ท่านถังนั้นช็อกเมื่อพบว่าภายใต้รัศมีอันแข็งแกร่งนี้ คาดไม่ถึงเลยว่ามันจะทำให้เขาไม่สามารถยกระดับยุทธวิธีการต่อสู้ได้เลยแม้แต่น้อย
เพราะยุทธวิธีการต่อสู้ของหยางเฉินนั้นแข็งแกร่งเกินไป หากนำมาเปรียบเทียบกัน เขาคงเป็นแค่ผงธุลีในทะเลทรายเท่านั้น
ไม่ใช่ว่าเขาไม่กล้าที่จะลงมือ เพียงแต่ว่าไม่มีโอกาสให้ได้ลงมือต่างหากล่ะ หยางเฉินได้มาปรากฏตัวที่ด้านหน้าของเขาแล้ว
“รนหาที่ตาย!”
เขาได้ยินเพียงหยางเฉินพ่นคำสี่คำนี้ออกมา จากนั้นร่างของเขานั้นราวกับโดนรถบรรทุกหนักหลายสิบตันพุ่งชนและลอยกระเด็นออกไป
เมื่อเขาตกลงถึงพื้นก็กระอักเลือดออกมา พลังชีวิตนั้นเหมือนกับกระแสน้ำที่ถอยลดลงไป
“นาย…นายเป็นใครกันแน่?”
ท่านถังกัดฟันถาม
เพียงแต่หยางเฉินนั้นไม่ได้บอกถึงสิ่งที่ตนตัดสินใจจะทำพร้อมกับเหลือบตามองไปที่เขาจากนั้นก็เดินหันหลังจากไป
ทันใดนั้นมีกลิ่นคาวเนื้อพุ่งออกมาจากลำคอ ท่านถังทนไม่ได้อีกต่อไป เขากระอักเลือดสีดำออกมา พลังชีวิตหมดไปในทันทีด้วยท่าทางที่ตายตาไม่หลับ
จนกระทั่งตอนที่ตาย เขาเองก็ยังไม่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของหยางเฉิน
ในเวลานี้ หม่าชาวกำลังต่อสู้กับนักฆ่าของพายุหิมะ แม้ว่าแขนของเขาจะถูกทำให้บาดเจ็บแต่มันก็ไม่มีผลอะไรกับพละกำลังของเขา
“ใช้วิธีการที่รวดเร็วฉับไว” หยางเฉินกล่าวในทันที
“ได้เลย!”
มุมปากของหม่าชาวยิ้มโค้งออกมาอย่างโหดเหี้ยมพร้อมกับใช้สายตาชำเลืองมองไปที่นักฆ่าที่สวมหน้ากากอยู่ตรงหน้า พูดอย่างเย็นชาออกไปว่า “นายตายไปได้แล้ว!”
เมื่อเสียงสิ้นสุดลง เท้าของเขาขยับในทันทีจากนั้นร่างทั้งร่างก็พุ่งตรงไปที่นักฆ่าราวกับเป็นสัตว์ป่า
หม่าชาวในตอนนี้นั้นเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เจตนาในการสังหารนั้นเต็มไปหมด
นักฆ่ารู้สึกเพียงว่าร่างกายนั้นหนาวสั่นไปทั้งตัว รับรู้ได้ถึงวิกฤตอันตรายที่เข้ามา
เมื่อสักครู่ เขาเองก็เห็นกับตาตอนที่หยางเฉินสังหารท่านถัง อีกทั้งในเวลานี้หยางเฉินก็มาอยู่ด้านข้างซึ่งนั่นทำให้เขาไม่สามารถที่จะฆ่าหม่าชาวได้เลย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะหันหลังและหลบหนีไป
“พรึ่บ!”
แต่ในขณะที่เขาหันหลังและวิ่งออกไปได้ไม่เพียงกี่เมตร หยางเฉินขยับเท้าและก้อนหินใต้ฝ่าเท้าก็ได้ลอยล่องพุ่งไปยังนักฆ่า
เพราะแรงเฉื่อยจึงทำให้นักฆ่าพุ่งกระเด็นไปข้างหน้าหลายเมตรก่อนจะล้มลงไปที่พื้น
“พี่เฉิน พูดเองว่าจะไม่ลงมือนี่หน่า” หม่าชาวพูดด้วยสีหน้าที่ดูตำหนิ
หยางเฉินพูดเบาๆ “เขาอยากจะหนี นายก็ตามไปไม่ทันหรอก!”
นักฆ่าของพายุหิมะนั้นขึ้นชื่อในเรื่องของความเร็ว การที่หม่าชาวนั้นต้องการเก็บคู่ต่อสู้นี้ไว้นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
เมื่อได้ยินคำพูดที่ไม่แยแสของหยางเฉิน หม่าชาวจึงไม่กล้าไม่พูดอะไรพร้อมกับเดินขึ้นไปเปิดประตูหลังรถเบนท์ลีย์
“อ่า…อย่าฆ่าฉันนะ…..อย่าฆ่าฉันเลย”
อวี๋เหวินปิงที่เห็นเหตุการณ์อยู่ในรถก็ได้หลับตาลงพร้อมกับกรีดร้องออกมา ความหยิ่งผยองเมื่อตอนอยู่คลับหวงจริงไปไหนแล้วล่ะ
“ให้เขาเงียบปากลงแล้วค่อยพาไป!” หยางเฉินกล่าว
หม่าชาวใช้มือตีลงไป อวี๋เหวินปิงก็หมดสติไปในทันที
ยี่สิบนาทีต่อมาในคฤหาสน์แห่งหนึ่ง หยางเฉินนั่งอยู่บนโซฟาพร้อมกับร่างร่างหนึ่งที่อยู่กลางห้องโถง นั่นคืออวี๋เหวินปิง
“แคร๊ก!”
หม่าชาวถือถังน้ำอยู่ในมือพร้อมกับเทราดน้ำเย็นลงไปที่ที่หัวของอวี๋เหวินปิง
อวี๋เหวินปิงถูกทำให้ตื่นขึ้นในทันที เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าตนเองอยู่ในคฤหาสน์แห่งหนึ่งและมีหยางเฉินที่นั่งโซฟาอยู่ตรงหน้าของเขา
“หยาง…หยางเฉิน…นายคิดจะทำอะไรน่ะ?”
อวี๋เหวินปิงตกใจจนน้ำตาแทบไหล ร่างกายขยับถอยหลังไป
“ปึง!”
หม่าชาวเตะเข้าไปที่บั้นท้ายของอวี๋เหวินปิง อวี๋เหวินปิงหกคะเมนลงพร้อมกับคลานไปที่เท้าของหยางเฉิน
“อวี๋เหวินปิง ฉันจะทำอะไร นายยังไม่รู้ชัดอีกเหรอ?”
หยางเฉินมองอวี๋เหวินปิงจากด้านบนด้วยความเหยียดหยามพร้อมกับเอื้อมมือไปจับผมของอวี๋เหวินปิงและมองอย่างโกรธเคืองและพูดว่า “บอกทุกอย่างที่เกี่ยวกับแม่ของฉันมาให้หมด!”
“หากนายปกปิดแม้แต่นิดเดียว ฉันจะฆ่านาทิ้งทันที”
หยางเฉินในเวลานี้นั้นอารมณ์ร้อนเป็นอย่างมาก ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ
ครั้งนี้ที่เขากลับมาจากชายแดนเหนือก็ต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุข แต่ไม่คิดเลยว่าทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามที่วางไว้ ปัญหาต่างๆทยอยมาอย่างไม่ขาดสาย
ในตอนนี้ตนก็จะได้รู้ความลับของแม่แล้วเขาจะปล่อยอวี๋เหวินปิงไปได้อย่างไรกัน?
รูม่านตาของอวี๋เหวินปิงนั้นหวาดกลัว “ฉันหลอกนาย ฉันกลัวว่านายจะฆ่าฉัน เรื่องมันเร่งเร้ามากจนฉันจงใจบอกกับนายไปว่ารู้เรื่องความลับของแม่นายแต่จริงๆแล้วฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น ไม่รู้อะไรเลย!”
“หยางเฉิน นายฆ่าฉันไม่ได้นะ เราเป็นพี่น้องกัน ต่อไปในอนาคตฉันจะไม่แย่งชิงอะไรนายอีกแล้ว ฉันจะเป็นเหมือนหมาตัวหนึ่งที่คอยอยู่ข้างนายเอง นายให้ฉันไปกัดใครฉันก็จะไปกัดให้ โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง”
อวี๋เหวินปิงคุกเข่าลงไปแทบเท้าของหยางเฉินด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว อีกทั้งยังแสดงท่าทางเห่าของสุนัข
“ปึง!”
หยางเฉินเตะอวี๋เหวินปิงพร้อมกับตะโกนร้องคำรามเสียงดัง “ฉันจะถามนายเป็นครั้งสุดท้ายว่านายรู้ความลับอะไรของแม่ฉัน?”
“นายจะบอกปัดไปมาแบบนี้ก็ได้แต่ฉันจะบอกอะไรให้อย่างว่านี่คือโอกาสสุดท้ายในการมีชีวิตของนาย บอกมาในสิ่งที่ฉันอยากรู้แล้วฉันก็จะปล่อยให้นายมีชีวิตรอดหรือไม่ก็ตายไปซะ!”
ใบหน้าของอวี๋เหวินปิงนั้นแดงฉาน ความกลัวในใจตอนนี้นั้นเกือบทำให้เขาหมดสติไป เขารู้ดีว่าหากไม่พูดความจริงออกมาเกรงว่าหยางเฉินจะต้องฆ่าเขาเป็นแน่
“ฉันรู้แค่บางส่วน ไม่ได้รู้เรื่องทั้งหมดหรอกนะ”
ในที่สุดอวี๋เหวินปิงก็เอ่ยปากพูดด้วยความกลัว “ตอนนั้นก่อนที่แม่ของนายและนายจะถูกไล่ออกจากตระกูล ฉันดันไปได้ยินพ่อกับแม่ทะเลาะกันโดยบังเอิญ แม่ฉันบอกว่าเด็กนั่นไม่ใช่ลูกของคุณสักหน่อย ทำไมจะต้องให้พวกนั้นมาอยู่ที่ตระกูลอวี๋เหวินด้วย?”
“ส่วนผู้หญิงที่แม่ฉันพูดถึงนั้นก็ไม่รู้ว่าใช่แม่ของนายไหม เรื่องนี้ฉันเองก็ไม่รู้”
“แต่หลังจากเกิดการทะเลาะกันในครั้งนั้น แม่ของนายกับนายก็ถูกไล่ออกไปจากตระกูลอวี๋เหวินไป”
ในที่สุด อวี๋เหวินปิงก็บอกความลับให้หยางเฉินฟัง
บูม!
ในหัวของหยางเฉินนั้นมีเสียงดังสะเทือนลั่น ยังคงอยู่ที่เดิมด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
แม้ว่าอวี๋เหวินปิงนั้นจะไม่รู้ว่าผู้หญิงคนที่พูดนั้นเป็นแม่ของตนหรือไม่ แต่ดูจากสิ่งที่อวี๋เหวินปิงนั้นได้พูดมา มันก็เห็นได้ชัดว่าคือหยางเฉินกับแม่ของเขาชัดๆ
หากเป็นเช่นนี้จริงก็แสดงว่าตนนั้นไม่ใช่สายเลือดของตระกูลอวี๋เหวินน่ะสิ?
“เป็นไปไม่ได้!เป็นไปไม่ได้แน่ๆ!”
หยางเฉินโกรธจัดในทันใดพร้อมกับคว้าคอของอวี๋เหวินปิงมาและพูดตะโกนคำรามเสียงดัง “นายโกหกฉันใช่ไหม?นายบอกฉันมาว่านายโกหกฉันใช่ไหม?”
ในเวลานี้ หยางเฉินนั้นคว้าคอของอวี๋เหวินปิงด้วยแรงมหาศาลจนอวี๋เหวินปิงนั้นไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
“พี่เฉิน!”
เมื่อหม่าชาวเห็นฉากนี้จึงรีบเดินไปด้วยท่าทางที่ตื่นตระหนก “พี่เฉิน พี่ต้องใจเย็นลงก่อน!ฆ่าเขาไปเราจะไม่รู้อะไรเลยนะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหม่าชาว หยางเฉินจึงค่อยๆสงบลงและค่อยๆคลายมือที่จับคอของอวี๋เหวินปิงออก
อวี๋เหวินปิงล้มลงกับพื้นและหายใจหอบหนัก ตอนอยู่ในเงื้อมมือของหยางเฉินนั้นทำให้ได้รับรู้ถึงชีวิตระหว่างความเป็นกับความตายได้เลยทีเดียว
ก่อนหน้านี้เขาก็ตกใจกลัวหยางเฉินจนแทบแย่ แต่ครั้งนี้กลับทำให้เขาหวาดผวาหนักไปกว่าเดิมอีก
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหยางเฉิน เขารู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับความตาย
“นี่คือโอกาสสุดท้ายที่จะให้นายได้พูดความจริง!”
หยางเฉินสูดลมหายใจเข้าลึกๆพร้อมกับพยายามสงบสติอารมณ์เอาไว้