพชั่วร้ายในมุมมองของพวกมนุษย์… หรือก็คือ เป็นที่ใช้สวดบูชาท่านอิซึสึนั่นเอง
พวกมนุษย์นอกรีตที่ศรัทธาในเทพชั่วร้าย เชื่อในหลักคำสอน และพยายามเป็นมิตรกับเผ่ามารทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นเผ่ามนุษย์ เป็นที่รวมตัวกันของคนกลุ่มนั้นสินะ
‘ฉันลองพูดคุยกับพวกเขาดูแล้ว ดูเหมือนพวกเขาจะต้อนรับพวกเราเป็นอย่างดีเลยค่ะ เท่าที่ดูแล้ว ไม่รู้สึกว่าเป็นกับดักหรือคำโกหกเลย… คิดว่ายังไงบ้างคะ?’
‘…รอที่นั่นแป๊บนึงนะ เดี๋ยวเราไปที่นั่นด้วย’
‘ไม่ต้องหรอกค่ะ คนที่นี่บอกว่าถ้าเกิดท่านมาล่ะก็ ผู้คนที่นี่ต้องแตกตื่นแน่ๆ เห็นบอกว่ามันไม่เหมาะสมเลยที่ต้องให้ผู้ติดตามเพียงหนึ่งเดียวของท่านอิซึสึอย่างท่านจอมมารลงมาหาพวกเขาด้วยตัวเองน่ะ’
โห ว่าแบบนั้นเลยเหรอเนี่ย
เราน่ะ เกลียดพวกมนุษย์
ไอ้เผ่าพันธุ์สุดชั่วช้าที่เต็มไปด้วยกิเลส หลงมัวเมาและเชื่ออย่างสุดใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกมันทำคือสิ่งที่ถูกต้อง แล้วยังพยายามจะล้มล้างพวกเราอีก เมื่อไม่นานนี้ เอลฟ์และมนุษย์มังกรที่เคยถูกเรียกว่าเผ่า ‘กึ่งมนุษย์’ เองก็ถูกเหมารวมเป็น ‘เผ่ามาร’ ไปแล้วด้วย แถมดูเหมือนว่าพวกมันจะทำกับพวกเขาไม่ต่างอะไรกับสัตว์อสูรเลย เป็นเผ่าพันธุ์ที่เอาแต่พวกตัวเองเป็นศูนย์กลางและยังขยันเสนอหน้าตัวจริงเลย
แต่กับพวกมนุษย์ที่ไม่ได้บ้าคลั่งหลับหูหลับตาเชื่อแต่เทพธิดามิซารี่ กับพวกมนุษย์ที่ไม่ได้เป็นปฏิปักษ์กับพวกเราและมีจิตใจอ่อนโยนแล้ว นั่นก็เป็นคนละเรื่องกัน ยังเป็นเรื่องที่เรายังสามารถพูดคุยกันได้
เราสั่งดีเชไปว่า ให้พาแค่มนุษย์ที่สำคัญที่สุดในศาลเจ้านั้นมา และไม่กี่นาทีต่อจากนั้น ดีเชก็เข้ามาในห้องทำงานของจอมมารพร้อมกับมนุษย์อีก 1 คน
ดูเขาจะเป็นชายที่อยู่ในวัย 30 ต้นๆ… หรือใกล้ๆ นั้น เขาเป็นผู้ชายหน้าตาธรรมดาๆ สวมชุดคลุมนักบวชสีดำแบบง่ายๆ
ชายคนนั้นเดินตามหลังดีเชมา และพอเขามายืนตรงหน้าเรา เขาก็คุกเข่าลงไปข้างนึง ก่อนจะทำท่าทางแสดงออกมาเหมือนกับการสวดภาวนา
“…นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบกับกระผมสินะครับ ท่านจอมมาร ชื่อของกระผมคือเซดครับ ถึงแม้ว่ากระผมจะไม่ได้มีพรสวรรค์อะไรเลย แต่กระผมก็ได้เกียรติรับหน้าที่เป็นผู้รวบรวมเหล่าสาวกผู้ศรัทธาต่อท่านอิซึสึเข้ามารวมตัวกันครับ เช่นนั้นแล้ว โปรดให้การชี้แนะด้วยครับ”
“เซดสินะ เราจะจำไว้ เราได้ฟังเรื่องโดยทั่วๆ ไปจากดีเชมาแล้ว แต่จากที่นายบอกมานั่น… แสดงว่าพวกนายอยู่ที่ศาลเจ้านั่นหมดทุกคนเลยเหรอ?”
“ใช่ครับ ผู้คนทั้ง 176 คนที่ศาลเจ้าแห่งนั้นไม่เชื่อในเทพธิดามิซารี่ แต่ศรัทธาในท่านอิซึสึครับ พวกเราไม่เข้าใจจิตใจของผู้คนที่คลุ้มคลั่งในเทพธิดามิซารี่ แล้วเข้าประหัตประหารเหล่ามารและกึ่งมนุษย์แบบนั้นเลยน่ะครับ”
แบบนี้เอง อย่างที่ดีเชว่าเลย เราสัมผัสได้ถึงความศรัทธาในตัวเรา และศรัทธาในกองทัพจอมมารได้ที่ออกมาจากใจของชายคนนี้ได้จริงๆ ดูท่าทางเขาจะไม่ได้โกหกเลยซักนิดเดียว
“ท่านจอมมารครับ โชคดีเหลือเกินครับที่พวกเรามีโอกาสได้พบกับท่านเช่นนี้ ถ้าหากเป็นไปได้ โปรดให้พวกเราได้เป็นกำลังของกองทัพจอมมารด้วยเถิดครับ…”
“มีความเป็นไปได้หรือเปล่าที่พวกนายจะมีสายลับที่ต้องการจะมาแทรกซึมในฐานของพวกเราน่ะ?”
“ไม่ใช่อย่างแน่นอนครับ พวกเราทำการเหยียบรูปเคารพกันทุกปีเลยล่ะครับ”
เหยียบรูปเคารพเหรอ…
“ถึงจะเป็นวิธีที่ดูดั้งเดิมไปหน่อย แต่ก็ได้ผลชะงัดนักเลยนะครับ ตลอดสองสามทศวรรษที่ผ่านมา มีสายลับจากศาสนามิซารี่เพียงคนเดียวเลยครับที่เคยแทรกซึมเข้ามา และก็ถูกเปิดโปงจากวิธีนี้นี่แหละครับ”
ที่ได้ผลเพราะมันเป็นวิธีง่ายๆ หรือเปล่าล่ะเนี่ย?
ก็แค่เผื่อไว้ก่อนล่ะนะ เราไม่ได้ถามคำถามที่เปล่าประโยชน์ออกไปซะหน่อย
เพราะทุกวันนี้ เผ่ามนุษย์ส่งสายลับมาหาพวกเราไม่ได้เลย
เพราะความศรัทธาของพวกมนุษย์ธรรมดาๆ ที่ศรัทธาในเทพธิดามิซารี่นั้น ทำให้ความเกลียดชังต่อเผ่ามารของเจ้าพวกนั้นมากถึงขนาดที่ทนความคิดอย่าง ‘การอยู่ร่วมกับเผ่ามารและพวกผู้ศรัทธาต่อเทพชั่วร้าย’ ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“ท่านจอมมาร คิดว่ายังไงบ้างคะ? พวกเขาต้องการทราบว่าท่านจะดำเนินการยังไงต่อดี”
“แล้วเธอคิดว่าไงล่ะ วีเนล?”
“ฉันว่าก็เป็นเรื่องที่ดีนะคะ การตรวจจับความเท็จของฉันไม่ตอบสนองเลย และฉันคิดว่าพวกเขาก็เป็นมนุษย์ที่ไม่ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อเราด้วยค่ะ ต่อให้มีหลุดมาบ้าง ฉันคิดว่าก็เป็นอะไรที่สามารถมองผ่านไปได้ค่ะ”
“นั่นสินะ… เอาล่ะ เข้าใจแล้ว ในนามของ [จอมมาร] ฟิลิส ดาร์กลอร์ด เราอนุญาตให้พวกนายเข้าร่วมกับกองทัพจอมมารได้”
“ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ!!”
มนุษย์ผู้ชายที่ชื่อเซดคนนั้นกระโดดลิงโลดด้วยความยินดีเลย
จากที่เราได้ฟังมา ชายคนนี้สิ้นไร้หนทางหลังจากที่พ่อแม่ของเขาถูกมนุษย์ฆ่าตาย และได้ถูกช่วยชีวิตไว้จากทหารเผ่ามนุษย์มาร
ตั้งแต่นั้นมา เขาก็คลางแคลงในเผ่ามนุษย์ที่เกลียดชังเผ่ามาร และมอบความศรัทธาของตัวเองให้กับท่านอิซึสึอย่างหมดหัวใจ
เพราะเขาเองก็เข้ากันได้ดีกับดีเชที่มีพื้นหลังคล้ายกันด้วย เราก็เลยยกให้ดีเชและบริวารอันเดดของเธอเป็นผู้รับผิดชอบในการให้ความช่วยเหลือพวกเขา
อย่างที่คิดเลยว่า มันน่าเสียดายถ้าจะปล่อยให้ศาลเจ้าที่โอ่อ่านี้ต้องทิ้งร้างไป ถึงจะมีหลายจุดที่เสียหาย แต่ศาลเจ้าหลังนี้ก็เข้าสู่โครงการบูรณะเรียบร้อย
ถึงจะมีเสียงแตกบ้างในกองทัพจอมมารกับเหตุไม่คาดฝันอย่างการมีเพื่อนร่วมรบเผ่ามนุษย์เข้ามาร่วมด้วย แต่ตอนนี้ เรื่องพวกนั้นก็สงบลงแล้ว
เซดและคนอื่นๆ ได้เข้าร่วมกับเรา ในฐานะพวกพ้องเผ่ามนุษย์ นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 3 เดือนก่อน
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างปุบปับนี่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วนี่เอง
ตอนนั้น ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นจากการติดต่อฉุกเฉินอันนึงที่วิ่งเข้ามาในคริสตัล เมจิกไอเท็มที่ใช้ในการสื่อสารที่ติดตั้งไว้ในห้องทำงานของเรา
‘ถึง-…… ตอบ-…… คำข-…… ท่านจอมมา-…… ได้ยิ-…… เหตุร้า-……’
“……!?”
การติดต่อเข้ามาจากเนล ที่ออกไปทำงานกับดีเชและคนอื่นๆ ที่ศาลเจ้าในป่านั่น
ดูเหมือนจะไม่มีแม้แต่เวลาจะใส่พลังเวทลงในคริสตัลได้ทันดี เสียงขาดช่วงไปหมด แต่เราพอจะเข้าใจว่าเธอพยายามจะหมายถึงอะไร
[คำขอกำลังเสริมฉุกเฉิน]
พอเราคิดว่าต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ เราก็รีบไปปรึกษากับวีเนลในทันที ก่อนจะรีบส่งผู้บริหาร 2 คนไปที่นั่นด้วยเวทเคลื่อนย้าย
การจะส่งกองกำลังเสริมไปนั้นต้องใช้เวลา เพราะงั้นเราเลยต้องรอและคอยดูไปก่อน
……แต่ ถึงจะคอยดูท่าทีอยู่ซักพักแล้ว แต่ไม่ใช่แค่ติดต่อดีเชกับเนลไม่ได้ แม้แต่ผู้บริหาร 2 คนที่เราส่งไปช่วยนั่นก็ติดต่อไม่ได้เหมือนกัน
ทำยังไงดี… ฟรานที่แกร่งที่สุดในกองทัพจอมมาร กับฟลูเรเทียที่แข็งแกร่งรองลงมาก็กำลังจัดการกับธุระอื่นอยู่ด้วยสิ
ถ้ายังเป็นแบบนี้ เราคงต้องไป……
‘ท่านจอมมาร’
“อุหวา!?”
จู่ๆ ก็มีเสียงดังเข้ามาในหัว {เทเลพาธี (โทรจิต)} งั้นเหรอ?
‘ดีเช?’
‘ค่ะ ติดต่อเพื่อรายงานสถานการณ์ แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ฉันคุยนานไม่ได้ เพราะนี่เราแค่หยุดการเคลื่อนไหวกันชั่วคราวเท่านั้นเอง จะขอแจ้งแค่ใจความหลักเท่านั้นค่ะ’
อะไรกันน่ะ?
หมายความว่า ดีเชกำลังสู้อยู่งั้นเหรอ?
‘คือ…… ผู้บริหารทั้ง 2 คนที่มาเป็นกำลังเสริมให้เรา… มนุษย์อาชา เจโร กับดาร์กเอลฟ เอียนา… ถูกสังหารแล้วค่ะ’
‘………ฮะ?’
เมื่อกี้ว่าไงนะ?
ถูกสังหาร? ทั้ง 2 คนที่เราเพิ่งจะส่งไป?
ถึงพวกเขาจะเป็นผู้บริหารระดับกลางๆ ค่อนล่างก็จริง แต่ทั้งคู่ก็แกร่งพอจะเป็นนักรบชั้นเลิศของกองทัพจอมมารเลยนะ…?
‘ที่สำคัญ… เหล่ามนุษย์ที่เพิ่งเข้าร่วมกับกองทัพอย่างพวกเซด ถูกฆ่าทั้งหมดเลยค่ะ กองทัพอันเดดของฉันก็ถูกทำลายไม่เหลือ… ที่ยังอยู่กันตอนนี้ มีแค่ฉันกับเนลเองค่ะ’
‘อะไรนะ!?’
‘ศัตรู… มี 1 คน มีแค่คนเดียว เป็นชายในวัย 20 ต้นๆ ผมบลอนด์ หน้าตาดูเป็นภัยคุกคามค่ะ’
‘ด- ดีเช! เนลด้วย! ทั้งคู่ถอยมาจากที่นั่นเดี๋ยวนี้! เราจะรีบไปสมท-…’
‘เป็นไปไม่ได้เลยค่ะ ไม่ว่าจะพยายามหนีแค่ไหน ไม่ว่าจะพยายามอธิษฐานยังไง โอกาสที่ฉันจะมีช่องว่างให้เคลื่อนย้ายได้แทบเป็น 0 เลยค่ะ ทุกอย่างถูกปิดกั้นหมดทุกช่องทางเลย’
‘อึก ต้องมีซักทางสิ…’
ต้องหาแผนซักอย่างสิ! ทำยังไงก็ได้! ต้องช่วยพวกดีเชให้ได้!
‘ขอโทษนะคะ ท่านจอมมาร’
แล้วตอนนั้น เราก็ได้ยินคำขอโทษมาจากดีเช
‘บางที ฉันน่าจะ กลับไปไม่ได้แล้วค่ะ’
‘……พูดเรื่องอะไรน่ะ?’
อย่าพูดอะไรบ้าๆ นะ
‘จนถึงตอนนี้ ที่ฉันเป็นกำลังพอช่วยเหลืออะไรได้ ฉันดีใจจริงๆ นะคะ ไม่เป็นไรค่ะ ถึงฉันกับเนลจะไม่อยู่แล้ว กองทัพจอมมารก็ยังดำเนินต่อไปได้ ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ’
‘อย่าทำอะไรโง่ๆ เด็ดขาดเลยนะ!’
พอรู้ตัวอีกที เราก็ตะคอกออกมาแล้ว
เราคิดว่าดีเชเป็นคนเรียบร้อยดี นอกจากเรื่องนิสัยความชอบ แต่ดูเหมือนเราจะเข้าใจผิดสินะ!
เธอถึงได้กล้าเล่นมุกน่าขำแบบนั้นออกมาน่ะ…!
‘กองทัพยังต้องการกำลังของ- …ไม่สิ เรายังต้องการพวกเธออยู่นะ! พวกเธอต้องกลับมาให้ได้นะ! ถ้าพวกเธอกลับมาไม่ได้ เรานี่แหละที่จะเป็นคนฆ่าพวกเธอเอง!!’
…ในหัว เราเห็นภาพของดีเชที่ยิ้มแหยๆ กลับมาเลย
‘ถ้างั้น ท่านจอมมารคะ ขอโทษด้วยนะคะเพราะยังอยู่กลางการต่อสู้อยู่เลย… แต่ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะ… ขอฝากความคิดถึงไปให้ฟราน เลตตี้ แล้วก็วีเนลด้วยนะคะ’
‘เฮ่… เดี๋ยว! ดีเช!…… ดีเช!!!’
การติดต่อ ถูกตัดขาดไปแล้ว
“ขออนุญาตนะคะ… ท่านจอมมาร? มีอะไรที่ฉันพอช่วยได้หรือเปล่าคะ?”
“วีเนล ขอฝากที่นี่ซักพักนะ… เราจะรีบไปหาดีเชกับคนอื่นๆ ก่อน”
“! …มีเรื่องเกิดขึ้นสินะคะ เข้าใจแล้วค่ะ เดินทางปลอดภัย …ระวังตัวด้วยนะคะ”
เราพยักหน้าให้คำของวีเนล ก่อนจะรีบเคลื่อนย้ายไปยังจุดที่ใกล้กับศาลเจ้าแห่งนั้นที่สุด
“ดีเช…… เนล……!”
และจากนั้น เราก็ให้เลเวลของเราได้ทำงาน มุ่งหน้าพุ่งไปยังศาลเจ้าแห่งนั้นด้วยความเร็วสูง
ขอให้เราไปทันด้วยเถอะ
เหมือนเมื่อตอนนั้นเลย
วันนั้น วันที่เมืองแห่งการผสมผสาน มิกซ์ถูกเผาทำลายจนราบคาบ… วันที่เราช่วยริงกะเอาไว้ไม่ได้
เราไม่อยากรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว
เราไม่อยากเห็นคนสำคัญของเราต้องเป็นแบบนั้นอีกแล้ว
“เราน่ะ เสียไปมากเกินพอแล้วน่า…!”
เราแน่วแน่ด้วยเป้าหมายเดียว พลางมุ่งหน้าไปที่ศาลเจ้าหลังนั้น
TN: Ah shit…
(จากนี้ เนื้อหาจะเริ่มตึงแล้วนะ)
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r