ตอนนี้ สมาชิกระดับผู้บริหารทั้ง 13 คนของกองทัพจอมมาร รวมทั้งขุนพลจตุเทวอสุรา มารวมตัวกันต่อหน้าท่านจอมมาร
ทุกคนมีสีหน้าตึงเครียดกันหมด และรอคอยคำพูดของท่านจอมมารตอบกลับมา
“…เวลา มาถึงแล้วสินะ”
“ในที่สุด นะคะ”
“ใช่ ในที่สุด วันพรุ่งนี้ ผู้กล้าเซโน่จะออกเดินทางเสียที ในครานี้ ผู้กล้านั้นดูจะระมัดระวังตัวไม่น้อยทีเดียว พวกนั้นไม่ได้ใช้เวทเคลื่อนย้าย และมุ่งหน้าไปยังสนามรบโดยเพิ่มเลเวลของตัวเองอยู่ในเทวนครแห่งอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์มาตลอด”
“เข้าใจแล้วค่ะ แล้วก็ ในที่ไม่ไกลนักจากเทวนครนั่น…”
“อึม ให้ขุนพลจตุเทวอสุราทั้ง 4 คนออกปฏิบัติการ และสังหารผู้กล้ากับคณะทั้งหมดของมันเสีย ผู้กล้าจะต้องถูกกำจัดให้จงได้ ในครานี้ ภัยคุกคามเดียวที่ต้องระวังจะมีเพียงเหล่าอัครสาวกเท่านั้น”
เริ่มจากเรา ผู้กล้าอาวิซ แล้วก็ผู้กล้าเซโน่สินะ
มีแค่ 3 คนเท่านั้นในรุ่นนี้ที่ถือครอง [คุณสมบัติของผู้กล้า] ที่ควรจะหาได้ยากมาก
[ผู้กล้า] เป็นอาชีพที่รับมือได้ยากมาก เพราะไม่ใช่แค่เพิ่มพรสวรรค์และสเตตัสขึ้น 2 เท่า แต่ยังปลดขีดจำกัดเลเวลออกไปด้วย นั้นหมายความว่า ทางทฤษฎีแล้ว ผู้กล้าสามารถเติบโตได้อย่างไร้ขีดจำกัดเลย
ถ้าไม่รีบตัดไฟแต่ต้นลมล่ะก็ ไฟนั่นจะต้องกลับมาเป็นภัยกับพวกเราแน่ๆ
…แต่ ทุกอย่างจะจบลงแล้วในอีกไม่ช้า
ผู้กล้ารุ่นแรก… หรือก็คือเราเอง ก็ย้ายมาอยู่กับกองทัพจอมมารแล้ว ส่วนผู้กล้ารุ่นต่อมาก็โดนฆ่าไปง่ายๆ เลย
และพรุ่งนี้ ผู้กล้ารุ่นสุดท้ายก็จะตายเหมือนกัน ความหวังของมนุษยชาติจะดับวูบซักที
“อยู่ในความสงบเสีย พวกเราจะสังหารผู้กล้าในวันรุ่งขึ้นเป็นอันแน่แท้ นั่นคือเหตุผลที่เราจะส่งขุนพลจตุเทวอสุราทั้ง 4 ออกไปอย่างไรเล่า พวกเจ้าทุกคนเห็นตรงดังว่าฤไม่”
“…ไม่…ขัดข้อง…”
“ผ- ผมก็… เหมือนกันครับ”
“ฉันพร้อมเสมอเลยค่ะ”
“เราก็พร้อม ไม่เป็นไรเลยค่ะ”
“อย่างนั้นฤ พวกเจ้านี่ช่างพึ่งพาได้เสียจริง… เช่นนั้น ในวันพรุ่ง เราจะเริ่มปฏิบัติการสังหารผู้กล้าลงเสีย… และวันนี้ก็เป็นวันก่อนเริ่มแผนการนั้น พวกเจ้าเข้าใจสิ่งที่เราจะสื่อฤไม่?”
หมัดของเรากำแน่นโดยไม่ทันตั้งใจเลย
“ถูกต้อง เราหมายความถึง…”
รู้สึกถึงอารมณ์ที่ล้นมาจากตัวเองเหมือนเป็นเรื่องปกติเลย
“…คืนก่อนเทศกาลอย่างไรเล่า โยมิเอ๋ย”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันจะมาทวนแผนอีกครั้งนึงนะ เริ่มจาก โยมิจังจะสวมฮู้ดคลุมตัวและบุกเข้าไปในหมู่บ้านแห่งนั้น เพื่อเคารพความต้องการของโยมิจังที่อยากได้สนุกกับพ่อแม่ของเธอซักหน่อย เราจะรออยู่ที่นี่ซักพักหนึ่งนะคะ พวกเราจะมอบหมายหน่วยลับในกองทัพไปประจำการที่นั่นซัก 1 คนไปคอยบอกสัญญาณให้โยมิจังก็แล้วกัน แล้วก็ให้ซากุระคิ้-… ซากุระคุงใช้บาเรียขังพวกชาวบ้านเอาไว้ ตามนี้นะ?”
ดูเหมือนจะหลุดพูดว่าซากุระคิ้วน์อีกแล้วนะคะ
“ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยจ้า พวกเราเป็นพวกพ้องของโยมิจังนะ”
“ใช่แล้ว โยมิ ต้องการให้คนช่วยเพิ่มนอกจากซากุระคุงหรือเปล่า?”
“อืม… ไม่ล่ะ เราจะฆ่าพวกนั้นทุกคนเอง”
นี่คือความรักจากเราที่จะมีให้พ่อกับแม่
ไม่ยอมให้ใครคนอื่นมาฆ่าหรอก เราจะขอจัดการด้วยมือของเราเอง
เรารู้ตัวดีว่าสติสัมปชัญญะของเราบิดเบี้ยวไปแล้ว ถึงยังไง ก็มีส่วนนึงของตัวเราเองที่ ‘ตั้งตารอ’ จะได้ฆ่าพ่อกับแม่ของตัวเอง
แต่… ถึงจะเป็นพ่อแม่ แต่ก็เป็นคนชาติชั่วที่ขายลูกตัวเองแลกกับเงินมาเมื่อ 12 ปีก่อน อีกอย่าง เราก็ฆ่าพี่สาวของตัวเองไปแล้วด้วย เพราะอย่างนั้นก็คงจะสายไปแล้วล่ะ
“เอ… ฉันอยากจะฆ่าพวกคนที่มองว่าโยมิเป็นตัวน่ารำคาญมากเลยนะ”
“ข้าก็ด้วย ศัตรูของโยมิก็คือศัตรูของพวกเรานี่”
“นั่นสิน้า~ ฉันคง~ จมพวกมัน~ ให้หมดเลย~”
“อยากให้กองทัพอันเดดของกระผมช่วยมั้ยครับ?”
“ถ้าเธอบอกฉัน เดี๋ยวฉันช่วยส่งฟ้าผ่าให้ซักทีนึงนะ”
“อย่างน้อย ฉันพอช่วยจัดการพื้นที่รอบๆ ให้ได้อยู่นะ”
“ข้าก็จะทำอย่างเต็มที่เหมือนกัน!”
“ข้าจะเผาพวกมัน”
“คุณรูส ไม่จำเป็นต้องไปเผาหรอกนะคะ… แต่ ฉันเองก็อยากไปร่วมด้วยเหมือนกันนะ”
“ฉันพอใจแล้วล่ะ เพราะฉันช่วยวางแผนแล้วเรียบร้อย”
“…การแย่ง…ศัตรูของ…โยมิ…ไม่สมควร…”
“ค- ครับ เอาจริงๆ ผมก็หงุดหงิดเหมือนกัน… ไม่ได้สิ นั่นเป็นเหยื่อของคุณโยมินะ…”
ลีนกับทุกคนในระดับผู้บริหารก็พูดเรื่องพวกนี้กันทีละคนๆ
อยู่แล้วนี่นะ ทุกคนเป็นคนที่ใจดีมากจริงๆ
น้ำตาเราจะไหลออกมาอยู่แล้วนะ
“โยมิเอ๋ย”
ท่านจอมมารเดินมาหา และเรียกชื่อเรา
“นับแต่ที่เจ้าได้มาร่วมกับกองทัพของเรา นี่ก็ผ่านมาถึง 9 ปีแล้ว ในที่สุด เวลาลงดาบในการแก้แค้นของเจ้าก็ใกล้เข้ามาแล้วเสียที เจ้าจะอาละวาดรุนแรงเพียงใดก็ตามแต่ใจเจ้าจะปรารถนาเถิด จงพิพากษาพวกมันเสีย จักทำกระไรก็ได้ทั้งสิ้น จงเป็นอิสระดังที่เจ้าต้องการ… จงทำให้พวกมันได้รู้ซึ้ง ว่าหากได้ดูถูกตัวตนที่มีพรสวรรค์ที่สุดในโลกเช่นนี้แล้ว พวกมันเหล่านั้นจะต้องเจอกับอะไร จงฝังสิ่งนั้นลงให้ลึกไปถึงวิญญาณไร้ร่างของพวกมันเสีย”
“………ค่ะ!”
“(ท่านจอมมารนี่ มีความเป็นผู้ปกครองของลีนกับโยมิจนบ้าไปเลยเนอะ ว่ามั้ย?)”
“(ข้าก็ว่าอย่างนั้น)”
“(เอาน่า ก็เด็กพวกนั้นถูกพวกเรากองทัพจอมมารดูแลมาตั้งแต่ยังเด็กเลยนี่นา เพราะงั้น ฉันก็เข้าใจความรู้สึกอยู่นะ)”
“(ว่าไงดีล่ะ~ ดูหวานมากเลยเน่อ~)”
“อุเหม่! พวกเจ้าตรงนั้น! คิดฤว่าเราจะไม่ได้ยินที่พวกเจ้ากระซิบกระซาบกันน่ะ! คิดจะหาเรื่องชวนทะเลาะฤอย่างไร?! หากต้องการเช่นนั้นก็จงเข้ามา ณ ประเดี๋ยวนี้เสีย! เหล่าผู้บริหาร!!”
“โยมิ ไม่ลืมอะไรใช่มั้ย? ผ้าเช็ดหน้าเอามาแล้วนะ? ดาบก็ด้วย เอามาแล้วใช่มั้ย?”
“นี่เจ้า อย่ามองผ้าเช็ดหน้ากับดาบเป็นของระดับเดียวกันแบบนั้นสิ”
“ไม่เป็นไรหรอกลีน ผ้าเช็ดหน้าก็เอามาแล้ว ส่วนดาบก็นี่ไง เอามาด้วยทั้ง 2 เล่มเลย”
“ไม่ใช่แล้ว ผ้าเช็ดหน้ามันไม่ได้จำเป็นถึงขั้นนั้นเสียหน่อย”
ตอนนี้ สมบัติศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 2 ชิ้นที่ข้างเอวของเรา ――― มี ‘ดาบมาร ไดอาส’ และ ‘ดาบแห่งจุดจบ อาริอุส’ อยู่
4 ปีที่ผ่านมา เราฝึกจนเชี่ยวชาญวิชาสองดาบได้แล้ว
ในหมู่บ้านไม่มีคนที่แข็งแกร่งอยู่หรอก จะค่อยๆ ฆ่าทีละคน ทีละคนเลย
“คุณโยมิครับ ถ้างั้น…”
“อื้อ เรื่องนี้ขอบคุณมากนะ ซากุระคุง”
“เอ๋? …อะ ม- ไม่… ไม่เป็นไร ครับ…”
ถ้างั้นก็ ไปกันเลย
“…ถ้างั้น ไปก่อนนะ”
“อื้อ ไปดีมาดีนะ ดูแลตัวเองดีๆ นะ โยมิ”
“อื้อ …ขอบใจนะ ลีน”
“{เทเลพอร์เทชั่น (เคลื่อนย้าย)} !”
หลังจากที่เห็นช่วงเวลาหน่วงไปครู่หนึ่ง พริบตาต่อมา ตรงหน้าของเราก็เป็นหมู่บ้านที่ถูกแสงจากดวงจันทร์ฉายลงมาแล้ว
อา… มันดูคุ้นจังเลยนะ รู้สึกเหมือนความทรงจำที่ควรจะหายไปแล้วกำลังค่อยๆ กลับมาทีละนิดเลย
เราดึงฮู้ดขึ้นมาคลุมหัวไว้เพื่อกันไม่ให้ใครก็ตามที่จำเราได้สังเกตเห็น
“ซากุระคุง เราไปล่ะนะ”
“ค- ครับ… ร- ระวังตัวด้วยนะครับ”
“อะฮะฮะ ไม่เป็นไรหรอก… ยังไงก็จะฆ่าทุกคนจนหมดอยู่แล้วนี่”
ถ้างั้น ไปกันเลย
หมู่บ้านที่ให้โอกาสเรามาทำลายมันทิ้ง
มาเริ่มการล้างแค้นกันเลย