[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า 124 องค์ที่ 5 กำเนิดจอมมาร – [บทศูนย์] คำสารภาพ

ตอนที่ 124 องค์ที่ 5 กำเนิดจอมมาร - [บทศูนย์] คำสารภาพ

หลังจากที่พวกเรากลับมาถึงเมืองของมนุษย์มังกรและได้รับการขอโทษจากจักรพรรดิมังกรว่า ‘นี่เป็นเรื่องที่เลวร้ายที่เกิดขึ้นในเมืองของเราเลย’

ฉันกับริงกะ ฟราน และก็ฟลูเรเทียได้พูดคุยกันอยู่พักนึง ส่วนนึงก็เพราะพรุ่งนี้พวกเราจะต้องจากกันแล้ว

 

“ให้ตายสิ ชั้นยังสงสัยอยู่เลยนะเนี่ยว่ามีอะไรเกิดขึ้นเต็มไปหมดเลย! ก็ พวกเราช่วยริงกะได้ ส่วนฟิลิสก็ฆ่าโจรลักพาตัวได้ แต่ทุกข์ยากจบลงด้วยดีก็ดีแล้ว… อะไรเหรอ?”
“ทุกอย่างจบลงด้วยดี ต่างหากเล่า ยัยโง่นี่”
“นั่นแหละๆ!”

 

…ทำไมยัยโง่แบบนี้ถึงเป็น [มหาปราชญ์] ได้กันนะเนี่ย

เอาเถอะ ถ้าไม่ได้เธอล่ะก็ ฉันก็คงช่วยริงกะไม่ได้… ก็คงเหมาะดีแล้วมั้ง

ไม่ว่ายังไง ก็เกลียดยัยนี่ไม่ลงล่ะนะ

 

“ว่าแต่ว่านะ ฟลูเรเทีย ทำงานของวันนี้เรียบร้อยแล้วงั้นเหรอ”
“ท่านจักรพรรดิมังกรรับสั่งว่าให้ดิฉันพักได้วันนี้ค่ะ”
“จริงสิ เธอช่วยฉันไว้เยอะเลยนี่ ขอบใจนะ”
“ม- ไม่หรอกค่ะ…”

 

โห เขินเลยล่ะๆ

เธอช่วยใช้บาเรียปกป้องริงกะระหว่างที่ฉันบดขยี้กองโจรลักพักตัวพวกนั้น ถึงจะเป็นการช่วยเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็สำคัญ

 

“ทุกคน ขอบคุณมากจริงๆ นะ เพราะฉันอ่อนแอเองเลยต้องเป็นปัญหาให้กับทุกคนเลย”
“พูดอะไรอย่างงั้นเล่า ริงกะไม่ผิดซักหน่อย ถ้าจะโทษก็ต้องโทษเจ้ามนุษย์พวกนั้นไม่ใช่หรือไง”
“จริงด้วย! ไม่ใช่เรื่องที่ริงกะต้องขอโทษเลยนี่!”

 

พอมาคิดๆ ดูแล้ว นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันได้คุยกับเพื่อนผู้หญิงในวัยเดียวกันคนอื่นนอกจากริงกะมากขนาดนี้น่ะ

ก็ ถึงฟลูเรเทียจะยังเด็กอยู่ หรือฟรานจะอายุน้อยกว่านิดหน่อย แต่เรื่องพวกนั้นแทบไม่สำคัญสำหรับเผ่าพันธุ์ที่มีอายุขัยยาวนานเลย

สำหรับเผ่าพันธุ์ที่อายุขัยสั้นอย่างมนุษย์หรือมนุษย์สัตว์น่ะ ก็คงจะเป็นแบบ ‘วันเกิดน่ะก็เป็นแค่ไม่กี่เดือนที่ผ่านไป’ ล่ะมั้งนะ

 

ท้ายที่สุดแล้ว พวกเราก็ตื่นเต้นกับเรื่องที่เกี่ยวอะไรมากมาย แล้วพวกเราก็คุยกันจนรุ่งสางเลย

แต่ว่า ฟลูเรเทียก็ผลอยหลับไประหว่างนั้นล่ะนะ

 

ที่ประตูหน้าของเมือง มีมนุษย์มังกรมากมายเลยมาส่งพวกเรา

ก็นะ ถึงจะเป็นแค่นกต่อ แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าพวกเราช่วยเด็กๆ ชาวมนุษย์มังกรอยู่ดี ซาบซึ้งใจมากๆ เลยล่ะ

 

“ทุกคนคะ ขอบคุณสำหรับความกรุณาของทุกคนด้วยนะคะ ดิฉันขอขอบคุณที่ทุกคนให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้มากเลยค่ะ”
“ไม่ต้องเป็นพิธีรีตรองแบบนั้นหรอกนะ ฟลูเรเทีย แล้วฉันจะกลับมาอีกนะ”
“…ค่ะ”

 

รู้สึกไม่ค่อยดีเลยแฮะ ชักจะเริ่มถูกใจเด็กคนนี้ซะด้วยสิ

อืม ในเวลาแบบนี้ การให้ของอะไรเธอไว้ซักชิ้นอาจจะเป็นความคิดที่ดีก็ได้ อารมณ์แบบ ‘เห็นมันแล้วก็นึกถึงฉันด้วยล่ะ’ หรืออะไรประมาณนั้นล่ะนะ

แต่ว่า แล้วจะให้อะไรดีล่ะ?

ฉันล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อระหว่างที่คิดอยู่แบบนั้น

 

“…หือ?”

 

มีจี้ห้อยคออยู่ในนั้น

นี่มัน… ‘เนตรสวรรค์ อารุส’ ที่ฉันเก็บมาจากเจ้าโจรลักพาตัวนี่นา

ถึงเจ้าคนชั่วนั่นจะเป็นคนใช้ แต่สิ่งของน่ะไม่ได้มีความผิดอะไร ฉันเองก็คิดจะเอามันมาใช้เหมือนกันเพราะมันดูสะดวกดี… แต่ เอาเถอะ

 

“โอ้ ฟลูเรเทีย ฉันให้เจ้านี่แล้วกัน เพราะงั้น ร่าเริงเข้าไว้นะ”
“เอ๊ะ? …ให้ดิฉันจริงๆ เหรอคะ?”
“อา ให้เธอไว้นั่นแหละ รักษาตัวด้วยล่ะ”
“…ข- ขอบคุณมากเลยค่ะ!”
“เก็บเอาไว้ใกล้ๆ ตัวเลยล่ะ ถึงยังไงมันก็เป็น ‘สมบัติศักดิ์สิทธิ์’ ล่ะนะ”
“สมบัดสักสิด…? ถึงดิฉันไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่จะดูแลมันอย่างดีเลยค่ะ”

 

อือๆ เธอเป็นเด็กดีที่ซื่อๆ คนนึงเลย

พวกมนุษย์มังกรที่อยู่ข้างหลังฉัน พอได้ยินคำว่า “สมบัติศักดิ์สิทธิ์” กันก็อึ้งกันไปเลย แต่ไม่ต้องไปสนใจพวกนั้นกันหรอกเนอะ

 

“ถ้างั้น แล้วเจอกันใหม่นะคะ คุณฟิลิส คุณริงกะ คุณฟราน”
“อื้อ ไว้เจอกันนะ”
“แน่นอน! ไว้ชั้นจะกลับมาอีกนะ!”
“อ้า รักษาตัวด้วยนะ”

 

จากนั้น พวกเราก็ออกจากเมืองมนุษย์มังกรมา

 

“เอาล่ะๆ… จะว่าไป ฟิลิสกับริงกะล่ะ พวกเธอ 2 คนจะทำอะไรต่อเหรอหลังจากนี้?”
“ฉันได้ยินว่าเมืองแสนวิเศษที่มีเผ่าพันธุ์หลากหลายมาอยู่ร่วมกันด้วยล่ะ! ฉันคุยกับฟิลิสจังแล้วว่าพวกเราจะไปที่นั้นต่อนี่แหละ!”
“อ่า… ฟราน จะไม่มาด้วยกันจริงๆ เหรอ?”

 

ถึงฟรานจะเป็นเชื้อพระวงศ์ของเอลฟ์ก็เถอะ แต่เธอก็ไม่สนเรื่องนั้นเลยซักนิดเดียว

นั่นเลยเป็นสาเหตุที่ฉันคิดว่า เธออาจจะอยากไปกับพวกเราต่อแบบนี้

 

“อือ… ชั้นก็อยากไปด้วยนะ แต่คงไม่ได้หรอก”

 

ฟรานตอบกลับมาพร้อมกับยิ้มแหยๆ ออกมา

 

“อูว… น่าเสียดายจังเลยนะ ดูท่าทางเธอจะยังมีความรู้สึกที่ต้องการทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกในราชวงศ์อยู่งั้นสินะ”
“เอ๊ะ ไม่ใช่แบบนั้นหรอก”

 

ไม่ใช่งั้นเหรอ

โกหกใช่มั้ยนั่น

 

“ถึงยังไง ชั้นก็กะจะยกบัลลังก์ผู้นำเผ่าเอลฟ์ให้เทียน่าอยู่แล้วน่ะ แต่ว่า ชั้นก็เป็นห่วงว่าเทียน่าจะเติบโตได้อย่างดีหรือเปล่าน่ะสิ? ถ้าปะป๊ายังเป็นราชาเอลฟ์อยู่ ต่อให้ชั้นไปกับพวกเธอแบบนี้ ปะป๊าอาจจะบังคับให้พาตัวชั้นกลับไปก็ได้ ถ้าอย่างงั้น มันต้องสนุกกว่าแน่นอนเลยถ้าอธิบายเรื่องพวกนี้ให้เทียน่าฟังหลังจากเธอเป็นราชินีเผ่าเอลฟ์ แล้วชั้นก็ค่อยๆ ออกเดินทางอย่างช้าๆ น่ะ”

 

…ฉันคิดว่าเธอคนนี้ก็วางแผนพวกนี้เตรียมเอาไว้แล้วงั้นสินะ

 

“เข้าใจแล้ว งั้น ไว้ตอนที่ฉันได้ข่าวว่าเทียน่าได้เป็นราชินีเผ่าเอลฟ์แล้ว ฉันจะมารับก็แล้วกันนะ”
“เห็นด้วยเลย คงต้องบอกลากับฟรานจังตรงนี้ก่อนสินะ… ต้องคิดถึงเธอแน่เลย…”
“อะฮะฮะฮ่า! ไม่ใช่ว่าซีวีดนี้จะไม่ได้เจอกันแล้วซะหน่อย!”
“ชีวิตนี้ต่างหาก”
“นั่นแหละ!”

 

…จากนั้น ฟรานที่เดินทางร่วมกับพวกเรามาระยะนึงก็แยกกลับไปที่หมู่บ้านเอลฟ์ที่นี่

การเดินทางของพวกเรา จึงกลับมาเหลือแค่พวกเรา 2 คนอีกครั้ง

 

“คงเพราะช่วงนี้ ฉันใช้เวลาช่วงเวลากลางวันกลางคืนสลับไปมาล่ะมั้งนะ พอกลางคืนแล้วก็เริ่มง่วงแล้วสิ”
“นั่นสิ เหมือนเผ่าพันธุ์ทั่วๆ ไปเลยเนอะ”

 

คืนนี้ที่พวกเราแยกกับฟลูเรเทียกับฟรานมาแล้ว พวกเราก็กำลังผิงกองไฟให้ร่างกายอบอุ่นกันอยู่

ช่วงนี้ ฉันใช้เวลากับฟรานเยอะเลย ต้องตื่นในเวลากลางวันแล้วนอนในเวลากลางคืน ถ้าเป็นที่หมู่บ้านแวมไพร์ล่ะก็ คนที่จะใช้ชีวิตแบบนี้ นอกจากคนเฝ้ายามแล้ว ฉันก็นึกไม่ออกเลย

 

“แต่ว่าบางที แบบนั้นอาจจะดีอย่างไม่คาดคิดเลยก็ได้นี่นา? เผ่าพันธุ์ที่ตื่นเวลากลางคืนแล้วนอนในตอนกลางวันก็มีแค่เผ่าแวมไพร์กับเผ่าปีศาจเอง”
“…ก็นะ มันอาจจะดีกับการเดินทางกว่าด้วยสิ”

 

เร็วๆ นี้ เลเวลของฉันก็เพิ่มขึ้นมากด้วย ฉันเริ่มจะพัฒนาความอดทนต่อการนอนหลับขึ้นมาได้แล้ว เพราะงั้นฉันเลยสามารถใช้ชีวิตตามปกติโดยไม่ต้องนอนสองสามวันได้เลย

 

“ริงกะ เรื่องเมื่อวานนี้น่ะ ฉันขอโทษจริงๆ นะ”
“โธ่… อีกแล้วเหรอ? ฟิลิสจังไม่จำเป็นต้องขอโทษเลยนะ”
“ไม่ล่ะ ให้ฉันขอโทษเธอเถอะ ตอนที่ออกจากหมู่บ้านกันมา ฉันสัญญาไว้แล้วว่าจะปกป้องริงกะแท้ๆ แต่ร่างกายฉันกลับทำอย่างนั้นไม่ได้ มันทำให้ฉันกลัวมากเลย ขอโทษนะ”
“อึก… ไม่เป็นไรหรอกนะ ฟิลิสจังก็มาช่วยฉันได้นี่นา เพราะงั้น…”
“เพราะงั้น”

 

“ฉันจะปกป้องริงกะไปชั่วชีวิตเลย จะไม่ให้เธอต้องหวาดกลัวแบบนั้นอีกเป็นครั้งที่ 2 แล้ว จะคอยอยู่ด้วยตลอด ไม่ทิ้งเธอไปไหนอีก… ฉันสัญญา”

 

“―――― ! น- นั่นน่ะ… นั่นคือ…”
“? ริงกะ เป็นอะไรหรือเปล่า? หน้าเธอแดงอยู่นะ ร้อนงั้นเหรอ? ให้ฉันดับไฟเลยมั้ย?”
“เอ๊ะ? …อ- อื้อ ฝากด้วยนะ…”

 

หืม ไฟมันแรงเกินไปงั้นเหรอเนี่ย

ฉันดับกองไฟลง แล้วบรรยากาศโดยรอบก็มืดสนิท

แต่ก็นะ ความมืดก็เหมือนกลางแสงแดดสำหรับแวมไพร์นั่นแหละ

 

“ขอโทษนะ ฉันไม่ทันสังเกตเลย คราวหน้าฉันจะระวังในเรื่องนี้นะ”
“แล้ว นั่นน่ะ คือ ฟิลิส จัง… เมื่อกี้นี้ นั่น… ที่ บอกน่ะ…”
“หือ? ฉันจะปกป้องริงกะอย่างดีเลย แต่ก็ ถ้าเกิดริงกะได้แต่งงานหรืออะไรพวกนั้น ฉันก็คงจะแยกตัวออกไปให้ล่ะนะ!”
“………เอ๊ะ?”

 

ถึงฉันอาจจะไม่ได้เป็นอัจฉริยะ แต่ฉันก็อ่านบรรยากาศได้นะ

ริงกะน่ะ อาจจะได้เจอผู้ชายดีๆ ซักคนในวันข้างหน้าก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นแล้ว ฉันก็ควรจะให้ริงกะได้อยู่กับเขา แล้วฉันออกมาเงียบๆ จะดีกว่า

แต่ก็นะ ฉันไม่ยอมให้ใครที่ไหนมายุ่งกับริงกะหรอก หมอนั่นต้องอย่างน้อยแข็งแกร่งและฉลาดกว่าฉันล่ะนะ เป็นบุรุษสมบูรณ์แบบไงล่ะ!

 

“โลกนี้มันกว้างใหญ่นะ เธอน่ะมีรูปร่างดี หน้าตาก็ดี นิสัยก็ดี ฉันมั่นใจเลยว่าเธอต้องได้เจอคู่ชีวิตที่ยอดเยี่ยมแน่นอนเลย…”
“…………ไม่”
“หือ?”

 

เมื่อกี้ มีอะไร…

 

“โธ่!! ฉันทนไม่ไหวแล้ว!! ทำไม!? ทำไมล่ะ!? เมื่อกี้น่ะ!! มันคือการสารภาพรักหรือขอหมั้นกับฉันชัดๆ เลยนะ!! แล้วทำไม! จะให้ฉันไปเป็นเจ้าสาวของใครที่ไหนทำไมล่ะ!?”

 

…หวา!?

อยู่ๆ ริงกะก็โมโหขึ้นมาเลย!?

ฉ- ฉันจะทำไงดี…

 

“ตั้งแต่แรกเลย!! แม้แต่ตอนที่ยังอยู่ที่หมู่บ้าน!! ฉันก็ขอร้องไปขนาดนั้น!! จะได้ตามเธอออกเดินทางมาด้วย!! ถึงอย่างนั้น!! ฉันก็พยายามเต็มที่ที่จะทำให้ฟิลิสจังไม่ทิ้งฉันไป!! ถึงแม้ว่าเลเวลของฉันจะต่ำก็ตาม!! ฉันคิดว่าหลังจากที่พยายามอย่างหนักที่จะทำให้ฟิลิสจังตกหลุมรักฉันให้ได้ ในที่สุดความพยายามก็สำเร็จซักที… ทำไมถึงพูดอะไรชวนสับสนแบบนั้นกันล่ะ!? บ้าที่สุดเลย!? ฟิลิสจังบอกว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะ ที่ฟิลิสจังน่ะ จริงๆ แล้วก็เป็นแค่คนบ้าที่สุดเท่านั้นแหละ!? ทำไมไม่เข้าใจความรู้สึกของฉันเลยล่ะ!? แค่เพราะพวกเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก แค่เพราะฉันดูเหมือนสนุกอยู่ตลอด ไม่มีทางที่เรื่องแค่นั้นจะทำให้ฉันตามเธอมาเดินทางเสี่ยงอันตรายแบบนี้ซักหน่อยนะ!! คนบ้า!!”

 

อ- อะไรนะ?

ริงกะ ทำไมถึงได้โกรธขนาดนั้นเลยล่ะ?

แถม ยังพูดอะไรที่ฉันไม่เข้าใจออกมาเต็มไปหมดเลย

ไหนจะเรื่องทำให้ฉันตกหลุมรักให้ได้ ไหนจะเรื่องความพยายามสำเร็จแล้ว ไหนจะบ้า บ้า บ้า บ้านั่นอีก…

 

ริงกะเข้ามาใกล้ฉันที่ยังอึ้งอยู่ จับไหล่ฉัน แล้วกดน้ำหนักลงมา

ในแง่สเตตัสแล้ว ฉันเหนือกว่าริงกะหลายเท่าเลย แต่ไม่รู้ทำไม ฉันถึงไม่มีแรงแล้วก็ล้มลงไปตามแรงของเธอ

ตอนนี้ ฉันถูกริงกะจับกดกับพื้นเลย

 

“จ- ใจเย็นๆ ก่อนนะ ริงกะ! ฉันทำอะไรไม่ดีไปงั้นเหรอ!? ฉ- ฉันขอโทษ! ขอโทษที่ทำให้เธอเข้าใจผิดหรือเรื่องที่ฉันโง่เองที่ไม่เข้าใจเธอด้วยนะ เพราะงั้น ก่อนอื่น…”
“ผิดแล้ว!! ทำไมเธอถึงไม่รู้ตัวซักทีล่ะ!? ที่ฉันตามเธอมาขนาดนี้ ที่หน้าฉันแดงขนาดนี้ ทำไมถึงไม่เข้าใจความรู้สึกของฉันเลยล่ะ!?”

 

ถ- ถึงจะพูดอย่างงั้นก็เถอะ!

เดี๋ยวก่อนนะ ใจเย็นลงก่อน! ทำไมริงกะถึงโมโหแบบนี้ล่ะ!?

ตั้งแต่ตรงไหนกัน เออ คือ ตั้งแต่ตอนไหนนะที่พฤติกรรมของริงกะเปลี่ยนไปน่ะ…

นึกให้ออก แล้วขอโทษเธอให้ถูกเรื่อง…

 

“ก็ฉันน่ะ… ชอบฟิลิสจังมาตลอดไงเล่า!!”

 

……หา?

 

TN: ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r

[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

Score 10
Status: Completed
เซนโจ โยนะ เด็กหญิงที่ถูกกลั่นแกล้งอย่างหนัก ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุแก๊สระเบิด หลังจากนั้น ด้วยความช่วยเหลือของเทพชั่วร้าย อิซึสึ เธอก็ได้มาเกิดใหม่เป็นลูกสาวของผู้นำเผ่าแวมไพร์ [ลีน บลัดลอร์ด] ชีวิตอันสงบสุขกำลังรอเธออยู่ รายล้อมไปด้วยครอบครัวและเพื่อนพ้องที่รักเธอ สิ่งที่เธอต้องการมาโดยตลอดจากชาติก่อน ... แต่เวลาเหล่านั้นก็ต้องสิ้นสุดลง จากการกวาดล้างเผ่าพันธุ์แวมไพร์ด้วยน้ำมือของพวกมนุษย์อย่างไร้เหตุผล “อา เข้าใจแล้ว ชีวิตของฉันต้องพังทลายเพราะว่ามีพวกมนุษย์อยู่งั้นสินะ” อีกด้าน มีเด็กสาวที่ถูกมองเป็นตัวน่ารำคาญในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เธอได้รับ [คุณสมบัติของผู้กล้า] พร้อมทั้งพรสวรรค์และศักยภาพอันล้นเหลือ แต่จิตใจของเธอกลับถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของพวกมนุษย์ เพื่อล้างสมอง และเปลี่ยนเธอเป็นอาวุธมีชีวิต “จริงๆ แล้ว...ไม่อยากปกป้องพวกมนุษย์ซักหน่อย เราไม่ได้อยากเป็นผู้กล้า…” และพวกเธอผู้เกลียดชังต่อมนุษย์ ก็กลายมาเป็นภัยพิบัติต่อมนุษยชาติ นี่คือเรื่องราวของเด็กสาว 2 คนที่ชีวิตต้องถูกทำลายด้วยน้ำมือของมนุษย์ และสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไป เหลือเพียงแค่ชีวิตของตัวเอง และพวกเธอจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อล้างแค้นและกวาดล้างมนุษยชาติให้สิ้น

Options

not work with dark mode
Reset