“ควรจะกลับไปที่หมู่บ้านแวมไพร์ซักครั้งน่ะ”
“หมู่บ้านแวมไพร์? บ้านเกิดของฟิลิสนี่?”
“อ่า อย่างที่คิดเลย เราคิดว่าเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้หรอกที่ต้องโผล่หน้าไปที่นั่นบ้างน่ะ”
เราพยายามเลี่ยงการกลับไปที่หมู่บ้านนั่นมาตลอด
ถึงมันจะเป็นความตั้งใจของตัวเธอเองก็จริง แต่เรื่องที่เราพาเธอที่เป็นที่ชื่นชอบและเป็นที่รู้จักไปทั่วหมู่บ้านออกจากหมู่บ้านไปด้วยก็เป็นเรื่องจริงเหมือนกัน และท้ายที่สุด เราก็ปล่อยให้เธอต้องตาย
แต่บางที พ่อของริงกะอาจจะยังมีชีวิตอยู่ก็ได้มั้ง เพิ่งจะไม่กี่ร้อยปีเอง ช่วยไม่ได้ คงต้องกลับไปบอกข่าวสินะ
“เราจะกลับไปซักพักนะ ขอแค่นี้เท่านั้นแหละ”
พอเราพูดคำขอของตัวเองออกไป ทุกคนก็
“ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่ ฟิลิสน่ะทำงานหนักเกินไปด้วยซ้ำ ได้พักซักหน่อยก็ดีนะ?”
“นั่นสิ ฟิลิสน่ะแทบไม่ได้นอนเลยไม่ใช่เหรอช่วงนี้? ถึงจะเลเวลเกิน 150 ไปแล้วเลยไม่จำเป็นต้องนอนมากขนาดนั้น แต่ร่างกายจะทนไม่ไหวเอานะรู้ใช่มั้ย? ออกไปยืดเส้นยืดสายซักพักเถอะ”
“ระหว่างที่ท่านไม่อยู่ วางใจให้ฉันจัดการได้เลยค่ะ วีเนลคนนี้จะดำเนินการทุกอย่างให้เป็นไปอย่างสมบูรณ์เอง”
“ฉันเองก็ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เหมือนกัน เพราะงั้นก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ!”
…น้ำตา เกือบจะเอ่อออกมาอีกแล้วสิ
“งั้น ฟิลิส! อย่าลืมเอาของฝากกลับมาด้วยน้า~!”
“เอาบลัดคุกกี้มั้ยล่ะ? อาหารจานหรูที่ผสมด้วยเลือดจากสัตว์นานาชนิดเลยนะ…”
“ไม่อ๊าว!”
“ล้อเล่นน่า”
คนที่มาส่งเราเดินทาง มีแค่เพื่อนเก่าเพื่อนแก่ 4 คน
ผู้บริหารคนอื่นๆ ก็อยากจะมาส่งเหมือนกัน แต่กองทัพจอมมารไม่ได้มีบุคลากรเยอะพอจะแบ่งมาเพื่อเรื่องของเราแค่นี้ได้
ไม่นานนี้ พวกเราก็ได้มีผู้บริหารที่แข็งแกร่งมาเข้าร่วมอีกหลายคนเลย ถึงจะไม่เท่าฟรานก็เถอะ
โดยเฉพาะเรนกับเกรย์น่ะ สุดยอดเลย
เผ่าแฟรี่มาเข้าร่วมกับพวกเราในเวลาเดียวกันกับที่เผ่ามนุษย์มังกรมาเข้าร่วมกับกองทัพจอมมาร
เราได้ดูการต่อสู้เพื่อวัดความสามารถในการต่อสู้ของเรนจนคุ้นตาแล้ว แต่มันก็ยังสุดยอดอยู่ดี
ความน่าตื่นตาตื่นใจของการควบคุมสภาพอากาศอย่างอิสระนั่นน่ะ ไม่ว่าจะสาดสายฟ้าลงมาเหมือนสายฝน, ดึงห่าลูกเห็บลงมาเหมือนอุกกาบาต, สร้างพายุ หรือฉุดผู้คนลงไปด้วยธรณีสูบ ดูยังไงก็เป็นภัยธรรมชาติชัดๆ เลย
ด้วยผลงานของเธอ เธอเลยได้ฉายา ‘แม่ทัพแห่งภัยพิบัติ’ ไป
เกรย์เป็นผู้บริหารที่เข้าร่วมกับพวกเราจากการเสนอชื่อจากหัวหน้าเผ่ามนุษย์มาร แต่เขาเองก็สุดยอดเหมือนกัน นอกจากสเตตัสความแข็งแกร่งที่ได้รับการอวยพรมา เขายังมีทักษะศิลปะการต่อสู้ที่หลากหลายด้วย ยิ่งกว่านั้น เขาก็สามารถใช้เวทเสริมแกร่งทางกายภาพ เหมือนกับที่เราที่เคยเป็นคนเดียวในทั้งกองทัพจอมมารที่เข้ากับเวทนี้ได้ด้วย เพื่อสื่อถึงพลังในการทำลายล้างของเขา เขาจึงได้ฉายาว่า ‘แม่ทัพจอมบดขยี้’
“เอาล่ะ เรื่องปกป้องที่นี่น่ะ ให้เป็นหน้าที่ชั้นเอง! ตราบใดที่ชั้นยังอยู่ที่นี่ ใครที่คิดจะเหยียบเข้ามาล่ะก็ ฝันไปเถอะ!”
“ฟลูเรเทีย วีเนล ดีเช เราฝากด้วยนะ”
“แล้วชั้นล่ะ!?”
เราปล่อยฟรานที่เริ่มโวยวายไว้ตรงนั้น ก่อนจะอุ้มมิเนียขึ้นมาในอ้อมแขน
“[i]อุแว้― อุแว้―[/i]”
“อาจจะโยกเยกนิดหน่อย แต่ทนนิดนึงนะ มิเนีย… ถ้างั้น ไปกันเถอะ”
“เดินทางปลอดภัยน้า!”
“{เทเลพอร์เทชั่น (เคลื่อนย้าย)} !”
ที่ที่เราเคลื่อนย้ายมาก็อยู่ที่หน้าทางเข้าของหมู่บ้าน
ตรงที่เราออกเดินทางไปพร้อมกับริงกะ
“…ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ”
น่าแปลกจริงๆ ที่บรรยากาศในหมู่บ้านไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
ไม่สิ พูดให้ถูก มันก็เปลี่ยนไปนิดๆ หน่อยๆ แต่ตรงนั้นตรงนี้ก็ยังมีส่วนที่คงเหลือมาจาก 200 ปีก่อนอยู่เลย
ก็นึกว่าหมู่บ้านจะเปลี่ยนไปจนเราจำภาพเดิมไม่ได้แล้วซะอีก ผิดหวังเหมือนกันแฮะ
“อ้า― อ้า―”
“อ่า ที่นี่คือบ้านเกิดของแม่ไงล่ะ… อืม? พวกแม่…? ช่างเถอะ”
พอเดินตรงเข้าไปในหมู่บ้าน ก็ได้เห็นหน้าคนที่ไม่รู้จักเหมือนกัน แต่ก็มีอีกหลายคนที่รู้จักด้วย
แล้วก็มีบางคนที่รู้สึกตัวแล้ว
“หือ?…… เธอ หรือว่า… ฟิลิส เหรอ?”
“นายคือลอยล์ที่ร้านขายเสื้อผ้า ที่เราเคยจับแก้ผ้ากลางที่สาธารณะเมื่อก่อนหน้านี้สินะ”
“อย่ามาพูดบ้าๆ นะ! จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่ลืมหรอกนะเฟ่ย! เพราะแบบนั้น ฉันเลยถูกแฟนทิ้ง!”
“หลังจากนั้น พวกนายทั้งคู่ก็คืนดีกัน จนแต่งงานกันไม่ใช่หรือไง เพราะงั้นก็ดีแล้วนี่”
“เรื่องนั้นมันก็… เดี๋ยว! ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้นซักหน่อย! เฮ่! ทุกคน! ฟิลิสล่ะ! ฟิลิสกลับมาแล้ว!”
พอทุกคนได้ยินเสียงนั้น หมู่บ้านที่เงียบสงบก็โกลาหลขึ้นมาในทันที
“ฟิลิสเรอะ!? นังเด็กตัวแสบนั่นกลับมาแล้ว!”
“โอ้! ฟิลิสจริงๆ ด้วย… น- นี่ นี่ฉันหลอนไปเองรึเปล่า? ฉันรู้สึกเหมือนเห็นเธออุ้มเด็กทารกอยู่เลย”
“แกก็ด้วยเรอะ บังเอิญจัง ฉันเองก็เห็นเหมือนกัน ถึงภาพหลอนจะเหมือนจริงมาก แต่ฉันไม่โดนหลอกหรอก ฟิลิสคนนั้นน่ะนะ แต่งงานมีลูกแล้ว ต่อให้กฎของจักรวาลบิดเบี้ยวยังไงก็ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกน่า”
“นี่พวกแกต้อนรับเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ที่เพิ่งกลับมาบ้านกันแบบนี้หรือไงฮะ! อีกอย่าง เด็กคนนี้เป็นลูกสาวเราจริงๆ! สำนึกไว้ซะเถอะว่าถ้าเกิดเราไม่ได้อุ้มเธออยู่ล่ะก็ พวกแกโดนเราอัดเรียงตัวไปแล้ว!”
แล้วตอนนี้ เราก็ถูกพามาที่เรือนหัวหน้าเผ่า
ดูเหมือนว่าใน 200 ปีที่ผ่านมานี่ จะมีการซ่อมแซมตกแต่งไปเยอะ ตอนแรก เราเลยจำไม่ได้ว่าเรือนหัวหน้าเผ่าอยู่ที่ไหนแล้ว
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ฟิลิส นี่… เรารอจะได้เจอแกอีกไม่ไหวเลยนะเนี่ย”
“โกหกกันเห็นๆ! คนที่เขารอเจอกันอีกไม่ไหวนี่ทำสีหน้ากันแบบนั้นหรือไง!”
“แถมที่กลับมานี่ แต่งงานแล้วด้วยเหรอ… ไปหลอกอีกฝ่ายมายังไงล่ะ?”
“ทำไมถึงดูมั่นใจนักว่าเราไปหลอกใครมาน่ะฮะ! เราต่างหากที่โดนรุกเข้าหาน่ะ!”
พอเราปฏิเสธไปแบบนั้น
“ได้ยินหรือเปล่า!? เธอบอกว่าเธอโดนรุกเข้าหาล่ะ!”
“ถ้าเกิดที่ว่ามานั่นเป็นจริงล่ะก็ เธอเป็นคนชอบแบบเป็นหมู่ ชอบของแปลก หรือเป็นสาย M ขนานหนักล่ะเนี่ย…”|
“พวกแก ใครพูดอะไรเอาไว้ จำเอาไว้ให้ดีล่ะ…”
กล้าพูดเล่นหัวกันขนาดนี้ ดูท่า จะต้องฝังความกลัวไว้ในร่างกายของพวกแกหลังจากที่ห่างหายไปนานซะแล้วสิ
“ยังไงก็เถอะ แค่เพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์กลับมา ข้าก็ดีใจแล้ว ยินดีต้อนรับกลับนะ ฟิลิส”
พอพูดแบบนั้น หัวหน้าเผ่าก็ส่งยิ้มให้เรา
“จะว่าไป ขอถามอะไรหน่อยสิ… แล้วริงกะเป็นยังไงบ้างล่ะ?”
คำถามนั่น ทำให้หัวใจของเราหล่นลงไปที่ตาตุ่มในทันทีเลย
ต้องพูดออกไป ต้องบอกให้เขาได้รู้
หัวหน้าเผ่า พ่อของริงกะมีสิทธิที่จะรู้ และเราก็มีหน้าที่ต้องบอกเขาด้วย
“……หัวหน้าเผ่า ที่เรากลับมาที่หมู่บ้านนี่ ก็เพื่อบอกเรื่องนั้นนั่นแหละ”
“…พวกแกทุกคน ออกไปก่อน”
ดูเหมือนหัวหน้าเผ่าจะพอเข้าใจอารมณ์ของเราอยู่ ก่อนที่เขาจะสั่งให้ทุกคนที่มามุงดูกันนั่นออกไปให้หมด
“…เกิดอะไรขึ้น”
เราตัดใจ และเล่าทุกอย่างให้หัวหน้าเผ่าได้ฟัง
เรื่องที่เดินทางไปกับริงกะ
เรื่องที่ได้แต่งงานกับริงกะ
เรื่องที่ไม่สามารถปกป้องริงกะเอาไว้ได้
เรื่องที่เราเป็นจอมมาร เพื่อจะคืนชีพริงกะให้ได้
“……อย่างนี้เอง ริงกะ ไม่อยู่แล้ว… แต่ถ้าแกทำหน้าที่จอมมารได้สำเร็จตามข้อสัญญาที่แกให้ไว้กับท่านอิซึสึได้ ในเวลา 3,000 ปี ริงกะก็จะคืนชีพกลับมาอีกครั้ง… ส่วนลูกของพวกเธอ ก็คือเด็กคนนี้ที่แกอุ้มอยู่สินะ”
“อ่า… ต้องขอโทษจริงๆ ที่เราไม่กล้ามาบอก ตลอด 200 ปีนี่เลย”
เราก้มหัวลงให้กับหัวหน้าเผ่า
ไม่มีความคิดเลยซักนิดว่าเขาจะยกโทษให้
“…ไม่ต้องกังวลขนาดนั้นหรอก ถ้าข้าต้องอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับแก ข้าก็ไม่มั่นใจหรอกนะว่าจะเดินต่อได้น่ะ”
“แต่ เรื่องของริงกะน่ะ เป็นเพราะเรา…”
“มันใช่ความผิดของแกที่ไหนเล่า”
หัวหน้าเผ่าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“ที่ริงกะอยากจะเดินทางไปกับแกตั้งแต่แรก นั่นก็เป็นความตั้งใจของเด็กคนนั้นเอง เด็กฉลาดอย่างเธอน่ะรู้ดีถึงความเสี่ยงในการเดินทางนี่อยู่แล้ว… อีกอย่าง คนที่ฆ่าเด็กคนนั้นก็คือมนุษย์ใช่มั้ยล่ะ? ข้าไม่มีทางเอาความเกลียดไปลงที่แกอยู่แล้ว”
“ต- แต่…”
“เฮ่! อย่าเอาแต่บ่นนู่นบ่นนี่อยู่เลย! แกไม่ได้ผิดอะไร! และข้าก็จะไม่โทษอะไรแกด้วย! แค่นั้นก็พอแล้ว! เรื่องที่ริงกะจากไป ข้าเสียใจมาก จนรู้สึกเหมือนตัวจะระเบิดอยู่แล้ว!… แต่ แกก็จัดการไอ้คนที่มันฆ่าเด็กคนนั้นไปแล้วใช่มั้ยล่ะ?? สำหรับเด็กคนนั้นแล้ว แกคือคนที่เด็กคนนั้นรักที่สุดนะ… เพราะงั้น สิ่งที่ข้าควรจะทำก็คือแบบนี้
.
.
……เรื่องที่ช่วยแก้แค้นให้ริงกะ ข้าขอบใจแกจริงๆ”
เราขยับตัวไม่ได้เลย
คิดว่าต้องถูกด่าว่ากลับมาแล้ว คิดว่าจะถูกชกใส่ก็ไม่แปลกใจ
ไม่เคยคิดเลยว่า สิ่งที่ได้รับกลับเป็นคำขอบคุณ
“หัวหน้าเผ่า…… เรา…… เราน่ะ……”
“ข้ารู้ ไม่ต้องพูดอะไรแล้วก็ได้… แทนที่จะจมอยู่แต่กับเรื่องนั้น เมื่อกี้แกเรียกเด็กคนนี้ว่าอะไรนะ… มิเนียใช่มั้ย? เด็กคนนี้คือหลานของข้างั้นเหรอ? ให้ข้าอุ้มเธอหน่อยสิ”
เรายื่นมิเนียให้หัวหน้าเผ่าด้วยมือที่สั่นเทาไปหมด
“โอ้… ดูเหมือนริงกะตอนยังเด็กเลย…! แต่ก็พอเห็นเค้าหน้าของแกอยู่นะ…”
“…มันแน่อยู่แล้ว เธอเป็นลูกของเรากับริงกะนี่นา…”
บางที มิเนียอาจจะดีใจที่ได้เจอกับตาของตัวเองก็ได้ เธอเอาแต่พูด [i]คิย่า! คิย่า![/i] ออกมาอย่างร่าเริงไม่หยุดเลย
วันนั้น ในห้องๆ หนึ่ง ในหมู่บ้านแวมไพร์
มีภาพที่ดูแปลกหลุดโลกเกิดขึ้น อย่างภาพที่คุณลุงร่างใหญ่ กับเด็กสาวอีกคนหัวเราะและร้องไห้ไปด้วย ในขณะที่ยังเห่กล่อมทารกตัวน้อยคนหนึ่งอยู่[/canvas]
TN: #ปาดน้ำตา
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r