เสียงของจักจั่นดังมาให้ได้ยิน
วันต่อมาคาบเรียนที่2 ภายใต้แสงแดดที่แผดเผาอยู่นั้นคือวิชาพละศึกษา หลังจากที่เรียนกันจะเสร็จ ก็ได้เวลายัดอุปกรณ์เข้าใส่โกดังเก็บของและในที่สุดผมก็เก็บได้หมดเสียที ผมเช็ดเหงื่อที่ไหลย้อยออกมาตามตัว
เอาเข้าจริงๆแล้ว กฎที่ว่ากำหนดให้คนที่มีหมายเลขตรงกับวันให้มาเก็บของนี้มันไม่เอือให้กับพวกคนที่มีหมายเลข30มากไปหน่อยหรอ
“ไม่เห็นจะยุติธรรมเลย”
ผมบ่นไปขณะที่ปัดเศษฝุ่นที่ติดตามตัวเองออก
ได้เวลาที่ผมจะต้องกลับไปเปลี่ยนชุดเสียที มันคงแย่เอาแน่ๆในขณะที่ทุกๆคนกำลังเปลี่ยนชุดใหม่สบายตัวๆแต่กับมีแค่ตัวผมคนเดียวที่ยังอยู่ในชุดพละ
คลิก อยู่บริเวณรอบก็มืดลง พร้อมกับเสียงกอนประตูโกดังที่ปิดล็อค
….เดียวน่ะทำไมล่ะ ประตูมันปิดเอง? นี้มันแกล้งกันหรอ? มีคนอยากแกล้งผมอย่างงั้นหรอ?
ผมเลยหันกลับไปทันที
ในโกดังเก็บของที่มืดมิด มีร่างของเรมอน ยากิชิโอะที่กำลังเขินอายอยู่ เสื้อกีฬาของเธอนั้นเปียกเหงื่อจนมันแนบชิดไปกับร่างกายจนสามารถมองเห็นส่วนโค้งเว้าของเธอได้อย่างชัดเจน
“…คุณยากิชิโอะ?”
มันเหมือนกับฉากในอนิเมะมากจนผมเผลอกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
ยากิชิโอะ ก้มหน้ามองไปที่พื้นพร้อมกับปัดเส้นผมที่บังใบหน้าขอเธอออก แล้วเดินมาทางผม
“นุคุมิสึคุง ฉันมีเรื่องที่อยากจะคุยด้วยหน่อย”
“อะ ครับ?”
ถ้าเป็นคนปกติแล้วล่ะก็ อีแบบนี้คงได้เข้าใจผิดกับเหตุการณ์เร้าใจๆแบบนี้แหง่ๆแต่โทษทีน่ะผมไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดนั้น
พอคิดในมุมมองนิยายแนวรอมคอมแล้วล่ะก็ ความสัมพันธ์ของผมกับยากิชิโอะนั้นยังไม่ไกลพอที่จะทำให้เกิดอะไรแบบนั้นได้ เพราะงั้นแล้ว
“ขอถามหน่อยได้ไหม ก่อนหน้านี้เป็นยังไงบ้าง?”
“เอะ หมายถึงเรื่องไหนหรอครับ?”
พูดอีกอย่างก็คือนี่ไม่ใช่evenรักใคร่ แบบที่ิผมคิดเอาไว้ ผมจะกลายเป็นไอ้งั่งทันทีถ้าหวั่นไหวไปก่อนกับอีแค่เหตุการณ์เข้าใจผิดเล็กๆน้อยๆแบบนี้ ผมเข้าใจในเหตุการณ์แบบนี้พอสมควร ไม่ต้องกังวล
“มิซึกิไม่ได้บอกว่าจะไปชมรมวรรณกรรมเพื่อยืมหนังสือเหรอ? เขาเอาหนังสือไปแล้วหรอ?”
เข้าใจล่ะ เรื่องนั้นนี้เอง พอคิดๆดูแล้วทางผมก็ยังไม่ได้บอกเขาเกี่ยวเรื่องนั้นเลยนี่น่า
ยากิชิโอะ ทำมือไขว้หลังพร้อมกับเอาเท้าแตะพื้นไปมาอย่างเขินอาย
“ถ้า-ถ้าไม่อะไรแล้วล่ะก็ …ฉันขอเป็นคนช่วยเอาไปให้เขาแทนได้ไหม”
“อ่าไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะมันเป็นหนังสือแบบหลายเล่มติด ยังไงซ่ะทางคุณยากิชิโอะก็ถือไปได้ไม่หมดในรอบเดียวอยู่แล้ว ผมว่าให้เขามายืมหนังสือเอ-”
ดูเหมือนว่ายากิชิโอะกำลังจะสื่ออะไรบ้างอย่างร่างกายของเธอนั้นกระสับกระส่ายไปมา ผมเข้าใจล่ะเธอต้องการอะไร
“ได้ครับได้ ไม่มีปัญหาคุณยากิชิโอะ แวะมาเอาได้ตลอดเลย ฝากบอกเค้าด้วยน่ะครับ”
“อื้ม ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง! ฉันจะเอาเรื่องนี้ไปบอกเขาแน่นอน!”
ภายในห้องเก็บของที่มืดมิด รอยยิ้มของยากิชิโอะส่องสว่างราวกับดวงอาทิตย์ที่เปล่งประกายเจิดจ้า ฝุ่นรอบๆเป็นใจสะท้อนแสงทำให้เธอนั้นดูแวววาวมากยิ่งไปกว่าเก่า
“okay เดียวฉันจะเอาไปบอกเขาหลังเลิกเรียนน่ะ!”
“ดะ-เดียวก่อนครับ”
“เอะ อะไรหรอ?”
ยากิชิโอะยิ้มแล้วเอียงหัวของเธอ
เธอคนนี้เคยอยู่ม.ต้นเดียวกันกับผม บางที่ผมจะต้องทำอะไรให้เธอสักหน่อย
“คุณยากิชิโอะครับ ถ้าจะบอกควรบอกตอนทีี่ว่างไม่กิจกรรมชมรมน่ะครับ”
ถ้าเธอพาเค้าไปที่ชมรมได้ เมื่อถึงตอนนั้นคงสามารถหาเรื่องคุยดีๆกันได้เอง เมื่อเวลานั้นมาถึงผมก็สามารถหนีออกจากห้องชมรมได้และปล่อยให้พวกเค้าอยู่ด้วยกัน2ต่อ2 ตลอด2ชัวโมงที่เหลือ-
“กิจกรรมชมรมฉัน มันทำไมหรอ?”
ยากิชิโอะ เบิกตากว้างในทันที เธอมองมาที่ผมด้วยความไม่ไว้วางใจ
“จะอธิบายยังไงดีล่ะ มันคงจะดีน่ะถ้าคุณยากิชิโอะมาเยี่ยมชมรมสักครั้งน่ะครับ เนอะ?”
“คงเข้าใจที่ผมจะสื่อน่ะครับ”
“เยี่ยมชม ฉันหรอ?”
เอาจริงดิ นี่จะซื่อบื่อไปไหนเนี้ย
“ในอีกความหมายหนึ่งก็คือ ควรจะทำตัวว่างเข้าไว้ตอนไปชวนอายาโนะ ถ้ายากิชิโอะซังไม่มีกิจกรรมชมรมแล้วล่ะก็สามารถใช้ข้ออ้างนี้เพื่ออยู่ด้วยกันตามลำพังกับเค้าได้ แม้ว่าจะไม่ได้ชวนเขาก็ยังสามารถเจอเขาได้ตราบใดที่ยังอยู่ที่ชมรมน่ะครับ”
ยากิชิโอะตกใจมาก เธอเบิกตากว้างและปรบมือของเธอ
“อย่างงี้เอง นุคุมิซึนี้ฉลาดจัง”
สีหน้าของยากิชิโอะ เปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้มที่ร่าเริงในทันที พร้อมกับตบไหล่ของผม มันเจ็บน่ะ
“นุคุมิซึคุงเป็นคนดีน่ะเนีย ฉันเข้าใจผิดไปจริงๆ”
ข่าวลือของผมดูเหมือนจะกระจายไปทั่วชั้นเรียนแล้วสิน่ะ
“ใช่ๆ อีกอย่างอย่าเข้าใจผิดน่ะ! ฉันกับมิสึกิไม่ได้เป็นอะไรกัน แค่เป็นเพื่อนกันเฉยๆ”
“งั้นหรอครับ? มันไม่สายไปหน่อยหรอครับ มากันถึงขนาดนี้แล้วยังคิดกันแค่เพื่อนอีกหรอครับ?”
เธอเป็นคนสวยแถมยังอยู่ในกลุ่มคนชนชันสูงด้วย แค่ถึงจะมีความพร้อมขนาดนั้นแต่พอมาเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักเธอก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง ไร้เดียงสา ยากิชิโอะเม้มริมฝีปากของเธอเพื่อปกปิดความอายของเธอ
“ว่าแต่ ที่นี้ร้อนจังเลยเนอะ แล้วจะอยู่กันไปอีกนานแค่ไหนหรอ พวกเราก็ออกไปกันเถอะน่ะ”
ยาคิชิโอะดึงเสื้อพละ ของเธอขึ้นขณะที่พูด แล้วมันเพราะใครกันล่ะที่ทำให้ผมต้องมาติดอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก
ยาคิชิโอะยื่นมือเพื่อจะไปเปิดประตู
“เอะ เดี่ยวน่ะ?”
“มีอะไรหรอครับ?”
พวกเราสองคนพยายามที่เปิดประตู แต่ประตูมันก็ไม่ยอมเปิด ยากิชิโอะหันมาหาผมด้วยความสับสน
“ไม่จริงน่า ประตูมันถูกล็อคจากด้านนอก?”
“เอ๊ะ? เฮ้-ทุกคนมีใครอยู่ไหม ยังมีคนอยู่-”
“นุคุมิซึ! อย่าตะโกนเสียงดังนักสิ”
ยาคิชิโอะรัดคอผมแน่น อุหวา ผมรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างนุ่มๆ ที่หลังของผม ไม่น่ะ เหงื่อเหนียวๆ ของเธอมันทำผมเหนี่ยวตัวไปด้วย เธอจะเหงื่อออกเยอะเกินไปแล้ว
“หายใจ ผมหายใจไม่ออก”
แม้ว่าอยากจะหนี แต่ก็หนีความแข็งแกร่งของเธอไม่ได้ ผมไม่สามารถดึงเธอออกจากตัวผมได้เลย
“อ…อากาศ”
ผมใช้มือตีไปที่ ยากิชิโอะเท่าที่จะทำได้
“ขอโทษทีน่ะ ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม”
“นี้กะจะฆ่ากันเลยหรอ?… แล้วทำไมต้องห้ามผมตะโกนออกไปด้วยล่ะ”
“มันเป็นเพราะว่า คาบพละของพวกเราเรียนพร้อมกันกับห้องของมิซึกิ”
“ออ งั้นเธอก็อยากให้เรียกมิสึกิมาที่นี่หรอ?”
“ไม่เอาไม่เอา! ฉันไม่อยากให้มิสึกิคุงมาเห็นฉันตอนที่อยู่ด้วยกันกับผู้ชายคนอื่น”
ยากิชิโอะ หมุนนิ้วของเธอไปมาอย่างเขิลอาย
ฮะ ทำไมจู่ๆก็ทำตัวน่ารักขึ้นมาเฉยเลยล่ะ มันไม่ใช่เวลานี้น่ะ
“ถ้าเราไม่รีบคนอื่นๆจะขึ้นห้องเรียนเอาน่ะครับ”
“อดทนหน่อยน่ะ เดียวก็มีอีกห้องมาช่วยแล้ว”
“ถ้าห้องอื่นรู้ว่าพวกเรามาอยู่กันตามลำพังแบบนั่นมันจะไม่แย่เอาเหรอครับ?”
“งั้น…นุคุมิซึคุงช่วยครอสเดสเป็นผู้หญิงได้ไหม”
“มันไม่เร็วกว่าหรอครับถ้าให้ยากิชิโอะซังแต่งเป็นผู้ชายน่ะ”
การสนทนาพวกนี้มันไม่มีความหมาย ทุกคนน่าจะกลับกันแล้วในระหว่างทีั่พวกเรากำลังต่อล้อต่อเถียงกันอยู่ ตอนนี้ได้ยินแค่เสียงจั๊กจั่นดังมาจากข้างนอกแล้วเท่านั้น
ยากิชิโอะเกาะหน้าต่างใกล้เพดานแล้วยกตัวขึ้น
“เอ๊ะ แปลกจังทำไมไม่มีใครมาเลยล่ะ?”
“…ยากิชิโอะซัง ไม่ใช่ว่าห้องอื่นเขาไปเรียนว่ายน้ำกันเหรอครับ?”
“เอ๊ะ?”
เสียงระฆังดังขึ้น
“เดี่ยวน่ะ แล้วทำไมของเราไม่ได้เรียนว่ายน้ำล่ะ”
“ไม่ใช่ว่าอาจารย์เขาก็พูดแล้วหรอครับ? วันนี้มีการแข่งว่ายน้ำของปี2 จนถึงวิชาที่2 สระว่ายน้ำเลยต้องปิดไว้”
“จริงด้วย เพราะงั้นคาบที่3เลยไปเรียนว่ายน้ำกันสิน่ะ ไม่แปลกใจเลยถึงไม่มีใครอยู่ที่สนามเลย”
จั๊กจั่นร้องเพลงอย่างมีความสุข
“เฮ้ ยังมีคนอยู่ตรงนี้!”
“มีใครอยู่ไหม!?”
พวกเรานั่งลงด้วยความหมดแรงหลังจากตะโกนแบบนั้นไปสักพัก
ผมคิดว่าอณหภูมิ สูงสุดวันนี้คือ35องศา เป็นวันที่ร้อนวันแรกของฤดูร้อน
อุณหภูมิภายในห้องเก็บของสูงอย่างไม่น่าเชื่อ เหงื่อของผมค่อยๆแห้งลง อาจจะเป็นเพราะร่างกายของผมเริ่มที่จะชินไปกับมันแล้ว ไม่ก็เพราะไม่มีเหงื่อให้ไหลออกมา….
“ให้ตายสิ แล้วเมื่อไรจะมีคนมาช่วยพวกเราสักที่ล่ะเนี่ย?”
“ชมรมกีฑาจะมาในช่วงกลางวัน”
อุหวา คุณ ยากิชิโอะ เหงื่อท่วมเลย ผู้หญิงคนนี้ระบบเผาผลาญจะดีไปถึงไหน
“ไหวไหม ยากิชิโอะ?”
“ฉันไม่เป็นไร เพราะฉันเหมือนอิมพาลามากกว่าตัวละมั่งกาเซลเสียอีก”
“เอะ ยากิชิโอะซังเหมือน อิมพาลา?”
…เดี่ยวน่ะ นี้กำลังคุยเรื่องอะไรกันเนี่ย
“เพราะงั้นแล้วการวิ่งด้วย4เท้ามันเลยวิ่งเร็ว พูดอีกอย่างก็คือการวิ่งที่เร็วที่สุดนั้นก็คือการวิ่งแบบสัตว์4ขา”
“เออ”
น่าจะไม่ไหวแล้วล่ะอาการแบบนี้
ผมต้องทำอะไรซักอย่างพวกเราเลยไปจากที่นี่ไม่ได้เพราะ หน้าต่างใกล้เพดานก็ถูกเหล็กเส้นปิดไว้
คงต้องหาอะไรสักอย่างที่สามารถส่งเสียงได้ อืม.ในห้องเก็บของก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีพวกนักหวีดหรือลำโพงเลย
ขณะที่กำลังค้นหาบนชั้นผมพบกระเป๋าใส่อุปกรณ์กีฬาที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่น
เมื่อเปิดออกมาก็เห็นว่ามีเสื้อผ้าของผู้หญิง ผ้าขนหนู และขวดน้ำที่ใช้แล้ว
แม้จะมีหวังอยู่บ้าง แต่ปากขวดมันดันมีแต่เชื้อรานี้สิ ผมยอมแพ้และใส่ของกลับเข้าไปในถุง แต่ก็ยังดีที่พบเสปย์ทำความเย็นที่ก้นถุง
“ดูนี่สิ ยากิชิโอะซัง สเปย์เย็นล่ะ!”
ดวงตาแสนมืดมนของยากิชิโอะสว่างขึ้นมาในทันทีที่เห็นละอองน้ำ
“เจ๋งเลย นุกคุง! ฉีดมันมาเลย!”
นุกคุงหมายถึงผมเหรอ?
ยาคิชิโอะหันหลังแล้วถอดเสื้อที่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อออก แม้ว่าเธอจะส่วมสปอตบราเอาไว้แต่แผ่นหลังสีขาวของเธอก็ปรากฎมาให้เห็น
“อ้า เดียวก่อน!”
“เร็วเข้าสิ!”
ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามันจะมีวันที่ผู้หญิงมากระเส่าขอร้องใส่ผมแบบนี้
ผมฉีดมันลงบนหลังของเธอ ด้วยมือที่สั่นเทา ยากิชิโอะครางออกมาทันที ไม่รู้เลยว่าที่ครางนั้นเพราะรู้สึกดีหรืออะไรกันแน่
“ตรงข้างหน้าเดี่ยวฉันทำเองน่ะ”
ยากิชิโอะหันกลับมา แบบนี้มันจะดีหรอผมเห็นหน้าท้องเลยน่ะ รอยผิวที่โดน้ผามันชวนให้รู้สึกเร้าใจ
ขณะทีผมพ่นสเปย์ ท้องของเธอก็สั่นช้าๆ ในเวลาเดี่ยวกันเสียงแปลกๆก็หลุดออกมาจากลำคอของเธอ ถ้าผมคิดอะไรแปลกๆอย่าโทษผมก็แล้วกัน
“ตอนนีี้รู้สึกดีขึ้นรึยังครับ?”
“ดีขึ้นมานิด…หนึ่ง”
ยากิชิโอะนั่งลงบนพื้นด้วยความมันงงขณะที่เธอเอื้อมมือไปที่เสื้อชั้นในของเธอ
“เดี่ยวๆ อย่าถอดมันน่ะ”
“เอะ แหมม นุกคุงไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยก็พวกเราเป็นผู้หญิงกันนิเนอะ แล้วก็เหงื่อมันทำให้เหนี่ยวตัวน้า ช่วยเอาผ้าขนหนูมาให้หน่อยสิ”
คิดว่าพวกเราอยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าผู้หญิงรึไงเห้ย !? เสียเส้นเสียสติไปแล้วหรอ
ผมหยิบผ้าขนหนูออกจากกระเป๋า แล้วมองไปทางอื่นยากิชิโอะถอดเสื้อชั้นในของเธอออก
“ถ้าเช็ดเสร็จแล้วก็ใส่มันกลับด้วยเล่า!”
“….อ่านี่มันกระเป๋าที่ฉันทำหายไปนี่ มาอยู่นี่เอง”
ยากิชิโอะเช็ดร่างกายของเธอขณะที่เธอมองดูของในกระเป๋า
“เดี่ยวน่ะ ยากิชิโอะซัง เสื้อครับเสื้อ”
“ดีจังยังเหลืออยู่นิดหนึึ่ง”
ดีจัง? อย่าบอกน่ะหมายถึงขวดน้ำน่ะ
ผมหันไปมองอย่างระมัดระวัง อย่างที่คิดยากิชิโอะกำลังจะเอาขวดที่เต็มไปด้วยเชื้อราเข้าปาก
“ยัยบ้า อย่าดื่มมันน่ะ”
“เดี่ยวสิ! นุกคุงจะทำอะไรน่ะ!?”
ยากิชิโอะเอาตัวแนบหลังผมหลังจากที่ผมเอาขวดน้ำจากเธอไป
“โว้วว ผมไม่เห็นอะไรเลยน่ะ ไม่เห็นจริงๆ”
“มันเป็นของฉันน่า”
โอ้ววว มีอะไรบ้างอย่างกำลังกดทับผมอยู่ ของจริงสิ่งนั้นกำลังกดทับผมอยู่!
“เฮ้ มีใครอยู่ข้างในน่ะ?”
เสียงดังที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากข้างนอก เสียงนั้นคืออาจารย์ประจำชั้นของผมอาจารย์ โคนามิ อามะนะสึ
“อาจารย์ครับ มีคนอยู่เปิดประตูที”
ประตูถูกเปิดออกอย่างแรง
ขอบคุณสวรรค พวกเรารอดแล้ว อาจารย์อามานะสึอ้าปากค้างเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
“นี่ กำลังทำอะไรกันน่ะ?”
แบบนี้น่าจะไม่รอดแล้วล่ะ
ยากิชิโอะสภาพเปลื่อยเปล่ากำลังทับผมลงกับพื้่น….ไม่น่ะเราไม่มีข้อแก้ตัวแล้ว
“อาจารย์..จะรอทั้ง2คนหลังจากที่เสร็จกันแล้วน่ะ”
“อย่าปิดน่ะครับ อาจารย์ ช่วยด้วยยย”
“ถึงสมัยนี้มันจะเปิดกว้างแล้วแต่แบบนี้มันก็ไม่ควรทำกันในช่วงเรียนน่ะจ๊ะ”
“อาจารย์ครับ อย่ามัวแต่สนเรื่องนั้นสิ มาช่วยกันก่อน!”
หลังจากที่ผมพยายามผลักเธอออก ในที่สุดยากิชิโอะก็กลิ่งออกจากตัวผมด้วยความเหนื่อยล้า
…. ผมจะย้ำอีกครั้งน่ะ เพราะมันสำคัญมากๆ ผมไม่ได้คิดอะไรแปลกๆจริงๆน่ะ
(เมะมาแล้วไปดูกันโลดด ทางคนแปลติดเกมกับตีกับไวยกรณ์อยู่ กราบขออภัย เมะของดีจัพ)