มนุษย์มังกรโบราณ เผ่าพันธุ์ระดับสูงสุดของเผ่ามนุษย์มังกรที่ฟลูเรเทียได้กลายเป็น จากการวิวัฒนาการ
เผ่ามนุษย์มังกรที่แข็งแกร่งที่สุดที่วิวัฒนาการได้ด้วยโอกาสที่น้อยมากๆ ในช่วงเวลาที่ใกล้สิ้นใจ เป็นตัวตนที่สูงส่งเทียบเท่ากับเทพเจ้าที่มีชีวิตของเผ่ามนุษย์มังกรเลย
มันก็คล้ายๆ กับ [ต้นตระกูล] ของแวมไพร์, [เอลเดอร์เอลฟ์] ของเอลฟ์ หรือ [สัตว์มายา] ของมนุษย์สัตว์นั่นแหละ
มนุษย์มังกรที่ได้วิวัฒนาการเป็นมนุษย์มังกรโบราณนั้น ร่างกายก็จะไปอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดของเขา… กล่าวคือ ร่างกายภายนอกจะเหมือนกับอยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย หรือประมาณ 20 ต้นๆ และอายุขัยจะยืดยาวขึ้นไปหลายพันปีเลย
ก็ ในท้ายที่สุดแล้ว ฟลูเรเทียก็ไม่ตาย กลับกัน เธอแข็งแกร่งยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ
“แต่เธอ… เธอคือฟลูเรเทียจริงๆ เหรอ?”
“จริงๆ ขอโทษที่ทำให้วุ่นวายกันนะ คือ ดิฉันเองก็ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่าตัวเองจะวิวัฒนาการเป็นมนุษย์มังกรโบราณได้น่ะ”
พอตอบมาแบบนั้น ฟลูเรเทียก็หลบสายตาอย่างอึดอัด
ตรงหน้าเมื่อกี้ก่อนจะหลบสายตาไปนั่น คนที่จ้องเธอกลับมาอยู่อย่างอารมณ์เสียก็คือฟราน
ตอนนี้ ในห้องนี้กำลังถูกผนึกเวทมนตร์เอาไว้ด้วย {เวิร์ล ทริป [size=10pt](บาเรียต่างมิติ)[/size]} ที่ฟลูเรเทียร่ายออกมาได้ทันเวลาพอดี ดังนั้น ฟรานที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ก็เลยทำได้แค่จ้องเขม็งใส่
ดูเหมือนว่า เธอจะอายมากที่ร้องไห้ให้เห็นล่ะนะ หน้าเธอแดงไปหมดเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถึงเราจะอยู่กับยัยนี่มาตั้ง 200 กว่าปี เราก็ยังไม่ค่อยเข้าใจจุดที่ทำให้ยัยนี่อายเท่าไหร่เลย
“เฮ่ ฟราน เธอน่ะใจเย็นๆ หน่อยสิ ฟลูเรเทียปลอดภัยดีก็ไม่เป็นไรแล้วน่า”
“………เชอะ”
“ดูเหมือนจะโมโหจริงๆ นะเนี่ย”
“…ฟิลิสเองก็พูดอะไรน่าอายออกมาเหมือนกันนั่นแหละ”
“ถ้าเธอพูดอะไรออกมาอีก เราจะเย็บปากเธอแน่”
เราตัดสินใจแล้วว่า ความทรงจำเรื่องที่พูดคนเดียวเมื่อกี้นี้จะถูกผนึกไปตลอดกาล
เรื่องนั้นมันไม่เคยเกิดขึ้น
“แล้ว หลังจากนี้ เธอจะทำยังไงต่อล่ะ? จะกลับไปแนวหน้าหรือเปล่า?”
“อีกซักพักนะ… ดิฉันไม่ชอบอยู่ใกล้กับยัยโรคจิตนั่น แต่ดิฉันเองก็เริ่มจะชินแล้วล่ะ”
“จะว่าไปแล้ว วีเนล เธอนี่เงียบแปลกๆ เลยนะ?”
พอเราหันกลับไปดู ก็เห็นว่าวีเนลทรุดลงนั่งเอามือกุมหัว ตัวสั่นเทาไปหมด
อะไรเนี่ย? ยัยนี่อายด้วยเหรอเนี่ย?
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็ไม่ต้องคิดมากหรอก แค่ตัวตนของเธอก็เป็นที่น่าอับอายมาตั้งแต่แรกแล้วล่ะ
“……กึก”
เธอกัดริมฝีปากแน่น และกลั้นน้ำตาไว้อย่างสุดฤทธิ์…
“ไมใช่…”
ฮะ?
อะไรน่ะ?
ไม่ใช่? หมายถึงอะไรล่ะนั่นที่ว่าไม่ใช่
“ไม่ใช่แบบนี้สิ!? เลตตี้ เธอน่ะ… ไม่ใช่แบบนี้สิ!? เรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไงเนี่ย!? อ๊า! ทำไมถึงโหดร้ายกับฉันแบบนี้… ขอร้องล่ะค่ะ ท่านอิซึสึ! ขอร้อง ช่วยเปลี่ยนเลตตี้กลับไปเหมือนเดิมที! เดี๋ยวฉันยกอายุขัยส่วนนึงของฟรานให้เลยค่ะ!”
“อี๋!”
“อย่าเอาอายุขัยของคนอื่นไปใช้ตามอำเภอใจสิ เดี๋ยวปั๊ดเผาทิ้งซะเลย”
ทำอะไรของเธอล่ะเนี่ย?
จู่ๆ เธอก็เอะอะขึ้นมาด้วยท่าทางที่ดูเกินจริง แถมน้ำเสียงยังเล่นใหญ่ยังกับเป็นละครเพลงยังไงยังงั้นเลย ดูท่าทางยัยโรคจิตนี่จะบ้าไปแล้วจริงๆ ซะแล้วสิ
อีกอย่าง ตอนนี้ อย่าเพิ่งไปทำให้ฟรานโกรธสิ ตอนนี้ เธอน่ะ อารมณ์บูดที่สุดเท่าที่เคยเป็นเลยนะ
“…เราไม่อยากฟังเลย แต่จะยอมฟังก็แล้วกัน มีอะไร?”
“ไม่คิดยังงั้นเหรอคะ!? ฉันน่ะชอบ… ชอบเลตตี้แบบก่อนหน้านี้ แบบที่เธอดูลึกล้ำยิ่งกว่าท้องทะเลน่ะ… ต- แต่ดูสิ! ดูเลตตี้ตอนนี้สิคะ!”
เราหันไปดูที่ฟลูเรเทียอีกครั้งนึง
ฟลูเรเทียคนก่อนไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้วจริงๆ
ก่อนหน้านี้ ฟลูเรเทียตัวเล็กไม่ต่างจากเราเท่าไหร่ มีหน้าตาใสซื่อ หน้าอกแบนเหมือนกัน และไม่มีความเป็นผู้ใหญ่อยู่ในน้ำเสียงเลยซักนิด และห้อย [เนตรสวรรค์ อารุส] เป็นจี้ห้อยคออยู่ตลอด แต่ตอนนี้น่ะ
เธอตัวสูงกว่าฟรานซะอีก หน้าตาดูเป็นสาวขึ้น และก็มีภูเขาคู่ขึ้นมาแทนแล้ว ดูโตขึ้นเหมือนเป็นคุณพี่สาวยังไงยังงั้นเลย
เพราะจากผลของการวิวัฒนาการเป็นเผ่ามนุษย์มังกรโบราณที่ทำให้เธอได้มีร่างกายในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด เธอเลยกลายเป็นสาวสวย ที่หากมองในมุมมองของเผ่าพันธุ์อายุสั้น ก็คงอยู่ในวัยประมาณ 18 ปีนะ
“…สรุปสั้นๆ คือ เธอไม่ชอบที่ฟลูเรเทียดูไม่เหมือนเด็กแบบก่อนหน้านี้เนี่ยนะ?”
“ใช่เลยค่ะ! ในฐานะผู้ที่หลงใหลในโชตะโลลิแล้ว นี่น่ะเป็นเรื่องที่โหดร้ายกับฉันมากเลยค่ะ! ทำไมเธอถึงต้องโตขึ้นด้วยหล้า! ฉันรักเธอมากเลยตอนนั้น แต่ตอนนี้ฉันรักเธอไม่ได้แล้วน่ะสิ! ทำไมถึงต้องโตขึ้นจนมีรูปร่างเหมือนคนอายุ 18 ด้วยหล้า!!”
“อี๋!?”
“นี่ อยากมีปัญหากับชั้นที่เข้าภาวะกึ่งอมตะตอนอายุ 18 หรือไงฮะ?”
เฮ่ อย่ายั่วโมโหฟรานไปมากกว่านี้เลยน่า อะไรจะเกิดขึ้นหลังเวทคุ้มครองนี่ถูกปลดออก เราไม่รู้ด้วยแล้วนะ
แต่ เราก็เข้าใจสิ่งที่เธอหมายถึงอยู่นะ
พูดสั้นๆ เลยนะ ช่างเธอเถอะ
ฟลูเรเทียที่กลับมารับตำแหน่งผู้บริหารอีกครั้ง ก็เปลี่ยนฉายาเป็น ‘แม่ทัพทลายดินแดน’ และได้แสดงความแข็งแกร่งอย่างเหนือชั้นลิบลับในสนามรบ
สลายเวทมนตร์ทุกรูปแบบอย่างสิ้นเชิง, ควบคุมเวทคุ้มครองได้ดั่งใจ และจัดการกับการต่อสู้ แม้แต่การถูกปิดล้อมได้ในเวลาอันรวดเร็ว สมแล้วล่ะที่เป็นผู้ครอบครองอาชีพที่แข็งแกร่งที่สุด ที่สามารถทำได้แม้แต่สร้างโลกอีกใบนึง ในฐานะ [เทพแห่งการคุ้มครอง] น่ะ
ปัญหาของฟลูเรเทียถูกแก้ไขเรียบร้อย และภาระงานก็กลับมาเรื่อยๆ อย่างทุกทีอีกครั้งนึง
เพราะแบบนั้น ช่วงนี้ เราก็เลยมาใช้เวลากับมิเนียได้มากขึ้น
“ดูนะ นั้นคือคุณลุงร้านขนม ถึงจะเป็นคนโง่ๆ แต่ขนมของลุงเขาอร่อยนะ ลูกเลือกได้ตามใจชอบเลย”
“เข้าใจแล้วค่า! สวัสดีค่ะ! คุณลุงโง่ๆ!”
“อย่าทำร้ายจิตใจกันด้วยคำพูดแย่ๆ ที่ไม่มีเจตนาร้ายแบบนั้นซิ! ฟิลิส! อย่าทำอะไรบ้าๆ น่า! ข้าไม่ได้อนุญาตให้แกเหยียบเข้ามาในร้านนี่ตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่หรือไง!”
“ยังผูกใจเจ็บกับเรื่องเมื่อ 200 ปีก่อนอยู่อีกหรือไง ขี้เหนียวแบบนี้ไง ป่านนี้ถึงยังไม่ได้แต่งงานซักทีน่ะ”
“ถ้าแกไม่ทำให้ข้าต้องแยกกับเธอ เราก็คงแต่งงานกันไปแล้วล่ะเฟ้ย!!”
“ก็เป็นความผิดของแกเองนั่นแหละที่หัวเราะเยาะเรา แถมยังทำไปจ้องหน้าอกของริงกะไปด้วยซะอีก และเราก็แต่งงานกับริงกะแล้วด้วย เรารู้นะว่าแกแอบหวังอะไรอยู่น่ะ สมน้ำหน้า”
“บ้าเอ๊ยยยยย! ข้าล่ะเกลียดแกชะมัดยาดเลยยยยย!!”
ระหว่างที่เรากำลังคุยอย่างสงบกับเจ้าของร้านโง่ๆ อยู่ มิเนียที่สนใจแต่การเลือกขนมมากมายโดยไม่ได้สนใจเราเลย ก็ถือเอามัฟฟินกลิ่นสตรอเบอรรี่ที่เลือกเดินมาหาทางเรา
“พี่ค้า! หนูเอานี่นะ!”
“…เป็นเด็กดีจังเลยนะ มิเนียเนี่ย ตอนที่แกอายุเท่านี้ ก็สร้างชื่อเสียในฐานะตัวภัยพิบัติของหมู่บ้านได้แล้วนี่”
“ก็นะ เพราะเธอมีเลือดของริงกะอยู่ด้วยครึ่งนึงนี่นา ถึงจะมีด้านที่ขี้แกล้งอยู่เหมือนกัน แต่ก็ได้ด้านที่อ่อนโยนจากริงกะมาช่วยหักล้างไป เธอก็เลยอยู่ในหมวด ‘ความซุกซนของหนูน้อยน่ารัก’ ไปแทนไงล่ะ”
“เฮ่ เดี๋ยวนะ มีแบบนั้นด้วยเรอะ… ชิ ถึงเด็กคนนั้นจะเป็นลูกสาวของแก แต่เด็กน่ะไม่ได้มีความผิดอะไรซักหน่อยนี่นะ เจ้าหนู ไปเอาขนมมาเพิ่มสิ เดี๋ยวลุงแถมให้”
“จริงเหรอคะ!?”
หมอนี่… ขนาดเราเอง ยังไม่เคยให้อะไรแบบนี้เลยซักครั้งนี่นา
สงสัยต้องจัดการม้วนแขนเสื้อขู่กันซักหน่อยแล้วสิ
“…เจ้าโลลิค่อน”
“อย่ามาพูดอะไรให้คนอื่นเสื่อมเสียแบบนั้นสิ ข้าดีกับผู้หญิงทุกคนยกเว้นแกนั่นแหละ”
แบบนี้นี่เอง ดูเหมือนนอกจากขนมแล้ว หมอนี่ยังมีเรื่องมาขายด้วยสินะ
ไหนๆ ก็มีขายแล้ว มัวรออะไรอยู่เล่า? ก็ซื้อโลด
“{ทรูฮาร์ท [size=10pt](เปิดเผยใจจริง)[/size]}… เอาล่ะ วัตถุประสงค์จริงๆ คืออะไร?”
“‘แกน่ะมีดีแค่หน้าตานั่นแหละ ส่วนริงกะเองก็ไร้ที่ติเลย แสดงว่ามิเนียโตไปต้องเป็นสาวงามแน่ๆ เลยสินะ? ถ้าใจดีด้วยไว้เยอะๆ ในอนาคต เธออาจจะอยากแต่งงานกับพี่ชายคนนี้ก็ได้! ถ้าเป็นแบบนั้นได้จริงก็ดีน้า’ ”
“……โห ได้ฟังชัดๆ แบบนี้ก็ดี”
“หา!?… ฟิลิส! นี่แก! ร่ายเวทจิตใจใส่ข้างั้นเรอะ! ข- ขี้ขลาดนี่!”
คิดจะมาพรากสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของเราไปแบบนี้ ใจกล้าไม่เบาเลยนี่นา
“เอาล่ะ… มิเนีย กลับได้แล้วนะ”
“ค่า―!”
“ห- เฮ่! เดี๋ยวก่อนซี่ เข้าใจผิดแล้ว รอเดี๋ย-…”
เราหันกลับไปหาชายคนนั้นที่ร้องหยุดเราไว้ด้วยหน้ายิ้มที่แข็งค้าง ก่อนจะส่งยิ้มอย่างสดชื่นให้
“ไม่ต้องกังวลไป เราไม่ทำอะไรหรอกน่า”
“จ- จริงเหรอ?”
หมอนั่นเหมือนจะโล่งอกขึ้นมาหน่อยนึงสินะ
“ก็แค่ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น อย่างสิ่งที่แกเพิ่งพูดออกมาเมื่อกี้ เราก็แค่จะเอาไปรายงานกับหัวหน้าเผ่าอย่างละเอียดก็เท่านั้นเอง”
“ขอล่ะ! อย่าน้า!! ถ้าชายคนนั้นที่หลงมิเนียขนาดนั้นเกิดรู้เรื่องเข้าล่ะก็ ร้านของข้าต้องถูกสั่งปิดแน่ๆ!! ข้าเปิดร้านนี่มาตั้ง 400 ปีเลยนะ! ข้าขอร้อง… อย่างทำแบบนั้นเลยนะครับ! คุณฟิลิสคร้าบบ!!”
หลังจากได้รับขนมจำนวนมากมาจากร้านของเจ้าหมอนั่นมาเป็นเงื่อนไขแลกเปลี่ยนให้เราปิดปากเงียบ เราก็ไม่ได้เอาเรื่องไปบอกหัวหน้าเผ่าตามที่สัญญาไว้ แต่เราเอาบอกกับป้าเพื่อนบ้านที่ชอบเอาเรื่องชาวบ้านไปพูดคุยกันแทน
ด้วยความสามารถในการกระจายข่าวที่สูงจนเหลือเชื่อ เรื่องนี้ก็เลยวิ่งว่อนไปแทบทั่วหมู่บ้าน จนไปถึงหูของหัวหน้าเผ่าในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
เป็นวิธีเดียวกับที่เราเคยใช้มาก่อนเลย แต่หมอนี่ไม่เคยเรียนรู้อะไรเลยซักนิด เพราะแบบนี้ไงหมอนี่ถึงเป็นคนไม่เอาถ่านแบบนี้น่ะ
หลังจากนั้น ร้านหมอนั่นก็ถูกสั่งปิดด้วยน้ำมือของหัวหน้าเผ่าเองเลย แบบ มือทางกายภาพเลยล่ะนะที่ใช้ซัดหมอนั่นเข้าซะเต็มแรงเลย
ไร้ซึ่งโอกาสฟื้นตัวอย่างสิ้นเชิง สมน้ำหน้า
โน้ตจากผู้แต่ง : สำหรับใครที่ลืมชายร้านขนมไปแล้ว เขาก็คือคนคนเดียวกับที่เคยโผล่มาใน [ตอนที่ 109] นั่นเอง
TN: ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r