นี่ฉันไม่ได้ขอโทษด้วยเสียงจริงจังขนาดนี้มานานกี่ปีแล้วนะเนี่ย
เป็นตอนนั้นหรือเปล่านะ? ตอนที่เผลอทำกรงจิ้งหรีดที่ริงกะรักมากตก แล้วมันก็บินหนีไปน่ะ?
“…เพราะผลของการอวยพรจากดวงจันทร์หมดลงไปพอดี และเหล่าอัศวินเวทมนตร์ภายใต้การบัญชาของท่านราชาเอลฟ์ก็มาถึงเร็วด้วย ความเสียหายเลยแทบไม่มีเลย…ก็นะ แต่จะปล่อยพวกเธอออกไปเลยก็คงไม่ได้ พวกเราก็เลยเอาตัวพวกเธอมาขังเอาไว้ที่นี่ก่อน”
“…แสดงว่าฉันต้องนอนกินข้าวแดงอยู่ในนี้ไปซักพักนึงเลยสินะ?”
“นั่นยังอยู่ระหว่างการพูดคุยกันอยู่น่ะ แต่ว่า ฉันได้ยินว่าพวกเธอถูกท่านฟรานบังคับให้ตามไปด้วยนี่ เพราะงั้น ก็คงไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นหรอก”
งั้นเหรอ โล่งอกไปที
ฉันน่ะจะยังไงก็ได้ แต่ไม่ว่ายังไง ฉันก็ไม่ปล่อยให้ริงกะต้องมานอนอยู่ในคุกแบบนี้หรอก
“…แสดงว่า เด็กผู้หญิงคนนั้น ก็เป็นเจ้าหญิงเอลฟ์จริงๆ สินะ”
“โอ้ ท่านฟราน ฟอเรสเตอร์ พระราชธิดาองค์โตของราชาเอลฟ์องค์ปัจจุบัน ท่านอัสโตรม ฟอเรสเตอร์… ท่านค่อนข้างมีนิสัยห้าวคล้ายกับเด็กผู้ชาย และยังเป็นบ-… เป็นคนก่อปัญหาในปราสาทไว้ไม่น้อยเลย แต่ท่านก็ยังเป็นองค์หญิงของพวกเราน่ะ… แถมแม้ว่าพระราชธิดาองค์รองจะเป็นคนเงียบๆ แต่พวกเราก็มีปัญหากับท่านเหมือนกัน”
“เมื่อกี้นายกำลังจะพูดว่าเป็นบ้าใช่มั้ย?”
“ไม่ได้พูดเลยครับ”
“นายกำลังจะพูดแน่ๆ”
เอาล่ะ จะทำยังไงดี
มันเป็นความผิดของฉัน… ไม่สิ ก็ ถ้าพูดกันอย่างไม่ลำเอียงแล้วเนี่ย ก็น่าจะเป็นความผิดของฉันซัก 20% ล่ะนะ เพราะยังไงฉันก็เป็นคนทำร้ายพวกเขาเองนี่
ฟรานเป็นคนบังคับพาพวกเราไปดื่มฉลอง ส่วนริงกะก็จับฉันบังคับให้ดื่มด้วย
แต่ว่า ถึงความเป็นไปได้ที่จะได้รับการปล่อยตัวจะมีสูง แต่ก็คงน่าเศร้ามากน่าดูเลยถ้าต้องมาถูกขังอยู่ในที่แคบๆ แบบนี้นานๆ น่ะ
แล้ว ฉันก็มีความคิดดีๆ ผุดขึ้นมาจนได้
สมกับเป็นอัจฉริยะอย่างฉันจริงๆ ถึงได้มีความคิดสุดบรรเจิดแบบนี้ออกมาได้ในชั่วพริบตาแบบนี้น่ะ
“…เน่ จะว่าไป… คิดดีแล้วเหรอที่ทำแบบนี้น่ะ? ฉันน่ะยังไงก็ได้ แต่ขังริงกะไว้แบบนี้น่ะจะดีเหรอ?”
“หือ? ริงกะที่ว่านี่ หมายถึงเด็กผู้หญิงที่กำลังละเมองึมงำอะไรแปลกๆ อยู่ข้างหลังเธอนั่นน่ะเหรอ?”
“ใช่ หมายถึงคนนี้นี่แหละ บอกให้นายรู้ไว้ก่อนแล้วกัน เธอเป็นบุตรีของราชาแวมไพร์ เป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ของแวมไพร์นะ ถ้าจับเธอมาขังไว้ในที่แบบนี้น่ะ คิดว่าจะไม่เป็นปัญหาระหว่างเผ่าพันธุ์เหรอ? หือ?”
“ว่าไงนะ!? …ม- ไม่ล่ะ ไม่ล่ะ อย่ามาหลอกกันซะให้ยากเลย ก็จริงอยู่นะว่าแวมไพร์ที่ออกเดินทางแบบนี้น่ะหาได้ยาก แต่จะเป็นสมาชิกในราชวงศ์นี่…”
“ริงกะ ริงกะ ตื่นเร็ว”
“หืมมม? …ฟิลิสจัง? อรุณสวัสดิ์นา~”
“อรุณสวัสดิ์ จะนอนต่อก็ได้นะ แต่พูดว่า {สเตตัส} ไว้ทีนึงหน่อยสิ”
“เห? …เข้าใจแล้ว {สเตตัส}… ราตรีสวัสดิ์นา~”
พอเห็นนามสกุล “บลัดลอร์ด” อยู่ในนั้น สีผิวของผู้คุมก็ซีดขึ้นเรื่อยๆ เลย
“จ- จริงเหรอเนี่ย!? …ท- ท- ท- ทำไงดีล่ะ!? ถ้าพวกเขารู้ว่าพวกเราทำอะไรแบบนี้ล่ะก็ ต่อให้เป็นเผ่าพันธุ์แวมไพร์ที่รักสงบก็เถอะ…”
“งั้น นี่เป็นข้อเสนอ โชคดีที่ริงกะยังหลับอยู่ ระหว่างนี้ รีบพาเธอไปห้องดีๆ ซักห้องนึงในปราสาทในฐานะแขกก่อนดีกว่านะ แน่นอนว่าฉันเองก็ไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต เพราะงั้น เรื่องที่พวกเราโดนขังไว้ที่นี่เนี่ย ฉันก็จะเหยียบไว้ให้มิดก็แล้วกัน…ว่าไง? ลองเอาไปคุยกับพวกคนที่ตำแหน่งสูงๆ หน่อยมั้ยล่ะ?”
“ข- เข้าใจแล้ว! ได้ รอหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวฉันรีบกลับไปรายงานก่อน!”
แล้วผู้คุมก็รีบวิ่งออกไป
10 นาทีต่อมา ฉันก็แบกริงกะขึ้นหลังแล้วย้ายไปที่ห้องสุดหรูหราห้องนึงเลย
“หาว… ฟิลิสจัง อรุณสวัสดิ์~”
“อรุณสวัสดิ์ มีมื้อเย็นเตรียมไว้แล้วนะ”
“ขอบใจน้า… ว่าแต่ ที่นี่ที่ไหนน่ะ?”
“ห้องๆ นึงในปราสาทพฤกษาน่ะ พวกเราถูกเรียกมาในฐานะแขก จากเรื่องเมื่อวานนี้น่ะ”
“เรื่องเมื่อวานนี้… เกี่ยวกับฟรานจังสินะ? …อาเระ พอมาคิดๆ ดูแล้ว รู้สึกเหมือนลืมอะไรสำคัญไปเลยนะ…”
“อาจจะคิดไปเองก็ได้นะ”
“อือ~ อาจจะเป็นแบบนั้นล่ะมั้ง~?”
ก็ ที่จริงพวกเราไม่ได้มีระบบราชวงศ์ในหมู่แวมไพร์ เรื่องที่ฉันบอกไปตอนที่อยู่ในคุกนั่น ไม่ว่ายังไงมันก็ไม่เกิดขึ้นหรอก แต่ในเมื่อฉันพูดไว้แล้วว่า ‘จะเหยียบไว้ให้มิด’ เพราะงั้น ฉันก็จะไม่บอกเธอล่ะนะ
ไม่สิ แต่ว่า นี่เป็นห้องที่หรูหรามากเลยนะเนี่ย พูดให้ถูกคือ ฉันแค่ไม่อยากเชื่อเลยว่าตอนนี้ฉันอยู่ในต้นไม้น่ะ
ปราสาทพฤกษา ปราสาทที่ราชาของเผ่าเอลฟ์อาศัยอยู่งั้นเหรอ การที่มีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วยเนี่ย โลกนี้ช่างกว้างใหญ่จริงๆ เลยนะ
พอมองไปทั่วห้องจนเบื่อเลย ฉันก็กำลังผ่อนคลาย จนกระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา
“ขอรบกวนด้วยนะคะ”
เด็กผู้หญิงคนนึงเดินเข้ามาพร้อมกับคนคุ้มกัน
อายุประมาณ… 8 หรือ 9 ขวบล่ะมั้ง เธอมีผมสีบลอนด์สวยแบบเดียวกับฟรานเลย ดูแล้วมั่นใจเลยว่าเธอโตไปต้องเป็นคนสวยแน่นอน
“นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้พบกันสินะคะ องค์หญิงแห่งเผ่าแวมไพร์ ท่านริงกะ บลัดลอร์ด แล้วก็ สหายของท่าน ท่านฟิลิสนะคะ”
“ฟุเอ๊? เออคือ ช- เช่นกันค่ะ”
“ชื่อของฉันคือเทียน่า ฟอเรสเตอร์ ธิดาคนรองขององค์ราชาแห่งเผ่าเอลฟ์ อัสโตรม ฟอเรสเตอร์ค่ะ เรื่องในครั้งนี้ ท่านพี่หยาบคายกับพวกท่านมากทีเดียวเลยสินะคะ”
โอ้ย ยัยฟราน (เด็กบ้า) นั่น แพ้ให้น้องสาวตัวเองในด้านมารยาทกับภาษาที่ใช้อย่างสิ้นเชิงเลยนะเนี่ย นี่เธอเป็นพี่สาวที่มีมารยาทแย่กว่าเด็กตัวเล็กๆ แบบนี้เนี่ยนะ
ไม่สิ เด็กคนนี้ก็สุภาพเกินไปหน่อยด้วยแหละ นี่อายุยังแค่เลขหลักเดียวจริงเหรอเนี่ย?
“อ- เออคือ… ย- ยินดีที่ได้พบนะคะ ฉันริงกะ บลัดลอร์ดค่ะ… เออคือ ต้องขอโทษด้วยนะคะ ฉัน คือ… น่าอายจังเลยที่จะพูดถึงเรื่องเมื่อวานนี้น่ะ”
“ค่ะ ฉันทราบเรื่องแล้วค่ะ เมื่อคืนนี้ ทหารของปราสาทได้พบตัวท่านพี่ฟราน ที่บังคับพาตัวท่านริงกะกับท่านฟิลิสไปดื่มสุราสินะคะ ในตอนที่พวกเราจับตัวท่านพี่กลับมาได้ พวกเราไม่ต้องการทิ้งพวกท่านเอาไว้เช่นนั้น ก็เลยพาตัวมาที่ปราสาทแบบนี้นี่แหละค่ะ”
แบบนี้นี่เอง เหตุการณ์เป็นแบบนี้เองสินะ
ตอนที่ฉันจ้องไปที่เด็กสาวที่ชื่อเทียน่า แหวกผ่านสายตาของพวกคนคุ้มกันไป เด็กคนนั้นก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะเอานิ้วชี้มาไว้ตรงหน้าของตัวเอง บอกให้ฉันเงียบเอาไว้สินะ
“สำหรับในเรื่องนี้ พ่อของฉัน… อัสโตรม ฟอเรสเตอร์ ต้องการจะพบกับพวกท่านทั้งสองค่ะ ขออนุญาตรบกวนด้วยนะคะ?”
เทียน่าพาพวกเราเดินในปราสาท และฉันคิดว่าพวกเราจะไปที่ท้องพระโรงกัน… แต่พวกเรากลับถูกตัวมาที่ที่เหมือนจะเป็นห้องรับรองมากกว่าแทน
หลังจากที่รออยู่ไม่นาน ประตูก็ถูกเปิดออก และมีผู้ชายคนนึงเดินเข้ามา… พร้อมพาตัวฟรานมาด้วย
“เหล่าแวมไพร์ผู้มาเยือนที่หาตัวได้ยาก เราคือ…”
“เจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บ! ช่วยหยุดดึงซักทีเถอะนะคะ ปะป๊า!”
“ราชาเอลฟ์รุ่นที่ 14 อัสโตรม…”
“จ- เจ็บ! ชั้นได้ยินเสียงที่ไม่ควรจะมีอยู่จริงเลยนะเมื่อกี้น่ะ! นี่มันเอวี เอวีชัดๆ เลย!”
“ท่านพี่คะ ดีวีค่ะ”
“ใช่! นั่นแหละ!”
“…ฟอเรสเตอร์…”
“จะเมินชั้นไปถึงไหนเนี่ย? คิดจะพูดคุยกับลูกสาวตัวเองซักหน่อยมั้ยเนี่ยคะ?…”
“อ้า! หนวกหูจริงๆ! เงียบซักสองสามวิจะได้มั้ย!!”
…เป็นผู้ชายน่าเวทนาคนนึงเลยแฮะ
TN: DV หรือ Domestic Violence หมายถึง ความรุนแรงในครอบครัวนะครับ
ส่วนอันที่ฟรานพูดผิดนี่ คงไม่ต้องบอกความหมายก็ได้เนอะ 5555
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r