หลังจากฉันกับโยมิได้เป็นผู้ติดตามของท่านอิซึสึ และข้อมูลหมู่บ้านบ้านเกิดของโยมิได้ถูกเปิดเผยในการประชุมของเหล่าผู้บริหาร ก็ผ่านมา 2 อาทิตย์แล้ว
ฉันเคลื่อนย้ายมาที่สาธารณรัฐฮัลเทรน… เมืองหลวงของประเทศต่อไปที่เราจะทำให้มันล่มสลาย
เมืองที่เหลือเหรอ? พวกเราพังมันไปทีละนิดๆ มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วน่ะ เพราะงั้น เราก็ทำลายส่วนที่เหลือใน 2 อาทิตย์ก็เท่านั้นเอง
ฉันที่ได้รับพรคุ้มครองจากท่านอิซึสึมาแล้ว สามารถจัดการบาเรียพวกนี้ได้ด้วยกำลังการทำลายของฉันแล้วล่ะ
แต่ก็ แน่นอนล่ะนะ ว่าไม่ใช่แค่พลังของฉันคนเดียวหรอก
“ฟู่ว มาถึงแล้ว… อะ ฉันมาถึงคนสุดท้ายเลยสินะคะ”
“…ช้านะ… ลีน…”
“ฉันก็กังวลว่ามีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า ว่าแต่เธอติดอะไรอยู่เหรอ?”
“ไม่มีอะไรสำคัญหรอกค่ะ ก็แค่ว่า ฉันเจอหมู่บ้านตกสำรวจแห่งนึง ก็เลยไปจัดการมาน่ะค่ะ ขอโทษนะคะที่ไม่ได้ติดต่อมาก่อน เพราะฉันคิดว่าใช้เวลาไม่นานก็จัดการเรียบร้อยแล้วน่ะค่ะ”
ในปฏิบัติการครั้งนี้ มีฉัน, คุณเฟเรีย ‘แม่ทัพแห่งภัยแล้ง’ ผู้บริหารลำดับที่ 5 และคุณเกรย์ ‘ขุนพลเทพยุทธ์’ ขุนพลจตุเทวอสุราตำแหน่งที่ 4 ช่วยกันจัดการ
“…ถ้าเป็นอย่างนั้น… ก็ดีแล้ว…”
“นั่นสินะ งั้น ก็อย่างที่เธอเห็นนี่แหละ พวกเรากำลังทำลายบาเรียที่คุ้มครองเมืองกันอยู่ เมื่อครู่ ฉันเพิ่งจะรวบรวมนักเวทที่ใช้เวทมนตร์ระดับสูงได้กับผู้คุ้มครองมาแล้วล่ะ…”
พอฉันมองไปที่เมืองหลวงนั่น ก็เข้าใจเลย งานในการทำลายบาเรียเริ่มแล้วสินะ
…แต่ว่า
“…ดูพวกมันไม่เกรงกลัวกันเลยนะ”
“เป็นไปตามคาด… จากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์… ไม่ได้ไกล…”
“ยิ่งใกล้กับอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ เวทคุ้มครองที่ใช้ปกป้องประเทศก็เลยแข็งแกร่งขึ้นตามไปด้วยสินะ เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วล่ะนะ”
อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ เมอร์คิวเรียส เป็นเหมือนศาสนสถานหลักของศาสนามิซารี่ และเป็นสถานที่ที่สำคัญที่สุดที่มนุษยชาติต้องร่วมมือกันปกป้องด้วย
ถึงเทวนครของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์จะถูกปกป้องไว้ด้วยเวทคุ้มครองที่แข็งแกร่งสุดๆ แต่เมืองรอบข้างเองก็ต้องได้รับการเสริมแกร่งด้วยเหมือนกัน
เพราะงั้น ยิ่งเมืองนั้นอยู่ใกล้กับอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ เมอร์คิวเรียสแค่ไหน เมืองนั้นก็จะได้รับการคุ้มครองด้วยบาเรียที่แข็งแกร่งเท่านั้นนั่นแหละ ยุ่งยากจริงๆ เลย
“เอายังไงดีล่ะคะ? ถ้ายังเป็นแบบนี้ล่ะก็ เราคงทำลายมันลงไม่ได้แน่ค่ะ หรือไม่ก็ อาจจะทำลายบาเรียไม่ทัน จนพวกคนในอาณาจักรอพยพไปจนหมดแล้วก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ ความหมายของการความล้างครั้งนี้คงหายไปเกินครึ่งเลยนะคะ”
“นั่นสินะ ยังไง ฉันเองก็อยากรีบๆ พังบาเรียนั่นลงด้วยเหมือนกัน… จะว่าไป ตอนนี้กี่โมงแล้วนะ?”
“ตอนนี้ 4 โมงเย็นค่ะ ส่วนดวงอาทิตย์จะตกตอน 5 โมงครึ่งค่ะ แล้วก็ คืนนี้เป็นคืนขึ้น 10 ค่ำ อัตราการเพิ่มพลังคือ 5 เท่านะคะ”
“ขอบใจที่เข้าใจสิ่งที่ฉันต้องการจะสื่อนะ นอกจากพรคุ้มครองของท่านอิซึสึแล้ว ถ้าลีนที่มีการอวยพรจากดวงจันทร์ กับนายท่านเกรย์อยู่ที่นี่แล้วล่ะก็ กำลังรบขนาดนี้ การทำลายบาเรียนั่นก็เป็นไปได้แล้วนี่?”
“…ก็ทำได้ …ทำได้ …ข้าเชื่อ…”
“คงต้องใช้เวลาพอสมควรนะคะ อาจจะซัก 30 นาทีค่ะ”
“ทำได้ใน 30 นาทีเองเหรอ… ขุนพลจตุเทวอสุรานี่น่ากลัวจริงๆ เลยนะ งั้น เราเอาแผนตามนี้เลยมั้ย?”
“…ไม่ …ขัดข้อง…”
“ฉันก็ตกลงตามนั้นเลยค่ะ”
เมื่อการคุ้มครองจากดวงจันทร์ของฉันทำงาน นั่นก็เป็นสัญญาณให้ทุกอย่างเริ่มต้น
ฟุฮุฮุฮุ~ ฉันจะตั้งตาคอยเลยน้า~
*―――ตู้มมมมมม!*
ขณะนี้เวลา 17 นาฬิกา 30 นาที
ด้วยเสียงนี้ พวกมนุษย์ที่เอาแต่พ่นน้ำลาย อย่างกับจะบอกว่า ‘ยังไงก็ไม่มีทางทำลายบาเรียนี่ได้อยู่แล้ว’ ก็สะดุ้งกันสุดตัว หัวใจหล่นลงไปที่ตาตุ่มกันหมดเลยล่ะมั้งนั้นน่ะ
แน่นอนอยู่แล้ว เสียงพวกนั้นก็มาจากฝีมือของฉันกับคุณเกรย์นี่แหละ
“น- นี่… นี่มันอะไรกันน่ะ!?”
“จ- ใจเย็นกันก่อน! เวทคุ้มครองของพวกเราน่ะไร้เทียมทาน ไม่มีทางถูกพวกมารพวกนั้นทำลายได้อยู่แล้ว! เพราะอย่างนั้น…”
“จ- เจ้าพวกนั้น! พวกนั้นมัน… ก๊าาาาาา!? จ- จ- เจ้าพวกนั้น…!”
“ตรงไหน!? …อยู่นั่นเอง คนคนนั้นมัน… ล-… ก-… ล- ลีนกับเกรย์งั้นเหรอ!? ทั้ง ‘ขุนพลเทพอสูร’ กับ ‘ขุนพลเทพยุทธ์’ งั้นเหรอ!?”
“ม- ม- ม- ไม่จริงน่าาาาา!?!? ล้อกันเล่นใช่มั้ย ขุนพลจตุเทวอสุรา 2 คนเลยงั้นเหรอ… ถ- ถอย! ถอยยยย! รีบส่งผู้ส่งสารไปเร็ว! ไม่มีเวลาเก็บข้าวของแล้ว! รีบอพยพกันโดยด่วนเลย!! เร็วเข้า! พาคนไปที่ค่ายอพยพที่ปราสาทเลยเร็วเข้า!!”
อ่าาา ฉันได้ยินเสียงอะไรพวกนั้นล่ะนะ
ทำอะไรไร้สาระเป็นบ้า คิดว่ามีเวลาแค่ 30 นาทีเนี่ย จะอพยพได้ซักกี่คนกันนะ
ก็จริงอยู่ว่าพวกมันอาจจะหนีไปได้นิดหน่อย แต่ถึงยังไง แท่นเคลื่อนย้ายที่มีปลายทางเป็นอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ เมอร์คิวเรียสน่ะ มันก็ชะตาขาดไปแล้วล่ะ ก็เป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อยที่พอรับได้อยู่นะ
“…ลีน… เจ้า… ทำลาย… จากข้างบน… ด้วยเวทมนตร์…”
“เข้าใจแล้วค่ะ ฝากด้วยนะคะ คุณเกรย์”
“…ได้เลย…”
ก็นะ ถ้าเกิดเราโจมตีเมืองที่มีกำแพงล้อมรอบแบบนี้อยู่แค่ทิศเดียวล่ะก็ ความโกลาหลในเมืองคงถูกถ่ายทอดไปทั่วทั้งเมืองไม่ได้หรอก
คงจะดีกว่านะ ถ้าฉันโปรยเวทมนตร์ลงมาให้พวกมันเห็นกันชัดๆ ล่ะก็ พวกมันจะต้องตื่นตระหนกกันแน่ๆ
“งั้น เอาล่ะนะ… {เมก้า เอ็กซ์โพลด (สุดยอดระเบิดเพลิง)}”
เวทมนตร์สาย {เอ็กซ์โพลด (ระเบิดเพลิง)} ขั้นสูงได้ระเบิดออกที่ส่วนยอดบาเรียของสาธารณรัฐอย่างรุนแรง
…อืม บางชะมัดเลย แค่นี้ก็ร้าวแล้วเหรอ แต่ก็แค่นั้นล่ะนะ กระบวนการซ่อมแซมเริ่มขึ้นแล้วด้วย
ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วสินะ คงต้องซัดเวทมนตร์ระดับสูงใส่อย่างต่อเนื่องเข้าตรงนี้แล้วละ
“อุ- อุหวาาาาาาาา!?”
“ค- คราวนี้อะไรอีกล่ะเนี่ย!? ช่วยด้วย!”
“อย่าผลักสิเห้ย!”
“เฮ่! อย่ามาทางนี้สิโว้ย!!”
อะวาวาวา น่าทุเรศ!
คุ้มค่าจริงๆ เลยที่มาตรงนี้เพื่อฟังอะไรแบบนี้เนี่ย
แต่ก็นะ ฟังคำพวกนี้ไปก็รำคาญหู รีบจัดการพวกมันให้จบๆ ไปเลยดีกว่า
“{ดาร์คชูตเตอร์ (ความมืดมิดทะลุทะลวง)}
{อิเล็กโตรเรน (พิรุณสายฟ้าฟาด)}
{กราวิตี้เบิร์ส (ระเบิดคลื่นโน้มถ่วง)}
{อควาเพรสเชอร์ (ปืนแรงดันน้ำ)}
{อินเฟอร์โนสเปียร์ (หอกเพลิงนรกภูมิ)}
{เมเทโอสไตรค์ (โลหะอัดกระแทก)}
{เพิ่มพลัง เอนเชนท์ • ช็อคเวฟ (เสริมกำลัง • คลื่นกระแทก)}”
…ขนาดนี้ยังไม่พังอีกเหรอ
เอาเถอะ ก็อย่างว่าล่ะนะ เป็นไปอย่างที่คิดเลย
แค่ฉันคาดไม่ถึงว่ามันจะทนรับเวทมนตร์ของฉันที่มีสเตตัสเฉลี่ย ‘มากกว่า 250,000’ จากที่ได้เพิ่มมาตั้ง 5 เท่าล่ะนะ
คุณเกรย์เองก็ยัง… ไม่ได้แฮะ แต่อัตราการทำลายที่พวกเราทำได้ก็ใกล้เคียงกันเลย
สมกับที่เป็นนักรบผู้เชี่ยวชาญในศิลปะการต่อสู้ทุกแขนงเลยนะ เขาเก่งมากเลยในการ ‘ทำลาย’ น่ะ
ฉันเองก็ได้คุณเกรย์สอนมาเหมือนกัน คิดว่าคงพัฒนาทักษะการต่อสู้ของตัวเองได้อยู่นะ แต่ในเวลาแบบนี้ ฉันปล่อยให้เวทมนตร์เป็นคนทำงานน่าจะดีกว่า
ถ้างั้นก็ ยังหรอกน่า
ฉันต้องทำลายมันให้เร็ว แล้วก็กำจัดพวกมนุษย์ข้างในซะ
*―――เปรี้ยยยยงงงงงงง!*
โอ๊ะ พังซะแล้ว
27 นาทีสินะ ใช้เวลาไปพอควรเหมือนกันนะเนี่ย
คุณเกรย์ก็พังมันได้ในเวลาใกล้ๆ กันเลย… ก็แน่อยู่แล้ว บาเรียน่ะ คงสภาพโดยที่มีรูใหญ่ขนาดนี้ไม่ไหว ก่อนจะพังทลายลง
ก็เป็นแค่ความเห็นของฉันล่ะนะ แต่เรื่องนี้มันก็ไม่สนุกเท่าไหร่
“บ- บาเรียมัน…”
“บ้าน่า!?”
“ร- เร็วเข้า! หนีเลย เร็วเข้า!”
“ทหารทุกนาย บุก! เวลานี้ล่ะ บุกเข้าไปก่อนที่เวทคุ้มครองจะถูกสร้างขึ้นมาอีกครั้งเลย!”
“““โ―――โอ้”””
คุณเฟเรียก็สั่งให้ทุกคนบุกเข้าโจมตีเลย
เอาล่ะ… ถ้างั้น ฉันก็ทำหน้าที่ของตัวเองเลยดีกว่า
งานของฉันกับคุณเกรย์คือจัดการพวกที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง พลางลดจำนวนพวกมนุษย์ไปด้วยล่ะนะ
ฝากทางตะวันตกให้คุณเกรย์จัดการ ส่วนฉันก็ไปทางตะวันออกดีกว่า
“ท- ทุกคน ไม่ต้องไปกลัวมัน! จนกว่าเหล่าอัศวินจะมาถึง พวกเราก็ยื้อเวลาเอาว-…”
“{แอซิดสโมค (ไอกรดกัดกร่อน)}”
“……เอ๊ะ?”
เวทมนตร์ที่สร้างไอกรดแก่รุนแรงที่สามารถละลายได้แม้แต่กระดูกออกไปเป็นบริเวณกว้าง
กรดน่ะรุนแรงมากขนาดที่ว่าไม่สามารถต้านทานได้เลยถ้าเกิดเลเวลต่ำกว่า 60 พวกประชาชนนั่นถูกละลายไปพร้อมกับพวกทหารที่ประจำการอยู่ตรงนั้นเลย
“…เวทนี่มัน รุนแรงสุดๆ ไปเลย… ไม่ค่อยถูกใจมันก็ตรงที่มันน่าขยะแขยงนี่แหละ”
ขนาดฉันที่เกลียดชังมนุษย์ ยังรู้สึกลำบากใจเวลามองดูมนุษย์ถูกละลายกระดูก แถมเลือดเองก็ไหลนองออกมาเจิงนองเลย
แต่ก็นะ มันจัดการได้เร็วสุดๆ เลยล่ะ เพราะงั้น ฉันก็คงไม่บ่นหรอก
“จะว่าไป… หือ?”
…มีอยู่แค่ 2 คนที่สามารถต้านทานเวทมนตร์เมื่อกี้นี้ได้
ตรงนั้นนี่เอง
ฉันเห็นคน 2 คนแต่งตัวคล้ายนักผจญภัยอยู่ตรงนั้น
เลเวลมัน… ฉันว่าคงไม่ได้ใกล้ 100 เลยมั้ง
“กึก…! นี่มันอะไรกันเนี่ย!”
“ใจเย็นๆ ก่อนนะ อันจัง เจ้านั่นคือ ‘ขุนพลเทพอสูร’ ลีนนี่ ผู้หญิงที่โหดเหี้ยมและทารุณที่สุดในหมู่ขุนพลจตุเทวอสุรา… ก็ไม่ได้แปลกอะไรนะที่เธอจะทำอะไรแบบนี้น่ะ ใจเย็นๆ เอาไว้เถอะ”
นี่เรื่องของฉันถูกเล่าใส่สีตีไข่ไปขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย?
แต่ก็เห็นด้วยกับเรื่องนั้นล่ะนะ
“ยินดีที่ได้เจอนะ ดูเหมือนพวกเธอจะต้านทานเวทมนตร์ของฉันได้ด้วยนี่ อยากให้ฉันฆ่าพวกแกด้วยวิธีไหนดีล่ะ? อะ หรืออยากให้ฉันเลือกเองเลยก็ได้นะ?”
“…ขอโทษนะ”
“เดี๋ยวก่อน อันจ-…”
“เอ พุ่งเข้ามาตรงๆ แบบไม่มีแผนอะไรเลยแบบนี้เลยเหรอ… {คริมสันเลเซอร์ (ลำแสงความร้อนสูงยิ่ง)}”
“กะอั๊ก…!?”
อุหวา อ่อนแอเป็นบ้าเลย
แต่ก็ มันแน่อยู่แล้วล่ะนะ
ในพวกมนุษย์ มีแค่ 3 คนล่ะมั้งที่พอจะสู้กับฉันได้ คือ 3 ลำดับสูงสุดของ 12 อัครสาวกน่ะ
“…แล้ว แกล่ะ จะเอายังไง?”
“……เป็นไปไม่ได้เลยสินะ งั้น ถ้าช่วยฆ่าฉันโดยให้เจ็บปวดน้อยที่สุดแล้วละก็ คงจะช่วยได้มากเลยล่ะ”
“…เลือกได้ดีนี่นา เอาล่ะ ในเมื่อนายไม่ทำให้ฉันรำคาญใจ ฉันก็จะจัดให้อย่างที่นายต้องการก็แล้วกัน”
แล้วฉันก็ฆ่าเจ้าอีกคนนึงนั่นด้วยการระเบิดหัวให้ตายในทีเดียว
…ถ้าอย่างงั้น จะไปที่ไหนกันต่อดี นะ
TN: “สำหรับแพนเดโมเนี่ยมแห่งนี้ ความตายถือเป็นความเมตตาเพื่อไม่ให้ทุกข์ทรมานมากไปกว่านี้อย่างไรล่ะ”
(สูดกาวตรานาxxลิคไป 1 ที)