“…คราวนี้ ลูกสาวบ้าของเราทำอะไรเสียมารยาทไปจริงๆ เลยนะ”
“ม- ไม่หรอกค่ะ! พวกเราเองก็มีส่วนเหมือนกันค่ะ”
“นั่งไง ริงกะเองก็พูดแบบนั้นเหมือนกัน เพราะงั้นวันนี้ก็ล้างทิ้งไปเนอะ-… โอ้ย! เจ็บ!?”
“หัดสำนึกซะบ้าง! เจ้าลูกบ้านี่!”
สมองของฟรานถูกกระแทกอย่างจังด้วยหมัดเหล็กของราชาเอลฟ์เลย
“แกนี่จริงๆ เลยนะ… ทำไม! ทำไมแกถึงขยันสร้างแต่ปัญหาซะทุกครั้งที่ก้าวเท้าออกไปจากปราสาทได้แบบนี้กันฮะ! ครั้งนี้ ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา มันส่งผลถึงความสัมพันธ์ระหว่างเผ่าพันธุ์ได้เลยนะรู้ตัวมั้ย!?”
ฉันคิดว่าฉันคงทำอะไรซักอย่างพลาดไปซะแล้วสิ ถึงจะเป็นเรื่องจริงที่พวกเขาจับสายเลือดของราชาแวมไพร์เข้าคุก แต่ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าพวกเราแวมไพร์ที่มีจำนวนประชากรแค่ไม่เท่าไหร่ จะไปสร้างความเสียหายอะไรกับเอลฟ์ได้กันนะ ถ้าผลที่ตามมาจะน่ารำคาญขนาดนี้ คราวหน้า ฉันจะไม่พูดแบบนี้อีกแล้วล่ะ
“คราวนี้ ก็หัดสงบๆ ลงซะบ้างล่ะ! สมองที่แล่นเร็วเป็นกรดของแกมันมีปัญหาอะไรหรือไง!! หัดเรียนรู้จากเทียน่าซะบ้าง!!”
“แต่ว่า! แต่ว่า ชั้นเกลียดการต้องถูกขังอยู่แต่ในปราสาททั้งปีนี่นา!! ไม่เหมือนคนชอบอยู่ติดบ้านเหมือนปะป๊าซักหน่อย! ชั้นชอบออกไปข้างนอกแล้วเที่ยวเล่นนี่นา!! อีกอย่าง ชั้นใช้เวทมนตร์ได้ดีกว่าเทียน่าอีกไม่ใช่หรือไงเล่า!! ช่วงที่ชั้นอายุประมาณเทียน่า ชั้นก็วิวัฒนาการเป็นไฮเอลฟ์ไปแล้วนะคะ!!”
“…ไม่รู้ทำไม ฉันถึงถูกท่านพี่พูดวิจารณ์แบบนี้จนเป็นเรื่องปกติไปแล้วล่ะค่ะ”
“พ่อไม่ได้พูดถึงเวทมนตร์ไง!! อ่า ใช่ ลูกน่ะเป็นอัจฉริยะเลย!! ถ้าเป็นเรื่องเวทมนตร์น่ะ พ่อยอมรับเลยว่าลูกน่ะเก่งที่สุดในเผ่าแล้ว!! ถ้างั้น ทำไมถึงชอบสร้างปัญหานักล่ะฮะ!? เข้าใจไว้เลยนะว่า ไม่มีอะไรรับมือยากเท่าอัจฉริยะสติเฟื่องแล้วน่ะ! เจ้าลูกบ้า!!”
หลังจากนั้น การตีกันระหว่างพ่อ-ลูกก็ดำเนินต่อไปอีกซักพักนึง
ริงกะกับฉันที่ถูกดีดออกมานอกวงซะแล้ว ตอนนี้เราก็กำลังจิบชาอยู่กับลูกสาวคนรอง เทียนา ราวกับไม่สนใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
…แต่ว่า นี่อะไรกันนะ? ทำไมรู้สึกเหมือนฉากตรงหน้านี่มันคุ้นๆ ยังไงไม่รู้
เหมือนฉันเคยเห็นอะไรคล้ายๆ แบบนี้มาก่อนเลยนะ
อืมมม มันคืออะไรกันนะ? …ไม่หรอก ฉันว่าถ้าฉันไม่ได้เข้าใจผิดล่ะก็ อัจฉริยะอย่างฉันจะจำเรื่องพวกนี้ไม่ได้งั้นเหรอ อาจจะเป็นอะไรที่เขาเรียกกันว่าเดจาวูก็ได้นะ
“นี่ ฟิลิสจัง”
“หือ?”
“บางที ตอนทีฉันเห็นการทะเลาะกันระหว่างราชาเอลฟ์กับฟรานจัง ฉันก็คิดอะไรขึ้นมาได้อย่างนึงน่ะ”
“อะไรเหรอ?”
“ฟรานจังน่ะ เหมือนฟิลิสจังเลยนะ”
“อึก!?!?”
“…เราแสดงด้านที่น่าละอายให้พวกเธอเห็นเสียได้นะ”
“…ไม่หรอกค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ…”
ฉันที่ถูกคำพูดโหดร้ายของริงกะทำร้ายจิตใจมา พูดตอบราชาเอลฟ์ที่เพิ่งใช้กำลังกายไปจนเกลี้ยงกับฟรานมา
ในห้องตอนนี้เลยปกคลุมไปด้วยบรรยากาศแปลกๆ
จะว่าไป เหมือนฟรานจะโดนพ่อของเธอที่สุดจะทนซัดจนสลบเหมือดไปแล้ว
“อะแฮ่ม! …เช่นนั้นแล้ว มีเหตุผลหนึ่งที่ต้องรบกวนให้พวกเธอมาที่นี่ในวันนี้น่ะ เราได้ยินจากฟรานว่าพวกเธอ 2 คนออกจากหมู่บ้านแวมไพร์มา และกำลังเดินทางท่องเที่ยวด้วยกันอยู่อย่างนั้นสินะ”
“อะ ค่ะ ถูกต้องค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น จริงๆ แล้ว เรามีคำร้องขออยากให้พวกเธอ 2 คนช่วยเหลือเรื่องหนึ่งน่ะ”
“คำร้องขอเหรอคะ?”
“อา คำร้องขอ เป็นการส่งของน่ะ… แน่นอน พวกเราจะจ่ายค่าตอบแทนให้ล่วงหน้าเลย อีกฝ่ายนึงก็ต้องขอบคุณพวกเธอด้วยอย่างแน่นอน เพราะอย่างนั้นคงไม่มีปัญหาหรอกนะถ้าพวกเธอจะรับไปก่อนครึ่งหนึ่งแล้ว”
“…เงื่อนไขไม่เลวเลย แต่คงต้องขึ้นกับว่าจะฝากให้เราเอาอะไรไปส่งล่ะนะ ถ้าออกมาเป็น [สมบัติลับประจำราชวงศ์ที่ถูกส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น] หรืออะไรแบบนั้นล่ะก็ ขอปฏิเสธทันทีเลยนะคะ”
“ไม่ต้องกังวลกันไปหรอก ของที่จะให้ไปส่งก็คือผักผลไม้สดที่ปลูกและโตอยู่ที่นี่นี่แหละ ท่าทางภรรยาของทางนั้นจะล้มป่วยน่ะ ดูเหมือนเขาจะต้องการอาหารบำรุงร่างกายเพื่อช่วยในการรักษาตัวล่ะนะ”
แบบนี้นี่เอง
ถ้าแบบนี้ล่ะก็ ดีกว่ากันเยอะเลย
ฉันหันไปมองริงกะ ซึ่งเธอก็พยักหน้ารับเหมือนกัน งั้นก็ตัดสินใจล่ะ
“จะว่าไป แล้วอีกฝ่ายนึงที่ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนงั้นเหรอคะ?”
“เมืองของเผ่ามนุษย์มังกรน่ะ”
เผ่ามนุษย์มังกรเหรอ?
ไม่ช้าก็เร็ว นั่นก็เป็นเมืองที่พวกเราวางแผนจะไปอยู่แล้วด้วย ไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธเลยล่ะ
“เข้าใจแล้วค่ะ พวกเราตกลงรับคำร้องขอนี้ค่ะ”
“ช่วยได้มากเลย… แบบนั้นดีแล้วจริงๆ เหรอ?”
“เอ๊ะ? ค่ะ ดีแล้วค่ะ”
“พูดแล้วไม่มีสิทธิ์คืนคำนะ? ด้วยเกียรติของเผ่าแวมไพร์แล้ว พวกเธอสาบานว่าจะรับคำร้องขอในครั้งนี้ได้หรือเปล่าล่ะ?”
“เอ๊ะ… ค- ค่ะ…”
ฉันอยากจะถอนคำพูดที่เคยคิดไว้ก่อนหน้านี้เลย ชักรู้สึกไม่ดีจนเหมือนจะต้องปฏิเสธคำร้องขอในครั้งนี้เลยแฮะ
และลางสังหรณ์นั้นก็
“งั้นเหรอ งั้นเหรอ เราถือว่าพวกเจ้ารับคำร้องขอในครั้งนี้นะ! ขอโทษพวกเธอด้วยแล้วกัน! อา นี่คือแผนที่ของโกดังที่เก็บของที่จะฝากพวกเจ้าไปส่งตั้งอยู่ พวกเรามีเมจิกไอเท็มสำหรับเก็บของด้วย เพราะฉะนั้น พวกเธอก็นำไปด้วยก็แล้วกันนะ”
“ค- ค่ะ…”
“โอ้ แล้วก็ พวกเธอเป็นแวมไพร์ ถ้าเกิดคำร้องขอความช่วยเหลือถูกส่งมาให้กับทางเอลฟ์ แล้วแวมไพร์เป็นคนเอาของมาส่งล่ะก็ ทางมนุษย์มังกรอาจจะหวาดระแวงก็ได้ ถ้าอย่างนั้น เราจะให้เอลฟ์ซักคนหนึ่งเดินทางร่วมไปกับพวกเธอด้วยก็แล้วกันนะ”
“เอ๊ะ อะ นั่นสินะคะ ขอรบกวนด้วยนะคะ”
“อื้มมม! แต่ว่า เอลฟ์ทุกคนก็ยุ่งกับงานกันอยู่ด้วยสิ! อ้า! ทำยังไงดีนะ!! ไม่มีใครที่ว่างอยู่บ้างหรือไงนะ… อ้อ จริงสิ!? ที่นี่ก็ยังมีอยู่นี่นา คนที่วันๆ เอาแต่กินกับนอน แล้วก็ก่อปัญหาไปทั่วจนเหมือนเป็นกิจวัตรประจำวัน แต่ก็ยังเป็นเผ่าเอลฟ์อยู่น่ะ!?”
“เอ๋ อะ ค- ค่ะ …เอ๊ะ?”
“เฮ่! ฟราน! เวลาที่ในที่สุดแกจะได้ทำตัวเป็นประโยชน์กับคนอื่นก็มาถึงซักทีนะ!! รีบไปที่เมืองของเผ่ามนุษย์มังกรด้วยล่ะ!!”
เคยทายพลาดซะทีไหนหล้า ลางไม่ดีอย่างที่คิดเลย
“ให้ตายสิ! ปะป๊าใจร้ายที่สุดเลย! ใช้เวทมนตร์ใส่ลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองเนี่ยนะ!!”
“อ- อะฮะฮะ…”
“เกิน 90% เธอทำตัวเองทั้งนั้นเลยนะนั่นน่ะ”
นี่มันอะไรกันเนี่ย
ตอนนี้ ริงกะกับฉันกำลังเดินทางออกจากหมู่บ้านเอลฟ์ และมุ่งหน้าไปที่เมืองของเผ่ามนุษย์มังกร
…โดยพาฟรานมาด้วย
จากที่ฉันได้ยินมา ดูเหมือนจะเป็นแผนที่ต้องการให้พาฟรานมาที่เมืองของเผ่ามนุษย์มังกรมาตั้งแต่แรกแล้วด้วย
คงจะเป็นเรื่องที่ดีถ้าเกิดฟรานได้ความสำรวมมาบ้างจากเดินทางในครั้งนี้ และถึงจะไม่ได้อะไรแบบนั้นกลับมา อย่างน้อย นี่ก็จะเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีครั้งหนึ่ง
การคำนวณที่พลาดไปของราชาเอลฟ์คือข้อมูลที่ว่า [i]‘ฟรานจะไปในงานครั้งนี้ด้วยโดยไม่มีข้อยกเว้น’[/i] รั่วไหลไปจากทางไหนไม่รู้
เพราะแบบนั้น ถึงแม้ว่าจะมีค่าตอบแทนสูง แต่เหมือนจะไม่มีใครกล้ารับคำร้องขอนี้เลย
นี่เด็กคนนี้เป็นตัวปัญหาขนาดไหนกันล่ะเนี่ย
“…ว่าแล้วเชียว ฟรานจังกับฟิลิสจังน่ะเหมือนกันจริงๆ นั่นแหละ”
“หยุดเลยนะ! ไม่ว่าฉันจะก่อเรื่องไว้ขนาดไหน ก็ไม่หนักเท่านี้แน่นอนล่ะ!!”
ไม่หรอก… เอาเถอะ ยังไงเด็กคนนี้ก็ยังเป็นที่รักอยู่ด้วยเหตุผลบางอย่างล่ะนะ
ถึงเธอจะเป็นเชื้อพระวงศ์ แต่เธอก็ปฏิบัติต่อคนธรรมดาโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง และยังเป็นคนร่าเริงและมีบรรยากาศที่ไร้เดียงสาออกมาเสมอ ถึงมันจะทำให้ราชาเอลฟ์ต้องกุมหัวเลยก็เถอะ แต่ถ้ามองจากมุมของเอลฟ์ทั่วๆ ไปล่ะก็ เธอก็เป็นแค่เด็กน่ารักคนนึงเท่านั้นเอง
แต่ ถ้าเกิดถามเรื่องความสามารถในการดึงปัญหาให้เข้ามาหาตัวเองอย่างเป็นธรรมชาตินั่นล่ะก็ นั่นก็เป็นอีกเรื่องนึงล่ะนะ
“เอาเถอะ ยังไงตอนนี้พวกเราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว! ฝากตัวด้วยนะทั้งสองคน!”
“อื้อ! ฝากตัวด้วยนะ!”
…ปัญหาอีกข้อคือ ดูเหมือนริงกะจะถูกใจยัยนี่ด้วยสิ
ฉันรู้ปัญหาของยัยนี่แล้วหลังจากเรื่องเมื่อวาน ถึงยังไง ฉันก็ได้เจอประสบการณ์ที่ไม่อยากได้ยินมันอีกไปชั่วชีวิตในตอนท้ายสุด อย่างโดนโยนเข้าซังเตแบบนั้นน่ะ
พูดตามตรง ถ้าพวกเราจะไปเจอเรื่องสุดเลวร้ายระหว่างการเดินทางนี่ ฉันก็จะไม่แปลกใจเลย
ถึงยังไง ถ้าเกิดริงกะสนิทกับยัยนี่แล้ว ฉันก็คงแอบส่งเธอกลับแล้วเปลี่ยนเอาเอลฟ์คนอื่นมาแทนไม่ได้ล่ะนะ
“…น่าเป็นห่วงจริงๆ”
“หือ? เมื่อกี้พูดอะไรหรือเปล่า? ฟิลิสจัง”
“…เปล่า ไม่มีอะไรหรอก”
ริงกะ… เธอจะนุ่มนิ่มเกินไปแล้วจริงๆ นะ…
เมื่อไม่นานมานี้ ฉันก็รู้สึกว่าบุคลิกของตัวเองค่อยๆ เข้าร่องเข้ารอยมาบ้างแล้ว ก็เป็นผลจากริงกะนี่แหละ จากนิสัยความเอาการเอางานของเธอเลย
ไม่สิ ฉันซาบซึ้งมากเลยที่เธอคอยช่วยดูแลเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ให้ฉันมาตลอดเลยระหว่างที่เราเดินทางกันอยู่นี่ ฉันบอกเธอไม่ได้หรอกว่าฉันพึ่งพาเธอถึงระดับที่ว่าฉันคงตายไปแล้วแน่ๆ ถ้าเกิดไม่มีเธอคอยอยู่รอบๆ แบบนี้อีกแล้วน่ะ
“…ยังไงก็นะ ฟราน ถือว่าฉันขอล่ะ อยู่สงบๆ ด้วยนะ ตกลงมั้ย? อย่าสร้างปัญหาอะไรนะ?”
“อะฮะฮะฮะฮ่า ฟิลิส ทำไมพูดอะไรแปลกๆ แบบนั้นล่ะ! ชั้นน่ะสงบอยู่เสมอนั่นแหละ!!”
“กล้าพูดนี่!!”
พวกเราออกเดินทางไปยังเมืองของเผ่ามนุษย์มังกร พร้อมกับความกังวลที่สูงแทบทะลุปรอทเลย
TN: มนุษย์มังกรเหรอ ว้าว แทบไม่ต้องเดาเลยเนอะว่าพวกฟิลิสกำลังจะไปเจอใคร ว่ามั้ยครับ
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r