ตอนที่ 44: การค้าและพันธมิตร (3)
“เล่าสถานการณ์ที่ละเอียดมากกว่านี้ให้ผมฟังที”
เขาจำเป็นต้องรู้ว่าลีแชรินกำลังเผชิญหน้าอยู่กับสถานการณ์แบบใดเสียก่อนถึงจะสามารถตัดสินใจหรือทำข้อตกลงร่วมกันกับเธอได้
“ไปที่อื่นกันดีไหมคะ? ถ้าเป็นโรงแรมที่ฉันเข้าพักก็น่าจะดีกว่านะคะ ถ้าเป็นที่นั่นเราจะได้คุยกันแบบส่วนตัวได้อย่างเต็มที่ด้วย”
“ก็ดีครับ”
จากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็พากันไปยังโรงแรมโครโยในบูชอนที่ซึ่งลีแชรินกำลังพักอยู่ เหตุเพราะดาดฟ้าบนบ้านไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสมนักสำหรับการพูดคุยกันระหว่างราชันย์นัก
ห้องพักของลีแชรินเป็นห้องพักชั้นพิเศษที่กว้างขวางเป็นอย่างมาก เธอบอกว่าเธอมีเงินอยู่เยอะแน่นอนว่ามันต้องเป็นห้องพักขนาดนี้เท่านั้นถึงจะเหมาะสมกับฐานะราชินิแห่งความมั่งคั่ง
“คุณอยากดื่มอะไรบ้างไหมคะ?”
อาจเป็นเพราะความทรมานทางอารมณ์ที่ได้รับ ทันทีที่ลีแชรินเดินเข้ามายังด้านในเธอรีบหยิบเฮนเนสซี พาราดิสออกมาหนึ่งขวด
“ผมไม่ใช่คอคอนญักเท่าไหร่”
หลังจากตอบกลับไปเช่นนั้นคังชอลอินก็เรียกรูมเซอร์วิสขึ้นมาแทน
“ซิงเกิลมอลต์แบบที่แพงที่สุด”
วิสกี้คือสิ่งที่คังชอลอินต้องการ
“ก่อนอื่นมาแชร์แผนที่ย่อกันก่อน มันจะช่วยทำให้การสนทนาของเราง่ายยิ่งขึ้น”
“แชร์แผนที่ย่อกันได้ด้วยหรอคะ?”
“ครับ ผู้ช่วยของคุณไม่ได้บอกอะไรคุณบ้างเลยเหรอ?”
“มันมีหลายสิ่งเกินไป ฉันเลยไม่ค่อยรู้…”
“งั้นก็ใช้โอกาสนี้เรียนรู้ซะนะครับ”
คังชอลอินเปิดใช้งาน [แผนที่ย่อ] ซึ่งเป็นเมนูที่อยู่ด้านล่างสุดของคำสั่งแผนที่
“นี่คือแผนที่ย่อของผม ตรงกลางคือดินแดน ผมจะทำเครื่องหมายคุณสมบัติภูมิประเทศขนาดเล็กจากทุก ๆ สถานที่ที่ผมได้ไปสำรวจเอาไว้”
คังชอลอินอธิบาย
“แล้วของคุณล่ะ?”
“อ๋อ..ค่ะ”
ลีแชรินเปิดแผนที่ย่อขึ้นตาม
“แชร์แผนที่ย่อ”
“แชร์แผนที่ย่อ”
ขณะที่ทั้งสองออกคำสั่งมาพร้อมกัน แผนที่ย่อของพวกเขาก็เกิดการซ้อนทับซึ่งกันและกันเพื่อแบ่งปันถึงข้อมูลตำแหน่งของแต่ละคน
“มันทำได้จริง ๆ ด้วย…”
“้เงียบก่อน”
คังชอลอินตัดความประทับใจของลีแชรินออกกะทันหัน
“ขอผมตรวจดูก่อน”
ขณะที่ลีแชรินกำลังจิบคอนญักที่ถืออยู่ในมือ ดวงตาของคังชอลอินก็กำลังตรวจสอบแผนที่ย่อที่แชร์กันอย่างรวดเร็ว
‘อยู่ใกล้กับเรามาก พื้นที่ตรงนี้อยู่ห่างจากจุดสิ้นสุดป่าปีศาจทางตะวันออกเฉียงใต้ไปเพียงประมาณ 50 กม. เท่านั้น จุดสีเขียวตรงนี้คือดินแดนของลีแชริน จากทั้งสองด้าน…จุดสีแดงที่หมายถึงดินแดนของราชันย์คนอื่น เธออยู่ตรงกลางเหมือนแซนวิชที่ถูกประกบ มันไม่ใช่เรื่องดีแต่…มันยังไม่จำเป็นต้องมีสงครามในตอนนี้ ทำไมถึงได้เป็นแบบนั้นกัน? ทำไม…?’
ความขัดแย้งทุกอย่างย่อมมีเหตุผล มันอาจมีควันลอยออกมาจากปล่องไฟได้แม้จะไม่มีไฟแต่ไม่มีสงครามใดที่เกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผล
‘ด้วยศักยภาพทางเศรษฐกิจของลีแชริน ไม่มีเหตุผลที่เธอจะต้องตกอยู่ในสภาวะที่น่ากลัวเช่นนี้เพียงเพราะราชันย์อื่นเปิดการโจมตี แล้วถ้าลองคาดการณ์ให้แม่นยำขึ้น เธอกำลังถูกโจมตีจากราชันย์ทั้งสองด้าน… เธอถูกโจมตีแบบนี้ได้อย่างไร? เดี๋ยวก่อน…’
ในขณะที่เขากำลังคิดหาสาเหตุ คังชอลอินก็ได้ไปเห็นบางสิ่งที่สำคัญเข้า
“ตรงนี้”
“คะ?”
“เป็นเพราะเหมืองนี่ใช่ไหม?”
“…!”
ลีแชรินรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เพียงการตรวจสอบแผนที่ย่อได้ไม่นานเขาก็สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ที่เธอกำลังเผชิญอยู่ได้อย่างแม่นยำ
“ค คุณรู้ได้อย่างไร…?”
อย่างไรก็ตามลีแชรินไม่สามารถยืนยันอะไรออกไปได้เพราะตอนนั้นคังชอลอินลุกขึ้นไปเอาของที่สั่งจากรูมเซอร์วิสที่กำลังรออยู่ด้านนอกประตู
‘เขาเป็นใครกันแน่…? มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใครสักคนจะมีท่าทีเปลี่ยนไปจากเดิมแต่เขาเปลี่ยนมาเป็นคนแบบนี้ได้อย่างไร…?’
ลีแชรินจ้องมองแผ่นหลังของคังชอลอินด้วยอารมณ์และความรู้สึกที่กำลังผสมปะปนกันจนวุ่นวาย
หากมีใครบางคนที่แม้จะไม่ใช่คนช่างพูดช่างคุยแต่ใจดีกับคนอื่นมาโดยตลอดกลายมาเป็นราชันย์ที่เยือกเย็นภายในเวลาไม่นาน ใคร ๆ ก็ต้องแปลกใจไปกับมัน
“เมื่อกี๊คุณกำลังจะพูดว่าอะไรนะครับ? เชิญพูดต่อได้เลย”
คังชอลอินรินวิสกี้ลงแก้วที่เต็มไปด้วยน้ำแข็ง
“หลังจากจิบนี้”
“ค่ะ”
ขณะหันหน้าเข้าหากัน ชายหญิงต่างถือเครื่องดื่มของตัวเองอยู่ในมือ
“ข้อสรุปของผมคือแบบนี้”
คังชอลอินวางแก้วของเขาลงอย่างรวดเร็วแล้วเลื่อนนิ้วของเขาไปประทับอยู่ตรงแผนที่ย่อที่หมายถึงดินแดนของลีแชริน
“ถัดจากดินแดนนี้ไปจะเป็นภูเขา ผมไม่มั่นใจว่าภูเขานี้เป็นประเภทไหนแต่ผมมั่นใจว่ามันคือเหมืองที่เต็มไปด้วยทรัพยากรอันมีค่า”
“ใช่ค่ะ”
“ส่วนไอ้สองตัวนี้”
นิ้วของคังชอลอินเลื่อนไปยังจุดที่หมายถึงดินแดนของราชันย์คนอื่นทางตะวันตกเฉียงเหนือและตะวันออกของดินแดนของลีแชริน
“พวกมันสองคนตกลงร่วมมือเป็นพันธมิตรกันเพื่อเหมืองของคุณ”
“คุณ…คุณเห็นได้ถึงขนาดนั้นเลยหรอคะ?!”
ลีแชรินตกตะลึงอีกครั้ง
ใคร ๆ ก็สามารถเดาได้ว่าเธอกำลังตกอยู่ภายใต้การโจมตีของราชันย์จากทั้งสองฝั่ง แต่ไม่มีคนแปลกหน้าคนไหนที่จะสามารถระบุเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังนี้ได้อย่างถูกต้องเหมือนที่เขากำลังทำ
“ท่าทีของคุณและผลลัพธ์จากแผนที่ย่อกำลังบอกมาแบบนั้น ด้วยสองสิ่งเหล่านี้มันไม่ยากที่เข้าใจได้”
“เฮ้อ…แต่มันยากสำหรับฉัน…”
“มันเป็นสถานการณ์ที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน”
“…?”
“มันง่ายที่จะมีมุมมองหรือมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลหลังได้ใช้ชีวิตที่ยากลำบากมานานเพื่อเอาตัวเองให้รอด ไม่ใช่ว่าคุณโง่ คุณแค่ยังไม่คุ้นเคยกับมันก็เท่านั้น”
“อ่อ อย่างนี้นี่เอง….”
“ทั้งนี้”
คังชอลอินหยุดพูดหเพื่อจิบวิสกี้อีกครั้งก่อนจะดำเนินการต่อ
“ด้วยความรู้สึกที่ตรงไปตรงมาของผม…มันดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลนัก”
“…!”
“ไม่ว่าทั้งสองคนนั้นจะมีความชำนาญพิเศษอย่างไรหรือหากรวมกองทัพกันแล้วจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน มันไม่ได้ยากเกินไปสำหรับคนที่มีความชำนาญพิเศษอย่าง “ความอุดมสมบูรณ์” ที่คุณมี”
“เอ่อ ทำไมคุณถึงพูดอะไรที่มันดูไม่สมเหตุสมผล…”
“ทำไมมันจะไม่สมเหตุสมผล? คุณแค่ซื้อทหารแล้วส่งพวกเขาไปยังค่ายของศัตรูมันก็จะช่วยป้องกันไม่ให้สถานการณ์นี้ลำบากขึ้นได้แล้ว หรือเพียงแค่นำการต่อสู้ไปสู่สงครามแห่งการล้างผลาญซะก็จบเรื่อง ผู้ชนะในที่สุดก็จะเป็นคุณด้วยความมั่งคั่งที่คุณมีไม่ใช่ไอ้สองคนนั้น”
ในอดีต คังชอลอินมีประสบการณ์ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกับพลังทางเศรษฐกิจอันยิ่งใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรกัลเวกที่สร้างผลผลิตได้อย่างมหาศาลและมีอำนาจทางเศรษฐกิจมาก่อน เขารู้จักพลังของความมั่งคั่งที่ไร้สาระนี้ได้ดีกว่าใคร ๆ
“แต่ผลสุดท้ายแล้วข้อสรุปอาจมีได้สองอย่าง หนึ่ง เงื่อนไขที่ยังไม่สมบูรณ์ของการทำสงครามล้างผลาญ หรือสอง ราชันย์ของศัตรูมีพลังพิเศษบางอย่าง…ถ้าเป็นอย่างนั้น…”
คังชอลอินจ้องมองไปที่ลีแชรินด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความรุนแรงที่ดุร้าย
“คุณจะสูญเสียเหมืองนี้ไปและไม่สามารถเรียกมันกลับคืนมาได้เมื่อมีการทำสงครามล้อม มันจะถูกดำเนินการโดยศัตรูที่อยู่เหนือยิ่งกว่า ดังนั้นการเรียกคืนเหมืองมาจึงเป็นไปไม่ได้ไม่ว่าจะมีหน่วยทหารจำนวนมากเท่าไหร่ให้เสียสละ … ถ้าอย่างคุณก็น่าจะพอเข้าใจได้แล้วว่าจะเป็นยังไง…”
ลีแชรินสามารถรู้ได้ในทันที
“ถ้าคุณสูญเสียเหมืองนี้ไปคุณก็จะสามารถตัดปัญหาออกได้ทั้งหมด ยอมแพ้ซะ แล้วมุ่งเน้นไปที่การปกป้องปราสาทของคุณจะดีกว่า ถ้าทำแบบนี้คุณก็จะสามารถรักษาตัวเองไว้ได้ชั่วขณะหนึ่ง ทำไมคุณถึงหมกมุ่นอยู่กับเหมืองนัก? เหมืองมีค่ามากกว่าชีวิตคุณหรือยังไง?
และเมื่อลองประเมินดูแล้ว ชีวิตของคุณกำลังขึ้นอยู่กับความเมตตาของพวกมัน ซึ่งอาจทำให้คุณต้องสูญเสียหัวของตัวเองหรือสูญเสียตำแหน่งราชันย์ และสุดท้ายคุณก็จะถูกทำลายลงอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะอย่างนั้น ลีแชริน ยอมแพ้ต่อเหมืองนี้ไปซะ”
คังชอลอินประกาศผลที่กำหนดไว้แล้วล่วงหน้า
หากเขาไม่เข้ามายุ่งเกียวกับลีแชรินในตอนนี้ผลที่เกิดขึ้นจะเป็นไปตามที่เขาได้ทำนายเอาไว้
บางที…เพราะชีวิตก่อนหน้านี้ลีแชรินไม่ยอมแพ้ต่อมันเธอจึงไม่สามารถมาร่วมงานสมัชชาครั้งแรกระหว่างราชันย์ได้
“เป็นการดีที่จะยอมแพ้ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ ด้วยความอุดมสมบูรณ์ที่คุณมี แม้จะไม่มีเหมืองนั่นก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับดินแดนของคุณสักเท่าไหร่นักหรอก”
คังชอลอินแนะนำ
“ฉัน…ฉันก็…ต้องการทำแบบนั้นค่ะ”
โดยไม่คาดคิด ลีแชรินมีการตอบสนองที่แปลกประหลาด
“เหมือนนั่น ฉันก็ไม่ได้ต้องการมันเช่นกัน หากพวกเขาต้องการฉันสามารถมอบให้พวกเขาได้เสมอ”
“…?”
มันยากที่จะเข้าใจได้ว่าทำไมเธอถึงต้องดิ้นรนในเมื่อเธอเองก็ไม่ได้ต้องการมัน
“แต่คำพูดและการกระทำของคุณไม่สอดคล้องกันเลยนะครับ ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณถึงต้องการส่งทหารไปให้เกิดความสูญเสียอย่างสิ้นเปลืองด้วยถ้าคิดที่จะยอมแพ้”
“เพราะมันไม่ใช่ความต้องการของฉันน่ะสิคะ”
“…?!”
ในขณะนั้น การแสดงออกของความประหลาดใจก็ได้ปรากฏขึ้นในดวงตาของคังชอลอิน
‘เรื่องไร้สาระนี่มันอะไร?’
ไม่ใช่ความต้องการของเธอ?
มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด ไม่แม้แต่จะน่าหัวเราะได้
สิทธิอำนาจทั้งหมดของดินแดนเป็นของราชันย์โดยสมบูรณ์ มันเป็นขอบเขตที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่สามารถมีใครขัดขืนหรือสามารถบุกรุกเข้ามาได้ ใครกันที่กล้าเข้ามายุ่งกับสิทธิอำนาจของราชันย์?
มันไม่สามารถเข้าใจได้เลย
มันเป็นอะไรที่เกินความคาดหมายสำหรับผู้ที่มีความภาคภูมิใจอย่างแรงกล้าในการขึ้นเป็นราชันย์เช่นคังชอลอินอย่างมาก
‘ใครกันที่กล้าทำเรื่องแบบนั้น?’
คังชอลอินมั่นใจมากว่าถ้าเป็นเขา คน ๆ นั้นจะต้องถูกประหารหัวหรือไม่ก็ถูกลงโทษทางร่างกายอย่างร้ายแรงแก่ผู้ที่กล้าเข้ามาก้าวก่ายในอำนาจของตัวเขาแบบนี้
“ผมต้องการคำอธิบาย”
คังชอลอินเซ้าซี้เร่งคำตอบจากลีแชริน
“มันไม่สมเหตุสมผล”
ลีแชรินรินคอนยัคอีกแก้วหนึ่งแล้วยกดื่มมันก่อนจะพูดตอบ
“มันเป็นความต้องการของผู้ใต้บังคับบัญชาของฉันและพลเมืองในดินแดนค่ะ”
“…?”
“ชื่อของภูเขานั้นคือนีด้าเวลเลียร์ นอกเหนือจากการเป็นหลุมฝังศพของคนแคระที่มีอยู่ในดินแดน 60% นี้แล้วมันยังเป็นเหมืองทองคำที่เราสามารถขุดอัญมณีล้ำค่าได้อีกมาก ถ้าฉันต้องการใช้ชีวิตในฐานะราชินีผู้มั่งคั่ง…ฉันต้องเรียกคืนพื้นที่นั้นมาให้ได้ค่ะ”
ความสำคัญของเหมืองที่เกี่ยวกับค่าเงินและคุณค่าทางใจนั้นใหญ่เกินความคาดหมายที่เขาคิดไว้ในตอนต้น
“…เป็นอย่างนี้นี่เอง”
คังชอลอินสามารถเข้าใจถึงสถานการณ์ที่ลีแชรินกำลังตกอยู่ได้ในที่สุด
มันเป็นกบฏที่ราชันย์ถูกบังคับโดยชาวแคระที่อาศัยอยู่ในดินแดน
รายละเอียดของเรื่องยาวเกินกว่าจะรับฟัง นอกจากนี้การคาดการณ์ที่แม่นยำยิ่งขึ้นจะสามารถทำได้หลังเยี่ยมชมเป็นการส่วนตัวแทนที่จะได้รับฟังเรื่องราวมาจากลีแชรินเพียงอย่างเดียว ดังนั้นการปิดข้อสรุปของเรื่องราวทั้งหมดในเวลาต่อมาคือเขาต้องไปที่แพนเจีย สำหรับตอนนี้มันคือการตัดสินใจเพื่อเจรจาอย่างไม่เป็นทางการสำหรับเงื่อนไขและข้อตกลง
“มันไม่ใช่ปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ด้วยความช่วยเหลือง่าย ๆ มันเป็นปัญหาที่ต้องจัดการกับราชันย์คนหนึ่งแทนราชันย์อีกคน”
ทุกปัญหาจะต้องมีการหารือและต้องได้รับการจัดการตามลำดับก่อนที่จะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
“ฉันเข้าใจค่ะว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ”
ลีแชรินพยักหน้ารับ
“ฉันเองก็คิดว่าข้อตกลงนี้จะให้ขึ้นอยู่ที่ราชันย์คังชอลอินมากกว่าคุณคังชอลอินที่ฉันรู้จัก”
“การหารือจะง่ายขึ้นในเมื่อคุณเริ่มทำความเข้าใจได้”
“แน่นอนค่ะ”
“จะมีการทำสัญญาอย่างเป็นทางการอีกทีหนึ่ง แต่โครงร่างพื้นฐานก็คือผมจะช่วยให้คุณเอาชนะความยากลำบากที่คุณกำลังตกอยู่ในตอนนี้และในทางกลับกันคุณก็ต้องจ่ายเงินให้ผม นั่นคือเงื่อนไขของสัญญา”
“ตกลงค่ะ”
คังชอลอินส่ายหน้า
“การจะทำข้อตกลงกับผมมันมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก”
“ตอนนี้ฉันเหมือนอยู่ที่ขอบหน้าผาแล้ว หากฉันสามารถเอาชนะสถานการณ์ของฉันได้ฉันก็พร้อมตอบรับกับทุกสิ่งที่คุณต้องการ”
หลังจากที่ตั้งใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะใช้ชีวิตในฐานะราชันย์ ราชันย์ลีแชรินได้แสดงเจตจำนงของตัวเองในการอยากเอาชนะความยากลำบากนี้อย่างมั่นคง
“ถ้าอย่างนั้น”
คังชอลอินพูดขณะวางแก้ววิสกี้ลงบนโต๊ะ
“จะเริ่มดำเนินการทันทีหลังจากนี้อีกหนึ่งสัปดาห์ ภายในหนึ่งเดือนผมจะกำจัดสองคนนั้นและเรียกคืนนีด้าเวลเลียร์เพื่อคืนความมั่นคั่งดินแดนของคุณกลับมาให้ และในทางกลับกันเงื่อนไขของผมคือส่วนแบ่ง 30% ของสินค้าทั้งหมดที่ขุดได้จากเหมืองนี้ไปอีกห้าปี”
แน่นอนว่ามันเป็นราคาที่แพงมาก
ภูเขานีด้าเวลเลียร์ไม่เพียงแต่เป็นเหมืองทองคำเท่านั้นแต่ยังเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยหินแห่งการเคลื่อนย้าย สิ่งของจำเป็นในการใช้ประตูข้ามมิติเพื่อไปมาระหว่างโลกและแพนเจีย
ส่วนแบ่ง 30% สำหรับอีกห้าปีข้างหน้าจากเหมืองที่มีค่ามหาศาลจะทำให้มีมูลค่าหลายพันล้าน
‘นั่นคือความต้องการขั้นต่ำ’
อย่างไรก็ตามคังชอลอินไม่คิดว่าความต้องการนี้จะมีมูลค่าที่มากเกินควร
ยิ่งกว่าการช่วยให้ลีแชรินพ้นจากสถานการณ์ที่ยากลำบาก มันคือการช่วยชีวิตเธอในอีกรูปแบบหนึ่งด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้การช่วยเหลือเธอโดยการสละเวลาของเขาก็ยังเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากและเขาต้องได้รับค่าชดเชยในส่วนนั้น
หนึ่งเดือนของคังชอลอินจะแตกต่างไปจากราชันย์คนอื่น ๆ นับตั้งแต่ที่เขาได้กลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง หนึ่งเดือนนี้จะอนุญาตให้เขาได้เก็บเกี่ยวผลกำไรอย่างที่ใครก็ไม่สามารถคาดถึงได้ และในขณะที่เขาใช้เวลาอันมีค่านี้เพื่อช่วยลีแชริน อย่างน้อยที่สุดเขาก็ต้องได้รับค่าแรง
ตามความเป็นจริงแล้ว 30% นั้นถือเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้วถ้าตอนนี้เขาจะร้องขอค่าตอบแทนเป็น 80% จากทั้งหมด ลีแชรินก็ยังจะยอมตอบตกลงรับอย่างเชื่อฟังในสถานการณ์ที่กำลังเป็นวิกฤต
นับว่าคังชอลอินยังใจดีแก่เธอมากที่ไม่ได้คิดเอาเปรียบและแทงข้างหลังเธอจนหัก เหตุเพราะเขายังมีหนี้ในอดีตร่วมกันจึงคิดมุ่งมั่นที่จะจ่ายคืนด้วยวิธีนี้
“เข้าใจแล้วค่ะ”
ลีแชรินตกลงยอมรับข้อเสนอที่ว่าในทันที นอกจากนี้เธอยังเพิ่มให้อีกข้อหนึ่ง
“ฉันเองก็มีข้อเสนออีกอย่างจะมอบให้ด้วยค่ะ”
“ว่ามาเลยครับ”
“เป็นพันธมิตรกับฉันจากนี้ไปอีกสิบปี แม้ว่าฉันจะมีเงินแต่ฉันก็ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ บางทีความสามารถพิเศษของฉันอาจเป็นการเชี่ยวชาญการจัดการภายในดินแดน”
นั่นเป็นเรื่องจริง
เนื่องจากคังชอลอินมีความอ่อนแอในการจัดการภายในดินแดนถึงแม้ว่าเขาจะเป็นราชันย์ที่ไร้ผู้เทียบเท่า แต่ทว่าสำหรับเธอที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการจัดการภายในดินแดนที่แข็งแกร่ง เธอจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีข้อบกพร่องด้านทักษะทางการทหาร
“หากคุณตกลงที่จะเป็นพันธมิตรกับฉัน ฉันจะเพิ่มให้อีก 10% และจะมอบ 40% นี้ให้สำหรับสิบปีถัดไปไม่ใช่เพียงแค่ห้าปี ถ้าเป็นแบบนี้มันก็จะเป็นสิ่งที่จะเป็นประโยชน์กับเราทั้งคู่ คุณเห็นด้วยไหมคะ?”
แม้จะเป็นข้อเสนอที่เพิ่งถูกหยิบยกขึ้นมาแต่ก็มีเหตุผลและมีไหวพริบที่ดีมาก
“ไม่เลว”
รอยยิ้มที่ร้ายกาจเล็กน้อยเผยขึ้นที่ริมฝีปากของคังชอลอิน
“อย่างน้อยตอนนี้คุณก็รู้ตัวว่าควรทำอะไรในฐานะราชันย์”
“ย อย่างนั้นหรอคะ?”
ลีแชรินกล่าวและคิดในทันใดว่าท่าทีที่เย็นชาของคังชอลอินที่เขากำลังแสดงอยู่นั้นอาจไม่จริงใจ 100% ซะทีเดียว
‘บางที…เขาอาจกำลังพยายามสอนอะไรเราอยู่หรือเปล่า…?’
หลังจากลองคิดอย่างระวัง คำพูดทั้งหมดที่คังชอลอินพูดจะกลายเป็นอาหารและโภชนาการสำหรับเธอ
ทันใดนั้นคำพูดที่เขาเคยพูดกับเธอไว้ก่อนหน้าก็ก่อตัวขึ้นมาภายในความคิด
‘อย่าคิดขอกำลังเสริม อย่าเชื่อใจราชันย์คนอื่น ๆ การเสริมกำลังไม่ใช่ทางออกหนึ่งเดียว ฯลฯ … หากมองย้อนกลับไปทั้งหมดนี้ก็เขาที่เป็นคนทำให้เธอลืมตามองเห็นอะไรได้มากยิ่งขึ้นและตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ’
มันเป็นหนึ่งในบทเรียนที่มีรูปแบบค่อนข้างที่จะรุนแรงซึ่งก็คือ “การฟังและเรียนรู้ไปตามความสามารถของตัวเอง” แต่ลีแชรินสามารถทำความเข้าใจถึงความหมายของคำเหล่านั้น
นอกจากนี้ เมื่อเธอแสดงให้เห็นถึงความกล้ารอยยิ้มเล็ก ๆ ก็ได้ปรากฏชึ้นเช่นกัน…
‘อย่างนี้นี่เอง เข้าใจแล้วล่ะ ชอลอิน คุณยังไม่ลืมฉันไปจริง ๆ ขอบคุณนะ’
หัวใจที่แข็งกระด้างของเธอเหมือนก้อนหิมะที่กำลังถูกหลอมละลาย
ลีแชรินรู้สึกซาบซึ้งกับคังชอลอินแต่ก็ไม่ได้แสดงออกไปแต่อย่างใด เป็นเพราะเธอรู้ว่าบทเรียนของคังชอลอินยังไม่ได้จบลงแค่เพียงเท่านี้ อย่างน้อยก็จนกว่าข้อตกลงนี้จะเสร็จสมบูรณ์
“คุณชอลอิน”
ลีแชรินยื่นมืออกไปด้านหน้า
“ต่อจากนี้ไปเราก็ได้เป็นพันธมิตรกันแล้วนะคะ ฉันดีใจที่ได้เป็นพันธมิตรกับคุณ ราชันย์คังชอลอิน”
“ผมก็เช่นกัน”
คังชอลอินยื่นมือไปจับกับเธอ
“ฉันต้องการแสดงสัญลักษณ์ของความเชื่อใจค่ะ”
“…?”
“การค้า”
ลีแชรินออกคำสั่ง
“เหรียญทองสำหรับราชันย์คังชอลอินสองพันแท่ง”
จากนั้นเหรียญทอง 2,000 แท่งจากคลังของลีแชรินก็ได้ถูกย้ายไปยังคลังของคัลชอลอิน มูลค่าของราคาขนาด 800 ล้านวอนถูกถ่ายโอนไปโดยไม่มีสิ่งใดต้องตอบแทน ถึงแม้เธอจะดูไม่ประสีประสาไปบ้างแต่ลีแชรินก็มีความสามารถในการดำเนินการได้อย่างเด็ดขาด
“คิดว่านี่คือเงินมัดจำเพื่อความแข็งแกร่งทางพันธมิตรของเราก็แล้วกันนะคะ”
ลีแชรินยิ้มกว้าง
“ผมจะยอมรับมันด้วยความขอบคุณและจะใช้มันเป็นอย่างดี”
คังชอลอินก็ยิ้มเช่นกัน ไม่มีใครไม่ชอบในเมื่อมีคนมาให้เงินง่าย ๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการให้เพื่อแสดงความภักดีเช่นนี้
“อย่างไรก็ตาม…”
ลีแชรินพูดราวกับว่าเธออยากรู้เกี่ยวกับบางสิ่ง
“แผนขอบคุณคืออะไรหรอคะ? คุณจะช่วยฉันได้อย่างไร คุณชอลอิน?”
“คุณแค่รอดูก็พอ”
คังชอลอินไม่สนใจที่จะเปิดเผยว่าเขาจะช่วยเหลือเธอได้อย่างไรในเวลานี้แต่เขาต้องการที่จะแสดงให้เธอเห็นด้วยตัวเอง