พระราชวังไม่มีทางโกหกเริ่นเสี่ยวซู่แน่ ทุกเหรียญคำขอบคุณจะมาจากคำขอบคุณจากใจจริง ถ้าไม่ใจจริง ก็จะไม่ได้เหรียญมา
ไม่ว่าจงเฉิงจะทำตัวใสแค่ไหนเริ่นเสี่ยวซู่ก็ไม่เชื่อเขา แม้จะไม่มีพระราชวัง เริ่นเสี่ยวซู่ก็ยังไม่เชื่อใจเขาอยู่ดี ไม่อย่างนั้นชีวิตตลอดสิบเจ็ดปีในแดนรกร้างก็เสียเปล่าแล้ว
จงเฉิงไม่อยู่ต่อ เริ่นเสี่ยวซู่ก็ไม่รู้ว่าคนผู้นี้วางแผนอะไรอยู่ เพียงแค่ยิ้มและตอบกลับตามที่ถูกถาม
เหยียนลิ่วหยวนมองเริ่นเสี่ยวซู่จับมือกับจงเฉิง เหลือแค่กรีดเลือดสาบานเป็นพี่น้องกับอีกฝ่ายแค่นั้น
หลังจากจงเฉิงกลับไปแล้ว เริ่นเสี่ยวซู่ก็ถอนหายใจยกใหญ่ “รับมือคนพวกนี้จากป้อมปราการเหนื่อยจริงๆ ต่างคนต่างรู้ว่าแสดงละครกันอยู่ แต่ก็ต้องร่วมมือกันเล่นละครต่อไป
“โอ้พี่ ในที่สุดพี่ก็ยิ้มจริงๆ ออกมาแล้ว” เหยียนลิ่วหยวนหัวเราะ “ผมล่ะนึกว่าพี่กำลังจะกรีดเลือดสาบานเป็นพี่น้องกับเขาแล้วแน่ะ”
“ไม่รู้เหรอไงว่าพี่นายเก่งขนาดไหนน่ะ” เริ่นเสี่ยวซู่พูดอย่างภูมิใจ
หลังจากส่งแขกไปแล้ว ก็มีคนมาเคาะประตูอีกครั้ง เริ่นเสี่ยวซู่นึกว่าเป็นเจ้าเด็กจงเฉิงโผล่มาอีก เขารีบฉีกยิ้มและไปยังประตู พอเปิดออกก็เกือบจะเข้าไปจับมือกับอีกฝ่ายแล้ว “พี่น้อง!”
หยางอวี้อันที่อยู่ข้างนอกมองเริ่นเสี่ยวซู่ด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“ฮ่าๆๆ” เริ่นเสี่ยวซู่พูดอย่างขวยเขิน “เข้าใจผิดกันน่ะๆ คุณคือใครเหรอ”
ถึงเมื่อคือเริ่นเสี่ยวซู่จะไปงานเลี้ยงด้วย แต่หยางอวี้อันออกมาจากคฤหาสน์หลังเขาออกจากงานเลี้ยงไปพร้อมหยางเสียวจิ่นแล้ว ดังนั้นเริ่นเสี่ยวซู่เลยไม่ทันเห็นหยางอวี้อันและก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาคือใคร
หยางอวี้อันยิ้ม “สวัสดี ฉันชื่อหยางอวี้ฉัน เป็นอาสามของหยางเสียวจิ่น”
“อ้อ!” เริ่นเสี่ยวซู่ชะงักไปวูบหนึ่งและรีบหลบทาง “เข้ามาก่อนครับ”
เริ่นเสี่ยวซู่คิดว่าต้องเป็นผู้ใหญ่ทำตัวเป็นทารกผู้นี้แน่ที่เชิญเขาไปงานเลี้ยงเมื่อคืนโดยไม่เผื่อเวลาให้เตรียมตัวเลย ทำแบบนั้นก็คงเพื่อกันเขาออกไปจากหยางเสียวจิ่น
แต่แน่ล่ะว่าเริ่นเสี่ยวซู่ไม่พูดเรื่องนี้ออกมาโต้งๆ หรอก หยางอวี้อันเดินเข้ามาพร้อมคนคุ้มกันและลูกน้องตามหลังมา พวกเขาเข้าในลานบ้านและสอดส่องอาณาบริเวณ
หยางอวี้อันไม่รอให้เริ่นเสี่ยวซู่พูดอะไรก็เอ่ยปากก่อน “ฉันขอโทษจริงๆ การจัดเตรียมนั้นไม่ทันคิดให้ได้อย่างเหมาะสมเลย เชิญไปงานเลี้ยงเมื่อคืนอย่างไม่ตระเตรียมให้พร้อมพรักเสียได้ ปัญหาหลักๆ คืองานเลี้ยงวางแผนมานานแล้ว แต่ว่าเธอเพิ่งมาถึงป้อมปราการ ฉันเลยรับรองเธอได้แย่ไปบ้าง”
เริ่นเสี่ยวซู่ยิ้ม “ไม่ครับๆ ผมเป็นแค่ผู้อพยพ ได้เห็นงานเลี้ยงแบบนั้นก็เป็นบุญตาแล้ว”
หวังฟู่กุ้ยดูพวกเขาคุยกันจากหน้าต่างพร้อมพึมพำ “จิ้งจอกสองตัว”
เหยียนลิ่วหยวนหัวเราะและว่า “พี่ผมไม่ใช่จิ้งจอกสักหน่อย”
“แล้วเป็นอะไร”
“นักล่าจิ้งจอก”
ตอนนั้นเองหยางอวี้อันก็ให้คนมาส่งมอบของขวัญ “ของขวัญพบหน้ากันครั้งแรกไม่ได้หรูหรา หวังว่าเธอจะชอบ”
“ชอบสิครับๆ ของขวัญจากคุณเลยนะ” เริ่นเสี่ยวซู่หัวเราะ
เริ่นเสี่ยวซู่รอให้หยางอวี้อันพูดเข้าประเด็น เขาไม่เชื่อหรอกว่าบุคคลทรงอำนาจระดับสองในสมาคมตระกูลหยางจะเยี่ยมและมอบขวัญแทนการขอโทษเขาเฉยๆ มันต้องมีอะไรสำคัญกว่านั้นแน่
สุดท้ายหยางอวี้อันก็พูดอ้อมค้อมอยู่ครึ่งชั่วโมงก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อมาเรื่องที่จะคุยกันจริงๆ เริ่นเสี่ยวซู่ชื่นชมความอดทนของคนเช่นนี้จริงๆ
หยางอวี้อันว่า “สองสามวันมานี้ก่อนที่สูเสี่ยนฉู่จะกลับไปป้อมปราการ 178 เขาพูดเรื่องเธอไว้มากเชียวล่ะ สนิทกับเขามากงั้นเหรอ”
“ใช่” เริ่นเสี่ยวซู่ยิ้มและว่า “พวกเราเข้าเขาจิ้งซานไปด้วยกัน เสียวจิ่นก็อยู่ด้วย”
“อ้อ” หยางอวี้อันเหมือนเพิ่งรู้เรื่องนี้ จากนั้นเขาถาม “รู้จักผู้บัญชาการจางไหม จางจิ่งหลินน่ะ”
เริ่นเสี่ยวซู่ผงะเล็กน้อย “ครับ รู้จัก”
หยางเสียวจิ่นยิ้มและว่า “เธอกับเขา…”
“เขาเป็นอาจารย์ผม” เริ่นเสี่ยวซู่พูดเสียงเข้ม
คราวนี้เป็นหยางอวี้อันผงะเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่าเริ่นเสี่ยวซู่กับจางจิ่งหลินจะมีความสัมพันธ์เช่นนี้ อาจารย์กับลูกศิษย์?
เริ่นเสี่ยวซู่ทำหน้านิ่ง คนต้องรู้จักยืมชื่อเสียงคนอื่นมาปกป้องตัวเองสิ เขายังเคยใช้ธงไหมแพรของหลัวหลานมาป้องกันตัวเองจากการถูกตรวจสอบเลย สำหรับเริ่นเสี่ยวซู่ การใช้งานเรื่องพวกนี้ได้จริงๆ นั้นสำคัญมาก ได้เครื่องรางแบบนี้มาอีกหน่อยทรงพลังกว่าอะไรทั้งสิ้น
ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาปิดบังอะไร ตั้งแต่รู้ว่าหยางอวี้อันคิดจะจับมือเป็นพันธมิตรกับป้อมปราการ 178 ดังนั้นเริ่นเสี่ยวซู่จะแสดงละครเสียหน่อยที่นี่ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก อีกอย่างที่จางจิ่งหลินเป็นอาจารย์เขาก็ไม่ใช่เรื่องโกหก แถมเขายังเคยทำงานกับจางจิ่งหลินมาก่อนด้วย ตอนอยู่ที่เมืองน้อยนั่น พวกเขาต่างเป็นอาจารย์กันทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ
หยางอวี้อันคิดพิจารณาอยู่พักหนึ่งก่อนจะว่า “แล้วทำไมถึงไม่ไปป้อมปราการ 178 ล่ะ”
“ไม่ใช่ว่าไม่ไป” เริ่นเสี่ยวซู่พูดเสียงทุ้มลึก “ผมก็ว่าผ่านไปพักหนึ่งจะเดินทางไปที่นั่นอยู่ แต่ว่ามีเรื่องสำคัญอื่นต้องทำ หลังจากให้จดหมายแนะนำสูเสี่ยนฉู่แล้วก็ปล่อยให้เขานำไปก่อน”
ใบหน้าภายนอกของหยางอวี้อันสงบนิ่ง แต่ในใจนี่ปั่นป่วนไปหมดแล้ว สูเสี่ยนฉู่ได้ตำแหน่งสำคัญในป้อมปราการ 178 เพราะจดหมายแนะนำจากเริ่นเสี่ยวซู่?
ถึงว่าทำไมพอสูเสี่ยนฉู่ได้ยินชื่อเรื่นเสี่ยวซู่ ก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นในงานเลี้ยง รีบร้อนออกไปตามหาเริ่นเสี่ยวซู่!
อีกอย่าง เรื่องสำคัญกว่าที่เริ่นเสี่ยวซู่พูดนั่นน่าจะเป็นหยางเสียวจิ่นใช่ไหมนะ…
เริ่นเสี่ยวซู่ยังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง ไม่รู้สึกผิดแม้แต่นิดกับการพูดความจริงไม่หมด
“ดูเหมือนว่าผู้บัญชาการจะมองค่าเธอไว้สูงมากนะ” หยางอวี้อันยิ้มเป็นกันเอง
“ก็คิดว่าไม่แย่นะครับ อาจารย์เคยพูดว่าอยากให้ผมเข้าแทนที่ตำแหน่งเขา แต่ว่ามันยังไม่ถึงเวลา” เริ่นเสี่ยวซู่พูดเสียงเข้ม เขาไม่ได้โกหกด้วย จางจิ่งหลินเลือกเขามาเป็นอาจารย์สอนแทนจริงๆ และก็วางแผนกะให้เริ่นเสี่ยวซู่ขึ้นมาเป็นอาจารย์ประจำโรงเรียนด้วย
แต่หยางอวี้อันที่ได้ยินนั้นคิดต่างออกไปเลย จางจิ่งหลินอยากให้เด็กหนุ่มตรงหน้าเขาขึ้นมาควบคุมป้อมปราการ 178 ในอนาคต? ‘ยังไม่ถึงเวลา’ ที่ว่าน่าจะหมายถึงจางจิ่งหลินอยากจะสั่งสอนเขาให้มากกว่านี้อีก ผู้เฒ่าหลายคนต่างรู้ว่าก่อนจางจิ่งหลินจะเข้ายึดครองป้อมปราการ 178 นั้น เขาทำงานชั้นรากหญ้ามาสิบปีเต็มจนคนอื่นๆ ติดตามเขา ผู้บัญชาการคนเก่าก็ส่งมอบตำแหน่งให้
ดังนั้นคำอธิบายนี้เข้าเค้าสำหรับหยางอวี้อัน จางจิ่งหลินถูกเลือกให้มาเป็นผู้บัญชาการ 178 ทั้งๆ ที่เขาเคยเป็นผู้อพยพ สำหรับป้อมปราการ 178 เกิดมาด้วยฐานะอะไรไม่สำคัญหรอก
เพราเช่นนี้หยางอวี้อันจึงมองเริ่นเสี่ยวซู่ด้วยสายตาอ่อนลงกว่าเดิม “เป็นเด็กหนุ่มอนาคตไกลจริงๆ” ดูเหมือนเขาจะลืมไปแล้วว่าตัวเองเคยพูดอะไรกับหยางเสียวจิ่น “ได้ยินว่าจะร่วมเดินทางไปปราบโจรด้วยเหรอ”
“อืม เป็นปัญหาของทางตะวันตกเฉียงเหนือ ผมย่อมต้องร่วมด้วยอยู่แล้ว” เริ่นเสี่ยวซู่อย่างเที่ยงธรรม
“ดีๆ” หยางอวี้อันย้ำ “ต้องรักษาตัวด้วยล่ะ ไม่ต้องรีบร้อนกำจัดโจร ฉันเชื่อว่าในอนาคตพวกเราต้องกำจัดปัญหาพวกโจรได้หมดแน่นอน เอาล่ะ ฉันคงต้องขอตัว เธอคงกำลังเตรียมตัวสำหรับการเดินทางเหมือนกัน ฉันจะปล่อยให้เธอเตรียมตัวต่อ”
“ขอบคุณครับอาสาม” เริ่นเสี่ยวซู่
หยางอวี้อันยิ้มกว้างกับคำว่า ‘อาสาม’ เทียบกับสมาคมตระกูลจงแล้ว เขาย่อมอยากทำงานกับป้อมปราการ 178 มากกว่า นั่นจะเป็นการช่วยเหลืออย่างแท้จริง และถ้าป้อมปราการ 178 สามารถยื่นมือมาช่วยเขาได้ จะกลืนสมาคมตระกูลจงไปด้วยไม่ใช่เรื่องยาก
แต่หยางอวี้อันไม่อาจลงเดิมพันไปกับคนเพียงผู้เดียวได้ เขายังต้องไปตรวจสอบข้อเท็จจริงกับคำกล่าวของเริ่นเสี่ยวซู่ก่อน
แต่ดูไปแล้ว คำพูดของเริ่นเสี่ยวซู่น่าเชื่อถือมาก อย่างไรสูเสี่ยนฉู่ก็ให้คำยืนยันไปแล้ว