[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า 128 องค์ที่ 5 กำเนิดจอมมาร – [บทศูนย์] ลงหลักปักฐาน

ตอนที่ 128 องค์ที่ 5 กำเนิดจอมมาร - [บทศูนย์] ลงหลักปักฐาน

โน้ตจากผู้แต่ง : หมายความว่ายังไงที่ว่าตอนย้อนอดีตยูริหนักกว่าเส้นเรื่องหลักน่ะ?

 

ที่เมืองที่ถูกเรียกว่า ‘เมืองแห่งการผสมผสาน มิกซ์’

อธิบายแบบง่ายๆ มันก็คือ ‘เมืองที่ทุกเผ่าพันธุ์ รวมทั้งมนุษย์ อาศัยอยู่ร่วมกัน’ ไง

แน่นอนว่า ประชากรที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้คือเหล่าผู้คนที่รักสงบที่ไม่มีอคติต่อเผ่ามารหรือเผ่ากึ่งมนุษย์ และศรัทธาในท่านอิซึสึ

เอลฟ์ มนุษย์สัตว์ คนแคระ มนุษย์มาร ปีศาจ เผ่าพันธุ์กว่า 80% ที่มีอยู่บนโลกอาศัยอยู่ในเมืองนี้เลย

ว่ากันว่าพลังอันยิ่งใหญ่ที่สามารถสร้างสมบัติศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้เคยปรากฏขึ้นในอาณาจักรในอดีตที่เคยรวบรวมทุกเผ่าพันธุ์มาอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างปรองดอง จะบอกว่าเมืองนี้เป็นเมืองจำลองจิ๋วของอาณาจักรนั้นก็ได้

และเมื่อไม่นานนี้… แต่ก็ซักพักแล้วล่ะ มีคู่ข้าวใหม่ปลามันคู่นึงย้ายมาที่เมืองนี้

เผ่าแวมไพร์ที่ไม่เคยมีในเมืองนี้มาก่อน เผ่าพันธุ์ที่ถือว่าหาได้ยากมากในหมู่เผ่ามารเลย

 

…ก็ หมายถึงฉันกับริงกะนั่นแหละ

 

ในย่านที่อยู่อาศัยของเมืองมิกซ์ มีบ้านน้อยๆ หลังนึงที่ตั้งโดดอยู่ เป็นที่อยู่อาศัยของฉันกับริงกะในตอนนี้

 

“ฟู่ว… อรุณสวัสดิ์ ริงกะ”
“อรุณสวัสดิ์น้า ฟิลิสจัง 8 โมงแล้วเหรอเนี่ย? ไม่เป็นไรนะ?”
“ไม่มีปัญหา… วันนี้ก็ไม่มีงานด้วย…”

 

แน่นอนว่า 8 โมงที่ว่านี่หมายถึง 2 ทุ่มล่ะนะ ก็พวกเราเป็นแวมไพร์นี่

 

“อยากทานมื้อเย็นเลยหรือเปล่า?”
“อา… ไม่ล่ะ แค่เลือดก็พอ ฉันเหนื่อยนิดหน่อยน่ะ…”
“ตอนกลางวันน่ะสนุกมากเลยล่ะ ♡”
“…อย่าพูดเลยนะ…”

 

เธอคนนี้นี่นะ… ถึงฉันจะไม่อยากออกไปวันนี้ แต่เธอก็คลานเข้ามาบนเตียงของคนอื่นอย่างกับงูเลย…!

 

ตั้งแต่วันนั้น… วันที่ริงกะสารภาพรักกับฉัน วันนั้น ริงกะกับฉันก็… แต่งงานกันเลย

แต่ก็ ฉันรู้สึกเหมือนคำพูดของฉันถูกดึงออกมา แล้วฉันก็ปล่อยตัวเองไหลไปตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยมากกว่า แต่ยังไงมันก็ออกมาดีล่ะนะ

หลังจากนั้น พวกเราก็เดินทางกันต่อจนมาถึงเมืองนี้ หลังจากที่พวกเรา 2 คนปรึกษากันแล้ว พวกเราก็ตัดสินใจจะลงหลักปักฐานกันที่นี่

พอมาคิดๆ ดูแล้ว เหตุผลที่ฉันออกมาจากหมู่บ้านแวมไพร์ก็เพราะ ‘อยากเห็นเผ่าพันธุ์อื่นๆ มากกว่านี้’ และในเมืองนี้ ความต้องการของฉันก็เป็นจริงแล้ว อย่างน้อย ฉันก็จะอยู่ที่นี่จนกว่าจะเข้าใจทุกอย่างในเมืองนี้ก่อนล่ะนะ

 

“อุฮุฮุ~”
“…จู่ๆ เป็นอะไรล่ะนั่น แปลกคนจริงๆ เลยนะเธอเนี่ย”
“ก็เพราะว่า มันเป็นความฝันตั้งแต่เด็กแล้วนี่นา ที่ได้แต่งงานกับฟิลิสจังแล้วอาศัยอยู่ด้วยกันแบบนี้น่ะ! ทีนี้ฝันของฉันก็เป็นจริงแล้ว…”
“…ฉันได้ยินเรื่องนี้มาจะ 500 ครั้งได้แล้วมั้ง”

 

ไม่ใช่การเปรียบเปรยนะ แต่เป็นเรื่องจริงเลย

ได้ยินครั้งนึงทุก 3 วันเลย… หือ? ถ้าคำนวณแบบนี้แล้ว คงประมาณ 4 ปีแล้วสินะ ตั้งแต่ที่เราแต่งงานกันน่ะ

 

“เอ๋~ อย่าพูดแบบนั้นซี่~ ความรักของเธอมีแค่นั้นเองเหรอ? ฟิลิสจัง… ฟู่ว”
“พิย้าาาา!? น- นี่! บอกแล้วตั้งหลายครั้งแล้วนะว่าอย่าเป่าลมเข้าหูน่ะ!?”
“อ่อนไหวจังเลยน้า ♡”
“เงียบไปเลย! …ให้ตายสิ! ฉันจะออกไปเดินเล่นหน่อยนะ!”
“อะ นี่ ถุงเลือดพกพานะ”
“ขอบใจ!”

 

“ให้ตายสิ ริงกะนี่นะ… ฉันต้องมีปัญหาเพราะเธอไม่ยอมซ่อนด้านมืดของตัวเองเอาไว้เลยหลังจากแต่งงานกันน่ะ… ซักนิดนึงก็ดีนะ…… เลือดอร่อยดีจัง”

 

นี่เลือดของอะไร มาจากที่ไหนนะ

ไม่ใช่ของสัตว์แน่ๆ

ไว้ถามริงกะทีหลังแล้วกัน

…อืม เหมือนฉันจะโมโหเพราะอะไรซักอย่างสินะ… เพราะอะไรน้า?… ช่างมันเถอะ

 

“ฟู่ว… ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้ เอาล่ะ ถังขยะอยู่ไหนนะ…”
“อ่าว? ฟิลิส วันนี้ไม่ได้อยู่กับภรรยางั้นเหรอ?”
“หือ?… เรนเองเหรอ”

 

พอฉันมองไปรอบๆ ก็เห็นเงาเล็กๆ ลอยลงมาจากด้านบน

ผมสีเขียวแกมเหลืองยาว และปีกผีเสื้อที่เป็นลักษณะเฉพาะ เผ่าแฟรี่

เธอคือเรน แฟรี่ลอร์ด อย่างที่นามสกุลของเธอบอกนั่นแหละ เธอเกิดมาเป็นราชินีของเผ่าแฟรี่เลย

เธอเป็นแฟรี่ที่แข็งแกร่งที่สุด ตรงข้ามกับลักษณะภายนอกของเธอ ที่มาพร้อมความสามารถในการควบคุมสภาพอากาศได้ตามใจนึกเลย และเธอก็แก่กว่าฉันมากเลยด้วย

 

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ไม่ค่อยได้มาที่เมืองนี้เท่าไหร่เลยนะช่วงนี้”
“มีปัญหาในโลกภูตินิดหน่อยน่ะ ฉันยืมพลังของพวกเอลฟ์แล้วก็ผ่านมาได้อย่างไม่มีปัญหาเลย”

 

เอลฟ์งั้นเหรอ คิดถึงจังเลยนะ ยัยเจ้าหญิงงี่เง่านั่นเป็นไงบ้างนะตอนนี้?

 

“รู้สึกว่า จะมีเจ้าหญิงที่แข็งแกร่งมากและเลือดร้อนอยู่คนนึงนะ เธอเข้ามาแก้ปัญหาให้รวดเดียวเลย กลับกัน พวกแฟรี่ของฉันต้องเป็นเพื่อนเล่นให้เธออยู่พักนึงเลย แต่ก็ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่ถูกมากเลยล่ะนะ”

 

ดูท่าจะยังสบายดีสินะ

 

“แล้ว ดึกดื่นป่านนี้… อ่า สำหรับแวมไพร์นี่นะ… ตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้ ออกมาทำอะไรเนี่ย หมดรักกับภรรยาแล้วหรือไง?”
“เธอพูดจาระวังปากซักหน่อยก็ดีนะ ด้วยระยะแค่นี้ ฉันบี้เธอเร็วกว่าที่เธอจะควบคุมสภาพอากาศได้เลยนะ”
“ถ้าคิดว่าทำได้ก็ลองดูสิ ถ้าเธอทำอะไรแปลกๆ แบบนั้นล่ะก็ ฉันจะสร้างลมแบบคาไมทาจิขึ้นกลางเมือง แล้วตัดเสื้อผ้าภรรยาเธอให้ขาดวิ่นเลยคอยดู”
“แค่เรื่องล้อเล่นใช่มั้ย นังภูติจอมมุ่งร้ายนี่ ฉันขอโทษ เพราะงั้นขอร้อง อย่าทำเลยนะ”

 

ฉันไม่อยากให้ภรรยาตัวเองถูกเปลื้องผ้าในเมืองหรอกนะ และที่สำคัญกว่านั้น ฉันกลัวเรื่องที่จะโดนเทศน์หลังจากที่เธอรู้ว่าฉันเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องนั้นขึ้นมากกว่า

 

“เอาล่ะ วันนี้ฉันว่างอยู่ด้วย แวะไปทานข้าวที่บ้านพวกเธอ 2 คนได้มั้ย?”
“ก็ ทำไมไม่ลองไปถามริงกะดูล่ะว่าเธอตกลงหรือเปล่า?”
“เข้าใจแล้ว… ว่าแต่ แล้วงานของเธอล่ะ?”
“วันนี้ไม่มีน่ะ”

 

ตอนนี้ ฉันทำงานเป็นนักผจญภัยอยู่ในเมืองนี้

ถึงจะบอกว่าเป็นงานนักผจญภัย แต่เอาเข้าจริง ก็เป็นการรับงานจับฉ่ายไปหมดล่ะนะ

เพราะความแข็งแกร่งของฉัน ฉันเลยมักจะไปร่วมในงานหินๆ อย่างการกำจัดสัตว์อสูร แล้วก่อนที่ฉันจะทันรู้ตัว ฉันก็เป็นอันดับต้นๆ ของเมืองนี้แล้ว เพราะงั้นเลยเป็นเรื่องปกติเลยที่ฉันจะได้รับคำร้องขอแบบระบุชื่อมาเยอะเลย แต่วันนี้เป็นวันหยุดที่หาได้ยากเลยล่ะนะ

 

“หืม งั้น เดี๋ยวฉันไปที่บ้านของพวกเธอก่อนแล้วกัน เสร็จธุระเมื่อไหร่เธอก็กลับมาด้วยล่ะ ถ้าเธอไม่อยู่ ริงกะก็ไม่ยอมเสิร์ฟอาหารหรอก”
“งั้นเหรอ ฝากบอกริงกะด้วยแล้วกันว่าเดี๋ยวฉันจะกลับบ้านพรุ่งนี้นะ”

 

คำว่า ‘พรุ่งนี้’ ที่ว่าเนี่ย สำหรับมนุษย์คงหมายถึง ‘จะกลับไปตอนบ่าย’ ล่ะนะ

 

“ได้ๆ เจอกันนะ”

 

“กลับมาแล้ว”
“ยินดีต้อนรับกลับนะ ฟิลิสจัง เรนจังอยู่ที่นี่ด้วยนะ”
“รู้แล้วล่ะ… มีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นกับเธอหรือเปล่า?”
“นี่เธอคิดว่าฉันเป็นคนยังไงเนี่ยฮะ”

 

ทุกคนนั่งที่โต๊ะ และอาหารมื้อดึก (สำหรับมนุษย์ก็เป็นมื้อกลางวันล่ะนะ) ก็เสิร์ฟเรียบร้อย

 

“อืม~ อร่อย ริงกะนี่สุดยอดไปเลยนะ”
“อิฮิฮิ ขอบใจนะ”
“จริงๆ เลย เธออยู่กับฟิลิสแล้วเสียของจริงๆ เลยนะ ทิ้งยัยนี่แล้วไปกับฉันมั้ย?”
“…เฮ่ เรน ถ้าเธอพูดอะไรบ้าๆ แบบนั้นอีกล่ะก็ ฉันยินดีจะสละทุกอย่างเพื่อทำลายล้างโลกภูติให้สิ้นซากเลยคอยดู”
“เธอจะบอกว่าเธอชอบริงกะมากเลยใช่มั้ยหล้า”
“อิฮิฮิ… ฉันก็ชอบเธอมากเหมือนกันนะ ♡”
“น- หนวกหูน่า! ฉันไม่ได้…”
“หือ? ฉันไม่ได้ยินเลยนะ?”
“อึม…… คือ ไม่ได้ชอบ…”
“ฟิลิสจัง? ถ้าไม่ยอมพูดชัดๆ ล่ะก็ ฉันจะใส่หอมหัวใหญ่ในมื้อเช้าของเธอนะ”
“เอ๋… รู้แล้วน่า ฉันชอบเธอ…”
“จ้า เยี่ยมเลย ♪”
“…พวกเธอ มัวแต่เล่นอะไรให้ฉันดูเนี่ย”

 

หลังมื้ออาหารสิ้นสุดลงแล้ว พวกเรา 3 คนก็พักจากการกินไปซักพักนึง

อึม อาหารฝีมือริงกะเนี่ยยังอร่อยเหมือนเดิมเลยนะ เอาจริงๆ เลยคือ ฉันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าฉันถูกเธอกุมกระเพาะของฉันเอาไว้แล้ว

ไม่ก็ คิดว่านะ

 

“หือ……?”

 

 

ไม่รู้ทำไม ร่างกายฉันถึงรู้สึกแปลกๆ

ไม่รู้ว่ามันคืออะไร… ร่างกายมัน ร้อน?

พอฉันเริ่มจะรู้ตัว อาการมันก็รุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็วเลย และมากจนทำให้หัวฉันมันมึนไปหมด หวัดเหรอ… ไม่มีทาง เลเวลของฉันตอนนี้คือ 81 ภูมิต้านทานต่อการเจ็บป่วยของฉันสูงมากแล้ว ฉันไม่มีทางติดหวัดได้ในฤดูนี่ด้วย เพราะยังไม่ใช่ฤดูที่หวัดระบาดเลยด้วยซ้ำ

แล้วนี่มันอะไรน่ะ?…… เดี๋ยวก่อนนะ เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วนี่ ฉันมั่นใจเลย…

…อย่าบอกนะว่า!?

 

“ริงกะ เธอ…!?”
“…อิฮิฮิ รู้ตัวซะแล้วเหรอ”

“เธอ… ใช้ยานั่นอีกแล้วเหรอ… !?”

“…เทเฮะ ♡”
“ไม่ต้องมาเทเฮะเลยนะ!”
“เดี๋ยวนะริงกะ นี่เธอทำอะไรน่ะ!?… แล้วเมื่อกี้ เธอบอกว่า ‘อีกแล้ว’ งั้นเหรอ? นี่เธอมีประวัติติดตัวงั้นเหรอเนี่ย!?”

 

ถึงแม้ว่าเลเวลจะเพิ่มขึ้นแล้ว แต่ภูมิต้านทานต่อยาก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น แม้ว่าภูมิต้านทานของพิษจะเพิ่มขึ้นก็ตาม

เพราะแบบนั้น ถ้าเกิดไม่กินมากเกินไป มันก็ไม่เป็นพิษ ‘ยานั่น’ เลยได้ผลกับฉันด้วย…

 

“เฮ่ เรน ทำอะไรซักอย่างทีสิ…!”
“ไม่ได้หรอก… ก่อนอื่นเลย พวกเราแฟรี่เป็นเผ่าพันธุ์ที่สถานะผิดปกติ โรคภัยไข้เจ็บ ยา และอะไรพวกนั้นจะไม่เป็นผลอย่างสมบูรณ์เลย พวกเราเลยไม่จำเป็นต้องมีมาตรการต่อต้านเรื่องพวกนี้น่ะ”
“ฮะ… ฮะ… ฮะ… อึก ยัยคนใจทมิฬ… นี่ยังดึกอยู่เลยนะ…”
“ปกติ เรื่องที่ว่านั่นก็ต้องทำกันตอนดึกๆ อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง… ฉันว่ายอมแพ้แต่โดยดีจะดีกว่านะ เดี๋ยวอีกซักพัก ผลของยาก็หายไปเองนั่นแหละ… ถ้างั้น ริงกะ ไว้เจอกันนะ”
“อื้อ แล้วเจอกันอีกนะ เรนจัง”
“เดี๋ยวสิ! จะทิ้งฉันไว้แบบนี้เหรอ เรน!?”
“…โทษทีนะ”

 

หนีไปแล้วจริงๆ ด้วย!

ยัยภูตินั่น ซักวันเธอไม่ตายดีแน่!

 

“ฮุฮุฮุฮุ… วันนี้เธอไม่มีงานต้องไปทำใช่มั้ยล่ะ…? แบบนั้นล่ะก็ เยี่ยมเลย… ไม่เห็นต้องคิดมากเลย อยู่เล่นกับฉันเถอะ เนอะ?”
“ฟู่ว… ฟู่ว… ฟู่ว… อ่า แย่ที่สุด…”
“อ๊าห์… คือฉันก็อยากจะหักห้ามใจแล้วนะ แต่ฉันทำไม่ได้เลยเนี่ยสิ หน้าของฟิลิสจังทั้งแดงทั้งสิ้นท่าแบบนี้น่ะ น่ารักม๊ากมากเลยล่ะ…! งั้น ต่อกันยันเช้าเลยแล้วกันเนอะ?”
“ด- เดี๋ยวก่อน ริงกะ… ฉันน่ะ… อุอะ…”

 

อ่า… ไม่ไหว ในหัวมันขาวโพลนไปหมดเลย

อา ไม่ไหวแล้ว… ต้านผลของมันไม่ได้เลย…

 

“ริงกะ…!”
“ฮุฮุฮุฮุ… ฟิลิสจังนี่ใจร้อนจังเลยนะ… ไปที่เตียงกันเลยมั้ย?”
“อือ…”

 

พอฉันตื่นมาอีกที มันก็เกือบจะเที่ยงวันแล้ว

ดูเหมือน จะหลับไปนานเลยสินะจากตอนนั้น

มาตื่นเอาป่านนี้เลย…

 

“งือ… ฟิลิสจัง… อิฮิฮิ…”

 

ข้างๆ ฉันมีริงกะที่หลับอยู่ นอนกอดแขนฉันเอาไว้แน่นเลย

…ความร้อนวูบวาบในตัวก็หายไปแล้วด้วย

 

ยัยเพื่อนสมัยเด็กใจทมิฬคนนี้นี่นะ

…ไม่สิ เอาเถอะ ฉันนี่ก็ชอบคนแบบนี้ได้เหมือนกัน ฉันคิดว่าฉันก็เป็นคนแปลกๆ เหมือนกันนั่นแหละ

 

“…ตอนนี้ รีบหายานั่นให้เจอแล้วกำจัดมันทิ้งซะก่อนเลยดีกว่า”

 

TN: นอกจากจะอยู่ล่างแล้ว ยังโดนมอมยาอีกต่างหาก 555

ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r

[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

Score 10
Status: Completed
เซนโจ โยนะ เด็กหญิงที่ถูกกลั่นแกล้งอย่างหนัก ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุแก๊สระเบิด หลังจากนั้น ด้วยความช่วยเหลือของเทพชั่วร้าย อิซึสึ เธอก็ได้มาเกิดใหม่เป็นลูกสาวของผู้นำเผ่าแวมไพร์ [ลีน บลัดลอร์ด] ชีวิตอันสงบสุขกำลังรอเธออยู่ รายล้อมไปด้วยครอบครัวและเพื่อนพ้องที่รักเธอ สิ่งที่เธอต้องการมาโดยตลอดจากชาติก่อน ... แต่เวลาเหล่านั้นก็ต้องสิ้นสุดลง จากการกวาดล้างเผ่าพันธุ์แวมไพร์ด้วยน้ำมือของพวกมนุษย์อย่างไร้เหตุผล “อา เข้าใจแล้ว ชีวิตของฉันต้องพังทลายเพราะว่ามีพวกมนุษย์อยู่งั้นสินะ” อีกด้าน มีเด็กสาวที่ถูกมองเป็นตัวน่ารำคาญในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เธอได้รับ [คุณสมบัติของผู้กล้า] พร้อมทั้งพรสวรรค์และศักยภาพอันล้นเหลือ แต่จิตใจของเธอกลับถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของพวกมนุษย์ เพื่อล้างสมอง และเปลี่ยนเธอเป็นอาวุธมีชีวิต “จริงๆ แล้ว...ไม่อยากปกป้องพวกมนุษย์ซักหน่อย เราไม่ได้อยากเป็นผู้กล้า…” และพวกเธอผู้เกลียดชังต่อมนุษย์ ก็กลายมาเป็นภัยพิบัติต่อมนุษยชาติ นี่คือเรื่องราวของเด็กสาว 2 คนที่ชีวิตต้องถูกทำลายด้วยน้ำมือของมนุษย์ และสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไป เหลือเพียงแค่ชีวิตของตัวเอง และพวกเธอจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อล้างแค้นและกวาดล้างมนุษยชาติให้สิ้น

Options

not work with dark mode
Reset