“{อิมมอร์ทัลแฟลร์ (เพลิงไร้วันดับมอด)}! {กราวิตี้เบลด (คมดาบแรงโน้มถ่วง)}! {เบรคเลเซอร์ (ลำแสงทำลายล้าง)}!”
ไฟสีฟ้าลุกขึ้นมา คมดาบบินฉวัดเฉวียนเหมือนไอความร้อน และลำแสงสีแดงพุ่งลง แตกกระจายเมื่อถูกเป้าหมายที่ยิงใส่
“อ๊าฮ่าฮ่าฮ่า!! จะมาขัดขืนชั้นน่ะ มันยังเร็วไป 600 ปี!!”
“วะฮะฮะฮะฮะฮ่า! ไม่เลวเลยนี่นา ฟราน! เอาอีกสิ! ยิงเข้าไปอีกโลด!!”
“ด- เดี๋ยวสิ… ใจเย็นๆ ก่อนนะ ทั้ง 2 คน…”
ทั้งเวทมนตร์ของฟรานกับเวทมนตร์ของฉันระเบิดไฟไปทั่วและทำลายพื้นที่รอบข้างจนราบคาบ
ฉันก็เปลี่ยนเป็นเข้าต่อสู้ระยะประชิดบ้างเป็นครั้งคราว แล้วก็เข้าไปอัดศัตรูจนยับเลย
ฟรานก็จ้องไปที่ศัตรูด้วยสายตากระหายการต่อสู้ และแม้แต่ตอนนี้ เธอก็สาดเวทมนตร์ระดับสูงลงมาทั่วบริเวณกว้างด้วย
“เอาล่ะ เข้ามาเลย! เจ้าพวกสัตว์อสูร!! จะมากันกี่ร้อยตัวก็มาคณนามือฉันกับฟรานหรอกน่า!!”
“ไม่ปฏิเสธเลย――!!”
“ก็บอกว่า ให้ใจเย็นๆ ก่อนไงเล่า! ทั้ง 2 คน!”
พวกเรากำลังอยู่ระหว่างถูกโจมตีจากฝูงสัตว์อสูรพอดี
เป็นสัตว์อสูรรูปร่างคล้ายไฮยีน่าประมาณ 20 ตัว แถมพวกมันก็ไม่ใช่พวกปลาซิวปลาสร้อยเลยด้วย
มันควรจะหายากเลยนะที่จะได้มาเจอสัตว์อสูรในที่แบบนี้ได้น่ะ นี่แสดงว่า ฟรานเป็นตัวดึงความโชคร้ายเข้ามาจริงๆ สินะเนี่ย?
ตอนแรกฉันนึกว่าพวกเราแค่โดนยัดเด็กสาวกับระเบิดติดมากับพวกเราด้วยซะอีก… จนกระทั่งเวทมนตร์ของฟรานระเบิดออกนี่แหละ
จริงๆ แล้ว พรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ของฟรานน่ะสุดยอดไปเลยล่ะ
ทักษะของเธอน่ะ เก่งกว่าฉันซะอีก อยู่ในระดับที่แม้แต่อัจฉริยะอย่างฉันยังหลงใหลในทักษะระดับนั้นเลยล่ะ
ด้วยเวทมนตร์นั่น พวกสัตว์อสูรก็โดนซัดกระเด็นกระดอน ถูกไล่ต้อน และก่อนที่ฉันจะทันรู้ตัว ฉันก็เข้าไปร่วมวงไล่ตามพวกสัตว์อสูรที่พยายามจะหนีไปด้วยอีกคนนึง
พูดง่ายๆ คือ ทั้งฉันทั้งฟรานกำลังคึกสุดๆ เพราะเห็นความสุดยอดในความสามารถของแต่ละฝั่งล่ะนะ
ฉันจัดการสัตว์อสูรตัวสุดท้ายลงเรียบร้อย เก็บวัตถุดิบและเนื้อจากพวกมันมาจนหมด และส่งให้ริงกะช่วยเริ่มนำไปย่างให้ที
“วะฮะฮะฮะฮ่า! ฟราน! ฉันเข้าใจเธอผิดไปนะเนี่ย! ไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะใช้เวทมนตร์ขนาดใหญ่อย่างเท่ระดับนั้นได้ด้วยน่ะ! ถ้ามีสัตว์อสูรโผล่มาอีกล่ะก็ โชว์เวทอลังๆ แบบนั้นให้ดูอีกซักหน่อยนะ!!”
“ฟิลิสเองก็เหมือนกันนะ! เธอก็ใช้เวทมนตร์ได้ดีเลยเหมือนกันนะ! ถึงจะไม่เท่าชั้นก็เถอะ แต่ทั้งการต่อยการเตะของเธอเนี่ยแข็งแกร่งสุดๆ ไปเลยนะ!! อะฮะฮะฮ่า! อยากรู้จังว่ายังมีสัตว์อสูรเหลืออีกมั้ยน้า~!”
“ส- สองคนนี้จะแปลกกันเกินไปแล้วนะ… แรงกดดันรอบๆ ก็ชักจะแปลกซะแล้วสิ…”
ริงกะ พูดอะไรเสียมารยาทแบบนั้นเล่า
เวทมนตร์นั่นของฟรานมันสุดยอดจริงๆ นี่นา ฉันต้องเรียนรู้เอาไว้ซักหน่อยแล้วสิ
ในฐานะอัจฉริยะแล้ว ฉันรู้ดีถึงความสำคัญของทักษะ [การซึมซับจากผู้อื่น] ยังไงล่ะ
“คิดว่าไงล่ะ ฟราน เธออยากจะออกเดินทางมาพร้อมกับพวกเราแบบนี้ต่อมั้ยล่ะ? ฉันยินดีมากเลยนะ”
“เอ๋!?”
“อืม… ไม่รู้เหมือนกันว่าจะสลัดปะป๊าหลุดหรือเปล่าน่ะสิ… ต่อให้ชั้นบอกว่าจะข้ามพรมแดนไปกับพวกเธอด้วย ชั้นก็คงโดนขังไว้ไม่ให้ออกไปได้หรอก…”
“อืม เธอก็เป็นเจ้าหญิงของเอลฟ์ด้วยนี่เนอะ นั่นคือการที่มีตำแหน่งติดตัวสินะ อื้อ”
“เอลฟ์น่ะมีระบบสืบสายเลือด ไม่เหมือนกับแวมไพร์น่ะ เอาเถอะ ยังไงชั้นก็ไม่ได้อยากเป็นราชินีอยู่แล้ว ชั้นกะจะยกให้น้องสาวของชั้น เทียน่า เป็นคนรับตำแหน่งไปน่ะ อ๊ะ เรื่องนี้อย่าเอาไปพูดต่อล่ะ”
“ป- เป็นอิสระจังเลยนะ ฟรานจัง… ว่าแล้วเชียว ฟรานจังกับฟิลิสจังน่ะคล้ายกันจริงๆ นั่นแหละ…”
“อะ! มองเห็นแล้วล่ะ! ไม่ผิดแน่! นั่นแหละ! เมืองของเผ่ามนุษย์มังกรล่ะ!”
พอได้ยินเสียงของริงกะแล้ว ฉันก็มองเห็นเมืองนึงอยู่ไกลๆ
มีแต่มนุษย์มังกรอยู่ทั่วเลย เพราะงั้นไม่ผิดแน่นอน
“ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นเลยนะ อย่างที่เคยคุยกันไว้นะ ฟราน อย่าสร้างปัญหาอะไรล่ะ ตกลงมั้ย?”
“อะฮะฮะ รู้แล้วน่า!”
“ให้ตายสิ… ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
“ขอพูดแบบเดียวกันหน่อยนะ เพราะฟิลิสจังเองก็เหมือนกัน เนอะ?”
“ไม่ๆ นี่พูดเรื่องอะไรอยู่น่ะ ริงกะ ฉันน่ะนะ…”
“ เพราะ ฟิ ลิส จัง เอง ก็ เหมือน กัน เนอะ ? ”
“…ค่ะ”
…ฉันต้องห้ามลืมว่า ฉันจะไม่ควรจะขัดใจริงกะเด็ดขาด
พอผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองและเข้ามาภายในเมืองแล้ว ฉันก็ตะลึงไปนิดนึงกับระดับวิทยาการในการก่อสร้างที่สูงจนน่าตกใจเลยล่ะ
ทิวทัศน์เมืองที่สร้างขึ้นจากหิน ดูแล้วสัมผัสได้ถึงความวิจิตรศิลป์เลยล่ะ
“อุหวาาาา――! สุดยอดดดด――! เท่ระเบิด!”
“ด- เดี๋ยวสิ! ฟรานจัง! ใจเย็นก่อนนะ!”
“ริงกะ ช่วยทีสิ มาช่วยกันจับเอาไว้ก่อนเร็ว”
พวกเรามุ่งหน้าไปที่ใจกลางเมือง ที่ที่ผู้นำของเผ่ามนุษย์มังกร จักรพรรดิมังกร อาศัยอยู่ โดยที่หนีบฟรานเอาไว้ด้วยแขนของฉัน
“หือ? …พวกเธอเป็นใครน่ะ?”
“ฟราน ฟอเรสเตอร์ เจ้าหญิงแห่งเผ่าเอลฟ์ และแวมไพร์ผู้คุ้มกัน 2 คน”
“พวกเธอ! ฟราน ฟอเรสเตอร์งั้นเหรอ!”
“……ทำไมทหารคุ้มกันต้องกันผู้ว่าจ้างออกไปด้วยล่ะเนี่ย?”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันกดเจ้าหญิงบ้านี่เอาไว้ไม่ให้ทำอะไรโง่ๆ แล้วล่ะ”
“…น- นั่นสินะ…”
พวกทหารคุ้มกันถอยกลับไปเล็กน้อย แต่ยังไงก็ตาม เราก็ยื่นใบรับรองให้เขาไป แล้วเขาก็ให้พวกเราผ่านมาได้เลย
หลังจากที่รอในห้องนั่งเล่นอยู่ครู่นึง ประตูก็เปิดออก และเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนนึงที่ตรงข้ามกับผู้ชายตัวยักษ์ที่เดินตามเข้ามานั่นทุกอย่างเลย
“พวกเธอคือคณะผู้ส่งสารจากเผ่าเอลฟ์สินะ ขอต้อนรับสู่เมืองของเผ่ามนุษย์มังกร เราคือจักรพรรดิมังกร เวอร์กา ดราเกรย์ ครั้งนี้ พวกเธอช่วยเราไว้ได้มากจริงๆ นะ เราขอขอบใจพวกเธอมาก”
“ไม่หรอกค่ะ พวกเราเป็นแค่ผู้คุ้มกันเท่านั้นเอง”
“หืม หาได้ยากจริงนะที่มีแวมไพร์เป็นคนคุ้มกันน่ะ เอลฟ์กับแวมไพร์ได้ติดต่อกันแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
“ยังค่ะ พวกเรา 2 คนแค่ออกเดินทางกันเท่านั้นเอง… เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมฉันถึงเป็นคนตอบล่ะเนี่ย… ฟรานจัง นี่เป็นหน้าที่ของเธอนี่ เธอเป็นเอลฟ์ไม่ใช่เหรอ”
“เอ๋? ก็ชั้นไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีตอนที่มาอยู่ที่นี่นี่นา!”
“เฮ่ จะดีเหรอที่เชื้อพระวงศ์ของเอลฟ์เป็นแบบนี้น่ะ”
ไม่สิ… กรณีแบบนี้ เธอควรจะตอบว่า ‘ชั้นรู้อยู่แล้ว แต่ชั้นจะไม่ทำหรอกนะ’ ถึงจะถูกไม่ใช่เหรอ
“ฮ่าฮ่าฮ่า เรื่องแค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอกนะ เรื่องที่องค์หญิงคนโตของเผ่าเอลฟ์มีนิสัยอย่างไร เป็นเรื่องที่ค่อนข้างเป็นที่เลื่องลืออยู่พอควรเลยล่ะนะ”
เป็นคนดังแล้วนะเนี่ย ดีจังนะ ไม่เป็นไรนะ เอลฟ์ทุกคน
“ถ้างั้น… ขอเราดูของที่พวกเธอนำมาด้วยได้หรือเปล่า?”
“อะ ค่ะ นี่ค่ะ”
พอฉันยื่นเมจิกไอเท็มสำหรับเก็บของให้จักรพรรดิมังกร ท่านก็ตรวจดูสิ่งที่อยู่ภายใน และจากนั้นไม่นาน
“อื้อ เยี่ยมเลยนะ ขอบใจพวกเธอจริงๆ ตอนนี้ มเหสีของเราต้องอาการดีขึ้นอย่างแน่นอน”
แล้ว เขาก็พูดออกมา พร้อมถอนหายใจด้วยความโล่งใจเลย
“ถ้าอย่างนั้น วันนั้นก็ค้างคืนเสียที่นี่สิ เราสั่งให้เตรียมห้องสำหรับพวกเธอไว้ที่นี่แล้ว… ฝากเธอนำทางให้พวกแขกด้วยนะ”
“รับทราบค่ะ”
เด็กผู้หญิงตัวเล็กคนนั้นที่ยืนอยู่ข้างหลังจักรพรรดิมังกรอยู่ตลอดเวลาพยักหน้ารับคำสั่งของจักรพรรดิมังกร แล้วก็เดินตรงเข้ามาหาพวกเรา
อายุซัก… 10 ขวบได้มั้ยนะ ทำไมเด็กคนนี้ถึงอยู่กับจักรพรรดิมังกรได้ล่ะเนี่ย?
“น- น่ารักจังเลย…”
“อย่าดูถูกจากรูปลักษณ์ภายนอกจะดีกว่านะ แม้เด็กคนนั้นจะเด็กอย่างที่เห็นภายนอกก็จริง แต่เธอเป็นจอมเวทย์ผู้คุ้มครองที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่ามนุษย์มังกรเลยล่ะ เป็นอัจฉริยะที่อยู่ในตำแหน่งลำดับที่ 3 กองอัศวินมังกรเวทมนตร์เชียวนะ”
“เอ๋”
แบบนี้นี่เอง
อัจฉริยะในหมู่มนุษย์มังกรงั้นเหรอ ขนาดยังเด็กอยู่เลย ก็เป็นกองกำลังอัศวินแล้ว โลกนี้ช่างกว้างใหญ่จริงๆ เลยนะ
“ต- แต่ว่า ก็ยังน่ารักมากอยู่ดีนั่นแหละ…”
“…เธอคนนั้น ไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ?”
“ไม่เป็นอะไรหรอก ฉันแค่ชอบของน่ารักๆ มากเลยก็เท่านั้นเองแหละ”
ห้องของเธอมีตุ๊กตาสัตว์ยัดนุ่นทำมืออยู่เต็มห้องเลยนี่นะ
ขนาดตอนที่เธอเจอเทียน่าในหมู่บ้านเอลฟ์น่ะ เธอคงเข้าไปลูบหัวแล้วสินะถ้าฉันไม่ตื่นอยู่น่ะ
“ยินดีที่ได้รู้จักกับพวกคุณนะคะ ดิฉันจะให้การช่วยเหลือในการนำทางให้กับพวกคุณเองค่ะ”
“ว้าว! พูดจาสุภาพมากเลย!”
“เทียน่าของชั้นน่ะพูดสุภาพกว่าอีกนะ!”
“ไม่ต้องมาทำตัวเป็นซิสค่อนในเรื่องแปลกๆ แบบนี้สิ!”
“เรียกดิฉันว่าฟลูเรเทียได้เลยค่ะ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
TN: …ครับ นี่คืออาเจ๊ฟลูเรเทีย คนเดียวกับที่อัดลีนกับโยมิคนนั้นจริงๆ ครับ สมัยยังละอ่อนล่ะเนอะ 555
ย้อนอดีตมานาน ทุกคนอาจคิดถึงสมัยปัจจุบันก็ได้ เพราะงั้นก็จะมีตอนพิเศษคั่นซักตอนนะครับ
ป.ล. ถึงจะบอกว่าเป็นตอนพิเศษ แต่ทุกเหตุการณ์ก็อยู่ในเนื้อเรื่องหลักเหมือนกันนะครับ
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r