“ทุกนาย! เดินหน้าเต็มกำลัง! ให้พวกมนุษย์มันได้รู้ว่าเพลิงพิโรธของกองทัพจอมมารมันเป็นยังไง!”
“““โโโโโโโโโโโอ้!!!”””
ด้วยคำปลุกกำลังใจของเรา ทัพของเราก็เปลี่ยนกระบวนทัพเป็นบุกโจมตีในทันที
พวกเราจะแก้แค้นเจ้าพวกเผ่ามนุษย์ที่ทำให้ท้องสมุทรของพวกพ้องเงือกและมนุษย์มัจฉาของเราต้องมีมลพิษปนเปื้อน แล้วยังจะบุกเข้ายึดอาณาเขตน่านน้ำเหล่านั้นอีก
“ด้วยกำลังขนาดนี้ เรื่องทุกอย่างคงจบลงได้โดยที่ความเสียหายไม่เยอะเท่าไหร่นะ คุณเรนเองก็อยู่ด้วย ไหนจะทหารมือหนึ่งจำนวนมากขนาดนี้ด้วย”
“นั่นสิ ก็นะ ถ้าพวกศัตรูดันเลือกที่จะปิดล้อมปราสาทเอาไว้คงเป็นปัญหาอยู่… ไม่สิ ด้วยพลังของคุณเรนก็คงฆ่าพวกนั้นตายเรียบในไม่กี่วินาทีนั่นแหละเนอะ”
“แถม ดีเชก็บอกไว้ว่าจะมาเสริมทัพให้ระหว่างทางด้วยอีก”
“‘ความสามารถในการเปลี่ยนศพของสิ่งมีชีวิตที่มีคุณสมบัติธาตุในด้านดีให้กลายเป็นอันเดดภายใต้การควบคุมของตัวเองโดยสมบูรณ์’ นี่ เป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครมี แม้แต่ในกองทัพจอมมารเลยนะ เป็นฝันร้ายของเผ่ามนุษย์เลยล่ะ เพื่อนของตัวเองที่พูดแต่ว่า [i]ท่านมิซารี่ ท่านมิซารี่[/i] จนถึงเมื่อกี้ จู่ๆ ก็กลายเป็นมารแล้วเข้าโจมตีใส่ตัวเอง… โห น่ากลัวๆ”
“พวกเธอกังวลกับเรื่องตรงหน้านี่ให้มากกว่านี้ซักหน่อยก็ยังดีนะ ถึงจะเป็นเผ่ามนุษย์ แต่ก็มีพลังเพียงพอจะทำอันตรายกับพวกเราได้ถ้าเกิดประมาทไปนะ คอยระวังตัวกันด้วย”
“รู้แล้วน่า― ก็ชั้นยังไม่เคยสู้แล้วตึงมือซักครั้งเลย แถมชั้นไม่แพ้ใครมาก่อนเลยนี่นา นอกจากฟิลิสล่ะนะ ขนาดเลตตี้หรือดีเชเอง ชั้นก็ไล่ต้อนได้เลยนะ”
“ฟ- ฟรานน่ะแข็งแกร่งเกินไปต่างหาก! [เทพปราชญ์] อย่างเธอไม่มีทางแพ้แค่ [ราชันผู้พิทักษ์] อย่างดิฉันอยู่แล้วนี่… ฟุฟุฟุ แต่คอยดูนะ อีกไม่นาน เวทมนตร์ใหม่ของดิฉัน… เวทที่แข็งแกร่งที่สุดที่จะพลิกความเข้าใจแบบคร่ำครึของเวทคุ้มครองจะสำเร็จแล้วล่ะ ถ้าทำสำเร็จเมื่อไหร่ มั่นใจเลยว่าแม้แต่ฟรานก็…”
“ชั้นคิดว่าจะชนะชั้นด้วยเวทมนตร์น่ะ ยังเร็วไปพันล้านปีนะ”
“ฟุฟุฟุ… โชคร้ายหน่อยนะ ถ้าเกิดเวทมนตร์นั่น… {เวิร์ล ทริป (บาเรียต่างมิติ)} สำเร็จเมื่อไหร่ ดิฉันจะกลายเป็นศัตรูตามธรรมชาติของฟรานเลยล่ะ ล้างคอรอให้มันเสร็จสมบูรณ์ได้เลย!”
“ใช้ให้ฉันดูด้วยคนนะ เลตตี้”
“แน่นอนอยู่แล้ว ดิฉันจะให้วีจังได้ดูเป็นคนแรกเลย!”
โห นี่ฟลูเรเทียพัฒนาเวทมนตร์ขึ้นมาอยู่งั้นเหรอเนี่ย ก็ดีนะ กำลังรบของกองทัพจอมมารจะได้แข็งแกร่งขึ้นด้วย
อย่างที่พูดไว้ก่อนหน้านี้ ฟรานวิวัฒนาการขึ้นไปเป็น [เทพปราชญ์] ได้ในช่วง 200 ปีที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว
คลาสที่จะถูกมอบให้กับจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ทั้งในนามและความเป็นจริงเลย จอมเวทย์ที่เชี่ยวชาญกับเวทมนตร์ทุกชนิดที่มีอยู่ในโลก
เราคิดว่าคงเป็นเรื่องตลกอะไรซักอย่าง ที่ยัยนี่เป็นเทพ ‘ปราชญ์’ ได้ แต่หลังจากที่เราคุยกันเรื่องนี้กันมาเยอะแล้ว เพราะงั้น เราก็เลยปล่อยเรื่องนี้ไป
ยังไงก็ตาม ฟรานตอนนี้ก็เป็นที่รู้จักกันแล้วว่า เธอคือวีรสตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพจอมมารเลย
ที่กังวลกัน ก็คงเป็นตัวของราชาเอลฟ์กับว่าที่ราชินีเอลฟ์อย่างเทียน่ามากกว่า พวกเขาทั้งคู่พูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า ‘(ท่านพี่)ฟรานไม่ใช่คนประเภทที่ชอบอยู่เหนือคนอื่นหรอก(ค่ะ)’ จะกังวลเรื่องที่ครอบครัวเดียวกันเป็นผู้บริหารเนี่ยก็สมเหตุสมผลแล้วล่ะนะ
“ถ้างั้น ก็แยกย้ายเลยแล้วกันนะ เราขอกลับก่อนแล้วกัน”
“อ๋า ใกล้ได้เวลาที่เด็กน้อยจะตื่นแล้วนี่นา เจอกันพรุ่งนี้น้า―”
เราบอกมือให้ 3 คนนั้น ก่อนจะรีบเคลื่อนย้ายกลับมาที่หมู่บ้านแวมไพร์ในทันที
นี่ก็ผ่านมา 4 วันแล้ว นับตั้งแต่ที่เรากลับมา เพราะงานหนักมากจนปลีกตัวออกมาไม่ได้เลย
เราเดินเข้าหมู่บ้านไป และเปิดประตูบ้านเล็กๆ หลังหนึ่งออก
“อะ กลับมาแล้วเรอะ ฟิลิส สบายดีหรือเปล่า?”
“ไม่เป็นไร ทุกอย่างเรียบร้อยดี”
“ยินดีต้อนรับกลับนะ ฟิลิส เด็กคนนั้นยังหลับอยู่บนชั้น 2 นะ”
“รับทราบ แล้วก็ กลับมาแล้ว”
ทั้งคู่ก็คือพ่อแม่ของเราเอง จะเรียกว่าเป็นบทลงโทษของเราที่หายหน้าไปตลอด 200 ปีเลยก็ได้ หัวหน้าเผ่าก็เลยลากเราที่กะจะอยู่กับลูกมาที่บ้านของพ่อแม่ตัวเอง
ในช่วงระหว่างวันที่เราไม่อยู่ พวกเขาก็จะคอยดูแลมิเนียด้วยกันกับหัวหน้าเผ่า
คนในหมู่บ้านที่รู้ว่าเราทำงานในฐานะ [จอมมาร] รวมกับหัวหน้าเผ่าแล้วจึงมีแค่ 3 คนเท่านั้น
“ขอโทษที่ทิ้งหน้าที่ใหญ่ไว้ให้โดยมาช่วยไม่ได้เลยนะคะ เรานึกว่ากำหนดงานจะแน่นอนขึ้นในเร็วๆ นี้…”
“ไม่ต้องเครียดเรื่องนั้นหรอก ไม่เหมือนเมื่อก่อนเลยนะ ลูกเป็นเด็กที่ไม่ต้องการการช่วยเหลือจากใครเลยด้วยซ้ำไป”
“ขอโทษที่เราเคยเป็นเด็กที่ชอบสร้างปัญหานะ…”
“ไม่ใช่ ‘เคยเป็น’ ซักหน่อย ‘ยังเป็นอยู่’ ต่างหาก ขนาดตอนนี้ก็ยังสร้างปัญหาให้อยู่เลยเนี่ย”
“หนวกหูน่า… นี่ไม่ใช่เวลามาเถียงกันเรื่องไร้สาระแบบนี้ซักหน่อย”
ยังมีเรื่องอื่นที่เราต้องทำก่อนสิ
เรากระโดดข้ามขั้นขึ้นบันไดไปที่ชั้น 2, เลี้ยวขวา และเปิดประตูห้องแรกออกเงียบๆ
ตอนนี้ อาทิตย์ตกดินไปแล้ว ในห้องที่แสงจากดวงจันทร์ฉายเข้ามาในห้อง มีเด็กหญิงที่ดูเหมือนนางฟ้าอยู่ข้างในนั้น
มิเนีย ดาร์กลอร์ด ปีนี้เธอก็ 3 ขวบแล้ว และเป็นลูกสาวสุดที่รักของเราด้วย แต่เรายังไม่อยากให้เธอรู้ตัวตอนนี้
เด็กคนนั้นนอนกอดหมอนเอาไว้แน่น และหายใจอยู่เบาๆ เหมือนกับนางฟ้าเลย
น่ารักจังเลย น่ารักเกินไปแล้ว เพราะเธอได้หน้าตามาจากริงกะด้วย เธอก็เลยเป็นเด็กที่สวยมากๆ เลยล่ะ
ในวันข้างหน้า ความสวยของลูกคงไม่ได้ไปทำให้เมืองไหนต้องล่มสลายใช่มั้ย? น่ากังวลจริงๆ น้า
“งือ…”
“มิเนีย ตื่นแล้วเหรอ?”
“หาว…… มาม้า?”
สงสัยจะยังตื่นไม่เต็มตาอยู่นะ ตาของเธอยังปรือๆ อยู่ ถึงจะผุดตัวขึ้นมาแล้วก็ยังงัวเงียอยู่เลย
เธอขยี้ตา ก่อนจะหาวปากกว้าง และพอสมองเธอตื่นตัวเต็มที่แล้ว
“…มาม้านี่นา! ยินดีต้อนรับกลับค่ะ!”
“อุหวา!? …มาม้ากลับมาแล้ว มิเนีย”
มิเนียกระโจนเข้ามาและกอดเราไว้แน่น
เราไม่ได้กลับมาบ้านตั้ง 4 วัน ดูเหมือนว่าเราจะทำให้เธอเหงากว่าที่เราคิดซะอีกแฮะ
“อิฮิฮิ! มาม้าๆ ทำงานหนัก! เหนื่อยหน่อยนะคะ!”
“ขอบคุณมากเลยนะ ขอโทษน้า ที่มาม้ากลับมาอยู่ด้วยไม่ได้”
“อื้อ! ไม่เป็นไรค่ะ!”
เป็นเด็กดีอะไรอย่างนี้นะ น่ารักที่สุดเลย
ในอนาคต อาจจะต้องมีสงครามระดับโลกเพื่อแย่งตัวเด็กคนนี้เลยก็ได้นะเนี่ย
ก็นะ เราเองก็เป็นคนที่กำลังรับผิดชอบในการคุมทัพในสงครามระดับโลกที่ว่านั่นอยู่นี่นา
“นี่ๆ มาม้าคะ วันนี้จะอยู่เล่นด้วยกันมั้ยคะ? ได้มั้ยคะ?”
นี่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทนสายตาเว้าวอนอ้อนขออะไรซักอย่างของลูกตัวเองแบบนี้ไหวได้ซักกี่คนกันนะ น่าทึ่งสุดๆ เลย
อย่างน้อย สำหรับเราแล้วเนี่ย เป็นไปไม่ได้หรอก
“อ้า เล่นได้สิ คืนนี้มาม้าไม่มีงานแล้วล่ะ”
“จริงๆ นะ!?”
สีหน้าร่าเริงของมิเนีย น่าเอ็นดูมากๆ เลย
ถ้าเกิดไม่มีเรื่องของริงกะอยู่ล่ะก็ เราอาจจะอยากลืมทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วมาใช้ชีวิตอยู่เงียบๆ แบบนี้แล้วก็ได้
“แต่ถ้าเกิดเราจะเล่นด้วยกัน ต้องทำสิ่งที่ต้องทำให้เรียบร้อยก่อนนะ ล้างหน้า ทานอาหารเย็น แล้วก็แปรงฟันด้วยนะ”
“เข้าใจแล้วค่า―!”
เห็นเธอเดินออกจากห้องไปอย่างกระตือรือร้นแบบนี้นี่ น่ารักมากจริงๆ จนอดหัวเราะออกมาไม่ได้เลย
แม่งี่เง่าเหรอ? เปล่าซักหน่อย เราก็แค่หลงลูกสาวตัวเองก็แค่นั้นเอง
“‘ดังนั้น ท่านอิซึสึจึงสร้างพวกเราขึ้นมา’… เป็นไงบ้าง? สนุกหรือเปล่า?”
“อื้อ! สนุกมากเลยค่ะ!”
เอาหนังสือภาพที่กองทัพจอมมารสร้างขึ้นมาด้วย แล้วก็เอามาอ่านออกเสียงกับลูก
“อยู่นี่เอง~ หาเจอแล้ว~”
“อะฮะฮ่า! โดนเจอซะแล้ว―!”
เล่นซ่อนแอบกัน
ได้ใช้เวลากับมิเนียแบบนี้ ช่วยฟื้นฟูหัวใจได้ดีจริงๆ
แค่ได้เห็นรอยยิ้มของเด็กคนนี้แล้ว ก็ช่วยให้หัวใจที่เหนื่อยล้าจากสงครามของเราชุ่มชื้นขึ้นมาได้เลย
บางที ลูกอาจจะมีพรสวรรค์ในการเป็นนักบุญก็ได้นะ
หลังจากนั้น มิเนียที่เล่นสนุกจนเหนื่อย ก็ผลอยหลับไป
นอนหลับอย่างมีความสุขอยู่ที่ตักของเราเอง
เป็นช่วงเวลาที่สุขใจอย่างแท้จริงเลยนะ
“พ่อ แม่ มีปัญหาอะไรบ้างหรือเปล่าตอนที่เราไม่อยู่น่ะ?”
“ก็ไม่มีอะไรหรอก มิเนียน่ารักม้ากมาก อาจจะมีก็แค่หัวหน้าเผ่าที่มาเยี่ยมจะเป็นลมอยู่บ่อยๆ ก็เท่านั้นเอง”
“งั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรสินะ”
เป็นธรรมดาอยู่ที่แล้วล่ะ ที่คนคนนั้นจะถูกความน่ารักของมิเนียซัดใส่จนพ่ายแพ้ สลบเหมือดไปน่ะ
เอาจริงๆ เมื่อตอนที่เรากับริงกะยังเด็ก ถ้าริงกะแสดงความน่ารักออกมานิดๆ หน่อยๆ หัวหน้าเผ่าก็คงมีสภาพไม่ต่างจากตอนนี้เท่าไหร่หรอกมั้ง
“แล้วก็… มิเนียคงอยู่ในวัยของเธอแล้วล่ะ เพราะเธอเริ่มจะแกล้งพวกพ่อกับแม่แล้วเนี่ยสิ”
“แกล้ง?”
“เอาทัพพีไปซ่อน พยายามแอบออกไปข้างนอกหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ เห็นแบบนั้นก็น่ารักดีนะ”
“นั่นสิ ถึงตอนนี้จะทำอะไรแค่นี้ แต่ถ้าโตไปเป็นเด็กตัวปัญหาก็คงไม่ดีหรอก เราคงต้องดุซักหน่อยแล้วสิ…”
นิสัยของเธอจะเป็นยังไง เราไม่มีปัญหาหรอก เราแค่อยากให้เธอเป็นเด็กที่โตไปแล้วเป็นคนเห็นอกเห็นใจคนอื่นก็พอ
บางครั้ง การดุการว่าก็สำคัญเหมือนกันแฮะ…
“ที่หมู่บ้านนี้… ไม่สิ ตั้งแต่เผ่าแวมไพร์ถือกำเนิดขึ้นมา แกก็เป็นเด็กตัวแสบที่สุดเท่าที่เคยมีมาแล้วล่ะ อย่างแกจะไปเตือนคนอื่นเรื่องการแกล้งเนี่ยนะ นี่เรื่องตลกอะไรกันล่ะนั่น”
“ยังมีคนในหมู่บ้านอีกนิดหน่อยที่ยังชอกช้ำกับเรื่องที่ลูกไปทำไว้อยู่เลยนะ ถ้าพวกเขาได้ยินว่าลูกจะไปเตือนมิเนียเรื่องการแกล้งคนอื่นล่ะก็ พวกเขาคงคิดว่าจะมีพายุมาถล่มบ้านเขาวันนั้นเลยล่ะ”
อืมーーーม เถียงไม่ได้เลยแฮะ
TN: ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r