ตอนที่ 26: ราชันย์ลีแชริน
“คังชอลอินพูดครับ”
คังชอลอินกดตอบรับสายโทรศัพท์จากลีแชริน
ถ้าเธอไม่ใช่หนึ่งในราชันย์เขาจะปฏิเสธสายนี้ไปอย่างไม่ลังเลแต่เพราะเธอเป็นหนึ่งในนั้นเขาจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการรับสายจากเธอได้
ศัตรูของราชันย์ก็คือราชันย์ เช่นเดียวกับพันธมิตรของราชันย์ก็คือราชันย์อีกเช่นกัน
[คุณชอลอินคะ]
“ครับรุ่นพี่ลี โอ้ไม่สิ ตอนนี้ผมจะเรียกคุณว่าคุณลีก็แล้วกันนะครับ”
[ไม่สำคัญหรอกค่ะว่าคุณจะเรียกฉันยังไง ตอนนี้ฉันโดนไล่ออกจากบริษัทแล้วล่ะค่ะ]
“คุณเพิ่งได้กลับมางั้นหรอครับ?”
[ค่ะ]
เป็นที่เข้าใจได้ว่าทำไมเธอถึงถูกไล่ออก
โดยทั่วไปแล้วบริษัทส่วนใหญ่มักไม่ค่อยไล่พนักงานบัญชีออกโดยไม่พิจารณาถึงความเหมาะสมเท่าไหร่นัก และยิ่งเป็นสถานการณ์ในปัจจุบันยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเลือกลาออกด้วยตัวเอง สาเหตุในครั้งนี้คงเป็นเพราะเธอไม่ได้ไปทำงานเป็นเวลานานเนื่องจากการอัญเชิญครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น
[คุณชอลอินคะ]
“ครับ มีอะไรงั้นเหรอครับ?”
[คุณรู้เรื่องพวกนี้อยู่ก่อนแล้วใช่ไหมคะ? นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณถึงได้ใจเย็นมากขนาดนั้น ฉันพูดถูกใช่ไหมคะ?]
ลีแชรินเอ่ยถามออกไปตามตรงในสิ่งที่เธอสงสัย ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่เข้าใจความเป็นจริงของสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
“…ผมไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้”
คังชอลอินขีดย้ำเส้นแบ่งไว้อย่างชัดเจน
หากเขาให้คำแนะนำแก่ลีแชริน เขาจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอนาคตจะยังออกมาเป็นแบบเดิมอยู่หรือไม่ หรือจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เขาต้องพยายามคุมสถานการณ์และกำจัดตัวแปรภายนอกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในครั้งก่อนออกไปให้หมดดังนั้นเขาจึงไม่สามารถให้คำแนะนำอะไรแก่เธอได้แม้เขาจะต้องการทำแบบนั้นก็ตาม
[คุณชอลอินคะ]
จากน้ำเสียงของเธอในคราวนี้ เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังรู้สึกเสียใจกับการตอบสนองที่เย็นชาของเขา
[ฉัน… ฉันกลัวมาก…]
[ฉันไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน… ที่นั่นมีทั้งคนแคระและฝูงกาที่ฉันไม่สามารถเข้าใจหรือยอมรับได้ … เพราะงั้นช่วยรับฟังฉันหน่อยจะได้ไหมคะ? แค่รับฟังเฉย ๆ ก็ได้ ขอร้องเถอะค่ะ]
น้ำสียงที่สั่นเทาของลีแชรินเปียกชื้นไปด้วยความหวาดกลัว
เธอดูเหมือนไม่ค่อยมีสติติดตัวเท่าไหร่นัก
คังชอลอินรับรู้ความรู้สึกภายในใจของเธอได้เป็นอย่างดี
ความกลัวที่ไม่รู้จัก ช่องว่างระหว่างความเป็นจริงจากโลกทั้งสองใบ ความรับผิดชอบจากชนชั้นราชันย์ที่ถูกมอบให้อย่างกะทันหัน สัตว์ประหลาดและภารกิจต่าง ๆ อีกมาก มันเป็นเรื่องยากสำหรับคนทั่วไปที่จะหลบหนีจากความตกใจของการอัญเชิญครั้งนี้ไปได้โดยใช้เวลาเพียงไม่นาน
โดยเฉพาะอย่างสำหรับหญิงสาวที่ไม่ได้มีความคึกคะนองแบบเฮคาเต้แต่เป็นหญิงสาวธรรมดา ๆ อย่างลีแชริน มันไม่ได้ชวนให้แปลกใจที่เธอจะมีอาการสับสนมากมายถึงขนาดนี้ และก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหากเธอต้องมาจบชีวิตเนื่องจากสภาพจิตใจที่ไม่สามารถแบกรับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไหว มันอาจเป็นการฆ่าตัวตายหรืออาจถูกฆ่าบนแพนเจียอย่างใดอย่างหนึ่ง
‘อืม… ในกรณีนี้หรือว่าเราควรแลกเปลี่ยนข้อมูลบางอย่างให้เธอไปบ้างดี?’
จิตใจของคังชอลอินเริ่มสับสน
‘หากดินแดนของลีแชรินอยู่ใกล้กับรอสต์ไชลด์เราก็น่าจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาอยู่บ้าง’
จากนั้นเขาก็ลองคิดในกรณีที่ถ้าหากเขายอมมอบความช่วยเหลือให้เธอมากพอที่จะไม่กระทบต่ออนาคตก็น่าจะไม่เป็นอะไร
“คุณลีครับ”
คังชอลอินที่ตัดสินใจได้แล้วกล่าวเรียกเธอผ่านทางสายสนทนา
[ค่ะ คุณชอลอิน]
“ผมอาจให้ความช่วยเหลืออะไรคุณไม่ได้มากแต่ลองมาคุยกันต่อหน้าก่อนก็ได้ครับ อาจมีบางอย่างที่เราสามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?”
[คุณสามารถมาเจอกับฉันตอนนี้ได้จริง ๆ หรอคะ?]
“ครับ”
[ถ้าอย่างนั้นฉันจะส่งตำแหน่งที่อยู่ตอนนี้ไปให้นะคะ! ทันทีที่คุณมาถึง
ก็โทรมาหาฉันได้เลย แล้วก็…ขอบคุณมากนะคะที่ยอมมาเจอกับฉันในวันนี้]
“ผมวางสายก่อนนะครับ”
คังชอลอินที่ไม่รู้วิธีการตอบสนองต่อคำขอบคุณรีบตัดบทสนทนาและวางสายไปในทันที เขาไม่คุ้นชินกับการได้เป็นที่พึ่งพาของใคร
“ทางนี้ค่ะ”
คังชอลอินและลีแชรินนัดเจอกันที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งใกล้ ๆ กับสถานีรถไฟด้านหน้ามหาวิทยาลัยโซล
“ดินแดนของคุณชื่ออะไรงั้นหรอครับ?”
คังชอลอินเลือกถามเข้าประเด็นในทันทีที่มาถึง
“…โดราโด้ค่ะ”
คำตอบของลีแชรินสร้างความประหลาดใจให้กับเขาไม่น้อย
‘โดราโด้…ชื่อไม่คุ้นเลยแฮะ’
เขาไม่ได้รู้จักชื่อดินแดนทั้งหมดในแพนเจียแต่เขาจำชื่อดินแดนที่มีอิทธิพลต่อ “ภาพรวม” ต่าง ๆ ได้ ถ้าเป็นดินแดนที่เขาไม่รู้จักนั่นหมายความว่ามันจะไม่มีความสำคัญและไม่ส่งผลกระทบใด ๆ สำหรับอนาคตของเขา
“ความชำนาญพิเศษของคุณคืออะไร?”
“ความชำนาญพิเศษ…ฉันจำไม่ได้หรอกค่ะ”
“ลองพูดตามผม แสดง[สถานะปัจุบัน]”
“แสดง[สถานะปัจุบัน]”
ลีแชรินพูดตามคังชอลอินอย่างเชื่อฟัง จากนั้นหน้าต่างกึ่งทึบแสงที่แสดงสถานะข้อมูลต่าง ๆ ของเธอก็ปราฏขึ้นมา
“นี่มัน…เป็นไปไม่ได้”
ลีแชรินรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก แพนเจียคือโลกที่แตกต่างไปจากที่นี่โดยสิ้นเชิง เธอไม่คิดว่ามันจะสามารถเชื่อมโยงมาถึงชีวิตในตอนนี้ได้
“เพราะมันคือความจริงยังไงล่ะ”
คังชอลอินที่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรช่วยไขข้อสงสัยที่เธอมี
“อย่างไรก็ตามข้อมูลของราชันย์ถูกสร้างขึ้นเพื่อราชันย์เท่านั้น คนอื่นจะไม่สามารถมองเห็นข้อมูลใด ๆ ของคุณได้เหมือนอย่างตอนนี้ที่ผมจะเห็นเพียงหน้าต่างข้อความของคุณแต่ผมไม่เห็นถึงเนื้อหาข้างใน ดังนั้นคุณต้องอ่านมันให้ผมฟัง”
“คุณถามถึงเรื่องความชำนาญพิเศษใช่ไหมคะ?”
“ครับ”
“มันคือ…ความอุดมสมบูรณ์ค่ะ”
ดวงตาของคังชอลอินเบิกกว้างทันทีเมื่อได้ยินคำตอบ
‘หืม…ความอุดมสมบูรณ์ นั่นมัน…? เดี๋ยวก่อนนะ ความอุดมสมบูรณ์?!’
มันเป็นสิ่งที่น่าแปลกใจจริง ๆ
ความอุดมสมบูรณ์
ความชำนาญพิเศษที่จะช่วยในการขยายเศรษฐกิจของดินแดน
ค่าใช้จ่ายในการสร้างอาคารหรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ จะถูกลดหย่อน เมื่อมีการพัฒนาเหมืองทองคำหรือการสกัดทรัพยากรผลผลิตที่ได้จะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ มันเป็นเหมือนกับสถานที่ที่เต็มไปด้วยเพชรและทับทิมล้ำค่า
ความชำนาญพิเศษนี้จะมีประโยชน์อย่างมากในการซื้อของที่[คลังราชันย์]และเงินรางวัลที่ได้จากการออกล่าสัตว์ ที่ดินแห่งนี้มีการนำเข้าขนาดเล็กแต่มีการส่งออกขนาดใหญ่ นั่นคือกุญแจสำคัญของความชำนาญพิเศษนี้
“ทำไมจู่ ๆ คุณถึงได้ประหลาดใจขนาดนั้นล่ะคะ?”
ลีแชรินเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวลแต่เธอกลับไม่ได้รับคำตอบใดจากคังชอลอินกลับ
‘เธอมีความอุดมสมบูรณ์เป็นความชำนาญพิเศษแต่เรากลับจำเธอไม่ได้? มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด ในอดีตเธอเป็นใครกันแน่? ลีแชริน ทำไมผมถึงไม่เคยเจอคุณมาก่อน?’
ความอุดมสมบูรณ์เป็นเหมือนกลโกงที่จะทำให้เศรษฐกิจของดินแดนนั้นเฟื่องฟูแม้จะไม่มีใครทำอะไรเลยก็ตาม มีหรือที่เขาจะไม่รู้จักหญิงสาวที่ได้รับความสามารถพิเศษแบบนี้มาก่อน ไม่ว่าจะคิดอย่างไรมันก็ดูไม่สมเหตุสมผลสำหรับเขาเอาเสียเลย
‘หากลองนึกย้อนกลับไป เราไม่ได้เจอกับเธอในห้องโถงของการอัญเชิญครั้งแรกเพราะงั้นจึงเป็นไปได้มากที่เราจะจำใบหน้าของคนที่ไม่คุ้นเคยได้’
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงมันจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยกับการที่เขาไม่เคยได้เจอกับลีแชรินมาก่อนในอดีต
‘แต่ไม่ใช่สำหรับงานสมัชชาครั้งแรกของราชันย์ ไม่ว่าเราจะต้องการหรือไม่แต่ก็ต้องเคยเห็นเธอผ่านตามาบ้างอย่างน้อย ๆ ก็หนึ่งครั้งที่งานนั้น แต่ลีแชรินไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วยอย่างแน่นอน’
เขามั่นใจในข้อนี้มาก
ไม่ว่าเขาจะขุดรื้อความทรงจำมากมายเพียงใดเขาก็ไม่สามารถนึกถึงใบหน้าของเธอในงานสมัชชาครั้งแรกได้เลย ถ้าอย่างนั้นมันก็มีคำอธิบายอยู่แค่เพียงสองอย่าง
‘อนาคตมีการเปลี่ยนแปลง? ไม่ ๆ แบบนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ ไม่มีอะไรที่เราเข้าไปแทรกแซงหรือเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เกิดเรื่องอะไรแบบนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะเรางั้นก็ต้องเป็นเพราะพระเจ้าหรืออาเคนที่เลือกลีแชรินขึ้นมา มันยังไม่มีปัจจัยภายนอกที่พิสูจน์ถึงคุณสมบัติของการอัญเชิญครั้งใหญ่ ถ้าอย่างนั้น…’
คังชอลอินพยายามคิดถึงการมีอยู่ของเธออย่างหนัก
ก่อนที่งานสมัชชาครั้งแรกจะเริ่มขึ้น นั่นหมายความเธอจะต้องถูกยึดชนชั้นราชันย์หรือถูกทำให้เสียชีวิตไปก่อนหน้า หรือไม่ก็อาจยอมแพ้และจากแพนเจียไป
คำอธิบายเริ่มค่อย ๆ ปรากฏชัด
“คุณแชริน”
“คะ?”
“คุณพอจะบอกผมได้ไหมว่าดินแดนที่คุณเลือกซื้อตั้งอยู่ที่ส่วนไหนของแพนเจีย?”
“อ่า ขอฉันหาสักครู่นะคะ ที่ตั้งดินแดนของฉันอยู่ที่…”
ลีแชรินเลื่อนสายตาตามหน้าต่างข้อมูลสถานะก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ทางใต้ค่ะ”
แพนดิโมเนียม?!
คำตอบของลีแชรินในครั้งนี้ได้ตอบคำถามที่คังชอลอินมีทั้งหมดได้ในคราวเดียว
‘เข้าใจแล้ว’
เขาสามารถเข้าใจได้แล้วว่าทำไมลีแชรินถึงไม่ไปปรากฏตัวที่งานสมัชชาครั้งแรกทั้ง ๆ ที่งานนั้นเป็นงานที่มีความสำคัญต่อราชันย์อย่างมาก
แพนดิโมเนียม
ดินแดนแห่งนรกที่เต็มไปด้วยสงครามบ้าคลั่ง
มันโหดร้ายเกินไปสำหรับคนบอบบางอย่างลีแชริน และไม่แปลกที่เธอจะออกจากแพนเจียไปก่อนที่การจัดอันดับจะเริ่มต้น
‘ความอุดมสมบูรณ์ … เธออาจเป็นผู้ร่วมมือที่มีประโยชน์กว่าที่คิด …’
คังชอลอินกลับไปจมอยู่กับความคิดอีกครั้งขณะมองไปที่ลีแชริน
‘แพนดิโมเนียมไม่มีผลกระทบต่อภาพรวมขนาดใหญ่ เราสามารถทำการแทรกแซงที่ตรงนี้ได้ตามที่ต้องการ ดังนั้นเราจะสามารถช่วยให้ลีแชรินอยู่รอดปลอดภัยได้ และถ้าการทำแบบนั้นจะทำให้เธอยอมมอบทองเพื่อตอบแทนมันก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อเรามากขึ้น’
มันเป็นความคิดที่ค่อนข้างดีทีเดียว
สำหรับคังชอลอินที่ต้องดิ้นรนให้รอดพ้นจากสถานะทางการเงินที่ยากลำบาก ลีแชรินอาจกลายเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญสำหรับเขา
“เห้อ คุณชอลอินคะ”
ลีแชรินถอนหายใจอย่างหนักขณะที่คังชอลอินกำลังคิดถึงเรื่องข้อตกลง
“ฉันสับสนเป็นอย่างมาก ฉันไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรและฉันก็กลัวมากด้วย แต่ที่นั่นไม่มีใครที่ฉันจะสามารถพูดคุยด้วยได้เลย นอกจากนี้ยังดูเหมือนว่าชาวบ้านที่นั่นอยู่ภายใต้ความดูแลของฉัน ฉันควรจะทำอย่างไรดีคะ? ฉันแทบไม่ได้ออกไปปราบปรามสัตว์ประหลาดเลยด้วยซ้ำ ฉันไม่มั่นใจว่าฉันจะสามารถกลับไปทำมันได้อีก…”
ดูเหมือนว่าลีแชรินที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากต้องการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคังชอลอิน แต่ทว่า…
“เรื่องพวกนั้นผมไม่สามารถช่วยคุณได้” คังชอลอินตอบกลับไปอย่างเย็นชา
“คุณแชริน คุณโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะครับ อย่าเอาแต่ถามคนอื่นว่าคุณควรใช้ชีวิตอะไรยังไง ถ้ามันเป็นความต้องการของคุณแต่ไม่ตรงกับสิ่งที่ผมพูดไปคุณก็จะไม่ทำอย่างที่คุณต้องการงั้นเหรอครับ?”
“นั่นมัน…”
“ถ้าผมให้คำแนะนำใด ๆ แก่คุณ คุณไม่คิดบ้างหรอว่านั่นก็คือการตัดสินใจทางเลือกของตัวคุณเองว่าจะเลือกไม่กลับไปที่แพนเจียอีกเลยหรือจะกลับไปที่นั่นเพื่อทำหน้าที่ราชันย์ด้วยความซื่อสัตย์”
ไม่ว่าเธอจะพยายามคิดอย่างไรแต่คำตอบที่เธอเห็นตอนนี้ก็มีแค่เพียงสองทาง เธอจะมีชีวิตอยู่ในฐานะราชันย์หรือเลือกกลับมาใช้ชีวิตเช่นปกติอย่างเดิม ไม่ว่าเธอจะเลือกอะไรนั่นก็คือชีวิตของลีแชรินไม่ใช่ของเขา
“แต่ถ้าคุณเต็มใจที่จะใช้ชีวิตในฐานะราชันย์อย่างสมศักดิ์ศรีผมก็ยินดีที่จะช่วยคุณ”
“คุณชอลอินน่ะหรอคะ?”
“แน่นอนว่าผมจะไม่ยอมป้อนอาหารให้ง่าย ๆ … แต่ก็ใช่ ในอีกนัยหนึ่งมันก็อาจดูเป็นแบบนั้น”
“ค่ะ”
“สิ่งเดียวที่คุณต้องจำไว้ให้ดีคือความเสี่ยงในการเลือกใช้ชีวิตแบบราชันย์ แต่มันก็เป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยของรางวัลมากมาย ด้วยความชำนาญพิเศษที่คุณมี ภายในปีนี้คุณจะสามารถสร้างอาคารได้มากมายบนที่ดินของคุณ”
“ฉันไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย เงินไม่ใช่ทุกอย่าง แต่…”
ลีแชรินกำลังพูดอะไรบางอย่างที่ค่อนข้างจับใจ
“ฉันกลัว…”
“แต่คุณไม่ได้อยู่คนเดียวไม่ใช่หรอครับ?”
“เอะ?”
“ถ้าคุณไม่ได้รับชนชั้นราชันย์ผมคงไม่แนะนำให้คุณกลับไปที่แพนเจียนั่นอีก อย่างไรก็ตามตอนนี้คุณคือราชันย์ คุณมีผู้ช่วยส่วนตัวที่ภักดีและผู้คนในดินแดนที่ไว้วางใจและเชื่อมั่นในตัวคุณ แล้วอะไรล่ะที่เป็นปัญหา? แม้จะมีภารกิจให้ออกไปปราบสัตว์ประหลาดแต่คุณก็แค่นั่งและรอดูผลอยู่เฉย ๆ ไม่ใช่หรอครับ? ผมพูดถูกไหม? … เป็นอันจบเรื่องคุยแล้วนะครับ ถ้าคุณคิดที่จะใช้ชีวิตต่อจากนี้ในฐานะราชันย์ก็ค่อยติดต่อผมมาอีกที เมื่อถึงตอนนั้นผมจะปฏิบัติต่อคุณในฐานะราชันย์คนหนึ่งเหมือนกัน”
“ค่ะ”
ลีแชรินลดสายตาลงต่ำราวกับว่าเธอกำลังสับสน
“ถ้างั้นไว้ค่อยคุยกันใหม่ก็แล้วกันนะครับ”
“คุณจะไปแล้วหรอคะ?”
“ผมไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว”
“แต่…”
“?”
“ทำไมคุณถึงเฉยเมยกับเรื่องทุกอย่างได้ขนาดนี้ล่ะคะ? เหมือนกับว่าคุณเคยไปที่แพนเจียมาก่อนเมื่อในอดีต คุณมีอารมณ์ที่ทั้งมั่นคงและสงบ คุณรู้จักแพนเจียมามากแค่ไหนงั้นหรอคะ?”
“ผมไม่มีความเห็นอะไรจะให้คุณได้ ผมไม่ต้องการบอกอะไรกับใครเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ผมขอตัว”
คังชอลอินจากไปด้วยคำพูดแบบนั้น เขาได้แสดงน้ำใจทั้งหมดที่เขาสามารถรวบรวมได้ออกไปหมดแล้ว
‘ต่อให้ผมไปพูดพร่ำทำเพลงมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ตัวเลือกจะอยู่ที่คุณเอง ลีแชริน คุณสามารถยอมแพ้ไปซะตั้งแต่ตอนนี้ก็ได้แต่ถ้าคุณตัดสินใจเลือกที่จะใช้ชีวิตในฐานะราชันย์เมื่อไหร่ เราก็คงได้เป็นหุ้นส่วนที่ดีต่อกัน’
มันจะเป็นพันธมิตรที่ยอดเยี่ยมถ้าคังชอลอินและลีแชรินได้ร่วมมือกันเพราะมันจะเป็นการรวมพลังทั้งทางทหารและเศรษฐกิจ แน่นอนว่าลีแชรินไม่อาจรู้ถึงเรื่องนี้ได้
.
.
.
ดินแดนที่ปราศจากคังชอลอิน ดินแดนลาพิวต้ากำลังยุ่งอยู่กับการจัดตั้งกิจการภายใน ตามที่คังชอลอินได้มอบหมายงานไว้ให้ ทิโมธีได้ทำงานในช่วงตอนกลางคืนเพื่อพยายามสร้างระบบการปกครองของดินแดนและถูกฝังร่างอยู่ใต้เอกสารกองพะเนิน
เจ้ากรมโพดอลส์กี้ออกตามล่าหาตัวคิมูระจนทั่วดินแดนในขณะที่ผู้บัญชาการเจมส์กำลังกระตุ้นทหารคุ้มกันเพื่อเข้ารับการฝึกที่หนักหน่วงยิ่งขึ้น
ลูเซียกำลังยุ่งอยู่กับการฝึกอบรมคนรับใช้ทั้งสี่ที่นางเลือกมาเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกสบายแก่คังชอลอินทันทีที่เขากลับมายังแพนเจียรวมถึงการไปทำหน้าที่ชั่วคราวที่ทุ่งนา
แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้น
มีปัญหาเกิดขึ้นที่เขตก่อสร้างที่กำลังทำการขุดคูน้ำของดินแดนเพื่อให้ลึกยิ่งขึ้นกว่าเก่า
“อา!!”
แรงงานมดทั้งหลายพุ่งตัวขึ้นไปในอากาศด้วยแรงกระแทกจากอะไรบางสิ่ง
“ช่วยข้าด้วย!”
พร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ดังลั่น …
ชึ้บ!
ตามมาด้วยกระแสเลือดที่ปะทุขึ้นสู่ท้องฟ้า
มันเป็นการซุ่มโจมตีที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันและไม่ทันได้ระวังตัว!
.
.