ตอนที่ 130 : แขกเหรือในงานต่างตกตะลึง
ทุกคนในที่แห่งนี้ต่างได้ยินการเจรจาที่เกิดขึ้นที่มุมห้องอย่างชัดเจน
ด้วยการข่มขู่จากหัวหน้าตระกูลฟีบี้ ทุกคนรู้ว่าหลินกรุ๊ปคงไม่เหลืออะไรแล้ว
หลังจากที่เย่เฟิงพูดว่า 90/10” คนอื่น ๆ ในห้องจัดเลี้ยงนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“บ้า! ไอ้เด็กนี่มันบ้าจริง ๆ ! เขากล้าต่อรองกับหัวหน้าตระกูลฟีบี้ได้ยังไง”
“หลินกรุ๊ปคงจะจบแล้ว ด้วยผลกําไร 10% หลินกรุ๊ปคงแทบจะไม่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยซ้ำ แต่ไอ้ตัวสร้างปัญหานั้นได้ ทําให้หัวหน้าตระกูลฟีบี้ไม่พอใจ หลินกรุ๊ปคงจบสิ้นลงแล้วจริง ๆ!”
“เขายังเด็กและก้าวร้าวเกินไป! ช่างโง่เขลาเหลือเกิน!”
….
ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงต่างส่ายหัว
พวกเขาคิดว่าการกระทําของเย่เฟิง จะยิ่งเป็นการผลักหลินกรุ๊ปลงสู่ก้นบึงของความจบสิ้นอย่างสมบูรณ์
โม่เต๋าที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะนั้นด้วยกําลังรู้สึกตื่นเต้น!
“ไอ้โง่เอ้ย!”
“ผู้ชายคนนี้มันโง่จริงๆ!”
โม่เต๋ารู้ดีถึงอารมณ์ของหัวหน้าตระกูลฟีบี้” ชายผิวขาวคนนี้มีอิทธิพลและชอบข่มคนอื่น เขาไม่สามารถทนต่อการติดใจหรือคลางแคลงใจในเรื่องอะไรก็ตาม แม้แต่นิดเดียว
และเย่เฟิงกําลังทําให้ชายคนนี้โกรธมาก ๆ
“เฮ้ เฮ้… ไอ้งั่ง เมื่อหัวหน้าตระกูลฟีบี้โกรธขึ้นมา เขาจะทําให้แกเสียใจที่เกิดมาบนโลกใบนี้!”
โม่เต๋าเตือนเย่เฟิง ด้วยท่าทางที่ตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิดในแววตาของเขา
เขาเกลียดชังเย่เฟิงมาก เขาแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นลูกน้องของตระกูลฟีบี้เข้ามารุมสับเขาเป็นชิ้น ๆ !
จากนั้นหัวหน้าของตระกูลฟีบี้ก็ผุดลุกขึ้นมา ขณะที่เขามองตรงเข้าไปในดวงตาของเย่เฟิง
ในเสี้ยววินาทีนั้น บรรยากาศในห้องจัดเลี้ยงทั้งหมดก็มืดมนอย่างมาก!
พวกเขารู้ว่าหัวหน้าตระกูลฟีบี้กําลังจะต้องโกรธมากแน่
ในเวลาเดียวกันผู้ติดตามของเขาทุกคนก็ดึงดาบออกมา พร้อมจ้องมาที่เย่เฟิงด้วยสายตาเย็นชา ในเสี้ยววินาทีเจตนาเลวร้ายได้ปกคลุมเย่เฟิงราวกับว่าเขากําลังจะถูกสับให้เป็นเนื้อสัตว์
หลินหลานนั้นวิตกกังวลมาก เธอตั้งใจจะขอร้องให้หัวหน้าตระกูลยกโทษให้กับเขา
ทว่าทันใดนั้นหัวหน้าตระกูลฟีบี้ก็พูดขึ้นว่า “90/10 เหรอ ? ไม่มีทาง!”
เขานั้นต้องปฏิเสธอย่างแน่นอน!
โม่เต๋านั้นยิ้มกริ่ม ขณะที่คนอื่นส่ายหัวอย่างหมดหวังจากวงนอก
พวกเขารู้มานานแล้วว่าหัวหน้าตระกูลฟีบี้ ไม่มีทางเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องโง่ ๆ นั้นของเย่เฟิง!
“100 เปอร์เซ็นต์!”
หลังจากได้ยินคําพูดของเขา ทุกคนที่มองอยู่ต่างพากันร้องเสียงหลง
“100 เปอร์เซ็นต์!”
“แปลว่าตระกูลพี่นี้และตระกูลโม่ต้องการกินหลินกรุ๊ปทั้งหมด!
“หลินกรุ๊ปจะต้องทํางานฟรีโดยไม่มีค่าตอบแทนใด ๆ!
สีหน้าปั้นยากของหลินหลานกลายเป็นซีดเผือดอย่างน่ากลัว!
แต่สิ่งที่หัวหน้าตระกูลฟีบี้พูดต่อมานั้น ทําให้เธอตกตะลึงอย่างมาก!
“หลินกรุ๊ปจะรับผลกําไรทั้ง 100% โดยตระกูลฟีบี้และตระกูลโม่จะให้การสนับสนุนทางการเงินทั้งหมด!”
หลังจากได้ยินคําพูดของเขา ทุกคนในห้องก็ตกตะลึง!
“อะไร อะไรนะ!”
“หลินกรุ๊ปจะได้กําไรทั้ง 100% “
นอกจากนี้ตระกูลฟีบี้และตระกูลโม่จะให้การสนับสนุนทางการเงินอย่างงั้นเหรอ ?
“นั่น มันเป็นไปไม่ได้”
โม่เต๋าตกตะลึง เขาสงสัยด้วยซ้ำว่าเขานั้นกําลังฝันไปหรือเปล่า
“คุณฟีบี้ครับ… คุณพูดผิดหรือเปล่า ? พวกเราควรจะรับผลกําไร 100% ไม่ใช่ของเธอ!”
โม่เต๋าเตือนหัวหน้าตระกูลฟีบี้ให้พูดใหม่อีกครั้ง
แต่หลังจากคําพูดของเขา ทันใดนั้นเขาก็โดนตบกลับอย่างรุนแรง โดยทิ้งรอยฝ่ามือสีแดงแปะติดไว้บนใบหน้าของเขา!
“นี่นายยังเป็นมนุษย์หรือเปล่า ? นายมีมนุษยธรรมไหมเนี่ย ?”
หัวหน้าตระกูลฟีบี้คํารามไปทางโม่เต๋าราวกับแมวที่ถูกกระทืบหาง
“หลินกรุ๊ปเป็นองค์กรที่ยอดเยี่ยมมากนาย ทําแบบนั้นได้ยังไง ? คุณหลินเป็นคนที่งดงามมาก! นายจะผลักเธอไปสู่ทางตันแบบนั้นได้ยังไง! คําพูดของนายน้อยคนนี้ฟังดูสมเหตุสมผลมาก! นายกล้าจะปฏิเสธข้อเสนอของเขาลงได้อย่างไร? นายนี่มันหน้าไม่อายจริง ๆ!”
โม่เต๋าพูดไม่ออก หลินหลานและคนอื่น ๆ ในห้องจัดเลี้ยงเองก็เช่นกัน
ในขณะนั้นทุกคนต่างกําลังงุนงงและสับสน
พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าหัวหน้าตระกูลฟีบี้ที่เคยพูดข่มขู่ คนนั้นจะเปลี่ยนความคิดและทัศนคติของเขาในทันใดแบบ
“เขาเขาเปลี่ยนความคิดเร็วกว่าพลิกหน้าหนังสือซะอีก!”
โม่เต๋าแทบกระอักเลือด
“อะไรวะ เมื่อแกยังอยากจะเขมือบหลินกรุ๊ปเข้าไปอยู่เลย แล้วตอนนี้แกจะมาโยนความผิดให้ฉันได้ยังไง ?
โม่เต๋าสบถใส่ชายผิวขาวในใจนับหมื่นครั้ง ขณะที่เขายังคงกล่าวเตือนชายวัยกลางคนด้วยความไม่เต็มใจ “คุณพี่บี้ครับ คุณ…คุณควรคิดเรื่องข้อตกลงอย่างรอบคอบก่อน ถ้าเป็นเช่นนั้นเราจะไม่ได้รับเงินจากสินค้านี้ด้วยซ้ำนะครับ แถมเราจะต้องลงทุนด้วยเงินจํานวนมหาศาลแทน!”
ทว่าหลังจากที่เขาพูดจบ หัวหน้าตระกูลฟีบี้ก็โกรธจัด
เพี้ยะ!
เขาตบหน้าโม่เต๋าอย่างรุนแรง
“เราไม่ควรสนับสนุนหลินกรุ๊ปงั้นเหรอ ?”
เพียะ!
“คําพูดของนายน้อยคนนี้ไม่สมเหตุสมผลงั้นเหรอ ?”
เพียะ!
“นอกจากเรื่องเงินแล้ว เราไม่ควรมีความคิดที่เกี่ยวข้องกับมนุษยธรรมลุ้นเหรอ ?”
เพียะ! เพียะ! เพียะ!
หัวหน้าตระกูลพี่บี้ยังคงตบโม่เต๋า นั่นทําให้ทุกคนในห้องต่างประหลาดใจ
“เขากําลังทําอะไรอยู่ ?
“เขาเสียสติไปแล้วหรือเปล่า ?
แขกเหรื่อในงานต่างตกตะลึง พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดการพลิกผันครั้งใหญ่อย่างกะทันหันเช่นนี้
หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเขาก็หยุดลง จากนั้นชายวัยกลางคนก็พูดกับหลินหลานด้วยรอยยิ้มกว้าง “ประธานหลิน คุณคิดอย่างไรกับข้อเสนอของผม”
หลินหลานยังคงตกตะลึงขณะที่เธอพยักหน้าด้วยความงนงงและสับสน
เมื่อดูการตอบสนองของเธอ หัวหน้าตระกูลฟีบี้ก็โค้งคํานับอย่างสุดซึ้งต่อหลินหลาน ขณะที่เขาขอโทษ “คุณหลินครับ ผมขอโทษที่ทําให้คุณอุ่นเคืองใจในตอนแรก! เพื่อแสดงความจริงใจเราจะไม่เอากําไรใด ๆ ทั้งสิ้นจากคุณ นอกจากนี้เราจะให้การสนับสนุนทางการเงินทั้งหมด รวมทั้งติดตามผลการขาย! เมื่อ Fenghost 1 เข้าสู่ตลาด ผมสัญญาว่าจะทําการโฆษณาแบบครบวงจรเพื่อให้มันเป็นที่นิยมไปทั่วโลก!”
ทุกคนในห้องต่างตัวแข็งทื่อ!
พวกเขาตระหนักดีว่า หัวหน้าตระกูลฟินั้นกําลังประจบหลินหลาน
“นั่นมัน มันเป็นไปไม่ได้”
นอกจากนี้ชายผิวขาวยังเดินไปหาเย่เฟิง และพูดอย่างนอบน้อมว่า “นายน้อยพอใจกับการตัดสินใจของผมไหมครับ ?”
ในขณะนั้นทุกคนเข้าใจได้ในทันทีว่าเป็นเพราะเย่เฟิ่ง ที่ทําให้หัวหน้าตระกูลฟีบี้เปลี่ยนทัศนคติของเขาอย่างรวดเร็วเช่นนี้
แทนที่จะทําตัวข่มขู่ หัวหน้าตระกูลฟีบี้ที่เริ่มประจบเย่เฟิง เช่นกัน!
สายตาของแขกแต่ละคนนั้น ต่างประหลาดใจอย่างมาก
พวกเขาไม่สามารถจินตนาการถึงอํานาจในมือเย่เฟิงได้ เขานั้นสามารถทําให้หัวหน้าตระกูลฟีบี้เกรงกลัวได้อย่างไรกัน!
“นั่นมันเป็นไปไม่ได้”
นอกจากนี้ทุกคนพบว่าหัวหน้าตระกูลฟีบี้นั้นมีเหงื่อไหลออกมาจากหน้าผากของเขาอย่างมาก และยังมีปฏิกิริยาที่ดูลุกลี้ลุกลน
จนกระทั่งเย่เพิ่งพยักหน้าอย่างพอใจ หัวหน้าตระกูลฟีบี้ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“มากับฉัน!”
โดยไม่สนใจความตกใจและแตกตื่นของคนอื่น เย่เฟิงค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้องจัดเลี้ยง และหัวหน้าตระกูลฟีบี้รีบตามหลังเขาไปในทันที
หลังจากทั้งคู่เดินออกไป ทั้งห้องจัดเลี้ยงก็เกิดความโกลาหลขึ้นในทันที!