คำพูดของหัวหน้าแพทย์เหมือนฟ้าร้องที่ดังขึ้นข้างหูเมิ่งเทียนเจียว
“ไอ้เวร แกว่าอะไรนะ?”
เมิ่งเทียนเจียวบันดาลโทสะในบัดดล เขาคว้าคอเสื้อของหมอและตวาดกราดเกรี้ยว “ถ้าพวกแกกล้าปล่อยให้มือของลูกชายฉันเน่าเสีย ฉันจะเล่นงานพวกแกให้ตายไปเลย”
“ประธานเมิ่ง ต่อให้ท่านฆ่าพวกเราก็เปล่าประโยชน์ มือของคุณชายเมิ่งได้รับการบาดเจ็บแบบบดขยี้ กระดูกมือแหลกสลายไปเกือบหมด ต่อให้ฮัวโต๋ยังอยู่ ก็รักษาไม่หายหรอกครับ”
หัวหน้าแพทย์หน้าซีด แต่ก็ยังพูดไปตามความจริง
“ก่อนหน้านี้แกบอกว่าถ้าตามตัวผู้ชำนาญอ้ายหลินนั่นมาได้ ก็จะสามารถรักษามือของลูกฉันได้ไม่ใช่หรือ?” เมิ่งเทียนเจียวเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด
หัวหน้าแพทย์ส่ายหัว “ต่อให้ตามเธอมาได้ ก็แค่มีความหวังว่าจะหาย แต่ตอนนี้เสียเวลาไปตั้งหลายวัน เราพลาดช่วงเวลาการรักษาที่ดีที่สุดไปแล้ว หมอที่เก่งแค่ไหนก็ไม่อาจแก้ไขอะไรได้”
ตู้ม
เมิ่งเทียนเจียวรู้สึกเหมือนสมองตัวเองส่งเสียงกู่ร้อง สองตาเลื่อนลอย เขาพูดทั้งที่ตาแดงก่ำ “หรือว่า ไม่มีหนทางอะไรแล้วจริงๆหรือ?”
ขณะนั้น เขาโทษตัวเองอยู่เต็มหัวใจ
ถ้าวันนั้นเขาไม่ฝืนจะพาตัวอ้ายหลินไปให้ได้ จนหยางเฉินโมโห ไม่แน่อ้ายหลินอาจจะยอมรักษาเมิ่งฮุยก็ได้ แต่ตอนนี้ ทุกอย่างได้สายไปแล้ว
หัวหน้าแพทย์เมื่อกี้เป็นผู้ชำนาญที่เก่งที่สุดของเมืองเอกแล้ว แม้แต่เขายังบอกว่าหมดสิ้นหนทาง ก็คงหมดสิ้นแล้วจริงๆ
“ประธานเมิ่ง ท่านรีบตัดสินใจเถอะ มือของคุณชายเมิ่งต้องรีบตัดทิ้งทันที ยื้อต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ไม่อย่างนั้นจะอันตรายถึงชีวิต”
หัวหน้าแพทย์เห็นเมิ่งเทียนเจียวสงบลงเยอะแล้ว จึงรีบเกลี้ยกล่อม
เมื่อกี้ต้องตรวจดู เขาพบว่ามือของคุณชายเมิ่งเสียระบบประสาทไปกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว อันตรายมากจริงๆ
“ได้ งั้นก็ตัดแขนเถอะ”
พักใหญ่ ในที่สุดเมิ่งเทียนเจียวก็ตัดสินใจ
ในเมื่อนี่เป็นทางเลือกเดียว แล้วต้องคิดอะไรอีก?
เขารู้ดีว่า คนอย่างเมิ่งฮุ่ยทะนงตนมาก หากเสียสองมือไป เขาต้องสะเทือนใจมากอย่างแน่นอน
ลูกชายของฉันเมิ่งเทียนเจียว ต้องยืนหยัดต่อไปได้แน่ๆ
“ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นประธานเมิ่งช่วยไปเกลี้ยกล่อมคุณชายเมิ่งด้วย ผมจะไปเตรียมการผ่าตัดเดี๋ยวนี้”
หัวหน้าแพทย์ถอนหายใจอย่างโล่งอก ถ้าเสียเวลาจนทำการรักษาล่าช้า แล้วส่งผลให้เมิ่งฮุยเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เมิ่งเทียนเจียวได้ให้เขาตายตามไปแน่ๆ
“เมิ่งฮุย แกจะทำอะไร”
เมิ่งเทียนเจียวเพิ่งเข้ามาในห้องผู้ป่วย ก็เห็นเมิ่งฮุยปีนขึ้นหน้าต่าง เขาหน้าถอดสีทันที
“พ่ออย่าเข้ามา!”
เมิ่งฮุยตวาดทันที พูดกับเมิ่งเทียนเจียวทั้งที่ตาแดงก่ำ “พ่อครับ ผมได้ยินที่พ่อคุยกับหมอหมดแล้ว พ่อเห็นด้วยกับหมอจะให้ผมตัดแขนแล้ว ใช่มั้ยครับ?”
“เปล่า แกได้ยินผิดแล้ว แกเป็นคนรุ่นสามที่ยอดเยี่ยมที่สุดในตระกูลเมิ่งของเรา จะตัดแขนได้ยังไงกันเล่า? แกวางใจเถอะ พ่อต้องหาหมอที่ดีที่สุดมารักษามือแกได้แน่นอน”
“รอให้พ่อได้รับสืบทอดตำแหน่งผู้นำก่อน แกยังเป็นคุณชายใหญ่แห่งตระกูลเมิ่งของเรา พอพ่อแก่แล้ว พ่อจะตำแหน่งผู้นำตระกูลเมิ่งให้แก”
“แกรีบลงมาเร็ว ตรงหน้าต่างอันตรายเกินไป”
เมิ่งเทียนเจียวไม่กล้าทำให้เมิ่งฮุยได้รับความกระทบกระเทือนอะไรอีก เขารีบเกลี้ยกล่อม
“ผมไม่ใช่คนโง่ และไม่ใช่คนหูหนวกด้วย มือของผม หมดประโยชน์ไปแล้วอย่างสิ้นเชิง มีแต่ต้องตัดแขนเท่านั้นถึงจะมีชีวิตรอด!”
เมิ่งฮุยอารมณ์อ่อนไหวมาก เขาคำรามอย่างเกรี้ยวกราด “พ่อเป็นพ่อของผม ผมเป็นคนยังไง พ่อน่าจะรู้ดี สำหรับผม ถ้าต้องเสียมือไปจริงๆถึงจะมีชีวิตรอด ผมยอมตายซะดีกว่า!”
“ลูก ถือว่าพ่อขอร้อง แกรีบลงมาได้มั้ย?”
เมิ่งเทียนเจียวน้ำตาคลอเบ้า เขาสะอื้น “ฉันมีแกเป็นลูกชายคนเดียว ถ้าแกตายไป แกจะให้ฉันอยู่ยังไง?”
“ต่อให้ไม่มีมือแล้วยังไง? แกก็ยังเป็นลูกชายของฉันเมิ่งเทียนเจียวอยู่ดี ยังเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลเมิ่ง! และเป็นว่าที่ผู้สืบทอดของตระกูลเมิ่งด้วย! มีฉันอยู่ มีใครกล้าพูดว่า“ไม่”?”
เมิ่งเทียนเจียวคำรามตาแดง
ตอนนี้ เขาต้องหาทางทำให้เมิ่งฮุยอารมณ์คงที่ก่อน ส่วนเรื่องหลังจากนั้นไม่มีใครรู้
ทันใดนั้นเมิ่งฮุยยิ้ม หน้าตาสดใส เขาส่ายหัว “พ่อครับ พ่ออย่าหลอกตัวเองเลย ปู่ไม่ได้มีผมเป็นหลานชายคนเดียว ไม่มีผม ยังอบรมคุณชายเมิ่งคนที่สองได้ หรือแม้กระทั่งพ่อก็อาจจะโดนหางเลขเพราะผม”
นี่แหละความน่าเศร้าของตระกูลใหญ่ ตอนที่คุณยังมีค่า ทุกคนเคารพและยำเกรงคุณหมด พอคุณเสียอำนาจ ก็จะถูกผู้คนหลงลืมอย่างรวดเร็ว
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เมิ่งฮุยป่วยเข้าโรงพยาบาล คนตระกูลเมิ่งแห่กันมาจนประตูโรงพยาบาลแทบพังไปนานแล้ว
แต่ตอนนี้ เขานอนโรงพยาบาลมาตั้งหลายวัน นอกจากเมิ่งเทียนเจียว ไม่มีคนตระกูลเมิ่งมาเยี่ยมเลยสักคนเดียว
เมิ่งฮุยรู้ดี เพราะตัวเองเกิดเรื่องแบบนี้ แม้แต่เมิ่งเทียนเจียวก็ต้องโดนหางเลขไปด้วย อาจจะถูกไล่ออกจากตำแหน่งผู้สืบทอดไปแล้วก็ได้
“เป็นไปไม่ได้! ด้วยประสบการณ์ของพ่อแก ใครจะทำอะไรฉันได้? แกวางใจเถอะ พ่อจะกลายเป็นผู้นำคนต่อไปให้ได้”
เมิ่งเทียนเจียวหน้าตาหนักแน่น กัดฟันกรอด “ถ้าแกยอมรับ พอพ่อได้เป็นผู้นำแล้วจะส่งตำแหน่งผู้นำให้แกทันทีเลยก็ได้ แล้วคอยช่วยเหลือแก นำพาตระกูลเมิ่งสู่ความเจริญรุ่งเรือง”
เมิ่งฮุยยังคงส่ายหัว ขณะนั้น เขาหน้าตาเรียบเฉย ก้มหน้ามองสองมือที่มีผ้าก๊อซพันเต็มไปหมด สายตาเคียดแค้นขึ้นมา เขากัดฟันแน่นพลางเอ่ย “ทั้งหมดนี้ เป็นเพราะหยางเฉิน!”
พูดจบ เขาก็หันไปมองเมิ่งเทียนเจียว สายตาเด็ดเดี่ยว “พ่อครับ ผมขอโทษ ชาติหน้า ผมขอเกิดมาเป็นลูกพ่ออีก! แล้วเจอกันชาติหน้า!”
สิ้นเสียง เมิ่งฮุยก็ดิ่งลงนอกหน้าต่าง
“ลูก!”
เมิ่งเทียนเจียวตะโกนลั่น พุ่งไปที่ริมหน้าต่างอย่างรวดเร็ว
แต่ตอนที่เขามองลงไป เมิ่งฮุยกระแทกลงบนพื้นปูนของโรงพยาบาลไปแล้ว เลือดเต็มพื้น
เมิ่งเทียนเจียวคำรามลั่นอย่างเจ็บปวด น้ำเต็มเอ่อล้นออกมา
อย่างไรซะเมิ่งฮุยก็เป็นคนรุ่นสามที่ยอดเยี่ยมที่สุดของตระกูลเมิ่ง มีสิทธิ์ชิงตำแหน่งผู้นำกับรุ่นลุงรุ่นอาด้วยซ้ำ ชื่อเสียงเขาโด่งดังไปทั่วเมืองเอก
ข่าวเรื่องการตายของเขา รู้กันทั่วเมืองเอกในพริบตาเดียว
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเมิ่งฮุยถึงตายล่ะ”
“ได้ข่าวว่า คราวก่อนที่ไฮโซระดับต้นๆของเมืองโจวเฉิงและเมืองเจียงโจวมาอยู่ที่ตระกูลเมิ่งกันโดยพร้อมหน้า แม้กระทั่งตระกูลหานแห่งเมืองเอกยังไปตระกูลเมิ่ง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่หลังจากที่ผู้มีอำนาจพวกนั้นไปแล้ว เมิ่งฮุยก็ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาล”
“หรือว่า คนพวกนั้นไปเพราะเมิ่งฮุย”
“ตอนนี้เมิ่งฮุยตายแล้ว ตระกูลเมิ่งต้องไม่ปล่อยตระกูลพวกนั้นแห่งเมืองโจวเฉิงและเมืองเจียวโจวแน่ๆใช่มั้ย?”
หลังจากเหล่าไฮโซแห่งเมืองเอกรู้ข่าวนี้แล้วอึ้งกันหมด พากันคาดเดาไปต่างๆนานา
ขณะเดียวกัน เรื่องที่เกิดขึ้นที่ตระกูลเมิ่งวันนั้นกลายเป็นปริศนา
“พ่อครับ การตายของเมิ่งฮุยต้องมีคนชดใช้”
เมิ่งเทียนเจียวบุกไปถึงห้องของผู้นำเมิ่งหมเย่ พูดด้วยตาแดงก่ำ
เมิ่งหมเย่ขมวดคิ้ว “แกอยากให้ทำยังไง?”
“ผมต้องการให้หยางเฉินตาย! ผมต้องการเซ่นไหว้วิญญาณของลูกชายผมด้วยเลือดของเขาเท่านั้น!”
เมิ่งเทียนเจียวตาเป็นประกายดุดันน่ากลัว
“ไอ้หนุ่มคนนั้น แตะต้องไม่ได้”
เมิ่งหมเย่พูดอย่างเย็นชา “ตระกูลอวี๋เหวินมีท่าทีต่อเขายังไงเราไม่รู้ แต่ถ้าฆ่าเขาจริงๆ ต่อให้ตระกูลอวี๋เหวินไม่ยุ่ง มีหรือตระกูลหานจะยอมเลิกราง่ายๆ”
“เขาเป็นเพียงลูกที่ถูกทอดทิ้งของตระกูลอวี๋เหวินเท่านั้น ตระกูลอวี๋เหวินจะสนทำไมว่าเขาจะเป็นหรือตาย?”
“ตระกูลหานแล้วยังไง? ที่พวกเขาออกหน้าให้หยางเฉิน ก็เพราะหมายตาความสามารถของหยางเฉิน ถ้าเขาตายไป ตระกูลหานจะเปิดศึกกับเราได้ยังไงกัน?”
“ถึงเปิดศึกแล้วยังไง? ตระกูลเมิ่งของเราต้องกลัวตระกูลหานด้วยหรือ?”
เมิ่งเทียนเจียวพูดด้วยอารมณ์ขึ้น
“สามหาว!”
เมิ่งหมเย่พูดอย่างโมโห “ถ้าเปิดศึก แกรู้มั้ยว่าจะนำปัญหามาให้ตระกูลเมิ่งมากขนาดไหน? ตระกูลหนิงคอยเพ่งเล็งอยู่ ถ้าตระกูลหานเปิดศึกกับตระกูลเมิ่ง หลังจากนี้ที่เมืองเอกแห่งนี้ ตระกูลหนิงได้เป็นใหญ่แน่!”
“แล้วการตายของฮุยเอ๋อก็จะปล่อยไปแบบนี้หรอครับ?” เมิ่งเทียนเจียวสายตาผิดหวัง
เมิ่งหมเย่หรี่ตา นัยน์ตาเปล่งประกายเย็นยะเยือก “ไม่ปล่อยไปแบบนี้ แล้วจะทำอะไรได้?”
“ครับ ผมเข้าใจแล้ว”
เมิ่งเทียนเจียวหัวเราะเยาะเย้ยตัวเอง หันหลังจากไป “ในเมื่อตระกูลเมิ่งไม่ยอมออกหน้าให้ลูกชายฉัน งั้นคนเป็นพ่ออย่างฉันจะล้างแค้นให้เขาด้วยตัวเอง!”