เมื่อโจวอิ๋งเสวียปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง เธอไม่ได้ตั้งใจมาเปิดบทสนทนากับเริ่นเสี่ยวซู่แล้ว เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกวันแม้อากาศจะหนาวเหน็บ ทั้งยังแต่งหน้าอย่างสวยสดด้วย จากนั้นเธอก็จะนั่งพลิกหน้าหนังสือเงียบๆ อยู่ในมุมหนึ่งของห้องสมุด
ถ้าเป็นคนอื่นผ่านมา เธอก็จะไม่เงยหน้ามามองเลย แม้กระทั่งเริ่นเสี่ยวซู่ก็ไม่มอง
ตอนบ่ายห้องสมุดมีคนเยอะไม่น้อย มักจะมีคนหนุ่มๆ เข้าไปจีบเธอ แต่ก็ถูกปฏิเสธกลับมาหมด
เวลาผ่านไป ก็เหมือนว่าเธอมาเพื่ออ่านหนังสือจริงๆ เธอเป็นแค่สาวงามพูดน้อยที่เป็นที่ต้องตาของคนอื่นๆ ในห้องสมุด
เริ่นเสี่ยวซู่คิดว่าถ้าฝ่ายอื่นอยากจะรู้จักกับเขาอย่างสันติก็ไม่ว่าอะไรหรอก อย่างไรหลังมาอยู่เขาก็ไม่เคยทำผิดกฎหมาย ไม่มีเหตุอะไรที่ตนเองต้องถูกตามจับตาเลย แม้หลังจากที่เขาจ้างอันอวี้เฉียนมาสอนพวกหวังอวี่ฉือแล้วก็ไม่มีอะไรแปลกตาไปนอกจากการเรียนการสอนอีก อย่างมากเวลาคุยกันเรื่องออกแบบชุดเกราะก็จะระวังกว่าเดิม ดังนั้นเริ่นเสี่ยวซู่เลยเมินโจวอิ๋งเสวียไปเสียอย่างนั้น
แต่เริ่นเสี่ยวซู่สังเกตว่าเวลาอันอวี้เฉียนมองเธอแล้วก็จะเหม่อลอยไป โดยเฉพาะอย่างยิงวันนี้โจวอิ๋งเสวียเข้าห้องสมุดมาก็ถอดเสื้อโค้ทออกเผยให้เห็นชุดกี่เพ้าข้างใน
เวลานั่งลงชายกระโปรงกี่เพ้าก็ร่นขึ้นมาเกือบถึงต้นขาเธอ โจวอิ๋งเสวียนั่งเงียบๆ ไป อันอวี้เฉียนมองเธอตาเขม็ง
เริ่นเสี่ยวซู่รู้สึกสิ้นหวัง ใจสงสัยว่าโจวอิ๋งเสวียน่าจะเป็นผู้มีพลังพิเศษด้วย เพราะดูเธอจะไม่กลัวหนาวเลย
ตอนนี้เอง หวังอวี้ฉื่อก็ถาม “ครูอันครับ โจทย์นี้…”
อันอวี้เฉียนได้สติกลับมาและว่า “อ๋อ โจทย์นี้ขาวจริงๆ…เอ้ย ฉันหมายถึงถึงว่าโจทย์นี้เรียวจริงๆ ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น…”
เริ่นเสี่ยวซู่มองอันอวี้เฉียนด้วยสายตาสงบนิ่ง “นี่จะไม่ตั้งใจสอนเหรอ พวกเราจ่ายเงินนะ…”
อันอวี้เฉียนละอายใจหน่อยๆ “เห็นนั่งเงียบๆ แบบนั้นไม่คิดว่าเธอสง่างามมากจริงๆ เหรอ”
เริ่นเสี่ยวซู่ถอนหายใจ เขาเดินไปที่ชั้นหนังสือ ก่อนจะเดินไปหาโจวอิ๋งเสวียพร้อมหนังสือสามเล่ม อันอวี้เฉียนคิดว่าเริ่นเสี่ยวซู่ใจกล้าจริงๆ ที่ไปเต๊าะสาวแบบโต้งๆ เลย
โจวอิ๋งเสวียทำเป็นไม่เห็นเริ่นเสี่ยวซู่ พอเขาเดินมาก็เงยหน้าขึ้นถาม “สวัสดี มีอะไรหรือเปล่า”
เริ่นเสี่ยวซู่ยื่นหนังสือนิยายชื่อ ‘ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ’ ไปข้างหน้าโจวอิ๋งเสวีย “ฉันคิดว่าหนังสือนี่น่าสนใจไม่เลว ควรอ่านนะ”
จากนั้นเริ่นเสี่ยวซู่กลับไปนั่งอ่านหนังสือเรียนต่อ ขณะเดียวกันโจวอิ๋งเสวียก็เปิดหนังสือตรงหน้าเธอออกด้วยความสงสัย อยากรู้ว่าหนังสือที่เริ่นเสี่ยวซู่ชอบมีลักษณะเป็นแบบไหน
สุดท้ายเริ่นเสี่ยวซู่กับนักเรียนก็ได้เรียนหนังสือช่วงบ่ายเสียที โจวอิ๋งเสวียหัวเราะอย่างหนักจนตัวงออยู่ที่มุมห้องสมุด เธอตลกจนหน้าปวดไปหมด ภาพลักษณ์เงียบๆ เรียบร้อยที่สร้างมาอย่างยากลำบากพังทลายไปหมดสิ้น
ตลอดบ่ายโจวอิ๋งเสวียไม่ทำอะไรเลยนอกจากหัวเราะจนเหมือนคนบ้า
เริ่นเสี่ยวซู่มองอันอวี้เฉียน “ยังคิดว่าเธอสง่างามอยู่ไหมล่ะ”
อันอวี้เฉียนสูดลมหายใจลึกและว่า “ไม่แล้ว”
“งั้นก็ตั้งใจสอนได้แล้ว” เริ่นเสี่ยวซู่ว่า
แต่เริ่นเสี่ยวซู่ไม่คาดคิดเลยว่าหลังจากนั้นโจวอิ๋งเสวียจะตามเขาต้อยๆ ทุกวันก็จะถามเขาว่าหนังสือเล่มไหนน่าอ่าน และก็จะเข้ามาคุยเรื่องหนังสือที่เขาแนะนำไป
เริ่นเสี่ยวซู่ว่าหญิงผู้นี้นี่เชี่ยวชาญด้านการเข้าหาคนจริงๆ ไหลตัวไปตามสถานการณ์ได้อย่างดีเยี่ยม
แต่ว่าเริ่นเสี่ยวซู่ก็ไม่ได้ปฏิเสธโจวอิ๋งเสวียอย่างตรงไปตรงมาเช่นกัน ทุกวันเขาจะแนะนำหนังสือสุดน่าเบื่อให้เธอไป สุดท้ายเริ่นเสี่ยวซู่พบว่าไม่ว่าหนังสือจะน่าเบื่อแค่ไหนเธอก็อ่านจนจบ จากนั้นเธอก็จะเข้ามาคุยด้วย
จริงๆ ถ้าเขาเก่งพอ เริ่นเสี่ยวซู่คงแนะนำหนังสือเรียนวิชาคณิตศาสตร์ชั้นสูงให้โจวอิ๋งเสวียแล้ว แบบนี้ต่อให้โจวอิ๋งเสวียทุ่มเทอ่านไปมากขนาดไหนก็อาจจะไม่เข้าใจอะไร แต่ว่าเขายังเก่งไม่พอนี่สิ ที่จริงเริ่นเสี่ยวซู่อาจจะไม่เก่งวิชาคณิตเท่าโจวอิ๋งเสวียด้วยซ้ำ เขามีความรู้จำกัดเกินกว่าจะใช้วิธีนี้ไปเล่นงานเธอ
อันอวี้เฉียนไปหาเริ่นเสี่ยวซู่และโพล่งว่า “เจ้าน้องชายเอ้ย บอกเลยว่าสาวชื่อโจวอิ๋งเสวียชอบนายจริงๆ นะ!”
เริ่นเสี่ยวซู่หัวเราะ ชอบฉัน? เธอเป็นสายลับเฟ้ย!
ต่อให้ก่อนหน้านี้เขาไม่ทันสังเกตโจวอิ๋งเสวียในหมู่สายลับ เริ่นเสี่ยวซู่ก็ยังใช้ลางสังหรณ์ที่สร้างมาในแดนรกร้างสัมผัสได้อยู่ดีว่าเธอมีอะไรไม่ชอบมาพากล คนผู้หนึ่งแสดงความสนใจจนเกินหน้าเกินตาต้องซ่อนประสงค์ร้ายไว้แน่
โจงอิ๋งเสวียคิดว่าด้วยความงามของตัวเองจะล่อลวงคนวัยเริ่นเสี่ยวซู่นั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย หนุ่มน้อยอายุสิบเจ็ดจะเห็นโลกมามากมายขนาดไหนกันล่ะ พวกนักล่าชอบล่อหนุ่มน้อยวัยนี้นักแล
ที่จริงโจวอิ๋งเสวียจะคิดแบบนี้ก็ไม่ผิด ถ้าเป็นหวังอวี่ฉือหรือคนอื่นๆ ก็อาจจะตกหลุมพรางไปแล้ว แต่เริ่นเสี่ยวซู่ต่างออกไป
พอฟ้ามืด เริ่นเสี่ยวซู่ก็ลาพวกหวังอวี่ฉือ บอกให้พวกเขากลับบ้านไปกันก่อน เขาจะไปเรียนวิชาต่อสู้กับลู่หย่วนก่อน แต่พอออกจากห้องสมุดไป ก็เห็นโจวอิ๋งเสวียรออยู่หน้าห้องสมุด
เริ่นเสี่ยวซู่ทำเป็นไม่เห็นและเดินออกไป โจวอิ๋งเสวียร้องเรียกเขา “มีเวลาไหมน่ะ พอดีฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
“ไม่มี” เริ่นเสี่ยวซู่ว่า
ทันใดนั้นเสียงจากพระราชวังก็ดังมา [ภารกิจ ช่วยเหลือผู้หญิงที่ต้องความช่วยเหลือ]
ภารกิจนี้มาอย่างกะทันหันจนเริ่นเสี่ยวซู่ไม่ทันตั้งตัว “อยู่ๆ ฉันก็มีเวลาขึ้นมา มีอะไรให้ช่วยล่ะ”
โจวอิ๋งเสวียนิ่งไปสองสามวินาที ก่อนจะรีบปรับอารมณ์และยิ้ม “วันนี้เป็นวันเกิดฉันน่ะ แต่ว่าฉันไม่มีครอบครัวในป้อมปราการเลย คืนนี้อยู่เป็นเพื่อนฉันได้ไหม”
เริ่นเสี่ยวซู่สับสน “ยังไงล่ะ”
“ไปบ้านฉันกัน เล่นเกมกันหน่อย” โจวอิ๋งเสวียยิ้ม
“เกมอะไร” เริ่นเสี่ยวซู่เริ่มรู้สึกอยากละทิ้งภารกิจนี้แล้ว
“เกมที่เล่นคนเดียวไม่ได้” โจวอิ๋งเสวียขยิบตาให้เริ่นเสี่ยวซู่
เกมอะไรที่เล่นคนเดียวไม่ได้?
เริ่นเสี่ยวซู่คิดพักหนึ่งและว่า “หมายถึงกระโดดเชือกเหรอ ฉันเล่นเก่งนะ!”
โจวอิ๋งเสวีย “???”
จากนั้นก็ว่า “มีแค่สองคนมันกระโดดเชือกไม่ได้นะ”
ตอนนี้เอง อันอวี้เฉียนก็เดินออกจากห้องสมุดมา พอเห็นว่าห้องสมุดจะปิดแล้ว เริ่นเสี่ยวซู่ก็ว่า “มีสามคน! คนพอแล้วนี่ไง!”
โจวอิ๋งเสวียยิ้มเหยเก “ช่างเถอะ ไม่อยากเล่นแล้วล่ะ”
เริ่นเสี่ยวซู่ตรวจดูภารกิจของพระราชวัง “ไม่ได้ พวกเราจะเล่น”
โจวอิ๋งเสวีย “…”
เจ้าบ้านี่มันยังไงเนี่ย!
ครึ่งชั่วโมงให้หลัง พระราชวังก็เอ่ย [ภารกิจสำเร็จ รางวัล คัมภีร์คัดลอกทักษะขั้นไร้ที่ติ!]
เริ่นเสี่ยวซู่ตะลึง จู่ๆ ก็มีคัมภีร์คัดลอกทักษะขั้นไร้ที่ติโผล่มาทำเอาเขาเกือบกระโดดร้องยินดี อย่างไรนี่ก็เป็นของหายาก
เพราะคัมภีร์คัดลอกทักษะขั้นไร้ที่ตินี้ ทำให้เขาสามารถเรียนทักษะระดับปรมาจารย์ได้แล้ว
เริ่นเสี่ยวซู่โพล่งถาม “ถ้าฉันคัดลอกทักษะระดับปรมาจารย์มาโดยไม่มีทักษะที่เกี่ยวข้องระดับสูงล่ะ”
[ไม่สามารถทำได้] พระราชวังพูดอย่างเย็นชา
“ไม่ยุติธรรมเลย!” เริ่นเสี่ยวซู่ประท้วง
พระราชวังอธิบาย [คัมภีร์คัดลอกทักษะขั้นพื้นฐานและไร้ที่ติสามารถใช้ในเวลาเดียวกันเพื่อเรียนรู้ทักษะระดับปรมาจารย์อย่างสมบูรณ์ในกรณีที่เดิมทีไม่มีชุดทักษะที่เกี่ยวข้อง]