[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า 109 องค์ที่ 5 กำเนิดจอมมาร – [บทศูนย์] การเติบโต

ตอนที่ 109 องค์ที่ 5 กำเนิดจอมมาร - [บทศูนย์] การเติบโต

พออายุถึง 17 ปีแล้ว ฉันก็มีปัญหาด่วนแล้ว

 

ในหมู่บ้านแวมไพร์วันนี้ก็ยังสงบสุขเหมือนเดิม เป็นที่ที่น่าเบื่อ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนกับทุกที

ฉันก็เลยกระตุ้นหมู่บ้านที่น่าเบื่อหน่ายนี้บ้างเป็นครั้งคราว แถม แต่ละครั้ง ทั้งหัวทั้งก้นฉันก็จะโดนเสริมแกร่งตามมาด้วย

แต่ว่า พออายุ 17 แล้ว การแกล้งพวก-… อา การกระทำของอัจฉริยะพวกนั้นก็ถูกเก็บซ่อนไว้

 

แต่เรื่องนั้นน่ะมันไม่สำคัญหรอก

ก็แค่ การกระตุ้นหมู่บ้านของฉันมันลดลงไปเท่านั้นเอง

ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นคือ…

 

“…ทำไม มันถึงไม่โตขึ้นเลยหล้า!?”

 

ร่างกายของฉันไง

 

แวมไพร์เป็นเผ่าพันธุ์อายุยืน สามารถอยู่ได้นานเกือบพันปี แถมยังมี ‘ต้นตระกูล’ กับ ‘บรรพบุรุษ’ ที่เคยมีตัวตนอยู่ในตำนาน ก็มีชีวิตอยู่ได้เป็นล้านๆ ปีเลย

และหนึ่งในลักษณะของเผ่าพันธุ์ที่มีอายุขัยยาวนานคือ [ภาวะกึ่งอมตะ]

พวกเผ่าพันธุ์ที่มีอายุขัยสั้นอย่างมนุษย์หรือมนุษย์สัตว์จะมีช่วงวัยที่สมบูรณ์ที่สุดในช่วงวัยรุ่นและอายุ 20 ต้นๆ จากนั้นพวกเขาก็จะแก่ขึ้นและค่อยๆ เสื่อมสภาพลง

แต่ว่า เผ่าพันธุ์ที่มีอายุขัยยาวนานจะมีร่างกายคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์แบบนั้น ทั้งรูปร่างและสภาพภายในของร่างกายเลย

อายุที่ร่างกายจะคงอยู่ในสภาพนั้นจะต่างกันออกไปในแต่ละคน แต่เมื่อร่างกายคงสภาพแล้ว ก็จะอยู่ในรูปลักษณ์นั่นไปแทบทั้งชีวิตเลย

และเมื่อใกล้สิ้นสุดอายุขัยแล้ว สภาพภายในร่างกายก็จะเสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็วเลย แต่รูปร่างภายนอกก็จะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร

แต่ถึงรูปร่างภายนอกจะไม่เปลี่ยน แต่ท่าทางก็เหมือนคนแก่แล้วล่ะ

 

ตอนนี้ ปัญหาที่ฉันต้องเจอก็คือเรื่อง [ภาวะกึ่งอมตะ] นี่แหละ

มันจะต่างออกไปในแต่ละบุคคล และแต่ละเผ่าพันธุ์ อย่างเช่น ในมนุษย์มาร จะอยู่ที่ประมาณ 17 ถึง 25 ปี หรือในเอลฟ์ จะอยู่ที่ประมาณ 12 ถึง 40 ปี

สำหรับแวมไพร์อย่างพวกเรา จะอยู่ที่ประมาณ 14 ถึง 30 ปี

แต่ การที่อายุจะไปหยุดอยู่ที่ 14 ปีเลย หรือ 30 ปีเลยก็หาได้ยากมากพอควรเลย ทั่วๆ ไป ร่างกายก็จะไปหยุดอยู่ที่อายุช่วง 20 กว่าๆ มากกว่า

…แต่ว่า ถึงอย่างนั้นก็เถอะ

 

“แล้วทำมายยยย!? ทำไมฉันถึงไม่โตขึ้นเลยหล้าาาาาาา!!?”

 

นี่คือเสียงกรีดร้องครั้งที่ 2 ของฉันแล้วในวันนี้

เซ็งมากเลย ที่ภาวะกึ่งอมตะของฉันดันมาตั้งแต่ฉันอายุ 14 น่ะ!

 

บ้าที่สุด ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับฉันด้วยนะ!

ตามที่ฉันวางแผนไว้ ฉันอยากจะเข้าภาวะกึ่งอมตะในช่วงอายุประมาณนี้… เป็นพี่สาวแวมไพร์ผมบลอนด์ แล้วจัดการแกล้ง… ไม่สิ จัดการทดลองตามความคิดอันอัจฉริยะนี่ ฉันอยากจะปั่นหัวเจ้าพวกบ้าที่มากวนฉันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งซักหน่อยหลังจากทำให้พวกมันมาหลงฉันน่ะ!!

 

“อะ ฟิลิสจาง~!”

 

เพื่อนสนิทของฉัน ริงกะ วิ่งมาหาฉันที่กำลังโมโหอยู่พอดี

ริงกะเพิ่งจะเข้าภาวะกึ่งอมตะไปเมื่อปีก่อน เธอสูงไม่ต่างจากฉันเท่าไหร่ แต่จุดที่โตต่างกันสุดๆ น่ะ มีอยู่ที่นึง

ใช่ หรือก็คือ……

 

“ขอโทษที่ให้รอน้า~! ขอโทษที มาช้าไปหน่อยน่ะ…”

 

ดึ๋ง ดึ๋ง

 

………

 

หน้าอกนั่นมันอะไรกัน ตอนมาหยุดยืนยังสั่นอยู่นิดๆ เลยเหรอ

รวมกับส่วนสูงของเธอ กับหน้าเด็กๆ นี่ รูปร่างของริงกะรวมๆ แล้ว ก็เข้ากับคำเรียกตรงๆ ว่าโลลิอกโตได้เลยน่ะ เธอตกเป็นเป้าสนใจของพวกชายโสดทุกคนในหมู่บ้านเลยด้วย

จากที่เธอบอกเอง เหมือนหน้าอกของเธอจะเป็นคัพ H แบบที่ฉันอยากมีเลย

เป็นหน้าอกแบบในฝันเลย……

 

“อ๊าาาาาาาาา!!!”
“คิย้าาา!? เดี๋ยวสิ ฟิลิสจัง อะไรน่ะ!?”

 

“โถ่ ฟิลิสจังอิจฉาเรื่องนี้เหรอ… มันไม่ได้ดีอะไรเลยนะ? มันถ่วงให้หนักไหล่ แถมขวางทางเวลาเดินด้วยนะ…”
“คนหน้าอกใหญ่ทุกคนก็อ้างแบบนั้นเหมือนกันหมดนั่นแหละ… คนที่พูดแบบนั้นน่ะ ไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของคนที่หน้าอกเล็กเลยซักนิด”

 

ขอให้คราวเคราะห์จงเกิดแก่เหล่าสิ่งมีชีวิตที่มีหน้าอกใหญ่ทั้งหมดซะ

ท่านเทพีอิซึสึคะ โปรดลงทัณฑ์พวกอกโตทั่วโลกให้ทีค่ะ

 

“ถ้าฉันยกให้เธอได้ ฉันก็อยากยกให้เลยล่ะ…”
“ถ้าเธอให้ได้ล่ะก็ ฉันยินดีรับเลยล่ะ… จริงสิ มีความคิดนึงขึ้นมาแล้วล่ะ เริ่มจาก ฉันดึงหน้าอกของเธอออกมา มาติดที่ฉันเอาไว้ ถ้าฉันร่ายเวทฟื้นฟูให้ตัวเองล่ะก็ ฉันอาจจะได้หน้าอกนี่มาก็ได้นะ…”
“ฉันว่าทำแบบนั้นน่ะ เป็นไปไม่ได้หรอกนะ แล้วนี่เธอคิดจะทำขนาดนั้นเลยเหรอ!?”

 

ฉันจะทำขนาดนั้นเลยแหละ
“ให้ตายสิ โธ่ ฟิลิสจังเนี่ย… ใจเย็นๆ ก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงขนมแล้วกันน้า”
“อย่าคิดว่าแค่ขนมจะมาหลอกล่อฉันได้นะ อา แค่เห็นหน้าอกใหญ่ๆ นั่น ฉันก็โมโหแล้วล่ะ น่าอิจฉาอกโตนั่นจริงๆ เลย ฉันอยากมีหน้าอกซักคัพ G น่ะ อยากมีหน้าอกใหญ่ๆ แบบไม่ต้องพยายามอะไร ฉันอยากเอาหน้าอกนั่นไปปั่นหัวพวกผู้ชายเล่นซะเลย ถ้าฉันกินหน้าอกของเธอเข้าไป ฉันจะได้หน้าอกใหญ่ด้วยมั้ยนะ พวกอกโตจะต้องยอมศิโรราบต่อคนอกแบนให้หมดเลยคอยดูสิ”
“นั่นมันครบทั้ง 7 มหาบาปแล้วนะ!”

 

เอาเถอะ เธอบอกว่าจะเลี้ยงนี่นา งั้นก็ ขอรับไว้ก็แล้วกัน

นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเรามาที่ร้านขายขนมแห่งเดียวในหมู่บ้านนี้

 

“ยินดีต้อนรับครับ! ริงกะจังกับ… ฟิลิสเหรอ”
“เฮ่ ลังเลอะไรไม่ทราบ ไม่เติมจังไว้หลังชื่อฉันด้วยหรือไง”
“อ- เอาเถอะ วันนี้มีขนมใหม่ด้วยนะ! ลองดูๆ!”
“ว้าว~! น่าอร่อยจังเลย~! ฟิลิสจังอยากกินชิ้นไหนเหรอ?”
“ก่อนอื่น ขอฉันถามคำถามซักข้อแล้วกันนะ เมื่อกี้ ทำไมแกถึงทำท่าเหมือนจะเดาะลิ้นตอนที่เห็นฉันด้วย ฮะ!”
“โธ่ ฟิลิสจัง!”
“…อึม”

 

ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้ริงกะดุใส่ด้วย ตอนนี้เงียบไว้ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวค่อยย้อนมาจัดการหมอนี่ทีหลัง

 

“ …ฉันเอามัฟฟินสตรอเบอรรี่นี่แล้วกัน”
“เข้าใจแล้ว! …อืม~ ฉันเอาอะไรดีน้า~”
“เค้กส้มตรงนั้น คิดว่ายังไงบ้างล่ะ?”
“อ๊ะ ดูน่าอร่อยจัง! …อืม~ แต่ จะตัดตัวเลือกนั้นทิ้งไปมันก็…”
“งั้นก็ค่อยๆ เลือกไปแล้วกัน-… หือ?”

 

เจ้าผู้ชายที่ดูแลร้านขนมนี่ ทำท่าทำทางแปลกๆ เหมือนหน้าหมอนี่จะแดงๆ แถมดูไม่น่าไว้ใจซะด้วย

ถ้ามองตามสายตาของเจ้านี่ไป ก็จะเห็นริงกะที่กำลังยืนเลือกขนมหวานที่เรียงเป็นแถวอยู่…

 

“…เห้ย แกน่ะ มามองหน้าอกของริงกะต่อหน้าสายตาอัจฉริยะของฉันแบบนี้ ใจกล้าไม่เบาเลยนี่นา”
“เอ๊ะ?”
“อ- อะไร!? พ- พ- พ- พ- พูดเรื่องอะไรของเธอเนี่ย!? ไม่ได้มองอะไรอยู่ซักหน่อย!?”
“ใจลอยแบบนั้นก็เป็นหลักฐานพิสูจน์เพียงพอแล้ว เจ้าโลลิค่อนนี่! แถม ที่น่ารำคาญที่สุดคือที่แกไม่ได้มองที่ฉันเลยนี่แหละ!”
“ตรงนั้นหรอกเหรอ!”

 

นั่นไง!

ถึงฉันจะกังวลเรื่องหน้าอกของตัวเองอย่างที่พูดถึงไปเมื่อไม่นานนี้ก็เถอะ แต่แกไม่แม้แต่จะมองสาวสวยตรงนี้เลยหรือไงฮะ!

 

“…หึ การจะจ้องริงกะได้น่ะเป็นเอกสิทธิ์ของฉันต่างหาก หยุดมองแบบนั้นเลย เจ้าคนหื่นกามเอ๊ย… กลับกัน ถ้าจะจ้องฉันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะ ว่าไงล่ะ ถ้ามองจากความเป็นไปได้ในอนาคต จะมองฉันก็มีความหมายกว่านะ ว่ามั้ย?”

 

เคยได้ยินล่ะนะ… มีข่าวลือลอยมาตามลมว่าถ้าถูกจ้องหน้าอกบ่อยๆ มันจะโตขึ้นได้ด้วย

ถ้างั้น ถ้าฉันทำให้ทุกสายตามองที่ฉันได้ ฉันคงได้หน้าอกใหญ่ซะทีสินะคราวนี้!

ความคิดนี้มันอัจฉริยะจริงๆ…

 

“…หึ”

 

เมื่อกี้ มีใครพ่นลมออกจมูกหรือไงนะ

 

“แกน่ะ เข้าภาวะกึ่งอมตะไปแล้วไม่ใช่หรือไง ไม่โตขึ้นกว่านี้แล้วไม่ใช่เหรอ แถมตั้งแต่แรกเลย แกก็ก่อเรื่องกันคนในหมู่บ้านไว้หลายรายเลยซะด้วยนี่…”
“ริงกะ จับเจ้าหมอนี่เอาไว้ที เดี๋ยวฉันจะเอาหมึกลบไม่ออกไปเขียนว่า ‘แฟนหนุ่มของฉันจ้องหน้าอกของริงกะ’ ไว้ที่หน้าแฟนของเจ้าหมอนี่ซะหน่อย”
“เห้ย! หยุดเลยนะ! ฉันผิดเอง เพราะงั้นอย่าทำแบบนั้นเลยนะ! …อ้า! รอก่อนเถอะ! จริงๆ นะ! เธอจะโดนมองแปลกๆ เข้าน่ะสิ! แถมผู้คนในหมู่บ้านจะเหยียดหยามเธอเข้าอีก แบบนั้นก็แย่น่ะสิ! เดี๋ยว! หยุดก่อน! คุณฟิลิสครับ! ได้โปรด หยุดเถอะนะครับ!!”

 

ถ้าไม่อยากให้ฉันเขียนอย่างที่เพิ่งพูดไปล่ะก็ ส่งขนมมาให้เพิ่มซะดีๆ… ฉันขู่เอาขนมจำนวนมากมาได้ฟรีๆ ตอนนี้ฉันกับริงกะเลยจัดงานเลี้ยงเล็กๆ กันอยู่

 

“ฮุฮุฮุ อร่อยจริงๆ เลยน้า~”
“นั่นสินะ เค้กฟรีน่ะสุดยอดที่สุดเลย นี่คือความรู้สึกที่เราโชคดีบนโชคร้ายของคนอื่นงั้นเหรอเนี่ย”
“โธ่… จะว่าไป ที่เธอหายไปแป๊บนึงเมื่อกี้นี่ ไปไหนมาเหรอ?”
“ไปบ้านแฟนของผู้ชายที่ร้านขนมหวานมาน่ะ สับที่ต้นคอให้สลบ แล้วก็เขียนอะไรไว้ที่หน้านิดๆ หน่อยๆ น่ะ…”
“ไปเขียนมาจริงเหรอ!? …ฟิลิสจัง แบบนั้นก็โกหกนี่? ฟิลิสจังน่ะ คนในหมู่บ้านบอกกันว่าถึงจะเป็นเด็กซุกซนตลอดเวลา แต่เธอไม่พูดโกหกแน่นอนนี่นา…”
“ที่ฉันพูดได้เลยคือ ฉันยืดอกบอกเธอได้เลยว่าฉันไม่เคยโกหกเธอแน่นอน ฉันไม่เคยโกหกเลยนะ เพราะตอนนั้นฉันพูดไว้ว่า ‘ถ้าไม่อยากให้ฉันเขียนอย่างที่เพิ่งพูดไปล่ะก็’ คำที่ฉันเพิ่งพูดไปที่ว่านั่นคือ ‘แฟนหนุ่มของฉันจ้องหน้าอกของริงกะ’ ซึ่ง ฉันก็ไม่ได้เขียนแบบนั้นเลย ฉันไปเขียนว่า ‘แฟนของฉันเป็นโรคจิตชอบจ้องหน้าอกของริงกะ’ แทนไงล่ะ ฉันก็ไม่ได้เขียนแบบที่เคยพูดเอาไว้แล้วไงล่ะจริงมั้ย? ฉันไม่ได้โกหกซะหน่อยนี่”

 

สมกับเป็นฉันจริงๆ สมกับที่เป็นอัจฉริยะเลย

ฉันจัดการคิดบัญชีเจ้าหมอนั่นที่มามองริงกะด้วยสายตาลามกนั่นได้ แถมยังไม่ได้โกหกด้วย ก็แค่บิดคำพูดไปนิดหน่อย แล้วยังเอาความจริงออกมาแฉได้เหมือนเดิมไงเล่า

อีกอย่างนึง ฉันค่อนข้างมีชื่อเสียงเลยล่ะ เรื่องที่ว่าตัวเองไม่เคยโกหก เพราะงั้น ฉันรู้ว่าคำที่ฉันเขียนไว้นั่นน่ะ เป็นความจริงที่เชื่อได้แน่นอน

สมบูรณ์แบบ

 

“โธ่~… แถข้างๆ คูๆ มากเลยนะแบบนั้นน่ะ…”
“เรียกว่าการกระทำสุดอัจฉริยะที่มาจากความคิดสุดอัจฉริยะดีกว่านะ ไม่ได้ข้างๆ คูๆ ซักหน่อย… เอาน่า ไม่ต้องไปคิดมากเรื่องนั้นหรอก มากินขนมกันต่อดีกว่านะ”
“เอ… หวังว่าจะไม่เป็นอะไรมากนะ พี่ชายร้านขนมหวานน่ะ…”

 

พอพูดแบบนั้น ริงกะก็เอื้อมมาหยิบขนมไป แล้วพวกเราสนุกสนานกับขนมพวกนี้ไปจนกระทั่งอาทิตย์ตกเลย

 

จะว่าไป เรื่องผู้ชายที่อยู่ที่ร้านขนมหวานนั่น เหมือนเขาจะเป็นเจ้าของร้านนะ แต่เขาเหมือนจะโดนแฟนบอกเลิกเพราะเรื่องประโยคที่ถูกเขียนนี่แหละ เพราะงั้น ฉันเลยถูกสั่งห้ามเข้าร้านอีกเด็ดขาด แต่เรื่องที่ว่า ‘ใครไปมองริงกะด้วยสายตาลวนลามล่ะก็ เตรียมโดนฟิลิสมาคิดบัญชีได้เลย’ ก็แพร่ไปเป็นวงกว้างเลยด้วย ก็เลยไม่มีใครมองริงกะด้วยสายตาแย่ๆ แบบนั้นอีกเลย โดยรวมแล้ว ผลลัพธ์ก็ออกมาน่าพอใจอยู่นะ

 

TN: อืม ฟิลิสแค่หวงเพื่อนแหละ ว่ามั้ยครับ พี่ๆ ผู้อ่านทุกท่าน

ย้ำคำพูดเดิมเป็นครั้งที่ 3 นี่จอมมารของพวกเราเหรอเนี่ย

ป.ล. ใครอยากฮาล่ะก็ ลองย้อนกลับไปอ่านตอนที่ 16 ดูสิครับ จะเห็นเลยว่า คุณยายโดนหลานแทงใจดำแบบเต็มๆ แบบที่คุณหลานไม่รู้ตัวเลย 5555
แถมคุณหลานยังได้เลือดจากคุณยายไปเต็มๆ ซะด้วยสิ

ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r

[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

Score 10
Status: Completed
เซนโจ โยนะ เด็กหญิงที่ถูกกลั่นแกล้งอย่างหนัก ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุแก๊สระเบิด หลังจากนั้น ด้วยความช่วยเหลือของเทพชั่วร้าย อิซึสึ เธอก็ได้มาเกิดใหม่เป็นลูกสาวของผู้นำเผ่าแวมไพร์ [ลีน บลัดลอร์ด] ชีวิตอันสงบสุขกำลังรอเธออยู่ รายล้อมไปด้วยครอบครัวและเพื่อนพ้องที่รักเธอ สิ่งที่เธอต้องการมาโดยตลอดจากชาติก่อน ... แต่เวลาเหล่านั้นก็ต้องสิ้นสุดลง จากการกวาดล้างเผ่าพันธุ์แวมไพร์ด้วยน้ำมือของพวกมนุษย์อย่างไร้เหตุผล “อา เข้าใจแล้ว ชีวิตของฉันต้องพังทลายเพราะว่ามีพวกมนุษย์อยู่งั้นสินะ” อีกด้าน มีเด็กสาวที่ถูกมองเป็นตัวน่ารำคาญในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เธอได้รับ [คุณสมบัติของผู้กล้า] พร้อมทั้งพรสวรรค์และศักยภาพอันล้นเหลือ แต่จิตใจของเธอกลับถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของพวกมนุษย์ เพื่อล้างสมอง และเปลี่ยนเธอเป็นอาวุธมีชีวิต “จริงๆ แล้ว...ไม่อยากปกป้องพวกมนุษย์ซักหน่อย เราไม่ได้อยากเป็นผู้กล้า…” และพวกเธอผู้เกลียดชังต่อมนุษย์ ก็กลายมาเป็นภัยพิบัติต่อมนุษยชาติ นี่คือเรื่องราวของเด็กสาว 2 คนที่ชีวิตต้องถูกทำลายด้วยน้ำมือของมนุษย์ และสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไป เหลือเพียงแค่ชีวิตของตัวเอง และพวกเธอจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อล้างแค้นและกวาดล้างมนุษยชาติให้สิ้น

Options

not work with dark mode
Reset