The Overlord of Blood and Iron
ตอนที่ 63: แหล่งพลังงานที่แท้จริง
ในขณะที่การต่อสู้ครั้งใหญ่กําลังเกิดขึ้น ทหารของโดราโด้ก็ได้ออกอาละวาดเพื่อกวาดล้างกองทัพของเครต้าและกองทัพของเทมเพเมนอย่างเต็มกําลัง ทหารของโดราโด้ผู้ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยขวัญกําลังใจที่สูงส่งหัวเราะและสังหารศัตรูคนใดก็ตามที่พวกเขาได้เห็น
ในขณะที่กองทหารของโดราโด้กําลังเดินทัพอย่างกล้าหาญ ทหารของเครต้าและเทมเพเมนกลับกําลังพยายามต่อสู้กลับอย่างกะเร่อกะร่าจนเกือบจะสามารถบอกได้เลยว่าพวกเขาไม่ใช่กลุ่มคนที่ยากต่อต้านด้วยได้ในตอนแรกอีกต่อไป
“องค์ราชันย์! เราไม่สามารถควบคุมทหารในตอนนี้ได้เลยขอรับ!”
นายทหารคนหนึ่งของเทมเพเมนกล่าวกับเรจินัลด์
“ข้ารู้” เรจินัลด์ตอบกลับด้วยน้ําเสียงนิ่งเรียบที่เยือกเย็นและโดดเดี่ยว
“ควบคุมไม่ได้…การทําลายล้างอย่างสมบูรณ์แบบ”
เรจินัลด์ตระหนักดีว่าผู้ชนะของการต่อสู้ในครั้งนี้ไม่ใช่เอลิซาเบธแห่งดินแดนเครต้าและไม่ใช่เขาอีกเช่นกัน ผู้ชนะที่แท้จริงของการต่อสู้คือราชันย์แห่งดินแดนที่อ่อนแอเช่นโดราโด้ที่พวกเขาเคยปราบปรามได้มาก่อน
“มันคงต้องจบแบบนี้”
เรจินัลด์พูดอีกครั้งด้วยน้ําเสียงที่สิ้นหวัง
“จบ” ที่ไม่ได้หมายถึงแค่การชนะหรือการพ่ายแพ้ให้กับสงคราม
เรจินัลด์ได้เดิมพันกับทุกสิ่งเพื่อการต่อสู้ในครั้งนี้และเอลิซาเบธเองก็คงตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน
สองสามวันที่ผ่านมา ทั้งสองดินแดนต่างใช้จ่ายกันไปเป็นจํานวนมากเพื่อซื้อกองกําลังตั้งทัพทําสงคราม มันคือสงครามที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการประกาศชัยชนะอย่างเป็นเอกฉันท์
แต่พวกเขากลับพ่ายแพ้
แม้พวกเขาจะเดิมพันกับทุกอย่างที่มีลงในสงครามโดยรู้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถหันหลังกลับได้อีกต่อไป แต่พวกเขาก็พ่ายแพ้ พวกเขาแพ้ให้กับสงครามที่ไม่อาจแพ้ได้และตอนนี้ดินแดนของพวกเขาก็ได้กลายเป็นดินแดนที่พิกลพิการไปโดยสมบูรณ์
“ราชันย์ ข้าคิดว่าพวกเราควรถอยกลับกันจะดีกว่านะขอรับ”
“เฮ้อ…ตกลงไปถอยทัพกลับได้”
เรจินัลด์สั่งการด้วยน้ําเสียงไร้พลัง
เพราะเขาได้สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างให้กับสงครามในครั้งนี้และไร้ซึ่งอนาคตอีกต่อไป พวกเขาจําต้องออกจากสนามรบที่เป็นดังนรกโลกันต์เพื่ออย่างน้อยก็ต้องรักษาชีวิตของพวกเขาให้อยู่รอดไว้จงได้
เรจินัลด์หันหัวม้าของเขเพื่อหันหลังให้กับทหารที่กําลังถูกสังหารอยู่ในขณะนี้
ก็บกั้บ ๆ ก็บกั้บ ๆ !
“หลบไป! หลบไป!”
ทหารของดินแดนเทมเพเมนสร้างทางเพื่อให้เรจินัลด์ผ่านตัวออกไปพวกเขาตั้งใจจะใช้ม้าในการหลบหนีจากการต่อสู้ที่ล้มเหลว
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามเช่นไรมันก็ไม่เป็นผล
แคร่ก ๆ!
พื้นดินที่เริ่มร้าวจนเกิดเป็นรอยแตก ด้วยเหตุนี้เองทหารม้าทุกนายจึงพากันตกจากหลังม้าและล้มตัวลงไปกลิ้งอยู่กับพื้น
“คิ ๆ ๆ”
ทันใดนั้นก็มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งส่งเสียงหัวเราะออกมาเหมือนกับ
ชายชรา
“จะไปไหนกันอย่างนั้นหรือ?” สายตาของเด็กคนนั้นค่อนข้างแปลกประหลาดมากทีเดียว
ศัตรูของพวกเขามีรูปร่างหน้าตาเหมือนเด็กผู้ชายคนหนึ่งแต่กลับไขว้แขนไว้ที่ด้านหลังและมองมาที่พวกเขาราวกับผู้เฒ่าผู้แก่ที่คิดจะสั่งสอนอะไรแก่คนที่อายุน้อยกว่า
“นัก…นักเวทย์!” ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ไม่ต้องกลัว มันก็แค่เด็กเหลือขอคนหนึ่งเท่านั้น!” อีกคนหนึ่งโต้กลับ
“องค์ราชันย์! ปล่อยเรื่องของเด็กคนนี้ไปก่อนเกิดขอรับ ตอนนี้เราต้องมุ่งเน้นไปที่การหลบหนีก่อนนะขอรับ!”
“พวกข้าจะคอยคุ้มกันระวังให้เองขอรับ!”
ทหารอาสาสมัครบางนายประกาศสู้
“ฮ่ ๆ ๆ เจ้าพวกตัวเบี้ยกเหล่านี้”
“เฒ่า “นี่ลัสผู้เป็นอาร์คนักเวทย์หัวเราะราวกับว่าสถานการณ์ทั้งหมดในตอนนี้เป็นเพียงเรื่องตลก ดวงตาของเขาเปล่งประกายไปด้วยแสงแห่งความคมชัด
แต่กระนั้นนี้ลัสก็ยังรู้สึกอึดอัด แม้ว่าร่างกายของเขาจะเป็นเพียงเด็กวัยเยาว์แต่ภายในจิตใจของเขาคือชายชราอย่างแท้จริงและเป็นคนแก่ที่มีพลังถึงระดับอาร์คนักเวทย์
และเนื่องจากอีกฝ่ายกําลังปฏิบัติต่อเขาเหมือนนักเวทย์ฝึกหัดนี้ลัสจึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจกับสิ่งนี้สักเท่าไหร่
เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นเพื่อสร้างกองไฟให้ลุกลาม มันคือคาถาที่ทรงพลังรองจาก “ไฟนรก”
ทางด้านดีแชรินเองก็ไม่เพียงแต่ต้องกําจัดกองกําลังของศัตรูที่ซุ่มโจมตีรอบดินแดนอยู่เท่านั้น นางยังมีอีกหนึ่งภารกิจที่คังชอลอินได้ฝากฝังเอาไว้
“อะนูบิสทางนี้!”
ภารกิจของนางคือการจัดการกับทหารของกองทัพเครต้าและเทมเพเมนทุกนายที่คิดวิ่งหนีออกจากสนามรบ
กรืออออ…
หน่วยรอยัลฮาวนด์แสดงคมเขี้ยวที่คมชัดของพวกเขาเพื่อดับลมหายใจของเหล่าทหารที่คิดหนี
“ไม่มีใครสามารถหนีไปจากเราได้!”
คังชอลอินไม่ต้องการให้ทหารเหลือรอดกลับไปยังดินแดนของตัวเองเพื่อจัดตั้งทัพขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง ภายหลังสงครามจบเขาจะสามารถกลืนกินดินแดนของศัตรูได้อย่างง่ายดาย
แต่พวกเขาไม่คิดฆ่าคนที่ยอมแพ้
พวกเขาได้ตัดสินใจกันแล้วว่าเมื่อสงครามสิ้นสุด พวกเขาจะแบ่งดินแดนทั้งสองกันอย่างเท่าเทียมดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลใดให้ต้องฆ่าทหารที่ยอมแพ้ซึ่งจะเป็นการเสียกองกําลังไปโดยใช่เหตุ
“เรา..พวกเรา….ชนะแล้ว”
เมื่อมองไปที่สนามรบที่เริ่มเข้าสู่จุดจบ ความเศร้าโศกและความอัปยศที่ผ่านมาทั้งหมดของนางก็ได้จางหายไป
ชัยชนะเป็นของนาง
ทหารของเครต้าและของเทมเพเมนมีไม่ถึงห้าร้อยนายแล้วในตอนนี้ ส่วนอีก 1,500 นายที่เหลือกําลังนอนเป็นศพอยู่เกลื่อนพื้นราวกับว่าฉากทั้งหมดตรงหน้านั้นมาจากภาพยนตร์สงครามระทึกขวัญมากกว่าความเป็นจริง
“ชอลอิน…มันจบแล้ว…มันจบแล้วจริง ๆ
นางกล่าวคําขอบคุณเขาอีกครั้งก่อนจะมองหาคังชอลอินจากที่
ไกล ๆ
“ชอลอิน!”
จากระยะไกลได้มีการต่อสู้ระหว่างคังชอลอินกับอัศวินและปีศาจ(เอลิซาเบธไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าปีศาจในสายตาของลีแชริน)เกิดขึ้นและในตอนนั้นเขากําลังถูกต้อนจนน่าหวาดหวั่น
“อะนูบิส เราต้องรีบออกจากสถานการณ์ตรงนี้เดี๋ยวนี้!”
ลีแชรินรีบวิ่งตรงเข้าหาคังชอลอินก่อนใครพร้อมตะโกน
“ข้าจะช่วยเจ้าเองชอลอิน!?
นางออกวิ่งไม่คิดชีวิต
เพื่อช่วยพันธมิตรที่สําคัญและเพื่อช่วยชายที่นางรักนางจึงออกวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้ในชีวิต
แต่ทว่า…
เมื่อนางไปถึงตรงที่คังชอลอินกําลังต่อสู้อยู่ คน ๆ นั้นกลับไม่ใช่คังชอลอินที่กําลังถูกต้อนแต่เป็นจอมราชันย์คังชอลอินที่แข็งแก
“ได้อย่างไรกัน…”
ภาพลักษณ์ของราชันย์ทรงพลังที่นางพยายามสร้างมันมาตลอดแตกกระจายออกเป็นเสี่ยง ๆ ในขณะที่นางเริ่มถอยหลังกลับ
ผลของการต่อสู้ที่เกิดขึ้นขยายเป็นวงกว้างอย่างมาก
โดยเฉพาะคลื่นพลังมานาที่ออกมาจากคังชอลอิน มันเต็มไปด้วยพลังที่น่าขันที่ทําให้นางต้องหดตัวกลัวจากความดุร้ายนี้โดยไม่ได้
ตั้งใจ
“ชอลอิน เจ้าเป็นคนแบบไหนกันแน่
คังชอลอินไม่คิดต้องการความช่วยเหลือจากนาง
ปัง!
เอลิซาเบธถูกส่งตัวลอยออกไปไกลประมาณสิบกว่าเมตรก่อนจะถูกฝังร่างจมลงไปกับพื้นดิน
“กล้าดีอย่างไร นางเศษขยะไร้ค่า”
คังชอลอินพูดด้วยน้ําเสียงเย็นชา
“ทะ ทําไม คนบนโลกถึงได้มีการเคลื่อนไหวแบบนั้นได้”
ไมเคิล ผู้นําอัศวินสิงห์ขาวไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทําไมคังชอลอินถึงสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างนั้น
ทุกการกระทําของเขาเป็นสิ่งที่แปลกและแตกต่าง
คังชอลอินที่กําลังเป็นรองเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนแต่ในตอนนี้เขากลับเดินผ่านหน่วยอัศวินราวกับเป็นแค่เพียงกลุ่มหมอกควันและสามารถพุ่งตัวต่อยใบหน้าของเอลิซาเบธได้
คังชอลอินสาวเท้าเข้าหาเอลิซาเบธด้วยก้าวใหญ่ ๆ นอกจากความประหลาดใจก็ไม่อาจหาคําอื่นใดมาใช้กับไมเคิลได้เลยในตอนนี้
เดือดดาล?
แม้ว่าจะเป็นจุดแข็งที่มาจากการเสียสละชีวิตของผู้ใช้แต่มันกลับไม่ได้ใกล้เคียงกับเต็มพิกัดของคังชอลอินเลยแม้แต่น้อย
“เต็มพิกัด” ปะทะ “ความเดือดดาล
จริง ๆ แล้วพวกเขาทั้งสองต่างมีการกระทําที่คล้ายกัน
ทั้งคู่ต่างพึ่งพาพลังของผู้ใช้เพื่อการระเบิดด้วยพลังที่มหาศาล
แต่มันมีความแตกต่างใหญ่อยู่สิ่งหนึ่งระหว่างพวกเขาซึ่งนั่นก็คือความแตกต่างของความพยายาม
เต็มพิกัดไม่เพียงแต่จะเป็นความสามารถทรงพลังเท่านั้นแต่มันยังต้องใช้ความอดทนเพื่อจัดการกับอาการเจ็บปวดจากการบดอัดกระดูกซึ่งต้องผ่านการฝึกฝนและการเรียนรู้ความสามารถนี้มาเป็นอย่างถึงจะสามารถอดทนกับมันได้
คังชอลอินจะต้องอดทนกับการฝึกฝนดั่งปีศาจนี้ในทุกวันเพื่อจะได้ใช้ “เต็มพิกัด” ได้อย่างเต็มที่ในที่สุด
ขณะเดียวกันความเดือดดาลคือความสามารถที่มาจากคนที่ไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป หากเปรียบเต็มพิกัดเป็นไวน์คุณภาพสูงที่ได้รับการรักษาและบ่มมาเป็นเวลานาน ความเดือดดาลก็เป็นเพียงยาราคาถูก
ถึงแม้ว่าพวกเขาดูเหมือนจะมีพลังที่คล้ายกัน แต่ก็มี “กําแพง” ที่เป็นตัวขวางกั้นสวรรค์และโลกอยู่อย่างเช่นในตอนนี้
“ขวางทาง! ขาวทางเขาไว้ซะ!”
อย่างไรก็ตาม
คังชอลอินได้ใช้หมัดของเขาเจาะทะลุผ่านหัวใจของอัศวินไปต่อหน้าต่อตา แค่เพียงหมัดเดียวก็สามารถสร้างความเสียหายจนถึง
ตายได้
ใบหน้าของผู้ที่สังเกตการณ์ไม่สามารถซ่อนความกลัวที่พวกเขามีขึ้นมาได้กับการได้ดูฉากที่ไม่น่าเชื่อเหล่านี้
“เขาเป็นมนุษย์จริงหรือ???
มีคนถามถึงการดํารงอยู่และตัวตนของคังชอลอิน..
“ไม่ นี่ไม่ใช่เรื่องจริง
และบางคนก็ปฏิเสธที่จะเชื่อกับภาพตรงหน้า
“แหล่งพลังงาน..นั่นคือแหล่งพลังงานที่แท้จริง”
ในขณะที่บางคนกําลังตกตะลึงไปกับความแข็งแกร่งของเขา
คังชอลอินที่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนกําลังเดินตรงเข้าหาเอลิซาเบธโดยหมายจะเอาชีวิตนางมาให้จนได้
“คนที่คิดเข้ามาขวางทางข้า…”
คังชอลอินส่งเสียงพูดขณะเดินตรงเข้าหาเอลิซาเบธ
“จะต้องตาย”
ราวกับคําพูดของเขาเป็นดั่งกฎหมายที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีใครคิดกล้าเข้ามาท้าทาย ผู้ควบคุมสนามรบที่แท้จริงแห่งนี้ไม่ใช่เอลิซาเบธดั่งที่นางกล่าวหากแต่เป็นคังชอลอิน
“ผะ ผู้นําขอรับ..ศัตรูกําลังตรงเข้าหาราชันย์ของพวกเราแล้วนะขอรับ..พวกเราก็ควรจะ…”
“ไม่ต้อง
ไมเคิลผู้นําอัศวินส่ายหัวของเขาพร้อมด้วยน้ําเสียงที่สิ้นหวังในฐานะของการเป็นอัศวิน
“นี่ไม่ใช่เรื่องของความภักดีอีกต่อไป”
แม้ไมเคิลจะมีความจงรักภักดีและประพฤติตนในฐานะอัศวินไม่เสื่อมคลายแต่เขาก็ยังต้องยอมแพ้ต่อการปกป้องเอลิซาเบธในครั้งนี้
การตัดสินใจในครั้งนี้ไม่ใช่ทางเลือกของเขาแต่มันเป็นการโดนบังคับมันไม่ใช่สิ่งที่เขาควรเข้าไปตอบโต้กับภัยพิบัติที่ไม่อาจหยุดยั้งได้อีกต่อไป
ทหารที่สวมชุดเกราะทองได้ตายเพราะการถูกเจาะหัวใจเพียงพลังจากหมัดเดียว มันไม่ใช่การโจมตีหรือทักษะพิเศษมันเป็นเพียงหมัดธรรมดาที่สร้างภัยพิบัติได้อย่างร้ายกาจ
การต้องไปต่อสู้กับพลังที่ไร้สาระแบบนั้นจะส่งผลให้เกิดแต่ความตายที่โง่เขลาและเจ็บปวด
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ว่าทําไมผู้นําอัศวินที่เต็มไปด้วยความกล้าหาญตัดสินใจไม่ปกป้องเอลิซาเบธ
ไมเคิลได้ปฏิเสธเอลิซาเบธที่กลายเป็นปีศาจไปแล้วในตอนนี้
มันสมควรแล้วหรือที่ต้องสละชีวิตของสหายและอัศวินของเขาเพื่อช่วยเหลือปีศาจเช่นนั้น? ท้ายที่สุดแล้วนางก็ต้องตายหรือพิการด้วยผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้อยู่ดี
“อัศวินสิงห์ขาว จงถอยทัพกลับออกมา”
ไมเคิลสั่งการ
“นั่นไม่ใช่ราชันย์แห่งเครต้าอีกต่อไป…เป็นเพียงอสูรร้ายและปีศาจที่บ้าคลั่งเท่านั้น”
แม้แต่อัศวินสิงห์ขาวผู้ซื่อสัตย์ก็ยอมแพ้ต่อเอลิซาเบธ
อัศวินบางคนที่ไม่เห็นด้วยกับคําสั่งของไมเคิลยังพยายามที่จะต่อสู้กับคังชอลอินต่อแต่ผลลัพธ์ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมคังชอลอินที่สามารถตีมังกรพคอคให้ตายได้แน่นอนว่าเขาจะสามารถทําแบบเดียวกันนั้นได้กับอัศวินที่อ่อนแอยิ่งกว่า
“กรี้ดดดดด!” เมื่อคังชอลอินเข้าประชิดตัวถึงเอลิซาเบธได้ในที่สุดนางก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมาพร้อมเหวี่ยงดาบของนางพุ่งตรงเข้าหาเขาในทันใดไฟมานาที่เคลือบอยู่กับการโจมตีในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นสีแดงเท่านั้นแต่มันยังมีสีดําซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังของการโจมตีในครั้งนี้อีกด้วยว่าเป็นเช่นไร
อย่างไรก็ตาม..คังชอลอินสามารถหลบการโจมตีนี้ได้อย่างง่ายดายและเริ่มโต้กลับ
ท้าว!
ร่างกายของอลิซาเบธกลายเป็นเหมือนเนื้อซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักเมื่อคังชอลอินโจมตีไปที่กะบังลมของนาง
“อ๊ากกก” เสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดดังออกมาจากปากของปี ศาจ
มันน่าแปลกใจ
หากมีคนใครสักคนที่ได้เข้าไปอยู่ในสถานะของ “ความเดือด ดาล” แล้วนั้นพวกเขาจะไม่รู้สึกเจ็บปวดไปชั่วขณะ แต่การ ชกของคังชอลอินกลับทําให้นางรู้สึกถึงความเจ็บปวดจนทําให้นางกรีดร้องออกมาได้
“ขยะเช่นเจ้า” คังชอลอินกล่าวพูด
“จะต้องตายอย่างน่าสยดสยอง
จากนั้นเขาก็จับส่วนกะบังลมที่กําลังเจ็บปวดของนางและยกร่าง ของนางขึ้นก่อนจะทุ่มร่างของนางลงพื้นอย่างไร้เมตตา
ไร้ซึ่งความปราณีแม้กระทั่งกับผู้หญิง แต่สําหรับคนที่ตกอยู่ในสถานะความเดือดดาลแล้วนั้นจะไม่มีเรื่องเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง มันเป็นเพียงสัตว์ประหลาดที่ต้องถูกฆ่า
“อ้ากกกกกก!!!”
“ดังที่คิด” คังชอลอินพูดพึมพํากับตัวเองด้วยความสนใจ
หากเป็นคนอื่น ๆ แน่นอนว่าการทุ่มลงพื้นของเขามันจะสามารถทําให้กระดูกที่แตกหักของพวกเขาเจาะทะลุร่างผ่านไปได้แต่สําหรับนางแล้วแม้มันจะทําให้กระดูกของนางต้องแตกหักแต่ดูเหมือนว่าความเดือดดาลนี้ก็มีข้อดีอยู่เช่นกัน
จบสิ้นกันเสียที”
ในที่สุดคังชอลอินก็ตัดสินใจยุติลมหายใจของเอลิซาเบธ
มันใกล้ถึงจุดสิ้นสุดการใช้เต็มพิกัดของเขาเต็มที่ และภายหลัง การเก็บกวาดขยะชิ้นนี้เสร็จเขาได้ตัดสินใจที่จะยุติการต่อสู้กับคน อื่น ๆ ต่อ
และในขณะที่เขากําลังจะทําเช่นนั้น เสียงร้องที่อยู่ใกล้กับคังชอลอินก็ดังขึ้น
“อีกเฮือก…อะไร…อะไรทําให้เจ้า…แข็งแกร่ง?”
เอลิซาเบธกล่าวถามด้วยน้ําเสียงประหลาดใจแทนที่จะเป็นการถามด้วยน้ําเสียงที่เจ็บปวด มีคํากล่าวอยู่ว่ามนุษย์เรามักจะได้สติเมื่อพวกเขาถูกโจมตีและนี่ก็ได้เป็นข้อพิสูจน์ถึงสิ่งนั้น
“ทําไม ทําไม!!” นางกล่าวพูดด้วยความสิ้นหวัง
“ทําไม ทําไม! เจ้าจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าข้าไปได้อย่างไร? ทําไม ทําไม!”และในขณะที่สิ้นหวัง นางรู้สึกอิจฉาในความแข็งแกร่งของ เขาเช่นเดียวกับความสิ้นหวังความเกลียดชัง ความโกรธแค้นและความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้สังหารที่ไหลผ่านปะปนในตัวนางจนยุ่งเหยิงไปกันหมด … โดยพื้นฐานแล้วนางเป็นคนที่มีอารมณ์ร้ายและเต็มไป ด้วยความคิดสกปรกที่มนุษย์จะสามารถพึงมีได้
“เจ้าอยากได้ยินคําตอบอย่างนั้นหรือ?”
คังชอลอินถามกลับ
“บอก… ข้า…เร็ว.ว่าเจ้า…แข็งแกร่งกว่าข้าได้อย่างไร”
เอลิซาเบธมีความสงสัยอย่างมากเกี่ยวกับจุดแข็งของคังชอลอินและร้องขอหาคําตอบ แน่นอนว่านางเป็นผู้หญิงที่กําลังไล่ล่าตามหาความแข็งแกร่งจนเห็นได้ชัด
“มันง่ายมาก”
คังชอลอินพูดราวกับว่ามันไม่ได้ซับซ้อนและยากเย็นอะไร
“เพราะเจ้าคือขยะ”
“แม้ขยะเช่นเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นได้แต่ขยะก็ยังเป็นขยะเจ้าไม่มีวันเปลี่ยนความจริงนี้ได้ เช่นนั้นแล้วมนุษย์แบบข้าจะพ่ายแพ้ให้กับขยะเช่นเจ้าได้อย่างไร?”
คังชอลอินไม่ได้ตอบคําถามที่นางต้องการไปตามตรงเพราะเขาไม่คิดว่านางจะเป็นมนุษย์ได้อีกต่อไป
“นั่นไม่ใช่คําตอบ! ไม่! ไม่ใช่! บอกข้ามา!!”
เอลิซาเบธกําลังกรีดร้องขณะเข้าหาคังชอลอิน
เมื่อมองตรงเข้าไปในดวงตาของนางที่เหมือนจะมีลําแสงสีแดงพ่นประกายออกมาแล้วนั้น เขาก็ได้ตระหนักว่านางได้มาถึงขีดจํากัดของความเดือดดาลเข้าให้แล้ว นั่นหมายความว่าอีกไม่นานเอลิซาเบธอาจจะระเบิดตัวจากแรงดันภายในสู่ภายนอกเนื่องจากมานาที่กําลังอาละวาดอยู่ภายในร่างกายของนางในตอนนี้
“บอกข้าบอกข้ามาเดี๋ยวนี้!!” มันเป็นวิกฤต
การระเบิดนั้นทรงพลังและอันตรายมากพอที่จะทําลายทุกสิ่งภายในรัศมีห้าเมตร แม้แต่คังชอลอินที่ทรงพลังเองก็เช่นกันเขาจะได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างยิ่งจากแรงระเบิดแต่ทว่า…
ด้วยเสียงปะทะที่ดังขึ้น เอลิซาเบธหยุดการเคลื่อนไหวไปโดยสิ้นเชิงเช่นเดียวกับอัศวินที่อยู่ต่อหน้านาง หัวใจของนางถูกชกทําลายด้วยหมัดของคังชอลอิน
หากหัวใจที่เป็นจุดกําเนินของแรงระเบิดหยุดเต้นการต่อต้านครั้งสุดท้ายของนางก็ได้เดือดหายไปเหมือนควันจาง ๆ
“เพราะมันคือความสามารถของข้า นางขยะ”
“บอก…บอกข้า”
และแม้ในขณะที่นางกําลังจะตาย เอลิซาเบธก็ยังคงถามคําถามเดิมซ้ําแล้วซ้ําเล่า
“หากเจ้าเป็นสงสัยมากนักแล้วล่ะก็…”
คังชอลอินพูด
“ก็จงอธิษฐานให้ตัวเจ้ายังมีชีวิตอยู่รอดต่อไปให้เสียสิ”
เมื่อพูดจบคังชอลอินก็แทรกกําปั้นของเขาตรงเข้ากลางใจนาง เอลิซาเบธล้มลงไปกับพื้นพร้อมเลือดที่สาดกระเซ็น
มันเป็นจุดสิ้นสุดของการต่อสู้โดยไม่มีแม้แต่ความสงสารหรือค วามเมตตาใด ๆ หลงเหลืออยู่เลย