ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่มองไป หยางเสียวจิ่นผู้ซึ่งสวมหมวกเดินเข้ามาหาเริ่นเสี่ยวซู่ บุคคลสาธารณะผู้มีชื่อในป้อมปราการ 88 ต่างรู้สถานะของเธอ
ขณะเดียวกันเด็กหนุ่มในชุดคล้ายกันกำลังยืนเหม่อลอยอยู่ในสวน ราวกับเขาไม่คิดเลยว่าวันนี้จะเจอเรื่องพลิกผัน เขานึกว่าหยางเสียวจิ่นจะโผล่มาในชุดออกงานที่สวยดั่งดาราจรัสจนตาค้าง ยามเผยโฉมดาราดาษบนนภาต้องหรี่แสง ที่มาวันนี้ก็เพราะเขาอยากยลภาพนั้น
แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ทำให้เขาสมองโล่งไปหมด หยางเสียวจิ่นนอกจากจะไม่ได้แต่งชุดทางการมาออกงานแล้ว เธอยังตั้งใจใส่ชุดกีฬาสีขาวที่พิมพ์ลายอักษรสีแดงตัดกับอักษรสีน้ำเงินบนเสื้อเขา
เด็กหนุ่มจินตนาการฝันว่าตัวเองเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงาม แต่โลกกลับเล่นตลกกับเริ่นเสี่ยวซู่ นอกจากเขาจะช่วยเธอแค่ครั้งเดียวแล้ว ยังเป็นเธอที่ช่วยเขามาหลายต่อหลายครั้ง คอยดึงตัวเขาออกจากสถานการณ์ยากลำบาก
ทุกคนในที่จัดงานต่างถือแก้วแชมเปญค้างด้วยความตื่นตะลึง เหม่อมองไปยังคนทั้งสองราวเป็นผู้ชม
ต้องเป็นภาพลวงตาแน่ แต่เริ่นเสี่ยวซู่สัมผัสได้ว่าคนรอบตัวแข็งค้างราวประติมากรรม โลกดั่งสิ้นเสียง กาลเวลาหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
ทั้งสองคนคล้ายกันจนดูแปลกแยกไปจากสนามหญ้าที่ตัดอย่างดี บันไดหินเรียบ และของประดับอันประณีต
และเริ่นเสี่ยวซู่ก็ตระหนักได้ในทันใดว่าหยางเสียวจิ่นไม่เคยเป็นเจ้าหญิงของสมาคมอย่างที่เขาวาดภาพ แต่เป็นต้นหญ้าที่พร้อมจะเติบโตในแดนรกร้างเช่นเขา
เริ่นเสี่ยวซู่พูดอ้ำๆ อึ้งงๆ “ทำไมถึงใส่ชุด…”
หยางเสียวจิ่นกลับโน้มตัวคว้ามือของเริ่นเสี่ยวซู่ท่ามกลางสายตาของทุกคน “ที่นี่น่าเบื่อจะตาย ไปเดินเล่นกัน”
เด็กสาวพาเริ่นเสี่ยวซู่หายลับไปจากสายตาของทุกคน บรรยากาศแข็งค้างถึงค่อยเดินหน้าไปอีกครา
มีคนกระซิบถาม “เด็กหนุ่มคนนั้นคือใครน่ะ!”
เหยียนลิ่วหยวนมองเริ่นเสี่ยวซู่กับหยางเสียวจิ่นออกคฤหาสน์ไปอย่างเงียบงัน ใจก็อยากตามพวกเขาไป แต่รู้ดีว่าทั้งสองคนก็เหมือนดาราบนเวที เขาควรยืนชมอยู่นิ่งๆ ในมุมมืดพอ
เขารู้ดีว่าเริ่นเสี่ยวซู่ต้องผ่านความยากลำบากมาขนาดไหน ในช่วงที่เริ่นเสี่ยวซู่บาดเจ็บ เขาได้รู้ซึ้งเป็นอย่างดี หลังจากลำบากมามาก ในที่สุดความสุขของเริ่นเสี่ยวซู่ก็มาถึงแล้ว เหยียนลิ่วหยวนรู้ดีว่าไม่ควรไปขัดความหวังของเริ่นเสี่ยวซู่เข้า
เขาเคยบอกเริ่นเสี่ยวซู่ว่าถ้าหยางเสียวจิ่นไม่มาหาพวกตน พวกตนก็ไม่ควรไปป้อมปราการ 88
แต่หยางเสียวจิ่นใช้การกระทำพิสูจน์แล้วว่าเธอสามารถทำอะไรหลายๆ อย่างได้เพื่อพวกเขา
เพราะเป็นเช่นนั้น เหยียนลิ่วหยวนจึงไม่มีอะไรมาไม่เห็นด้วย เขาพร้อมจะละทิ้งความลำเอียงของตนเพื่อความสุขของเริ่นเสี่ยวซู่ อยู่ในป้อมปราการก็แค่ต้องเจอความคับข้องใจนิดหน่อยเองไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับเขาหรอก
ถ้าหลัวหลานพร้อมจะทำตัวเป็นเจ้าอ้วนโง่งมที่มีชีวิตไร้ค่าเพื่อชิ่งเจิ่น เหยียนลิ่วหยวนเองก็พร้อมจะทำคล้ายคลึงกันเพื่อพี่ชายตน
คิดแล้วเหยียนลิ่วหยวนก็คิดว่าหลัวหลานพลันน่าคบหากว่าเดิม “นี่เจ้าอ้วน กลับกันก่อนดีกว่า”
หลัวหลานด่า “เจ้าหนูเรียกใครว่าเจ้าอ้วนฮะ มา เดี๋ยวพาไปส่งบ้าน”
…
พอเดินออกจากสายตาของทุกคน หยางเสียวจิ่นก็ปล่อยมือเริ่นเสี่ยวซู่ออกทันที เธอชะงักไปครู่หนึ่งก่อนว่า “เมื่อกี้…”
เริ่นเสี่ยวซู่ยิ้ม “ขอบคุณที่พาพวกเราออกมา”
หยางเสียวจิ่นโล่งอก “ไม่ต้องสนใจพวกคนที่หมกมุ่นและหลงระเริงอยู่กับโลกที่ตัวเองสร้างหรอก ทั้งนายและฉันรู้กันว่าโลกกำลังเปลี่ยนไปแล้ว”
“อืม” เริ่นเสี่ยวซู่พยักหน้า
“ยังไม่กินอะไรใช่ไหม” หยางเสียวจิ่นถาม
“ใช่” เริ่นเสี่ยวซู่หัวเราะ “ฉันคุยกับหลัวหลานว่าวันนี้จะมาสวาปามอาหารจากครอบครัวเธอ แต่ไปๆ มาๆ คือต้องออกก่อนจะได้ทำอีก”
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวพาไปกินเกี๊ยวสุดอร่อยเป็นอาหารเย็น” หยางเสียวจิ่นว่า “ฉันมีเรื่องจะบอกนายด้วย พวกเราจะเดินทางไปตะวันออกเฉียงเหนือในเจ็ดวัน”
เริ่นเสี่ยวซู่ถาม “ไปตะวันออกเฉียงเหนือทำไม ไปป้อมปราการ 178 เหรอ”
“เปล่า” หยางเสียวจิ่นว่า “พวกเราจะไปปราบพวกโจรป่ากับสมาคมตระกูลจง รอบนี้จะเป็นปฏิบัติการร่วมระหว่างสมาคมตระกูลหยางกับตระกูลจง พวกเราไม่ได้จะล้างบ้างพวกโจรจนหมด แต่จะกลับมาหลังฆ่าไปจำนวนหนึ่งแล้ว”
“ใครจะไปกับเราบ้าง” เริ่นเสี่ยวซู่สงสัย
“คนของสมาคมตระกูลจง” หยางเสียวจิ่นพูดเสียงนิ่ง “แต่ระหว่างทางต้องระวัง นอกจากฉันแล้วห้ามเชื่อใจใครอีก”
เริ่นเสี่ยวซู่ชะงัก เขาพลันนึกไปถึงตอนที่ตนเดินทางไปเขาจิ้งซาน ถึงตอนนั้นพวกเขาจะไม่ค่อยเชื่อใจกัน แต่ก็ยังจับมือเป็นพันธมิตรชั่วคราว ตอนนี้พอคิดดูแล้ว การจับมือเป็นพันธมิตรเมื่อกระนู้นนี่ไม่เลวเลย
พวกเขาไม่เอ่ยถึงเรื่องเดินจูงมือ หมู่ดาวยังเป็นประกายบนฟ้ามืด เป็นเวลาอันดีให้กินอาหารสักมื้อ
…
แม้เริ่นเสี่ยวซู่กับหยางเสียวจิ่นจะเดินจากไปแล้ว คนในงานก็ยังฮือฮากันไม่หยุด ทุกคนเหมือนจะเจอเรื่องใหม่ให้ซุบซิบกัน
บุคคลระดับสูงหลายคนรู้จุดประสงค์ของงานในคืนนี้ ชายหนุ่มอนาคตไกลจากสมาคมตระกูลจงที่รู้กันว่าเป็นผู้มีพลังพิเศษจะมาร่วมงานคืนนี้ นอกจากนี้หยางอวี้อันได้จัดให้หยางเสียวจิ่นกับจงเฉิงไปปราบโจรป่าด้วยกัน จุดประสงค์ของเขาตรงไปตรงมาจนตรงไปไม่ได้กว่านี้แล้ว และบุคลากรระดับสูงเหล่านี้ก็ไม่ได้โง่ด้วย
แต่งานเลี้ยงยังไม่เริ่ม หยางอวี้อัน ตัวแทนจากป้อมปราการ 178 และชายหนุ่มจากสมาคมตระกูลจงกำลังคุยธุระกันอยู่ในคฤหาสน์ งานเลี้ยงจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการก็ต่อเมื่อพวกเขาคุยกันเสร็จแล้วไปจากตัวคฤหาสน์ แต่ก่อนที่งานจะทันเริ่ม หนึ่งในดาวของงานก็วิ่งหนีไปอื่นแล้ว ทำยังพาคนอื่นหนีไปด้วย!
ตอนนี้หยางอวี้อันและชายหนุ่มทั้งสองก้าวออกจากคฤหาสน์ เขายิ้มให้บรรดาแขกเหรื่อ หยางอวี้อันหยิบแก้วแชมเปญด้วยความสงบนิ่ง และว่า “แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน เกิดอะไรขึ้นกัน มีเรื่องน่าสนใจเกิดขึ้นหรือ”
มีคนชะงัก ก่อนจะพูดว่า “หลานสาวคุณหนีไปกับหนุ่ม…”
สีหน้าของหยางอวี้อันไม่เปลี่ยน เขายังคงยิ้ม “อ้อ? หนุ่มคนไหนกันล่ะ”
มีคนลอบถอนหายใจกับไหวพริบของหยางอวี้อัน เวลาแบบนี้ยังทำหน้าไม่ยี่หระได้อีก
มีคนตอบ “ไม่รู้เหมือนกันว่าเขามาจากไหน แต่ว่ามาพร้อมหลัวหลานและใส่ชุดธรรมดามา”
หยางอวี้อันสูดลมหายใจลึก ก่อนจะยิ้มพูดระหว่างหันไปมองจงเฉิงและสูเสี่ยนฉู่ที่อยู่ด้านข้าง “จงเฉิง สหายเสียวสู่ ขออภัยด้วยแต่ฉันคงต้องขอตัวไปจัดการเรื่องครอบครัวก่อน”
สูเสี่ยนฉู่ไม่ว่าอะไรและยิ้มกล่าว “มีอะไรเหรอ ใครวิ่งหนีไปกับหลานสาวคุณน่ะ”
“ผู้อพยพที่ชื่อเริ่นเสี่ยวซู่น่ะ ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก” หยางอวี้อันตอบ
แต่สูเสี่ยนฉู่นิ่งงัน เขาพลันถามคนรอบๆ “เริ่นเสี่ยวซู่ไปไหนแล้ว เขาไปทางไหน”
คนในงาน “???”
เชี่ยอะไรเนี่ย!
สถานการณ์วุ่นวายยกใหญ่แล้ว “ฉันคิดว่าพวกเขาลงไปทางใต้นะ”
สูเสี่ยนฉู่กล่าวลาหยางอวี้อัน “ขออภัยด้วยประธานหยาง เริ่นเสี่ยวซู่เป็นพี่น้องคนสนิทของฉัน พวกเราไม่ได้เจอกันนานแล้ว เขาเป็นผู้มีพระคุณ ขอตัวไปหาเขาก่อนนะ เรื่องอื่นๆ ค่อยคุยกันพรุ่งนี้”
ว่าแล้วสูเสี่ยนฉู่ก็วิ่งตามพวกเริ่นเสี่ยวซู่ไป