“ทิวาสวัสดิ์ เหล่านักเดินทางเอ๋ย เราคือราชาปีศาจรุ่นปัจจุบัน อันเนต อีวิลแอมป์ ยินดีที่ได้พบ”
“ผมคือหัวหน้าเผ่ามนุษย์มาร จิลเบล คริสต์ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“ฟิลิส ดาร์กลอร์ด เป็นแวมไพร์ค่ะ ที่อยู่ข้างหลังฉัน คนที่ดูโง่ๆ นี่คือฟราน ฟอเรสเตอร์ ส่วนโลลิผมขาวนี่คือฟลูเรเทีย ยินดีที่ได้พบเช่นกัน”
“ชั้นไม่เห็นด้วยกับการแนะนำตัวเมื่อกี้นี้!”
“ขอปฏิเสธค่ะ!”
ราชาปีศาจ กับหัวหน้าเผ่ามนุษย์มาร ผู้อยู่ในจุดสูงสุดของทั้ง 2 เผ่าพันธุ์งั้นเหรอ สัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลจากทั้งคู่ได้เลยแฮะ
อย่างที่คิดเลย หรือฉันควรจะบอกว่าเป็น 2 สุดยอดนักสู้เลยดีกว่านะ
“งั้น เรื่องของเรื่องก็คือ… มีความเชื่อมโยงบางอย่างระหว่างแรงดึงดูดประหลาดบางอย่างที่เราสัมผัสได้จากตัวเธอ กับพรคุ้มครองจากเทพของท่านอิซึสึสินะ?”
“…สัมผัสได้แล้วอย่างนั้นเหรอคะ สมแล้วกับที่เป็นราชาของเผ่าพันธุ์ที่ใกล้ชิดกับท่านอิซึสึที่สุด”
แรงดึงดูดนั่นน่าจะมาจากเสน่ห์ดึงดูดจากพรคุ้มครองจากเทพชั่วร้ายนี่แหละ
“ฉันคงต้องอธิบายเรื่องนี้สินะ แต่ก่อนอื่น…”
“ก่อนอื่น?”
“…เรื่องของยัยโรคจิตนั่น ช่วยทำอะไรซักอย่างทีจะได้หรือเปล่า?”
ตรงหน้าฉันตอนนี้
“อื้ม~ แบบนี้ดีมั้ยจ๊า~ แบบนี้ล่ะดีหรือเปล่าเอ่ย~”
“ไม่ดีเลยค่ะ คือว่า ทำไมดิฉันถึงจะ-… อย่าถอดชุดชั้นในของดิฉันสิคะ!!”
ผู้หญิงที่ว่านั่น เข้ามาครอบครองตัวฟลูเรเทีย แถมลูบไล้เธอไปทั่วทั้งตัวเลยเนี่ยสิ
“วีเนล… เป็นเธอจริงๆ ด้วยสินะ นี่เธอกำลังทำอะไรของเธอกัน”
“อย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ คุณอันเนต ฉันกำลังปกป้องร่างกายของเด็กสาวผู้น่ารักคนนี้จากสิ่งชั่วร้ายไงล่ะคะ”
“อึม ไม่ว่าเราจะมองยังไง สิ่งชั่วร้ายที่ว่านั่นก็คือเธอนะ”
“โล่งอกไปที แสดงว่านี่ไม่ใช่การทักทายกันหรืออะไรแบบนั้นสินะ ชั้นว่านี่คงเป็นแค่เรื่องพิเศษเฉพาะบุคคลงั้นสิ”
“ถ้าเกิดมีเผ่าพันธุ์ไหนเขาทักทายกันด้วยวิธีนี้จริงๆ ล่ะก็ ฉันว่ากำจัดทิ้งให้สิ้นซากไปเลยน่าจะดีกว่านะ”
ผู้หญิงคนนั้น ที่ชื่อวีเนล เป็นเผ่าปีศาจ
ฉันยอมรับก็ได้ว่าเธอมีหน้าตาเค้าโครงดี ผมสีน้ำเงินเข้ากับความสวยของเธอ และสัดส่วนร่างกายเธอก็ดูดีเลย
ติดก็แค่ นิสัยของเธอนี่แหละ ทำลายความดีงามทั้งหมดนั่นแบบไม่เหลือชิ้นดีเลย
“เอาผู้หญิงแบบนั้นมาเป็นหัวหน้าคณะทำงานของเมืองนี้นี่ เมืองจะยังดีอยู่จริงๆ เหรอเนี่ย?”
“อา ถึงเห็นอย่างนั้น แต่วีเนลก็ทำงานของตัวเองหนักมากเลยครับ จะบอกว่าการพัฒนาทั้งหมดของพวกเราจะเกิดขึ้นไม่ได้หากขาดเธอไปก็ว่าได้เลยล่ะครับ”
…ไม่ค่อยน่าเชื่อเลยว่าคนที่ดูเป็นภัยสังคมขนาดนี้จะมีสมองที่เข้าใกล้ขอบเขตของเทพ และยังถือครองอาชีพในตำนานอย่าง [เทพแห่งปัญญา] ได้ จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่อยากเชื่อเลย
“เอาเป็นว่า เรื่องนี้เอาไว้ก่อนก็แล้วกัน ดูท่ามีเรื่องจริงจังที่พวกเราต้องคุยกันก่อนอย่างนั้นสินะคะ”
ต่อให้ไม่มีเรื่องจริงจังต้องคุย ก็อย่าไปทำอะไรอย่างการล่วงละเมิดทางเพศคนอื่นด้วยสิ
“ถ้างั้น ช่วยเล่าเรื่องของเธอให้พวกผมฟังหน่อยได้หรือเปล่า?”
“อา จริงๆ แล้ว…”
“เธอเคยอาศัยอยู่ที่เมืองแห่งการผสมผสาน มิกซ์มาก่อน แต่ตอนที่ภรรยาของตัวเองถูกฆ่าและตัวเองกำลังตกอยู่ในความสิ้นหวัง ก็เลยตกลงทำสัญญากับท่านอิซึสึ และจะต้องทำการโค่นล้มเผ่ามนุษย์เพื่อจะทำให้ภรรยาของเธอกลับมามีชีวิตอีกครั้งนึง ก็เลยอยากขอให้ทางเผ่าปีศาจกับเผ่ามนุษย์มารมาเป็นกำลังให้ด้วย… ประมาณนี้หรือเปล่าคะ?”
………………หา?
“ร- รู้ได้ไงน่ะ!? ฟิลิส เธอยังไม่ได้บอกอะไรเลยไม่ใช่เหรอ…”
“นอกจากนั้น ถ้าเกิดคิดถึงสถานการณ์มาประกอบกับข้อมูลที่มีจนถึงตอนนี้ ก็พอจะเข้าใจเรื่องได้อยู่ค่ะ”
“อ- อะไรกันล่ะนั่น…?”
วีเนลพูดออกมาโดยไม่ปิดบังเหตุผลของตัวเองเลยซักนิดเดียว
และพวกเราก็พูดอะไรไม่ออก เพราะความแม่นยำของเนื้อหาของเรื่องที่เธอพูดออกมานั้นถูกทั้งหมดอย่างไม่น่าเชื่อเลย
“จากที่กล่าวมาเมื่อกี้ ฉันสรุปได้ว่าคุณฟิลิสมีที่นี่เพื่อขอยืมกำลังจากเผ่าปีศาจกับเผ่ามนุษย์มารสินะคะ ถึงจะยังไม่ค่อยเข้าใจความสัมพันธ์ของคุณกับอีก 2 คนข้างหลังเท่าไหร่ก็เถอะ”
…นี่อาจเป็นครั้งแรกเลยก็ได้ที่ฉันรู้สึกหวาดกลัวคนอื่นแบบนี้น่ะ
ต่อให้ไม่มี [เนตรสวรรค์ อารุส] ดู ก็มองออกได้ไม่ยากเลยว่าพลังในการต่อสู้ของเธอคนนี้น่ะก็แค่ระดับปลาซิวปลาสร้อยเท่านั้นเอง เทียบฉันหรือฟรานไม่ได้เลย
แต่ เรื่องมันสมองของเธอคนนี้เนี่ย ยอมรับตามตรงเลย… ฉันไม่คิดว่าถ้าเกิดต้องเป็นศัตรูกับเธอคนนี้แล้ว ตัวเองจะสามารถเอาชนะได้ ต่อให้เธอคนนี้จะมีแค่มันสมองของตัวเองเป็นไพ่ใบเดียวบนมือก็ตาม
“…นี่แหละคือพลังของวีเนลล่ะ จะตกตะลึงกันแบบนั้น เราก็ไม่แปลกใจหรอก”
“…ก็ ไม่ได้ตกตะลึงอะไรหรอกค่ะ แสดงว่า พลังของ [เทพแห่งปัญญา] เนี่ย เป็นของจริงเลยสินะคะ”
“ตามนั้นเลยล่ะ เธอน่ะมีไหวพริบเฉียบแหลมจนน่ากลัวเลย ไม่ว่าจะการสังเกตการณ์ การมองอย่างทะลุปรุโปร่ง ความสามารถในการวางแผน ไม่มีใครที่เทียบชั้นกับเธอได้เลย อัจฉริยะตัวจริงเลยล่ะ”
ถึงนิสัยจะเป็นคนวิตถารคลั่งโชตะโลลิ ระดับที่เอาความโรคจิตของพวกวิตถารทั้งหมดบนโลกมารวมกันก็ยังเทียบไม่ติด แต่ถ้าเกิดมีสมองระดับนี้เหมือนกันล่ะก็ ชีวิตของฉันคงง่ายกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้อย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ
“ดูจากการตอบสนองของพวกเธอแล้ว แสดงว่าเหตุผลที่วีเนลบอกมานั่นถูกต้องเลยสินะ”
“อา หงุดหงิดนิดหน่อยที่ต้องยอมรับว่ามันตรงตามนั้นเลยค่ะ”
ฉันเล่าเรื่องที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ให้พวกเขาฟังอีกครั้งนึง
“อืม จอมมาร พรคุ้มครองจากเทพชั่วร้าย ความปรารถนาของท่านอิซึสึ… ถ้าเป็นความจริงล่ะก็ พวกเราจะไม่มอบกำลังของพวกเราให้ก็คงไม่ได้หรอกนะครับ ถึงยังไง เธอ… ไม่สิ คุณก็เป็นผู้ติดตามของท่านอิซึสึนี่นา สำหรับพวกเราแล้ว นั่นก็คือตัวตนที่ใกล้ชิดกับเทพที่สุดแล้วครับ”
“เธอไม่ได้โกหก ทั้งน้ำเสียง ทั้งการแสดงสีหน้า ไม่มีสิ่งใดขัดแย้งกับเรื่องที่พูดเลย ร่องรอยของการใช้เวทลวงตาก็ไม่มีด้วย ดูท่าเรื่องที่ว่ามาจะเป็นเรื่องจริงเลยนะ”
มีพลังในการตรวจจับการโกหกด้วยเหรอเนี่ย
ความสามารถในการตัดสินว่าคำพูดที่พูดออกมานั้นเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องหลอก โดยอาศัยความสั่นไหวในน้ำเสียง, การเปลี่ยนแปลงของสีหน้าเล็กๆ น้อยๆ กับการกระทำที่ออกมาจากจิตใต้สำนึกสินะ
“งั้นแบบนี้ แสดงว่าความปรารถนาของท่านอิซึสึ คือต้องการให้พวกเราอยู่ใต้อานัติการปกครองของคุณสินะครับ”
“ในระยะยาวก็คงเป็นแบบนั้นค่ะ แต่สำหรับตอนนี้ จะให้ไว้ใจฉันเลยก็คงยากอยู่ ถ้าอย่างนั้น พวกเราจะอยู่ที่นี่อีกซักพัก ขอให้พวกคุณคอยจับตามองฉัน และตัดสินเอาด้วยตัวเองเลยดีกว่าค่ะ”
“เข้าใจแล้ว”
“งั้นก็หมายความว่าเลตตี้ตันก็จะยังอยู่ที่นี่อีกซักพักสินะ! มาเถอะ! เลตตี้ตัน! ในอกฉันมัน- โอ๊ย!?”
ราชาปีศาจช่วยหยุดวีเนลที่กำลังพูดอะไรไร้สาระแบบนั้นออกมาด้วยการสับสันมือลงที่ท้ายทอย
ให้ตายเถอะ ควักแต่สมองของยัยนี่มาใช้งานอย่างเดียวได้มั้ยเนี่ย
“ถึงเธอจะพูดไปแบบนั้นก็เถอะ― แล้วเธอจะทำอะไรให้พวกเขาประเมินพวกเรางั้นเหรอ ฟิลิส?”
“นั่นก็ตอบไปตามมารยาทไม่ใช่หรือไง?”
“ไม่มีแผนเลยสินะ”
หนวกหูน่า ฉันไม่อยากให้เธอ ที่ลืมหยิบคำว่า ‘วางแผน’ ติดมือมาจากชาติก่อนด้วย เป็นคนมาบ่นเรื่องการวางแผนกับฉันหรอกนะ
“จะว่าไป ฟลูเรเทียไปไหนแล้วล่ะ?”
“โดนปีศาจที่ชื่อวีเนลคนนั้นไล่ตามไปทั่วเลยล่ะ ชั้นว่าเธอคงจะถูกใจเลตตี้มากเลยล่ะมั้ง”
เสียใจด้วยนะ
ฉันแต่งงานแล้ว ก็เลยไม่ต้องอยู่ในขอบเขตเซนเซอร์ (?) ของยัยนั่นสินะ
ริงกะ ขอบคุณที่เธอแต่งงานกับฉันนะ
…ไม่อยากมาขอบคุณเธออยู่ในใจแบบนี้กับเรื่องแบบนี้เลย
“แล้ว จะทำอะไรดีล่ะ? ให้ฉันไปลุยงานภาคสนามดีมั้ย?”
“จอมมารไปทำอะไรแบบนั้นจะดีเหรอ ชั้นว่าความสามารถในการลงภาคสนามเองแบบนั้นคงไม่ใช่ความสามารถที่พวกเขาใช้ประเมินหรอกมั้ง น่าจะเป็นอะไรที่ดูมีราศีกว่านั้นนะ”
“แล้วราศีที่ว่านั่น ต้องทำยังไงล่ะ ถึงจะแสดงออกให้พวกเขาเห็นได้น่ะ”
“…ขอคิดก่อนน้า”
เอาเข้าจริง มันก็เป็นคำถามที่ว่า ทำยังไงให้เราดูดีในสายตาพวกเขาก็เท่านั้นเอง
งั้น ก็ไปช่วยแก้ปัญหาใหญ่ๆ ของพวกเขาดีกว่า!… ถ้าเกิดทำแบบนั้น บางทีพวกเขาอาจจะไว้ใจฉันขึ้นมาบ้างก็ได้
แต่ว่า เรื่องใหญ่แบบนั้นเนี่ย…
“ม- มีเรื่องใหญ่แล้วค่า!”
คนที่พุ่งตัวเข้ามาในห้องก็คือฟลูเรเทียนั่นเอง
ดูเหมือนเธอจะโดนวิ่งไล่มาจนถึงเมื่อกี้นี้เลย เหนื่อยหอบสุดๆ ไปเลยนะนั่น
“เลตตี้ตา―น!”
“กรี๊ดดดด!”
…ไม่สิ ดูเหมือนจะยังโดนไล่ตามมาไม่หยุดเลยนี่นา แถมโดนจับตัวได้แล้วด้วยเนี่ย
“เรื่องใหญ่ที่ว่านั่น หมายถึงที่โดนคนโรคจิตไล่ตามอยู่เนี่ยน่ะเหรอ?”
“เปล่าค่ะ ไม่ใช่ ไม่ใช่เลยค่ะ… เดี๋ยวสิ! พยายามจะดมอะไรของคุณน่ะคะ!!”
“ซูดดดดดดดดดดดด ฮ่าาาาาาาาาาาาา… อ่าห์ หอมจังเลย…”
เพื่อประโยชน์สุขของโลกและเผ่าพันธุ์อมนุษย์ทั้งหลายแล้ว ฆ่ายัยนี่ซะตรงนี้เลยจะเป็นประโยชน์กว่ามั้ยนะ
“เฮ้อ… คงยังไม่ใช่เวลาทำอะไรแบบนี้สินะ ทุกท่าน ตอนนี้มีเรื่องด่วนเกิดขึ้นค่ะ”
“การลวนลามของเธอเมื่อกี้ก็เป็นคดีอาชญากรรมทางเพศอย่างชัดเจนที่ต้องจัดการโดยด่วนเหมือนกันนะ”
“ของฉันเป็นแค่การสัมผัสทางกายที่ขยายขอบเขตออกไปเท่านั้นเองนะ ยิ่งกว่านั้น…”
ยัยนี่ เป็นคนไร้ยางอายจริงๆ นั่นแหละ
“มีเรื่องด่วนที่ต้องรีบจัดการอย่างเร่งด่วยนิดหน่อย ขอให้กำลังจากทุกท่านมาช่วยเหลือในการจัดการกับเรื่องดังกล่าวทีค่ะ”
TN: ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r