ตอนที่ 56: ลานประหารนองเลือด
คังชอลอินไม่ได้มีส่วนร่วมกับการประหารสเลจน์ในครั้งนี้ แต่อย่างใดนอกจากเตรียมวิธีเพื่อการประหาร
การสําเร็จโทษในครั้งนี้ไม่ใช่อํานาจที่เขาจะเข้าไปจัดการ แต่เป็นความรับผิดชอบของราชันย์แห่งดินแดนโดราโด้อย่างลีแชริน และเขาเองก็ไม่ต้องการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องภายในของดินแดนจนมากเกินไปนัก
“มัดตัวสเลจน์ไปใส่ไว้ในกล่องแก้วแล้วเตรียม “เวิร์มกระหายเลือด” ไว้ 500 ตัว”
“นายท่านวางแผนเช่นนั้นเพื่อสําเร็จโทษเขาอย่างนั้นหรือขอรับ?”
ใบหน้าของโพดอลส์กี้ซีดเซียวทันทีหลังจากได้ยินคําสั่งของคังชอลอิน
“เป็นเพราะการทรยศของเขาในฐานะผู้ช่วยส่วนตัวราชันย์”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นโพดอลส์กี้ก็พยักหน้าประหนึ่งว่ามันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว
“เนื่องจากเป็นการกระทําความผิดที่ร้ายแรงจึงไม่ใช่การตัดสินโทษที่เกินกว่าเหตุ หากมีตัวอย่างของคนที่ได้กระทําความผิดและไม่จัดการให้ดี แน่นอนว่าย่อมมีผลข้างเคียงตามมา หากคิดที่จะปลูกฝังความกลัวให้กับคนอื่นแล้วเราก็ควรทํามันให้เหมาะสม
“ดีค์เป็นดังที่ข้าน้อยคาดคิด ทุกคําพูดและทุกการกระทําของฝ่าบาทเปรียบดั่งจักรพรรดิที่แท้จริงเลยขอรับ”
“นีลัส”
“ขอรับองค์ฝ่าบาท”
“เจ้าไม่สามารถควบคุมการพูดจาของเจ้าได้จริงๆน่ะหรือ?”
“นั่นมัน…แม้ร่างกายนี้จะเป็นเพียงเด็กวัยเยาว์อายุสิบสอง หากแต่ในใจจริงของข้าคือชายชราอายุแปดสิบ …. ข้าจะพยายามแก้ไขเรื่องนี้ให้ได้นะขอรับ”
“ดี ข้าจะไปพักผ่อนก่อน ยามเย็นเมื่อไหร่ค่อยมาปลุกข้า”
เมื่อพูดจบคังชอลอินก็เดินกลับไปยังห้องพักเพื่อฝังตัวลงกับเตียงนอนแล้วหลับไปในทันที่ด้วยความอ่อนเพลียจากการอดนอนมาเกือบสองวันเต็ม
ในระหว่างที่คังชอลอินกําลังนอนหลับสนิทอยู่นั้น แผนการประหารก็ได้ดําเนินไปอย่างต่อเนื่องตามที่วางเอาไว้
*ประกาศ ขอให้พลเรือนชาวโดราโด้ทุกคนมารวมตัวกันที่จัตุรัสลานกว้าง ณ เวลา 11.30 นาฬิกา หากใครไม่ได้ทําหน้าเพื่อป้องกันในส่วนอื่นๆของดินแดนจงมาตามเวลาที่นัดหมายทุกคน หากมีผู้ที่ไม่ยอมปฏิบัติตามคําสั่งคนๆนั้นจะถูกขังคุกเป็นเวลาห้าปี นี่เป็นคําสั่งจากองค์ราชันย์ ขอให้พลเรือนชาวโดราโด้ทุกคนมารวมตัวกันที่จัตุรัสลาน กว้าง ณ เวลา 11.30 นาฬิกา..*
เสียงปาวประกาศเรียกรวมพลดังขึ้นทั่วเมืองพร้อมกับภาพที่ต้อนรับสายตาของชาวเมือง
“นะ นั่นมันท่านผู้ช่วยนี่! ท่านผู้ช่วยกําลังอยู่ในกล่องแก้ว!”
นั่นก็คือกล่องแก้วที่กําลังเคลื่อนที่ไปตามเสียงประกาศ ด้านในคือสเลจน์ที่ถูกจับมัดไว้อย่างแน่นหนาเหมือนเพรทเซลที่กําลังดิ้นรน
“นี่มันอะไรกัน…”
“องค์ราชันย์คิดจะทําสิ่งใด? ท่านกําลังทําสิ่งใดกับผู้ใต้คําบัญชาของท่าน?”
คนแคระจํานวนมากเริ่มแสดงความไม่พอใจ
“เงียบ! เงียบ!” อะนูบิสตะโกนก้องด้วยท่าทีสง่าพร้อมแสดงให้เห็นถึงร่างกายอันทรงพลังของเขา
“หากองค์ราชันย์ลีแชรินยังไม่ออกมาก็จงนิ่งเงียบกันเสีย หากมีใครพูดจาพร่ําไปเรื่อยข้าจะเฉือนปากของคนผู้นั้นซะ”
ด้านหลังอะนูบิสคือมนุษย์สุนัขที่กําลังส่งเสียงขู่คํารามใส่ฝูงชน
และในขณะที่ฝูงชนกําลังเต็มไปด้วยความโกลาหลอยู่นั้น
“เฮ้อ…เฮ้อ… เอาล่ะพี่น้องทุกคน พวกเจ้าพอจะฟังคําพูดจากชายชราคนนี้สักหน่อยได้หรือไม่?” นักปราชญ์มาเจสติกเริ่มพูด
“สเลจน์ผู้เป็นผู้ช่วยส่วนตัวขององค์ราชันย์ ไม่สิ… เจ้าชาติชั่วสเลจน์ผู้นี้ท้ายที่สุดแล้วมันได้พยายามก่อกบฏต่อองค์ราชันย์ของพวกเรา!”
จากนั้นการพูดจาโผงผางและดุดันของเขาเกี่ยวกับสเลจน์ก็เริ่มต้น
“ลั่กกกก..อื้ออออ..!!”
สเลจน์ที่ถูกจับมัดพยายามพูดเพื่อต่อต้านคําครหาจากนักปราชญ์ผู้เป็นพันธมิตรเก่าแต่ก็ไม่สามารถทําเช่นนั้น
“ข้าจะให้หัวหน้าแรงงานของพวกเราขึ้นมาพูดเพื่อยืนยันถึงการกระทําแสนชั่วร้ายของสเลจน์ด้วยอีกราย” จากนั้นยูราดด์ก็ปรากฏตัว
พวกเขาทั้งสองต่างประสบความสําเร็จในการอุทธรณ์ต่อหน้าพลเรือนขององค์ราชันย์ในขณะกล่าวถึงความผิดที่สเลจนได้กระทํา
และด้วยคําปราศรัยจากทั้งสองคน ความขุ่นเคืองและความไม่พอใจที่คนแคระมีต่อลีแชรินก็ได้จางหายไปราวกับหมอกควัน
พวกเขาหันไปจ้องมองที่สเลจน์ด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์และไม่พอใจ
“ไอ้ชาติชั่ว!”
“เจ้ามันน่าขยะแขยง! อุ้ย!” คนแคระบางคนถึงกับถ่มน้ําลายใส่กล่องแก้วที่เขาอยู่
“สารเลว! คนอย่างเจ้าสมควรตาย!”
ความโกรธแค้นที่คนแคระมีเหมือนกับว่าพวกเขาต้องการลงทัณฑ์ให้กับสเลจน์ด้วยตัวของพวกเขาเอง
และในตอนนั้นลีแชรินก็ได้มาปรากฏตัวต่อหน้า ทุกคนพร้อมกับบิลลี่และนักผจญภัยคนอื่นๆในวินาทีนั้น นางดูสง่างามสมกับการเป็นราชันย์อย่างมาก
“ข้ามั่นใจว่าพวกเจ้าทุกคนคงได้รับฟังเรื่องราวจากยูราดด์และท่านนักปราชญ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากสเลจน์แล้วยังมีเอนท์วานและนายพลสมิธที่พยายามปองร้ายและหมายเอาชีวิตข้า อีกทั้งพวกเขายังส่งกองกําลังของเราออกไปอย่างเสียเปล่าแต่ไม่อาจได้รับนีด้า เวลเลียร์กลับคืน ในวันนี้ ข้า ลีแชริน ราชันย์ของพวกเจ้า จะทําการสําเร็จโทษสเลจน์และจะขอต่อสู้กับผู้รุกรานที่โสมมเพื่อนํานีด้าเวลเลียร์กลับคืนมาแก่พวกเจ้าให้จงได้!”
ด้วยการแสดงออกถึงความมั่นใจและความมุ่งมั่นของนางที่จะนําดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์กลับคืนมา ฝูงชนเริ่มส่งเสียงโห่ร้องด้วยความพอใจ
“รวมถึงพวกเจ้าเหล่ามนุษย์ทุกคนท่ามกลางฝูงชนแห่งนี้ พวกเจ้าต้องทํางานอย่างกหนักมาโดยตลอด ข้าไม่อาจรู้ถึงความทุกข์ทรมานที่พวกเจ้าได้รับจากผู้นําที่อ่อนแอในอํานาจเช่นข้าได้ และในฐานะราชันย์แล้วต่อให้ข้ามีถึงสิบปากก็ไม่อาจเอื้อนเอ่ยต่อสิ่งที่เจ้าได้รับ”
ลีแชรินชี้ไปยังสเลจน์แล้วตะโกนว่า
“นั่นเป็นเพราะข้าได้ตกหลุมพรางของสเลจน์ผู้นั้น! คนแคระไม่มีความผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด! มนุษย์และคนแคระควรได้อยู่รวมกันอย่างปกติสุข แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพราะสเลจน์ที่แสนร้ายกาจได้เข้ามาสร้างความแตกแยกแก่พวกเรา! ดังนั้นวันนี้ข้าจะมาสํา เร็จโทษสเลจน์ต่อหน้าสาธารณชน และนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ขอให้พวกเจ้าทุกคนอําลาความทุกข์และการกระทําทารุณที่พวกเจ้าได้รับทิ้งไปซะ ในฐานะราชันย์แห่งดินแดนนี้ ข้าขอให้สัญญาแก่พลเรือนมนุษย์ของเราด้วยเช่นกันว่าพวกเจ้าจะต้องได้รับความเป็นธรรมและความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น!”
เมื่อนางกล่าวจบ เสียงปรบมือกับเสียงโห่ร้องเพื่อการสรรเสริญก็ดังก้องออกมาจากฝูงชนอีกครั้ง
“วู้ววววว โว้วววว!!”
“องค์ราชันย์ลีแชรินจงเจริญ!
“ข้าเชื่อมั่นในตัวท่าน!”
“โปรดดูแลพวกเราชาวมนุษย์ด้วยเถิด!”
ในขณะที่เสียงโห่ร้องกําลังกึกก้อง ลีแชรินแอบถอนหายใจกับตัวเองเบาๆ
“ชอลอิน เจ้าคาดการณ์เรื่องราวทั้งหมดเหล่านี้ได้อย่างไร? เฮ้อ ข้าไม่สามารถจินตนาการถึงความยอดเยี่ยมที่เจ้ามีได้จริง ๆ”
ลีแชรินประหลาดใจกับความสามารถของคังชอลอินอีกครั้ง หากไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือที่ได้รับจากเขา นางเองก็ไม่อาจรู้ได้ว่าตอนนี้นางจะมีชีวิตเป็นอย่างไร
“เช่นนั้นก็เริ่มทําการสําเร็จโทษได้! อะนูบิส!”
“ขอรับองค์ราชันย์!”
แม้ว่าสเลจน์จะดิ้นรนเพียงใด แต่เขาก็ไม่สามารถหลบหนีไปจากเชือกที่ผูกมัดเขาไว้ได้
และทันทีที่นางออกคําสั่งให้เริ่มการประหาร มนุษย์สุนัขคนอื่นๆก็นําเวิร์มกระหายเลือดที่อยู่ในกล่องเหล็กใส่เข้าไปในตู้กระจกในทันที
“อ้ากกกกกก!!!” สเลจน์กรีดร้อง
“อีก….”
“นั่นมันเวิร์มกระหายเลือดใช่หรือไม่?”
“เช่นนั้นเขาก็จะถูกกินทั้งเป็นเลยน่ะสิ…?”
ชาวโดราโด้เองต่างก็กรีดร้องไปกับภาพที่เกิดขึ้นด้วนเช่นกัน การลงโทษสเลจน์ที่พวกเขาได้เห็นนั้นโหดร้ายยิ่งกว่าสิ่งที่คนส่วนใหญ่โดนกระทําเช่นการตัดหัวหรือการแขวนเป็นไหนๆ
ฉับ ฉับ ฉับ
เวิร์มสีชาดที่อยู่ในแก้วค่อยๆ พากันรุมกันกินเนื้อของสเลจน์อย่างช้าๆ
ไม่สําคัญว่าเขาจะกรีดร้องหรือดิ้นรนมากเพียงใด มันไม่มีผลต่อเวิร์มกระหายเลือดที่ไร้ความปราณีทั้งนั้น
พวกมันขยับตัวเคลื่อนไหวไปตามสัญชาตญาณเพื่อกินเนื้อของคนแคระที่อยู่ข้างหน้า
“ต้องอดทน ต้องอดทนให้ได้ หากไม่สามารถอดทนต่อสิ่งนี้ได้ สิ่งที่ชอลอินทําเพื่อเรามาตลอดจะสูญเปล่าไปในทันที!”
แม้ลีแชรินจะไม่ต้องการมองภาพตรงหน้านี้มากเพียงใด แต่นางก็ไม่สามารถเบนสายตาออกไปจากมันได้ ดวงตาของนางต้องจับจ้องอยู่กับภาพโหดร้ายที่ไม่สมควรมองอย่างอดทน
เพราะพลเรือนที่มารวมตัวกันของนางกําลังมองดูนางอยู่ นางจึงต้องทําตัวเข้มแข็งและใจเย็นให้สมกับการเป็นราชันย์
“ชอลอิน ข้าทําได้แล้ว!”
มันไม่ได้ใช้เวลานานนักกับการทําให้สเลจน์สิ้นใจและกลายเป็นเพียงโครงกระดูกที่เหลืออยู่
ชาวโดราโด้ทุกคนต่างพากันประทับใจและหลงใหลในอํานาจที่สง่างามขององค์ราชันย์ของพวกเขา
เป็นเพียงมนุษย์สตรีแต่กลับมองดูภาพการสังหารคนแคระที่กําลังถูกกินเนื้อสดๆได้อย่างสงบ แม้แต่ทหารชั้นยอดของกองทัพคนแคระก็ยังไม่อาจต้านทานภาพตรงหน้าและเบือนหน้าหลบหนีไปทางอื่น
“การก่อกบฏคือจุดเริ่มต้นแห่งความตายที่น่าสยดสยอง”
“หากใครคิดต่อต้านข้าขอจงล้มเลิกความคิดนั้นไปซะ ท้ายที่สุด ข้าไม่อาจให้อภัยคนคิดร้ายต่อข้าได้”
“เมื่อได้กําจัดคนทรยศและตัวขัดขวางความเจริญต่อดินแดนไปแล้ว จากนี้ก็จะมีแต่เพียงอนาคตที่สดใส ภายในหนึ่งเดือน ข้าจะนํานีด้าเวลเลียร์กลับคืนและกําจัดผู้บุกรุกให้ออกไปให้สําเร็จจงได้เ”
ลีแชรินมอบคําสัญญาแก่ชาวโดราโด้
“ไม่เพียงแค่นั้นแต่ตอนนี้เรายังได้รับมิตรไมตรีจากราชันย์ ดินแดนอื่นจากทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของดินแดนของเราเพื่อเข้าร่วมเป็นพันธมิตรต่อกัน ขอจงเชื่อมั่นในพันธมิตรที่แข็งแกร่งของพวกเรา!”
เมื่อพวกเขาได้ยินว่ามีราชันย์องค์อื่นเข้าร่วมเป็นพันธมิตรด้วยแล้ว มันได้มอบความหวังให้แก่ทุกคนที่อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้
“ต้องขอบใจราชันย์แห่งลาพิต้า องค์ราชันย์คังชอลอินกล่าวว่าเขาจะเป็นผู้บัญชาการกองทัพในสงครามครั้งนี้ด้วยตัวเอง เขาเป็นนักยุทธศาสตร์ที่เก่งยิ่งกว่านายพลสมิธอย่างไม่มีใครเทียบได้”
ในขณะที่ลีแชรินพูดเช่นนั้น ฝูงชนก็เริ่มพูดพึมพํากันอีกครั้ง
“ผู้บัญชาการคนใหม่”
“เขาต้องเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากเพียงใดกัน องค์รา ชันย์ของพวกเราถึงได้พูดเช่นนี้?”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาเป็นใคร?”
ทันใดนั้นบทสนทนาเกี่ยวกับคังชอลอินก็เริ่มขยายกว้างมากขึ้น เนื่องจากนางได้กล่าวว่าเขาเป็นนักยุทธศาสตร์ที่เก่งยิ่งกว่านายพลสมิธ มันยิ่งส่งผลให้ความหวังของทุกคนจุดประกายมากยิ่งขึ้น
“เนื่องจากการเดินทางไกลและได้ร่วมกําจัดผู้ก่อกบฏในครั้งนี้กับข้า เขาจึงกําลังพักผ่อนเป็นการส่วนตัวอยู่ในขณะนี้ ข้าจะแนะนําให้พวกเจ้าได้รู้จักเขาในภายหลัง
ฝูงชนพากันถอนหายใจด้วยความผิดหวังเมื่อได้ยินลีแชรินพูดเช่นนั้น พวกเขาต้องการพบหน้าผู้บัญชาการที่น่าเกรงขามคนใหม่ของพวกเขาโดยเร็ว
“ข้าขอมอบคําสัญญาแก่พวกเจ้าอีกครั้งว่าข้าจะนํานีด้าเวลเลียร์กลับคืนมาให้ได้ภายในหนึ่งเดือนนับจากนี้ แน่นอนว่าข้าจะไม่ยอมให้ศัตรูที่กล้าเข้ามารุกรานดินแดนของเราได้อยู่ไปนานกว่านี้ สําหรับวันนี้ข้ามีเรื่องจะพูดแค่เพียงเท่านี้”
เมื่อพูดจบลีแชรินก็ได้เดินทางกลับปราสาทเพื่อตรงไปยัง ห้องวางกลยุทธ์
แม้สิ่งที่นางต้องการทําในตอนนี้มากที่สุดคือการพักผ่อน แต่นางรู้สึกว่ามันคงไม่เหมาะสมที่จะทําเช่นนั้นหากยังไม่ได้ขอบคุณคังชอลอินอย่างเป็นทางการ
“ชอลอิ…น?”
ภายในห้องที่ว่างเปล่าไม่มีอะไรเลยนอกจากคังชอลอินที่กําลังหลับสนิท
“ช่างเป็นบุคคลที่อันตรายมากอะไรขนาดนี้นะ
ขณะมองคังชอลอินที่กําลังหลับ นางส่ายหน้าให้กับความคิดที่ไร้สาระ
มันเป็นความจริงที่ว่าคังชอลอินคือบุคคลที่น่ากลัว เขากางแผนที่ที่แสดงรายละเอียดโดยรอบของโดราโด้ไว้ใกล้ตัวขณะที่กําลังนั่งหลับอยู่บนเก้าอี้
เห็นได้ชัดว่าเขากําลังหยุดพักจากการคิดหากลยุทธ์และยุทธวิธีที่ดําเนินมาตลอดทั้งคืนวาน
“ช่างเป็นอะไรที่….”
ลีแชรินเดินตรงไปยังเก้าอี้ที่คังชอลอินกําลังนั่งในขณะพึมพํา
ตึกๆ ตึกๆ
ราวกับหัวใจของลีแชรินได้ลืมความเครียดสะสมและความอ่อนล้าที่มีไปจนหมดขณะที่หัวใจกําลังเริ่มเต้นแรง
“อ่า…”
ในขณะนั้น ลึกๆภายในใจของลีแชรินได้ปรากฏเป็นความรู้สึกบางอย่างที่มีต่อคังชอลขึ้นมา
คังชอลอินมีเสน่ห์พิเศษที่ทําให้นางต้องตกตะลึง
เขามีความทะนงตนที่ล้อมรอบไปด้วยความจองหองและบุคลิกภาพที่เยือกเย็นในฐานะราชันย์เป็นอย่างมาก ความเข้าใจทุกสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวและความกล้าหาญทางทหารของเขาไม่อาจมีใครเทียบเคียงได้ นางกําลังสงสัยว่าจะมีเลือดออกมาสักหยดหนึ่งหรือไม่หากนางเผลอแทงเขาด้วยหอกแหลม มันเหมือนกับว่าเขาไม่มีจุดอ่อนใดๆ และไม่ใช่มนุษย์ปกติเฉกเช่นอย่างนาง
หากคิดถึงการกระทําที่ผ่านมาแน่นอนว่าเขาดูเหมือนจะไม่ใช่มนุษย์สักเท่าไหร่ แต่ในขณะที่เขากําลังนอนหลับอยู่ ตอนนี้มันเป็นกรณีที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
เมื่อตระหนักได้ว่าคังชอลอินที่น่ากลัวก็มีด้านที่เป็นเหมือนมนุษย์กันกับเขาด้วยเช่นกัน มันยิ่งทําให้หัวใจของลีแชรินระส่ําระส่าย
จากนั้นการกระทําแห่งความโลภในตัวเขาก็เกิดขึ้น
แม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ แต่การได้นึกถึงภาพฉากที่คังชอลอินกําลังกอดอย่างอบอุ่นอยู่กับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง มันทําให้นางนึกโกรธขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
มันช่างเป็นเรื่องที่ขันที่นางกําลังโกรธถึงคนที่ไม่มีตัวตน
“เราต้องการเขา”
และในขณะนั้นลีแชรินก็ได้เผลอเลื่อนใบหน้าเข้าใกล้กับคังชอลอินโดยที่นางไม่อาจควบคุมอารมณ์ละความรู้สึกไว้ได้