Too Many Losing Heroines! ตรงนี้จะมีนางเอกนกเยอะไปแล้ว! 5 เล่ม1 บทที่1.5

ตอนที่ 5 เล่ม1 บทที่1.5

ผมเตือนยานามิที่จะเดินไปห้องชมรม

“แน่ใจแล้วหรอคุณยานามิ? จะพูดยังไงดีล่ะ ชมรมเล็กๆมันดีแล้วหรอ”

ด้วยบรรยากาศแบบเมื่อวาน ผมสังสัยว่าคนธรรมดาควรไปที่นั้นหรือไม่

“ไม่เป็นไรหรอกน่า ของแบบนั้นฉันก็เคยทำ รู้ไหมว่าสมัยก่อนฉันชอบทำพวกลูกขนๆมาก่อน”

“อันนั้นมันชมรม หัตถกรรม ที่จะไปนี้มันชมรมวรรณกรรม”

ช่างเถอะ ผมควรหยุดกังวลเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ได้แล้ว ผมเปิดประตูชมรมเข้าไป

“ไง หวัดดี”

“สวัดดี นุตุมิสึคุง”

รุ่นพี่ซึกิโนกิ กำลังปัดผมหน้าม้าของเธอขึ้นข้างบนเพื่ออ่านหนังสือ

“อืมม….”

โึคมาริเงยหน้าขึ้นด้วยอาการหงุดหงิด แต่เธอก็ตัวแข็งทันทีเมื่อเห็นผู้หญิงแปลกหน้า

“คือ…เธอมาที่นี้เพื่อเยี่ยมชมรมหรอ…”

“ขอรบกวนด้วยค่ะ หนูชื่อยานามิ อยู่ชั้นเดียวกันกับนุคุมิสึคุง”

“ara~~ยินดีต้อนรับจะ นั่งก่อนๆ ฉันจะชงชาให้น่ะ”

รุ่นพี่สึคิโนกิ กระดิกแว่นตาของเธอแล้วสะกิดผมขณะที่เธอเดินผ่าน

“เจ๋งมากนุคุมิสึคุง ไม่อยากจะเชื่อเลยเธอเอาผู้หญิงน่ารักๆแบบนี้มาในที่แบบนี้ได้

“หา?”

“อย่าบอกน่ะว่า คุณแฟนใช่ไหมเอย?”

อุหวา รุ่นพี่กินอะไรผิดสำแดงรึเปล่า

“อา ไม่ เธอไม่ใช่-”

“อะ เข้าใจผิดแล้วค่ะ พวกเราก็แค่เพื่อนร่วมชั้นกันเอง”

ยานามิไม่ได้มีปฎิกิริยาใดๆกับคำถามนั้น เธอไม่ได้เขินอายหรือรำคาญ เหมือนแค่ถูกถามคำถามประมาณวันนี้อากาศเป็นอย่างไงบ้างเท่านั้นเอง

แล้วเธอก็เดินสังเกตุห้องชมรมอย่างสงสัย

“ว่าแต่ที่นี่มีหนังสือเยอะเต็มไปหมดเลยนะคะ แล้วปกติที่นี่กิจกรรมชมรมเค้าทำอะไรกันหรอคะ”

“เอะ!?”

…ผมสัมผัสได้เลยว่ารุ่นพี่และโคมาริกำลังจ้องเขม็งมาที่ตัวผม ราวจะกินเลือดกินเนื้อผมให้ได้

แต่แล้วราวกับบรรยากาศที่อึดอัดก่อนหน้านี้ได้หายไป เป็นเพราะประตูห้องชมรมได้เปิดออก

“ช่างเป็นวันที่สดใสเสียนี้กระไร”

ชายร่างสูงเดินเข้ามาในห้อง ไม่ผิดแน่ประทานชมรมรุ่นพี่ทามากิแน่ๆ ยังไงก็ตามตอนนี้ผมรอดแล้ว

“ชินทาโร่ นายเป็นสมาชิกที่ไม่ทำกิจกรรมชมรมน่ะถึงจะเป็นประธานชมรมก็เถอะ”

รุ่นพี่สึกิโนกิแสร้งทำเป็นขมวดคิ้วและจ้องเขาที่เดินเข้ามา แต่เธอก็ไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มที่ริมผีปากที่อ่อนนุ่มของเธอได้

“โทษทีน่ะโทษที พอดีต้องยุ่งกับเรื่องเรียนน่ะ”

ประทานวางมือบนไหล่รุ่นพี่อย่างไม่ใส่ใจ

“ตอนปกติก็ไม่เห็นจะเรียนเลยนิ หืมม?”

“คือว่า….โอะ นั้นมันไม่ได้เจอกันนานเลย นุคุมิสึคุง นี่ชมรมของพวกเรามีสมาชิกใหม่ด้วยหรอ?”

“คะ ยินดีที่ได้รู้จัก ยานามิคะ พอดีมาที่นี่เพื่อเยี่ยมชมน่ะคะ”

“เยี่ยมชมหรอตามสบายเต็มที่เลยน่ะ”

ประธาน แสดงรอยยิ้มที่มีเสน่ห์เมื่อเขาเดินเข้ามาหาพวกผม ส่วนโคมาริ เหมือนเธอตัดสินใจอะไรบ้างอย่างได้จึงพุ่งเข้ามาแทรกระหว่างพวกเรา

“อา  ประ-ธาน ห-หนังสือที่ให้ยืมมาก่อนหน้านี้ เจ๋งมากเลยค่ะ!”

“อ่านเสร็จแล้วหรอ? ผมดีใจที่ชอบน่ะ โคโตะมักจะบอกว่าพวก นิยายไซไฟน่ะน่าเบื่อ”

ประทานพูดอย่างนั้น ขณะที่เขาเหลือบไปมองรุ่นพี่ซึกิโนกิ รุ่นพี่หันกลับมาพร้อมกับแววตาราวกับว่าเธอกำลังจะฆ่ากันให้ได้

“ฉันไม่ได้ดูถูกมันซ่ะหน่อย ไม่ใช่ว่าชินทาโร่ก็เกลียดหนังสือของฮารุกิเหมือนกันหรอ?”

“ไม่รู้เลยน่ะเนี้ยว่าเธอก็เป็นแฟนคลับของ  ฮารุกิ มารุคามิด้วย?”

“ฉันไม่ใช่   นายก็ไม่ได้อ่านหนังสือของ ริน อุสามิ ที่ฉันให้ยืมกับนายก่อนหน้านี้สักหน่อยนิ ก็เจ๊ากันไปแล้วนิ”

“ผมอ่านเล่มนั้นแล้ว และก็ออกความคิดเห็นไปแล้วด้วยว่ามันก็สนุกดี”

นี่ทั้ง2คนกำลังจีบกันอยู่หรอ เอาจริงดิ?

ขณะที่ผมกำลังมองดูพวกเขาอย่างุนงง โคมาริก็ขัดจังหวะการสนทนาขอพวกเขาอย่างไม่เกรงกลัว

“อา อา! หนูก็ชอบหนังสือของEqan เหมือนกัน! ถึงจะ..ไม่เข้าใจ..เนื้อหาก็..ตาม” (หนูลูก…)

“จริงหรอ? โคมาริรสนิยมดีเหมือนกันน่ะเนี่ย”

ประธานยิ้มและทำการลูบหัวของโคมาริ

“โอ้ย”

รุ่นพี่สึกิโนกิตบมือของประธานทิ้งไปทันทื

“เฮ้ ตาบ้านี้คือสิ่งที่สามารถหาได้ตาม#metooน่ะ(จากที่เข้าใจน่ะครับประมาณล้วงละเมิดทางเพศน่ะครับ) โคมาริจังฉันบอกตาบ้านี้ได้น่ะถ้าไม่ชอบน่ะ”

“ห-หนู!”

โคมาริดูเหมือนจะตกใจกับเสียงตีกันและก้มหัวของเธอลง

“หนู…ไม่…รังเกียจ..การลูบหัว…หรอกค่ะ”

เธอพึมพำ ใบหน้าของเธอนั้นแดงในทันที

“อ้าโคมาริจัง น่ารัก โคโตะเธอต้องหัดเรียนรู้จากโคมาริจังเสียบ้างน่ะ”

“ชิ โคมาริจังอย่าไปตามใจตานี้มากเกินไปนะ ตานี้สักวันจะต้องกลายร่างเป็นสัตว์ป่าแน่”

ประธานมองดูนาฬิกาแล้วตกใจ

“ถึงเวลาที่ต้องไปแล้วสิ.ต้องเข้าประชุมแล้ว ผมว่าจะไปอวดสักหน่อยว่าชมรมนี้ยังมีคนมาเยี่ยนอยู่”

“ฉันจะไปด้วย เดี่ยวนายก็เผลอหลับระหว่างประชุมอีก”

“เจ๋งเลย ถ้าโคโตะอยู่ก็จะสามารถปลุกผมเวลาสำคัญๆได้”

“ใครว่าจะปลุกนายกัน? ถึงเวลานั้นชั้นจะเสนอให้นายเป็นคนธรรมความสะอาดเลยคอยดู”

อ้าาา เบาหวานขึ้นตาพวกเค้าทำให้ผมเบาหวานขึ้นตาก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปเนี้ยน่ะ ว่าแต่แล้วแบบนั้นเราจะมีประธานชมรมไปทำไมล่ะเนี่ย?

“น่ารัก— ประธานพูดว่าฉัน-ฉันน่ารัก….เอะเฮะเฮะ”

โคมาริยิ้มเหมือนคนสมองไหลไปแล้วขณะทีเธอพึมพำกับตัวเอง โทษทีน่ะที่ต้องขัดความสุขของเธอน่ะ แต่มองจากมุมไหนยังไงเธอก็แค่ถูกเค้าหลอกใช้แน่นอน

อยู่ๆยานามิก็ตบไหล่ผมแล้วเอาหน้าเข้ามาใกล้ๆ ใกล้เกินไปแล้ว อีกอย่างยังได้กลิ่นอะไรหอมๆด้วย

“ที่ออกไปใช่ประธานกับรองประธานชมรมใช่ไหม? นี่สองคนนั้นกำลังจีบกันอยู่หรอ?”

“ผมก็ไม่แน่ใจน่ะ แต่จากที่มองน่าจะใช่เหละ”

ดูเหมือนโคมาริจะได้ยินบทสนทนาของพวกเรา หูอันแหลมคมของเธอโยกไปโยกมาราวกับรับคลื่นสัญญาณบางอย่าง

<พวกเค้าก็แค่สนิทกันเพราะเป็นเพื่อนสมัยเด็กเฉยๆ! พวกเขาไม่ได้จีบกันน่ะ!>

ยานามิหรี่ตาของเธอในทันที่

“…..แค่เพื่อนสมัยเด็กหรอ?”

<ใช่แล้ว! ก็แค่เพื่อนสมัยเด็ก>

โคมาริพิมมาอย่างนั้นแล้วจากไปด้วยความโกรธ-หรือไม่ก็ตาม หลังจากนั้นเธอก็ใส่หูฟังเปิดเพลงเสียงดังจนเราสองคนได้ยินและเริ่มอ่านหนังสือ ชั่งเป็นผู้หญิงที่เอาแต่ใจจริงๆ

ยานามิ ย้ายเก้าอี้ของเธอมาข้างๆผม

“ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหมทำไมเธอต้องสื่อสารกับพวกเราโดยใช่การพิมด้วยล่ะ”

ตรงนั้นจุดนั้นผมก็อยากรู้เหมือนกัน

“เรื่องนั้นพอลองกลับมาคิดดูแล้วน่ะ นุคุมิสึคุง ประธานกับรองประธานเป็นเพื่อนสมัยเด็กกันสิเนอะ…”

“เอะ ก็ใช่น่ะ”

“…ทำไมมันถึงได้ต่างกันได้ขนาดนี้กันน่ะ… ก็เป็นเพื่อนสมัยเด็กเหมือนกันไม่ใช่หรอ?”

ยานามิพึมพัมอะไรบ้างอย่างพร้อมกับกัดฟันไปด้วย

“ฟังผมน่ะ คุณยานามิ พวกเค้าไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแม้แต่นิดเดียว”

“เดี่ยวน่ะ งั้นก็หมายความว่า….”

ดูเหมือนยานามิจะเข้าใจอะไรบ้างอย่าง เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปที่โคมาริ

“…มือที่3?”

อยู่ๆเธอก็พึมพำขึ้นมา แต่โคมาริกับตัวสั่นด้วยความสั่นกลัว

“ไม่-ไม่ไม่ ประธานไม่เคยเดทกับทางนั้นเลยน่ะ(โคมาริ) ทำไมถึงคิดในแนวนั้นได้ล่ะ?”

“ไม่ มันไม่ใช่ความจริงหรอ? ความสัมพันธ์ของเด็กสาวที่กล้าที่จะมาแทรกกลางความสัมพันธ์หวานเชื่อนระหว่างเพื่อนสมัยเด็กน่ะมันก็ต้องเป็นมือที่3 อยู่แล้วสิ นายไม่เข้าใจหรอ?”

ออ เหมือนประมาณมีผู้ชายมาโผล่ใน YURIสักเรื่องสิน่ะ เข้าใจล่ะ ไปตายซ่ะ( ผมเห็นด้วยไปตายซ่ะ)

“ตรงจุดนั้นก็พอเขาใจอยู่หรอก แต่เรื่องนี้ก็ไม่ควรพูดน่ะ เพราะตอนนี้คุณโคมาริก็อยู่ที่นี่ด้วย”

“แต่เธอก็ไม่ได้ยินเรานิตอนนี้เธอก็ฟังเพลงอยู่ไม่ใช่หรอ?”

ผมไม่รู้ว่าเธอสัมผัสได้ถึงสายตาของพวกเราหรือเปล่า

แต่ตอนนี้โคมาริกับสั่นและถอยกลับไปซ่ะงั้น เอ่อ…. นี่มันอะไรกันเกิดความรู้สึกแปลกๆขึ้นอย่าบอกน่ะว่า

“อย่าบอกน่ะ… คุณโคมาริไม่ได้ฟังเพลงอยู่หรอ?”

“เอะ แต่เธอใส่หูฟังอยู่น่ะ”

“บางทีเธออาจจะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินบทสนทนาของเราผ่านหูฟังก็ได้”

“แต่เพลงมันดังมากจนเราได้ยินไม่ใช่หรอ?”

“แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้ยินเพลงแล้วนิ แสดงว่าตอนแรกมันก็แค่การแสดงเพื่อหลอกพวกเรา”

ใบหน้าของโคมาริเต็มไปด้วยเหงื่อขณะที่เธออ่านหนังสือ

เธอถอดหูฟังออกแล้วมองมาที่ผม หลังจากนั้นเธอหยิบอะไรบางอย่างออกมา

“นุคุมิสึคุง นี่คือ…กุญแจห้องชมรมน่ะ”

“โอ้..ขอบใจ”

“ฉ-ฉ-ฉ-ฉันขอกลับก่อนน่ะ”

โคมาริเดินออกจากห้องชมรมด้วยอาการตัวสั่น

….ห้องชมรมที่ครั้งหนึ่งเคยมีชีวิตชีวาเงียบลงอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ในห้องประกอบไปด้วยคนที่เกี่ยวข้องกับชมรมเล็กน้อยและไม่เกี่ยวข้องเลย

แล้วเอาไงต่อดีล่ะที่นี้

แม้ว่าทางยานามิจะมาเยี่ยมชมชมรมแต่ ผมก็ไม่รู้จะแนะนำให้เธอดี

“เอาเถอะ ผมจะชงชาสักหน่อย เอาหน่อยไหมเออผมแนะนำให้คุณเขียนชื่อลงไปบนรายชื่อเยี่ยมชมชมรมนะ”

“ขอบใจนะ เออขอชาเชียวน่ะ”

ยานามิเริ่มพลิกรายชื่อหลังจากนั้นเธอก็เขียนชื่อของเธอลงไป

“เอ้ ที่นี่มีคนมีเยี่ยมเยอะเลย มีชื่อของนุคุมิสึคุงอยู่ด้วย แล้วก็ผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นคุณโคมาริแน่ๆใช่ไหม”

ผมไม่รู้ว่าเธอเริ่มเบื่อกับเรื่องนี้เร็วไปหรือเปล่า ยานามิเริ่มมองไปที่ชั้นหนังสือ  มันอันตรายเพราะงั้นขอร้องอย่าหยิบหนังสือของดาไซและมิชิมะน่ะ

“ผมวางชาไว้ตรงนี้น่ะ”

“ขอบใจน่ะ อ่ะนี่นุคุมิสึคุง”

ยานามิจิบชาขณะที่เธอถามผมด้วยสายตาที่ไร้เดียงสา

“ว่าแต่ขอถามอีกรอบน่ะ ที่ชมรมนี้พวกเราต้องทำอะไรกันหรอ?”

หลังจากที่ผมกลับถึงบ้าน ผมก็เริ่มกลิ่งตัวบนโซฟาในห้องนั่งเล่นแล้วถอนหายใจ

“เราเป็นนักเรียนม.ปลายธรรมดาๆแล้วสิน่ะ”

ผมเคยดาวน์โหลดLine เพื่อซื้อสติ๊กเกอร์ตัวละครที่ผมชอบอยู่ครั้งหนึ่ง แต่ผมก็ไม่เคยมีโอกาศเลยที่จะได้ใช้มันจนถึงเมื่อกี้ ผมมองไปที่ข้อความต้อนรับของรุ่นพี่สึกิโนกิ.

ใช่แล้ว ตอนนี้ผมได้อยู่ในline ของชมรมวรรณกรรมแล้ว

ผมควรถือว่านี้คือจุดสูงสุดของชีวิตในรั่วโรงเรียนมัธยมของผมสิน่ะ หลังจากนี้ผมก็ต้องใช่ชีวิตอย่างระมัดระวังไว้เหมือนกับหอยกาบ

จำได้ว่า อายาโนะฝากให้ผมยืมหนังสือให้เขาสิน่ะ เอาล่ะตัดสินใจได้แล้วนี่คือข้อความแรกของผม

“คนที่ผมรู้จักเขาอยากยืมหนังสือซีรีย์อาจารย์ kobo abe, ….ประมาณนี้สิน่ะ”

ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมคนแก่ถึงต้องพูดประโยคเดียวกันกับที่พวกเขากำลังพิมพ์บนคียบอร์ดออกมาด้วย

นี่ผมจะได้รับคำตอบกลับมาใช่ไหม? ผมได้ยินมาว่าบ้างคนก็ชอบอ่านแล้วไม่ตอบกลับมา หรือไม่ก็บล็อกไปเลยด้วยเหตุผลบางอย่าง แล้วถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นผมจะทำยังไงดีล่ะ?

ขณะที่ผมกำลังกังวลรุ่นพี่สึกิโนกิก็ตอบกลับมา

อ่าขอบคุณพระเจ้า ดูเหมือนว่าผมจะไม่ถูกบล็อก

<Tsukino-Mono: ได้สิ พยายามชวนเขาเข้าชมรมด้วยน่ะ อย่าปล่อยกลับไปเฉยๆ>  

ผมได้รับอนุญาติ สำเร็จแล้ว….ว่าแต่ ใครบางคนช่วยทำอะไรกับ usernameของรุ่นพี่สึกิโนกิได้ไหม? (*เสริม*  Tsukinomono แปลว่าประจำเดือน ประมาณนั้นครับ )

ขณะที่ผมกำลังกลิ่งอยู่บนโซฟา คาจู น้องสาวของผมก็นั่งลงบนโต๊ะฝั่งตรงข้าม

“ท่านพี่นี่เป็นคนที่ดีมากๆเลยคะ”

จู่ๆเธอก็พูดออกมาแบบนั้น

“อา ขอบใจ”

“ท่านพี่มักจะฟังสิ่งที่คาจูพูดด้วยรอยยิ้มเสมอ และท่านพี่ก็จะไม่มีวันพูดปฎิเสธหนู”

“บางครั้งหนูก็คิดว่า หนูพูดมากเกินไปแล้ว”

ใช่แล้ว เหมือนตอนนี้เลย

“ท่านพี่มักจะอดทนความเอาแต่ใจของหนูเสมอ ท่านพี่นั้นจะไม่มีวันรำคาญหนูอีกด้วย”

“นี่ถ้ารู้ว่าตัวเองเอาแต่ใจ ทำไมไม่เปลี่ยนนิสัยตรงจุดนั้นล่ะ?”

คาจูเมิน ผมและกระแอมในลำคอของเธอ

“ท่านพี่คะ คาจูอยากจะทำเคียราเบนให้นะคะ”   (*ข้าวกล่องรูปสัตว์ anime)

ดูเหมือนเธอยังพยายามพูดอะไรบ้างอย่างต่อ แต่ผมก็ไม่อยากบ่นอะไรต่ออีก

“แล้วคือยังไงล่ะ? อธิบายสิ”

“คาจูกังวลมากเรื่องของท่านพี่ เวลาที่ท่านพี่ยิ้่มแปลกๆให้กับตัวละครในโทรศัพท์มือถือน่ะคะ”

งั้นหรอ นั่นเป็นเหตุผลที่จะทำเคียระเบนให้สิน่ะ

“โทษทีน่ะ พี่ไม่เข้าใจน่ะ”

“ท่านพี่ ส่ามารถดึงดูดตวามสนใจของทุกคนได้ด้วยเคียระเบน นี่จะกลายเป็นโอกาศที่จะเปิดบทสนทนาเกี่ยวกับอนิเมหรือมังงะได้คะ ทุกคนน่าจะชอบอะไรแบบนั้นมากกว่า”

“ทำไมต้องมังงะกับอนิเมด้วยล่ะ?”

“มีแต่หัวข้อนั้นไม่ใช่หรอคะที่ท่านพี่สามารถพูดได้?”

น้องสาวของผมนี่หยาบคายจริงๆ ถึงจะไม่ใช่ความผิิดเธอก็เถอะ 

“แต่ ลองคิดดูสิถึงจะพี่จะมีเคียราเบน แต่ก็ไม่ได้เอาไปโชวให้ใครเห็นอยู่ดีนิ”

“ถึงท่านพี่จะไม่มีเพื่อนแต่ก็ไม่ได้กินข้าวเที่ยงคนเดียวนิคะ?”

“เอ่อ ไม่น่ะ ปกติพี่แยกไปกินข้าวเที่ยงคนเดียวน่ะ”

“เอ๊ะ เอาจริงหรอคะ?”

คาจูโป่งตาของเธอ และปิดปากของเธอด้วยความไม่เชื่อ

“แต่ ปกติทุกอย่างจะราบรื่นได้นะคะถ้าท่านพี่ยังมีปฎิสัมพันธ์หรือพูดคุยกับคนอื่นนิคะ”

ท่านพี่คนนี่จะไม่มีทางอยู่คนเดียวแน่นอนคุณน้อง ถ้าพี่สามารถทำแบบนั้นได้น่ะ

“ท่านพี่ึคะ ถ้าอย่างงั้นคาจูขอไปโรงเรียนกับท่านพี่ด้วยได้ไหมคะ? เผื่อหนูจะสามารถชวนคนอื่นมากินข้าวกับท่านพี่ได้”

“ขอร้องล่ะอย่าเลย ลองคิดดูว่าคนอื่นจะมองพี่ยังไงเวลาที่มีน้องสาววัยม.ต้นมาทำอะไรแบบนั้นให้น่ะ”

“งั้น เคียราเบนก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดจริงๆ ลองมาดูตัวอย่างกันดีกว่าคะ”

เดียวน่ะ นี่น้องทำมันออกมาแล้วหรอ? คาจูหยิบกล่องเบนโตะ ออกมาจากที่ไหนก็ไม่ทราบ

“ในตัวเลือกแรกของหนู เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจาก ตัวแทนของท่านพี่”

 เดี่ยว เดี่ยว เดี่ยว เดียว  Stopเลยแบบนั้นมันชักจะทำให้พี่กลัวแล้วน่ะ

“นอกจากนี้หนูก็ยังสร้างออกมาด้วย สไตล์ เกคิกะแบบเก่าอีกด้วยคะ มัน

เหมือน ศิลปะสาหร่าย มากกว่าเคียราเบนคะ” (*สไตล์เกคิกะคือภาพการตูนดราม่าครับของญี่ปุ่นช่วง 1960-1970ครับ มีเนื้อภาพเป็นผู้ใหญ่ครับ)

“หนูจะเขียนข้อมูลส่วนตัวของท่านพี่ โดยใช้งาดำค่ะ ด้วยวิธีนี่หนูพนันได้เลยว่าทุกคนในชั้นจะต้องรู้ว่าท่านพี่มีเสนห์มากแค่ไหนแน่คะ”

แล้วเพื่อนร่วมชั้นพี่จะมาอยากรู้ ส่วนสูง น้ำหนัก หรือความรักครั้งแรกของพี่ไปทำไมเล่า

“แล้วตรงจุดนั้น ทำไมรักแรกของพี่ถึงได้เป็นชื่อ คาจูได้ล่ะ?”

“เอ๊ะ นั่นก็เพราะว่าท่านพี่ชอบพูดว่า คาจูน่ารักตั้งแต่เด็กๆ แล้วนิคะ”

ไม่น่ะ ที่ชมไปแบบนั้นเพราะว่าน้องคือน้องสาวพี่เฉยๆ

“ยังไงก็เถอะ สุดท้ายแล้วตอนนี้พี่ไม่ต้องการข้าวกล่องหรอก มีคนทำมาให้พี่แล้ว”

“…มีบางคนทำข้าวกล่องให้ท่านพี่งั้นหรอคะ? เฮ้ เอ๊ะ!?”

ดูเหมือนว่าสมองของเธอจะปฎิเสธ ที่จะเข้าใจคำตอบของผม คาจูตัวแข็งทื่อไป

“นี่ คาจู?”

“ท่านพี่! ท่านพี่จะไปเดธกับผู้หญิงโดยที่ยังหาเพื่อนจริงๆไม่ได้หรอคะ? ท่านพี่ยังไม่ได้ขออนุญาติ จากคาจูเลยด้วยซ้ำ!?”

“ไม่ใช่ มันไม่ใช่! พี่จะมีแฟนได้ยังไงขนาดแค่เพื่อนพี่ยังหาไม่ได้เลย”

“ใช่ค่ะ ทำไมท่านพี่ถึงหาแฟนได้ล่ะค่ะ ทั้งที่ยังหาเพื่อนไม่ได้เลย”

ทำไมน้องสาวผมถึงย้ำตรงจุด “ไม่มีเพื่อน” กันนักกันหนากันจัง

“คาจูได้ยินมาว่ามีวัฒนธรรม แปลกๆ ทำนองว่า ‘แฟนสาว อากาศ’ ในกลุ่มคนโดดเดี่ยวอยู่ค่ะ ถึงอย่างงั้นเถอะค่ะการกิน ‘ข้าวกล่องอากาศ’ ไม่ได้ให้แคลลอรี่แม้แต่นิดเดียว ท่านพี่ควรกินอาหารให้ถูกหลักนะคะ”

“คิดว่าพี่เป็นคนยังไงกัน? พี่กินอาหารจริงๆดังนั้นไม่ต้องห่วงหรอกน่า”

ถึงแม้มันจะเป็น อาหารจากร้านสะดวกซื้อก็เถอะ

“แต่ตามปกติแล้วไม่มีใครอยากทำข้าวกล่องให้คนอื่นน่ะคะ ถ้าคนนั้นไม่ใช่เพื่อนหรือคนรัก…นิคะ?”

“พี่จ่ายไปแล้วน่ะ”

“อย่างงี้นี่เอง ผู้หญิงคนนั้นทำเป็นธุรกิจนี้เอง”

ดูเหมือนว่าคาจูจะเข้าใจแล้วพร้อมกับปรบมือของเธอ

“แลกเปลี่ยนข้าวกล่อง สิน่ะคะ?คาจูเคยได้ยินเรื่องนี้จากเพื่อนอยู่ค่ะ”

“เลือกเพื่อนระวังๆหน่อยนะคะ”

พี่หาคนทำเคียระเบงได้ด้วยความบังเอิญน่ะ

….ดูเหมือนว่าพวกเราทั้งคู่จะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากสิน่ะ

<หนี้คงเหลือ วันนี้ 3267เยน> (*ประมาณ769บาท)

*

วันถัดมาเป็นวันพุธ ยานามิทำตามสัญญาของเธอและมาที่บันไดฉุกเฉิน ดูเหมือนว่าเธอจะจ่ายหนี้ของเธอด้วยข้าวกล่องจริงๆ

เธอวางผ้าเช็ดหน้าไว้บนบนได ก่อนจะนั่งลง

เธอถอนหายใจเสียงดังจนผมได้ยิน มันจะต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนของเธอและแฟนหนุ่นของเพื่อนเธอแน่ๆ

“วันนี้นะ ฉันได้รับคำชวนจาก2คนนั้นด้วย ว่าวันอยากจะมาติวด้วยกันที่บ้านของคาเรนจังไหน่ะ”

“ไม่ลองปฎิเสธไปดูล่ะครับ”

ยานามิได้ยินความคิดเห็นตรงๆจากผมและได้แย้งขึ้นมาทันที

“ถ้าฉันไม่ไปล่ะก็ 2คนนั้นได้อยู่กัน2ต่อ2แน่ๆ”

“ยอมแพ้เถอะครับ มองยังไง2คนนั้นก็จีบกันอยู่”

ผมมาที่นี่เพื่อกินข้าวกล่องน่ะ หยุดพูดเรื่องแปลกๆพวกนี้ผมกับผมทีได้ไหม

“…อันที่จริง ฉันคิดว่าคาเรนจังกำลังพยายามที่จะทำลายฉัน ฉันพนันได้เลยว่าเธอรู้ว่าฉันมองโซสุเกะด้วยสายตาลามก”

ยานามิ ขอร้องล่ะเก็บเรื่องแบบนั้นไว้ในใจเถอะไม่ต้องพูด

“ผมจำได้ว่าผมเคยบอกว่าไม่ต้องคิดมากนิ? บางทีพวกเขาก็อาจจะคิดว่าการอยู่ด้วยกัน2ต่อ2มันอึดอัด นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงอยากให้คุณยานามิอยู่ด้วย”

“…พูดอีกอย่างก็คือ เธอก็แค่ใช่ฉันเป็นเครื่องมือในการพาโซสึเกะไปที่บ้านของเธอสินะ” 

เอ๊ะ นี่ผมพูดอะไรแย่ๆออกไปรึเปล่า?

“คิดมากน่ะครับ คิดมาก…”

 “อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ คาเรนลดการป้องกันของเธอลงแล้วให้โชวสุเกะเข้าไปที่บ้านของเธอ และแล้วมันก็จะ-”

ยานามิจ้องมองมาที่ผม

“…อันนะจังบอกว่าไม่ว่างเลยมาไม่ได้น่ะ”

….จู่ๆ ยานามิก็เปลี่ยนเสียงพูดขึ้น

“ฮะ?” 

ยัยนี้อาการหนักแล้ว

“นี่คือการสาธิต ลองนึกภาพตามน่ะ ฉากที่คาเรนจังอยู่กับโซสึเกะ2ต่อ2”

“ฮะ….”

ของร้องล่ะหยุดลากผมไปทำอะไรแปลกๆได้ไหม?

“เอาใหม่น่ะ เอาใหม่ วันนี้อันนะจังมาไม่ได้. ตาของนุคุมิซึคุงแล้ว นายต้องเล่นเป็นโซสึเกะ เร็วเข้า!”

“เอ่อ…งั้นวันนี้ก็มีแค่พวกเรา2คน…”

นี่มันจินตนาการบ้าอะไรเนี่ย?

“คือว่าสมมุติน่ะ สมมุติน่ะว่าฉันไม่ได้เอ่ยปากชวนเธอมา จะทำอะไรฉันรึเปล่า?” 

ยานามิก้มศีรษะลงและย่นระยะห่างระหว่างพวกเรา

นึกให้ออก ผมต้องนึกให้ออก ปกติแล้วเวลาเกิดเหตุการณ์แบบนี้พวกตัวเอกรอมคอมมันจะตอบคำถามยังไง?

“จะทำอย่างไงหรอถ้าผมจะบอกว่าเรื่องที่บอกไปเมื่อกี้ผมรู้อยู่แล้ว”

“โซซึเกะ…”

“คาเรน…”

ช่วงเวลาแห่งความเงียบแผ่กระจายเมื่อเรามองหน้ากันและกัน ยานามิรีบขยับร่างของเธอออกและตีไปที่หัวเข่าของเธอ

“มันต้องเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นแน่! ยัยนั้นกำลังเล็งไปที่ร่างกายของโซสึเกะ….”

ส่วนใหญ่มันก็จินตนการของเธอไม่ใช่หรอ

“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะ แล้วข้าวกล่องของผมล่ะ”

“นุคุมิสึคุง ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาของเรื่องนั้น เนอะ? ไม่เคยมีเพื่อนเลยหรอ?” 

ไม่ต้องห่วงเรื่องผมเลยน่า

ยานามิหยิบข้าวกล่องที่ทำจากอะลูมิเนียมออกมา เดี่ยวนะ ทำไมมันถึงมีแค่อันเดียวล่ะ?

“ช่วยเปิดฝาหน่อยได้ไหม”

ยานามิให้ผมจับฝาขณะที่เธอแทงตะเกียบเข้าไปในข้าว

“กำลังทำอะไรเนี่ย?”

“เมื่อวานฉันเคยพูดไปแล้วนิ? ตอนนี้ฉันทำข้าวกล่องได้แค่กล่องเดียว”

ข้อมือของเธอสั่นขณะที่เธอพยายามแบ่งข้าวกองใหญ่แล้ววางลงฝา กล่องอะลูมิเนียม

มันดูหนัก  จากตรงนี้สามารถมองเห็นกลุ่มก้อนของข้าวที่เกาะกันจนกลายเป็นเค้กข้าวได้เลยหากมองมันใกล้ๆ

“เพราะงั้น ฉันจึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะใส่สำหรับ2คนไว้ในกล่องเดียว ผักอยู่ในชั้นถัดไปนะ” 

ผมได้ อะไรบ้างอย่างมา2กอง ผักทอดที่ถูกอัดมาเลยอยู่ในรูปของกล่อง ทำให้ผมรู้สึกไม่อยากอาหารเลย

“อืม ขอบคุณสำหรับอาหารน่ะ”

“…อืม ตามสบายเลยน่ะ มากินข้าวกันเถอะ”

งั้น แล้วผมจะชิมเค้กข้าวที่ยานามิพยายามทำสุดฝีมือนี้ยังไงดีล่ะ ? ผมรู้สึกสิ้นหวังยิ่งไปอีกตอนที่ตะเกียบของผมไม่สามารถที่จะหยิบก้อนข้าวพวกนี้ขึ้นมาได้ ในเวลาเดียวกัน ผมก็พยายามยัดมันเข้าปากโดยใช้ซอสจากอาหารที่ต้มแล้วยัดพวกนั้นทั้งหมดเข้าปากของผม

“คือ.. อร่อยมั้ย?”

เอ๊ะ เห็นรีแอกชั่นของผมแล้วนิยังมีหน้ามาถามว่าอร่อยมั้ย? อีกหรอ

“ตรงส่วนของผักคุณยานามิก็ทำด้วยหรอ?”

“ใช่แล้ว ตรงจุดนั้นฉันใช้ความพยายามสูงเลยน่ะ แล้วให้ราคาเท่าไรดีล่ะ?”

อา งี้เอง ก็ยังดี อย่างน้อยตอนนี้ผมก็รับรู้ได้ว่ายานามิไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาด้วยอาหารแบบนี้

อา ผมลองชิมทอดมันที่กองอยู่ตรงกองผักแล้วนั้น

“อ่ะ 400เยน”

“ดีเลย ราคาสมเหตุสมผล”

ยานามิเคี้ยวข้าวปั่นอย่างอารมาณ์ดี ผมจะพูดยังดีล่ะ มาตรฐานของราคานั้นค่อนค่างต่ำไปหน่อย อีกอย่างข้าวกล่องนี้ก็ยังใหญ่มากด้วย….

“ฉันคิดว่า หนี้ของฉันน่าจะจ่ายหมดก่อนถึงวัยหยุดฤดูร้อนได้”

ใช่แล้ว มื้อเที่ยงของเรา จะจบลงหลังจากจ่ายหนี้เสร็จแล้ว ผมคิดว่ามันก็ไม่แย่น่ะที่จะเปลี่ยบเทียบว่ามันเป็นอีเว้นที่มีเวลาจำกัด  ยังไงซ่ะก็ต้องใช้หนี้ผมอยู่ดี

“นี่ อยากขึ้นมานั่งข้างบนกันไหม? ตรงชั้น4 สามารถมองเห็นสนามกีฬาได้เลยน่ะ”

ผมจัดการข้าวกล่องของยานามิจนเสร็จ ทางยานามิเองก็ลุกขึ้นยืนหลังจากรับข้าวกล่องที่ว่างเปล่าไปแล้ว ส่วนทางผมเองไม่มีเหตุผลที่จะปฎิเสธข้อเสนอของเธอ

ภายใต้ท้องฟ้าของเดือนกรกฎาคมที่แจ่มใสนั้นไม่มีก้อนเมฆเลยแม้แต่ก้อนเดียว

ชมรมกีฑาก็กำลังฝึกซ้อมกันอยู่ที่สนาม

“อา นั่นเรมงจังใช่ไหม?”

ยานามิพิงที่จับแล้วยื่นมือออกไป

ผมมองเห็นผิวสีข้าวสาลีของ เรมง ยากิชิโอะได้จากระยะไกล เธอทิ้งระยะห่างจากคนอื่นๆได้ตั้งแต่ออกตัว

“เรมงจังนี่เร็วจังเลยน่ะ!”

กินข้าวเที่ยง เปลี่ยนชุดแล้วออกไปซ้อม แล้วกลับมาเปลี่ยนชุด ในเวลาพักเที่ยง50นาที ผมคิดไม่ออกเลยว่าผมจะทำอะไรแบบนั้นรึเปล่า

ผมไม่ได้พยายามล้อเลียนเธอน่ะ ผมแค่ท้อกับตัวเองที่ไม่สามารถสัมผัสอะไรที่วิเศษแบบนั้นได้บ้าง

“เธอชนะการแข่งขันวิ่ง100 เมตรระดับตำบลเลยน่ะรู้ไหม? เธอยังได้รับอันดับที่ดีในระดับจังหวัดอีกด้วย”

“เฮ้- รู้เยอะจังเลยน่ะครับ”

บ้างทีผมน่ะจะสามารถขอให้เธออ่านบอร์ดประกาศให้ผมได้บ้างในบ้างครั้ง

“เธอสุดยอดมากจริงๆ เรมงจัง”

เธอพูดประโยคนั้นออกมาด้วยความไม่ตั้งใจ ด้วยบรรยากาศแบบนั้นผมเลยกลืนสิ่งที่อยากจะพูดกลับลงไป

ดวงตาของยานามิเต็มไปด้วยน้ำตา

น้ำตาที่ล่วงหล่นของเธอพัดปลิวไปกับสายลม

ใบหน้าของยานามินั้นยังคงความรู้สึกไร้เดียงสาเอาไว้ เมื่อไม่นานมานี้ ผมไม่เคยมีปฎิสัมพันธ์กับเธอมาก่อนเลย แต่ในตอนนี้ ผมได้มาอยู่ที่นี่และเห็นเธอร้องไห้ออกมา มันให้ความรู้สึก ราวกับว่าตรงจุด จุดนี้้มันไม่ใช่ของจริง

“นี่ คุณยานามิ.โอเคมั้ย” 

“ฉันถูกทิ้ง-”

เพิ่งรู้ตัวหรอ?

“เฮ้ ฉันพนันได้เลยว่า เมื่อกี้นายเพิ่งคิดในหัวว่า ฉันนั้นจะเพิ่งรู้ตัวหรอ”

“อา รู้ได้ไงเนี้ย?”

อย่าอ่านใจคนอื่นสิ

“ฉันจะพูดยังไงดีล่ะ? ในที่สุดฉันก็รู้สึกตัว”

“คุณรู้สึกตัว?”

“ฉันรู้ตัวว่าถูกทิ้งจริงๆหลังจากที่เห็นเรมงจัง กำลังวิ่งไป”

น้ำตาบนขนตาของเธอนั้นเป็นประกาย 

“สมองของฉันเข้าใจเรื่องที่ฉันถูกทิ้ง มาโดยตลอด… แต่ร่างกายของฉันพยายามแกล้งที่จะไม่ยอมรับมัน”

ตอนนี้ยากิชิโอะวิ่งอยู่กลุ่มเดียวกับผู้ชายแล้ว จากมุมมองของพวกเราไม่ช้าเธอก็ถูกผู้ชายร่างสูงใหญ่แซงขึ้นไปในทันที

“ฉันคิดว่านุคุมิซึคุงจะต้องเข้าใจแน่ถ้าโดนปฎิเสธอย่างไร้เยื่อใยมา”

“อาจจะนะ”

“ยังไงก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้ว่าฉันจะถูกปฎิเสธมาก็ตาม 

ฉันรู้สึกไม่สดชื่นเอาเสียเลย”

ยานามิพูดอย่างนั้นแล้วยืดหลังของเธอ

“แต่ว่า ทุกๆอย่างรอบตัวฉันก็จะดำเนินต่อไปและฉันก็ต้องก้าวเท้าต่อไป ไม่ว่าฉันจะอยากหรือไม่ก็ตาม”

มันน่าจะอารมณ์เหมือนเควสหลักในเกม

“นั้นสิผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะตอนนี้ผมยังไม่เคยถูกปฎิเสธมาก่อนเลย”

“โอ้ว นั้นมันประโยคคำพูดจากคนที่popplarนี่นา”

ยานามิตอบกลับการหยอกล้อของผมด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน

ผมพนันได้เลยว่าตัวเอกไลท์โนเวลจะทำให้หัวใจของนางเอกเต้นรัวได้ด้วยคำพูดติดตลกเมื่อกี้  แต่ผมคิดว่านี่คือไกลที่สุดที่ผมสามารถทำได้แล้ว

ส่วนของตัวนางเอกที่พ่ายแพ้ นั้นการเวลาก็คงจะได้ผันผ่านเธอไป ชีวิตประจำวันของเธอนั้นก็ดำรงอยู่ต่อไปเรื่อยๆและใช้ชีวิตประจำวันของเธอต่อไปตามปกติ เช่นเดียวกันกับคู่รักอีกคู่ที่กำลังสร้างช่วงเวลาที่น่าจดจำ

เราสองคนปล่อยให้บทสนทนาเงียบดับลง เพลิดเพลินไปกับสายลมที่พัดผ่านพลางเฝ้ามองนักเรียนคนอื่นๆที่กำลังวิ่งแข่งกันอยู่ที่สนามกีฬา

<หนี้คงเหลิือ วันนี้ 2867เยน>  674.68 บาท

หยุดพักกันชั่วครู่- แม้วว่าเธอนั้นจะหิวโหย แต่เธอนั้นก็เป็นเด็กดีเหมือนกับพระเจ้า

หลังจากกดปุ่มบนหม้อหุงข้าว เสียงไฟฟ้าก็ดังขึ้นในห้องครัวที่แสนจะมืด อันนะ ยานามิสวมชุดนอน และเปิดตู้เย็นพร้อมกับหาวไปด้วย

“อี้ มันก็แค่ไข่…”

ยานามิเปิดช่องแช่ผัก ในนั้นมีกะหล่ำดอกและแฮมอยู่ ในส่วนอื่นก็ยังมีสปาเก็ตตี้แช่งแข็งและไอติมการิการิคุงเธอก้มลงไปข้างล่างและพบกับถุงพักที่เปิดอยู่

“ฉันจะทำอะไรจากของพวกนี้ดี…น่ะ”

ไข่ แฮม ผักรวม เธอมองดูของที่ริบมาจากสงครามบนโต๊ะอาหาร

วันพรุ่งนี้ข้างกล่องจะทำเป็นอะไรดี? แม้ว่าฉันจะทำอาหารไม่เก่งแต่ฉันไม่ชอบปฎิกิริยาของตานั้นมากกว่า

“เขาก็ไม่ได้บอกว่าข้าวกล่องของฉันรสชาติแย่เหรอ…?”

จู่ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในใจของยานามิ ขณะทีเธอเปิดชั้นวางชามที่เต็มไปด้วยอาหารกระป๋อง ยานามิหยิบกระป๋องที่อยู่ด้านในสุดออกมา และปัดฝุ่นออก

มีป้ายเขียนว่า “ผลิตภัณฑ์จาก Emperor’s hotel: ซอสสีขาวสูตรลับ

โอ้น่าจะดีน่ะ ฟังดูดีด้วย ฉันพนันได้เลยว่าตานั้นต้องยอมรับในการทำอาหารของฉัน

ยานามิยิ้มอย่างซุกซนและมองไปที่โต๊ะ เธอสังเกตุเห็นวันหมดอายุที่ด้านข้าง

เดี่ยวนะ นี่มันปีไหนล่ะเนี้ย? อืม ปีแรกของเรวะคือ2019-

ยานามิหยุดความคิดและวางกระป๋องลงบนโต๊ะ

มีคนเคยพูดเอาไว้ นโปเลียนเป็นคนแรกที่กินอาหารกระป๋อง ถ้าคนเมื่อนานมาแล้วยังกินได้ แค่หมดอายุไป2ปีก็ไม่น่าเป็นอะไรใช่ไหม?

ยานามิยอมรับข้อสรุปอันลึบลับในสมองของเธอ และกัดไอติมการิการิคุงเข้าปาก

(….อุ๊ย!)

เธอนั่งยองๆ อยู่คนเดียวในห้องครัวมืดๆ 

อันนะ ยานามิ วัย15ปีสาวน้อยที่ไวต่อความรู้สึกมากเกินไป พบกันอีกครั้งกลางดึกในฤดูร้อน

 

จากคนแปลครับ

เลือดตาแทบกระเด็นการเป็นสมาธิสั่นแม่งลำบากชิบ กว่าจะจบบทที่1ได้เสียที ล่อไปกี่เดือนล่ะนั้นช่วงมหาลัยด้วย ยาวๆกันไปครับ บทที่2 มาแน่แต่ มาแน่ครับ เชื่อผม คำผืดด่าได้เลยครับแต่แนะนำจะเป็นพระคุณ  

Too Many Losing Heroines! ตรงนี้จะมีนางเอกนกเยอะไปแล้ว!

Too Many Losing Heroines! ตรงนี้จะมีนางเอกนกเยอะไปแล้ว!

Score 10
Status: Completed
"หืม นายหาว่าใครแพ้กัน" ในชั้นเรียน ผมนุคุมิสึ คาซูฮิโกะ ได้พบกับหญิงสาวผู้โด่งดัง อันนะ ยานามิ(นกเบอร์1)ที่พึ่งจะถูกชายอื่นปฎิเสธมา "ทั้งๆที่ตอนนั้นบอกว่าจะแต่งงานด้วยกันแล้วแท้ๆ ไม่คิดว่าแบบนี้มันใจร้ายกันไปหน่อยหรอ?" "เรื่องนั้นเขาพูดตั้งแต่สมัยไหนหรอ" "น่าจะราวประมาณ4-5ขวบน่ะ" อะไรแบบนั้นน่ะมันนับได้ด้วยหรอ? พร้อมกับ นางเอก ผู้แตกพ่ายอย่างอย่างเรม่อน ยาคิชิโระ (นกเบอร์2) จากชมรมกีฬาและ ชิกะ โคมาริ(นกเบอร์3) จากชมรมวรรณกรรม "นุคุมิสึคุง นายรู้ไหมผู้หญิงน่ะมีอยู่2ประเภท เพื่อนสมัยเดีกไม่ก็ยัยแมวขโมย" "งั้นหรอช่างกล้าที่จะพูดน่ะ" โชคชะตานั้นจะเข้าข้างหลังจากพ่ายแพ้แล้วเท่านั้น Losing Heroines (นางเอกผู้พ่ายแพ้) --เรื่องราวชีวิตประจำวันของหนุ่มจืดจางเหมือนตัวประกอบ กับสาวๆ ที่เคยพ่ายในศึกความรักได้เริ่มขึ้น

Recommended Series

Options

not work with dark mode
Reset