ศิลาอมตะต้องห้ามบนสรวงสวรรค์!
นี่เป็น 1 ในศิลาอมตะที่พิเศษที่สุดในจักรวาล มันสามารถเอาไว้สลักคาถาต้องห้ามได้และมันก็ยังเป็นวัตถุดิบหลักในการสร้างเครื่องมือวิเศษระดับหายากอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ด้วยพลังที่ยังไม่ค่อยแข็งแรงมากนักในปัจจุบันของเขา เย่เฟิงสามารถทำให้มันกลายเป็นเครื่องมือวิเศษระดับทั่วไปได้เท่านั้น
“การประมูล ?”
เมื่อเขานึกถึงคำพูดของ อาจารย์กู๋ดวงตาของเย่เฟิงก็เป็นประกาย เขาจึงตัดสินใจที่จะลองเข้าไปข้างในงานนี้สักหน่อย
…
การประมูลของตระกูลกู๋นั้น เป็นการประมูลแบบเป็นความลับ แต่ว่ามีอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งมักจะจัดงานภายในย่านขายของโบราณของทุกเมืองและทุกจังหวัด
เมื่อเย่เฟิง มาถึงประตูทางเข้าของงานประมูลที่ตระกูลกู๋จัดขึ้น เขาสังเกตเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขาอย่างช้า ๆ
“ท่านอาจารย์ทวด ?”
เย่เฟิงชะงักเล็กน้อย เขาหันกลับไปและพบว่าคนที่พูดออกมานั้นคือซู่เถิง หลานชายของซู่กวง
ก่อนหน้านี้ขาของซู่เถิงนั้นถูกหักโดยซู่กวงหลังจากที่เขานั้นได้ทำให้เย่เฟิงไม่พอใจ ดูเหมือนว่าเขาเกือบจะหายดีแล้ว
“นายดีขึ้นแล้วเหรอ” เย่เฟิงถามนายน้อยเถิงด้วยรอยยิ้ม
หลังจากได้ยินคำพูดของเขา ซู่เถิงก็รู้สึกกังวลใจขึ้นมาทันที เมื่อเขานึกถึงความแข็งแกร่งของเย่เฟิง ในครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้เจอกัน เขารีบโค้งคำนับไปทางเย่เฟิง ด้วยใบหน้าสีแดงจาง ๆ และพูดว่า “ท่านอาจารย์ทวดผมช่างโง่เขลานัก ขอโทษที่ทำให้ท่านอาจารย์ทวดไม่พอใจเมื่อครั้งล่าสุด! และก็ขอบคุณที่ช่วยผมเอาไว้!”
หลังจากที่ซู่กวงหักขาของซู่เถิง เขาก็ได้รับยาจากเย่เฟิง มิฉะนั้นซู่เถิงคงยังนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงจนถึงตอนนี้
ขณะที่เย่เฟิงยุ่งอยู่กับการสนทนากับซู่เถิง จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงประชดประชัน “โย่ว! นั่นใช่ ไอ้คนงี่เง่าที่เอาหม้อชาโกลาหลแห่งกลุ่มดาวทั้งสี่ไปแลกกับก้อนหินหรือเปล่า ?”
‘หืมม ?’
หลังจากได้ยินเสียงนั่น ซู่เถิงก็ตกตะลึงในทันที จากนั้นเมื่อเขาก็รู้ว่าต้นเสียงนั้นเป็นของใคร ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นมืดมน “โม่เต๋า แกพูดถึงเรื่องอะไร ?”
เป็นผู้ชายสองคนและผู้หญิงคนเดียวกันซึ่ง นำหน้ามาโดยเด็กในชุดขาวที่เย่เฟิงเพิ่งจะเจอมา
หลังจากมองไปที่หน้าของเย่เฟิง เด็กในชุดขาวก็เยาะเย้ยซู่เถิง “เฮ้ เฮ้…นายน้อยเถิง ฉันนึกไม่ถึงว่านายจะรู้จักคนโง่งี่เง่าแบบนี้!”
‘โง่งี่เง่างั้นเหรอ ?’
หลังจากได้ยินคำดูถูกของโม่เต๋า ใบหน้าของซู่เถิงก็เปลี่ยนเป็นสีเข้มอย่างน่ากลัว เขาตะโกนว่า “โม่เต๋าหุบปาก! ถ้าแกกล้าดูถูกอาจารย์ทวดของฉันอีกครั้ง ฉันจะต่อยแกจนกว่าแกจะหมดลมหายใจ!”
เพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ทำให้ซู่เถิงนั้นนับถือเย่เฟิงอย่างมาก
แม้แต่ปู่ของเขาและบลัดดี้โกสท์ต่างก็ยอมจำนนต่อเขา
ซู่เถิงจะไม่ยอมให้โม่เต๋ามาดูถูกคนที่เขานับถือเป็นอันขาด!
เมื่อโม่เต๋าและเพื่อนของเขาได้ยินคำว่า ‘อาจารย์ทวด’ พวกเขาก็ตกตะลึงในทันที จากนั้นพวกเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“อาจารย์ทวด ? ฮ่า ฮ่า… ฉันนึกไม่ถึงว่านายน้อยเถิงผู้โด่งดังทางตอนใต้ของจีน จะยอมรับว่าคนโง่แบบนี้เป็นอาจารย์ทวดของเขาได้! หากข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วตอนใต้ของจีน นายน้อยเถิงจะกลายเป็นตัวตลกที่น่าหัวเราะที่สุดในบรรดานายน้อยรุ่นใหม่อย่างแน่นอน!”
เพื่อนทั้งสามคนนั่นกำลังหัวเราะเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ นั่นทำให้ซู่เถิงหน้าเริ่มเปลี่ยนสีมากยิ่งขึ้น
จากนั้นเย่เฟิงก็พูดว่า “ไอ้โง่!”
‘อะไรนะ!’
ใบหน้าของโม่เต๋ามึนตึงทันทีเมื่อเขาได้ยินคำพูดของเย่เฟิง จากนั้นเขาก็มองไปที่เย่เฟิงด้วยท่าทางแข็งกร้าวและถามว่า “ไอ้สารเลว แกกล้าด่าฉันงั้นเหรอ”
“ไม่ ไม่ ไม่! นายเข้าใจฉันผิดแล้ว!” เย่เฟิงรีบโบกมือและพยายามอธิบายตัวเอง ขณะที่โม่เต๋าและเพื่อน ๆ ของเขากำลังทำหน้าไม่ค่อยพอใจ “ฉันแค่สบถคำว่าไอ้โง่เฉย ๆ!”
‘อะไรนะ!’
หลังจากได้ยินคำแก้ตัวของเย่เฟิง โม่เต๋าและเพื่อนของเขาก็ตกตะลึง พวกเขาคิดตามคำพูดของเย่เฟิง
แล้วพวกเขาก็รู้ว่า เย่เฟิงนั้นสบถคำว่า ‘ไอ้โง่’ ออกมา เพราะต้องการหมายถึงพวกเขาอย่างแน่นอน
‘ไอ้ชั่ว!’
โม่เต๋าและเพื่อนทั้งสองของเขา อยากจะเข้าไปจัดการกับเย่เฟิง!
ตอนนั้นเอง ซู่เถิงเข้ามาขวางเอาไว้ ขณะที่เขาจ้องมองโม่เต๋าด้วยพลังฉีที่รุนแรง แล้วตวาดว่า “โม่เต๋า ถ้าแกกล้าทำร้ายอาจารย์ทวดของฉัน ฉันสัญญาเลยว่าแกจะไม่ได้ออกไปจากตรอกขายของโบราณแห่งนี้แน่นอน!”
หลังจากได้ยินคำพูดของซู่เถิง โม่เต๋าก็ทำหน้าไม่ค่อยพอใจ
เขานั้นไม่ได้กลัวเย่เฟิงเลย แต่เขากลัวซู่เถิง
เขารู้ว่าอิทธิพลของซู่เถิงในเมืองเจียงซีนั้นยิ่งใหญ่กว่าของเขามากนัก
โม่เต๋าและเพื่อน ๆ ของเขา รีบเปลี่ยนสีหน้าของพวกเขา ก่อนจะแสยะยิ้มให้เย่เฟิงและพูดว่า “ไอ้สารเลว นายน้อยเถิงอาจปกป้องแกได้ในตอนนี้ แต่เขาไม่สามารถปกป้องแกได้ตลอดไปหรอก! แล้วเจอกัน!”
ก่อนที่จะเดินจากไป โม่เต๋าและเพื่อน ๆ ของเขาจ้องตาเย่เฟิงอีกครั้ง ก่อนจะหันหน้ากลับและเดินเข้าไปในสถานที่ประมูล
ซู่เถิงบอกกับเย่เฟิงว่า “อาจารย์ทวด เด็กคนนั้นคือโม่เต๋า เขามาจากตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดตระกูลหนึ่งในภาคใต้ของจีน ท่านอาจารย์ทวดระวังตัวไว้ด้วยนะครับ เขามักจะหาทางแก้แค้น ในทุก ๆ เรื่องแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม”
หลังจากได้ยินคำเตือนที่จริงจังของซู่เถิง เย่เฟิงก็พยักหน้ารับอย่างเงียบ ๆ
จากนั้นพวกเขาก็เข้าสู่สถานที่ประมูลของตระกูลกู๋
…
สถานที่ประมูลของตระกูลกู๋นั้นคึกคักมาก!
ทุกที่นั่งถูกจับจ้องโดยผู้มีอิทธิพลที่มาเข้าร่วมงานประมูลนี้ บางส่วนก็มาจากเมืองเจียงซี บางส่วนก็มาจากทางตอนใต้ของจีน และบางส่วนก็มาจากที่อื่น
หลังจากเข้าไปในงานประมูล เย่เฟิงและซู่เถิงก็นั่งลงที่มุม ๆ หนึ่ง
10 นาทีต่อมาที่นั่งทั้งห้องประมูลนั้นก็เต็มแน่นแล้ว การประมูลจึงได้เริ่มต้นขึ้น
บนเวทีนั้นคืออาจารย์กู๋ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการดำเนินการประมูล! และยังเป็นเจ้าของสถานที่ประมูลแห่งนี้ด้วย!
หลังจากกล่าวทักทายสั้น ๆ เขาก็เริ่มต้นการประมูล!
“เพื่อน ๆ ทุกท่าน ของหายากอย่างแรกของวันนี้คือภาพวาด ‘Green Leaves Fall in Autumn Frost’ ที่วาดโดย เต๋าสิเชียน นักวาดภาพและจิตรกรชื่อดังสมัยราชวงศ์หมิง! เราจะเริ่มการประมูลที่ 1 ล้านหยวน เพิ่มราคาครั้งละ 500,000 หยวน! เริ่มกันเลย!”
หลังจากคำพูดของอาจารย์กู๋ การเสนอราคาที่เข้มข้นก็เริ่มต้นขึ้น
เย่เฟิงไม่ได้สนใจสินค้าในรายการแรก
เขานั่งเงียบ ๆ ในขณะที่ลับศิลาอมตะต้องห้ามบนสรวงสวรรค์ด้วยมีดของเขา
มีดเล่มนี้คมมาก
เขาเกือบจะเฉือนนิ้วของตัวเองทุกครั้งที่เขาลับหินนั่นแต่ละที
ซู่เถิงไม่รู้ว่าเย่เฟิงพยายามจะทำอะไร แต่เขารู้ว่าเย่เฟิงนั้นต้องมีเหตุผล ดังนั้นเขาจึงสนใจเรื่องของตัวเองดีกว่า
การเสนอราคาดำเนินไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
“ต่อไปเราจะประมูล หญ้าหวายดำ! สมุนไพรนี้พบได้ในพื้นที่ที่เย็นจัดเช่นภูเขาหิมะ มันเติบโตได้เพียง 1 ซม. ต่อหนึ่งทศวรรษ! ในทางการแพทย์แผนจีนเรียกว่า “หญ้าอายุยืน”! มันสามารถยืดอายุและชำระเลือดและพลังฉีของคน ๆ หนึ่งให้บริสุทธิ์ได้!”
อาจารย์กู๋แนะนำมันอย่างคล่องแคล่ว “ตอนนี้เรามาเริ่มการประมูลกันเลย! ราคาต่ำสุดของ หญ้าหวายดำ คือ 2 ล้านหยวน! เพิ่มราคาครั้งละ 500,000 หยวน!”
หลังจากได้ยินคำพูดของอาจารย์กู๋ เย่เฟิงก็นิ่งไป
เขาเงยหน้าขึ้นมองสมุนไพรบนเวทีด้วยความดีใจ!
‘หญ้าหวายดำ! เป็นหนึ่งในส่วนผสมหลักในการสร้างยาระเบิดพลังกาย!’
“2.5 ล้านหยวน!”
“3 ล้านหยวน!”
“3.5 ล้านหยวน!”
…
เหล่าผู้มีอิทธิพลเริ่มเสนอราคากันอย่างดุเดือด
พวกเขาไม่ได้ขาดเงิน แต่พวกเขาขาดเวลาในการมีชีวิต ดังนั้นพวกเขาจึงคลั่งไคล้สมุนไพรที่ทำให้อายุยืน
ในพริบตาราคาของ หญ้าหวายดำก็สูงถึง 8 ล้านหยวน!
แต่ทันใดนั้น “20 ล้านหยวน!”
การเสนอราคาของ เย่เฟิงทำให้ ทั้งงานประมูลเงียบกริบ
เหล่าผู้มีอิทธิพลที่อยู่ตรงนั้นตกตะลึง เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเรื่องเกินจินตนาการของพวกเขาที่จะมีใครบางคนที่ร่ำรวยถึงขนาดยอมจ่ายค่าสมุนไพรถึง 20 ล้านหยวน
แต่เมื่อพวกเขาคิดว่าราคา 20 ล้านหยวนนั้นเป็นราคาสุดท้าย เสียงอีกเสียงก็ดังขึ้น “30 ล้านหยวน!”
…
ทั้งสถานที่ประมูลจึงมีเสียงอื้ออึงดังขึ้นมา!
ทุกคนหันหน้าไปทางผู้ประมูลเมื่อพวกเขาพบว่ามันคือ โม่เต๋า นายน้อยของตระกูลโม่!
โม่เต๋าเผยรอยยิ้มขี้เล่นใส่เย่เฟิง ขณะที่เขาชูมือขึ้นและโบกไปทางเย่เฟิง
ช่างเป็นการยั่วโมโหที่ได้ผล!