พอโจวอิ๋งเสวียได้ยินเริ่นเสี่ยวซู่เรียกตัวเองว่า ‘ป้า’ ก็ฉุนจัด เธอเพิ่งยี่สิบห้าเอง ยังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ ทำไมถึงถูกเรียกว่าป้าแล้วล่ะ
แน่นอนเริ่นเสี่ยวซู่ไม่คิดว่าโจวอิ๋งเสวียแก่จริงๆ อะไรหรอก แต่เป็นเพราะเขาเคยเห็นหน้าเธอข้างนอกต่างหาก
คนจากหน่วยข่าวกรองที่ตามจับตาดูเริ่นเสี่ยวซู่คิดว่าปฏิบัติการของตัวเองนั้นไร้ตำหนิ พวกเขาถึงกับเชื่อว่าเริ่นเสี่ยวซู่นั้นโง่บรมที่สังเกตไม่เห็นพวกตน
แต่ที่จริงคือเริ่นเสี่ยวซู่แค่คร้านจะสนใจพวกเขาต่างหาก เขาอยากฟื้นตัวให้หายดีเป็นพอ
อีกอย่างถ้าพวกเขาเอาทหารนาโนแมชชีนมาจับตาดูเขาคงดีกว่ามาก คนธรรมดาพวกนี้ไม่ได้ทำให้เริ่นเสี่ยวซู่เกิดความสนใจเลยแม้แต่น้อย
แต่โจวอิ๋งเสวียก็ไม่ใช่คนธรรมดาเช่นกัน เธอยิ้มกล่าว “อายุอย่างฉัน เรียกว่าพี่สาวจะดีกว่านะ เธอรู้จักห้องสมุดนี้ดีหรือเปล่า”
“ไม่ดี” เริ่นเสี่ยวซู่ส่ายหน้า
โจวอิ๋งเสวียชะงัก เขามาห้องสมุดทุกวันเป็นเวลาเกือบครึ่งเดือนแล้ว ยังกล้าพูดว่าตัวเองไม่รู้จักห้องสมุดดีอีกนะ?
เธอยังคงยิ้มต่อ “ฉันกำลังหาหนังสือชื่อว่าทฤษฎีว่าด้วยเวลา พอรู้ไหมว่าอยู่ไหน”
เริ่นเสี่ยวซู่เงยหน้ามองเธอ เขาแสดงตนขีดเส้นกั้นระหว่างเธอกับตัวเองแล้ว แต่เธอก็ดื้อด้านจะคุยกับเขาต่อให้ได้
และตอนนี้เอง เสียงจากพระราชวังก็ดังขึ้น [ภารกิจ ช่วยผู้เสาะหาความรู้ตามหาที่ตั้งที่ถูกต้องของหนังสือ]
เริ่นเสี่ยวซู่นิ่งไป ผ่านมาตั้งนานนม ทำไมพระราชต้องให้ภารกิจเขาตอนนี้ด้วย แถมภารกิจยังระบุเป็นพิเศษเลยว่าต้องเป็นที่ตั้งที่ถูกต้องด้วย เขาไม่อาจชี้ซี้ซั้วได้ แต่ว่าเขาไม่รู้จริงๆ ว่าหนังสือนั่นอยู่ที่ไหน
แต่ภารกิจมาแล้วอย่างไรก็ต้องทำ เขามองโจวอิ๋งเสวียและลองเสี่ยงดวงดูด้วยการพูดว่า “ทฤษฎีว่าด้วยเวลาน่าจะอยู่ในห้องสมุดนี่แหละ ทำไมไม่ลองหาดูเองล่ะ”
โจวอิ๋งเสวียเจอคำตอบนี้ทำเอาผงะ ไม่บอกไปเลยล่ะว่าหนังสือมันอยู่ในป้อมปราการ 88 นั่นแหละ! ฉันรู้อยู่แล้วไหมล่ะว่ามันอยู่ในห้องสมุด!
แต่เริ่นเสี่ยวซู่ไม่นำพา ไหนๆ ภารกิจก็บอกให้ระบุที่ตั้งที่ถูกต้อง จะบอกว่าหนังสืออยู่ในห้องสมุดก็ไม่ผิดใช่ไหมล่ะ
พระราชวังเอ่ย [ภารกิจสำเร็จ รางวัล คัมภีร์คัดลอกทักษะขั้นพื้นฐาน]
เริ่นเสี่ยวซู่อยากจะยกนิ้วให้กับความปราดเปรื่องของตัวเองจริงๆ เรื่องหาช่องว่างในการทำภารกิจไม่มีใครเก่งเกินเขาแล้ว
อันอวี้เฉียนเห็นว่าสถานการณ์มันกระอักกระอ่วนมากก็รีบไปหาหนังสือชื่อทฤษฎีว่าด้วยเวลามายื่นให้โจวอิ๋งเสวีย เธอเดือดจัดแต่ไม่อาจหาที่ระบาย
ทันใดนั้นก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในห้องสมุด เป็นพวกหวังอวี่ฉือนั่นเอง
ตอนพวกเขามาถึงจุดที่เริ่นเสี่ยวซู่อยู่ หลังเห็นโจวอิ๋งเสวียนั่งอยู่ก็ผงะไปเล็กน้อย ปกติแล้วพวกเขาจะนั่งอ่านหนังสือเรียนด้วยกันเป็นกลุ่ม
แต่ถ้าโจวอิ๋งเสวียนั่งอยู่ตรงนี้ เธอก็เป็นคนแปลกหน้าในกลุ่มสิ ซึ่งมันทำให้กระอักกระอ่วนมาก เวลาพูดคุยกันยังต้องระวังวาจากันอีก
เวลาคุยกันพวกเขาจะพูดถึงเรื่องความลับในกลุ่มอยู่บ่อยๆ อย่างไรพวกเขาก็รู้จักกันดี ระหว่างพูดคุยก็เผลอโพล่งออกไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ
โจวอิ๋งเสวียรู้ว่าคนพวกนี้อยากมานั่งกับเริ่นเสี่ยวซู่ แต่เธอก็ทำเป็นตั้งใจอ่านหนังสือ นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่คิดจะลุกไปไหน
มีคนอยากขอให้โจวอิ๋งเสวียเปลี่ยนที่นั่ง แต่หวังอวี่ฉือก็ห้ามไว้ “ห้องสมุดเป็นสถานที่สาธารณะ เราไม่สามารถไปรบกวนการอ่านของผู้อื่นได้”
เริ่นเสี่ยวซู่รวมกองหนังสือตรงหน้าแล้วว่า “เปลี่ยนโต๊ะกัน”
ห้องสมุดใหญ่มาก นอกจากโต๊ะนี้แล้วก็ยังมีโต๊ะอื่นอีกเยอะแยะ เพราะอย่างนั้นทั้งกลุ่มจึงย้ายโต๊ะนั่งไป ปล่อยให้โจวอิ๋งเสวียอ่านหนังสือต่อคนเดียว
ขณะเดียวกันโจวอิ๋งเสวียก็นั่งอ่านทฤษฎีว่าด้วยเวลาตลอดทั้งบ่าย เธอต้องทำเช่นนี้เพื่อแสดงว่าเธอมาอ่านหนังสือจริงๆ จะได้ไม่ทำให้เริ่นเสี่ยวซู่เกิดความระแวงขึ้น แต่ไม่มีใครรู้ว่าเธออ่านรู้เรื่องจริงๆ หรือเปล่า
โจวอิ๋งเสวียหงุดหงิดอยู่บ้าง เธอมีคนตามจีบเยอะแยะนะ! ทำไมเด็กหนุ่มตรงหน้าถึงไม่สนใจเธอสักนิดเลยล่ะ! เขาต้องไม่ปกติแล้ว!
หลังจากวันนี้ โจวอิ๋งเสวียก็ไม่โผล่มาต่อหน้าเริ่นเสี่ยวซู่อีก ความถี่ที่เขาถูกจับตาก็ลดลงไปด้วย บางครั้งก็จะมาจับตาดูเขาทุกๆ สองสามวัน
ขณะเดียวกันชั้นเรียนอันอวี้เฉียนก็คืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว เขาถึงกับถอนหายใจและกล่าวว่าไม่เคยคิดเลยว่าสอนนักเรียนจะง่ายขนาดนี้ เมื่อก่อนตอนเขาสอนนักเรียนก็รู้สึกตลอดว่าพวกนักเรียนนี่โง่ชะมัด
เริ่นเสี่ยวซู่พบว่าในอดีตอันอวี้เฉียนน่าจะทำงานอยู่ในวงการงานวิจัยแต่ให้หลังลงเอยมาเป็นบรรณารักษ์ ถ้ามีเวลาเขาก็คิดจะถามหยางเสียวจิ่นเรื่องนี้อยู่ เธอน่าจะรู้อะไรบ้าง
ยิ่งเรียนไปได้มาก หวังอวี่ฉือและนักเรียนชายคนอื่นๆ ก็จะใช้เวลาว่างตอนบ่ายมาร่างแบบพิมพ์เขียวชุดเกราะในจินตนาการเป็นครั้งคราว ตอนนี้ดีเลย์ในการควบคุมนาโนแมชชีนของพวกเขานั้นน้อยกว่า 0.2 วินาทีแล้ว บางครั้งแค่นึกภาพชุดเกราะในหัวก็ทำให้ตื่นเต้นแล้ว
หลังจากลองออกแบบร่างเกราะส่วนแขนกับมือเรียบร้อย อันอวี้เฉียนปราดมองก็หัวเราะ “คืออยากออกแบบของแบบนั้นเหรอ รู้หรือเปล่าว่ามันเป็นไปไม่ได้”
เริ่นเสี่ยวซู่เงยหน้ามองอันอวี้เฉียน “ทำไมล่ะ”
อันอวี้เฉียนตอบ “มีคนมากมายอยากจะออกแบบ ‘เกราะกล’ และคิดว่าระบบการต่อสู้เฉพาะบุคคลนี้น่าจะมีบทบาทมากบนสนามรบ แต่ว่ามันมีอุปสรรคที่ต้องก้าวข้ามเยอะเกินไป”
เริ่นเสี่ยวซู่ถามอย่างสนใจมาก “อุปสรรคแบบไหน”
“อย่างแรกเลยคือยังแก้ไขปัญหาระบบขับเคลื่อนไม่ได้” อันอวี้เฉียนแค่นเสียง “โลกนี้มีแหล่งพลังงานที่ทรงพลังและสามารถพกพาไปไหนมาไหนได้ที่ไหนล่ะ แหล่งพลังงานเดียวที่ทำแบบนั้นได้คือปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันที่ควบคุมได้!”
เริ่นเสี่ยวซู่นิ่งงัน หยางเสียวจิ่นมาจากผู้ก่อจลาจล องค์กรที่เกลียดเทคโนโลยีนิวเคลียร์เข้าไส้ ถ้าเขาเอาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิวชันที่ควบคุมได้มาใส่เกราะตัวเอง แบบนั้นผู้ก่อจลาจลทุกคนจะมาล่าตามตัวเขาหรือเปล่านะ
“มีแหล่งพลังงานอื่นที่มีความเป็นไปไหม” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม
อันอวี้เฉียนพูดเสียงหนักแน่น “ไม่มี! อย่างน้อยในขีดจำกัดของเทคโนโลยีในตอนนี้มันไม่มี! วัตถุดิบสำหรับปฏิกิริยาฟิวชันคือดิวเทอเรียมกับทรีเทียม ถ้าเทคโนโลยีก้าวหน้ามากพอ จะใช้ดิวเทอเรียนอย่างเดียวก็ได้ ในน้ำมีดิวเทอเรียมมากมายอยู่แล้ว แต่วิธีการควบคุมปฏิกิริยาฟิวชันอย่าง ‘โทคาแมค[1]’ นั้นมีปัญหาที่แก้ไขยากมากอยู่ คำถามคือเราจะลดขนาดของอุปกรณ์ให้เหมาะกับร่างกายมนุษย์ยังไง เพราะยิ่งวงรัศมีของอุปกรณ์กว้างเท่าไร ยิ่งกักเก็บพลังงานได้มากเท่านั้น”
“จะลดขนาดไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้หรอกนะ แต่ยากมากๆ” อันอวี้เฉียนมองพวกเริ่นเสี่ยวซู่และส่งยิ้ม “เป็นความฝันที่คนมากมายอย่างพวกนายอยากทำให้สำเร็จ”
เริ่นเสี่ยวซู่คิ้วขมวดมุ่น เขาเองก็ติดปัญหาเรื่องแหล่งพลังงานของนาโนแมชชีนมาตลอด ให้ใช้พลังงานชีวมวลของตัวเองคอยชาร์จนาโนแมชชีน เขาชาร์จไปสองชั่วโมงเพื่อใช้ได้แค่สองนาที ไม่พอจะใช้งานในการสู้รบดุเดือดเลย
“มีอุปสรรคไหนไหมที่ยังก้าวข้ามไม่ได้” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม
อันอวี้เฉียนว่า “เธอจะให้เกราะทั้งร่างฟังคำสั่งตัวเองได้ยังไง กระบวนการมันต้องซับซ้อนขนาดไหนถึงจะ…”
“เหมือนว่าจะไม่ยากนะ” เริ่นเสี่ยวซู่ขัด
อันอวี้เฉียน “???”
คุยโวอะไรอยู่เนี่ย!
แต่เริ่นเสี่ยวซู่ไม่ยอมบอกมากกว่านั้น จะสมาคมตระกูลหยางหรือสมาคมตระกูลหลี่ก็ยังไม่มีเกราะนาโนแมชชีนกันทั้งนั้น หลักๆ เลยเอามาใช้แบบนั้นมันสิ้นเปลืองเกินไปหน่อย
[1] โทคาแมค (Tokamak) เป็นหนึ่งในหลายประเภทของอุปกรณ์การเก็บกักพลาสมาด้วยสนามแม่เหล็กและเป็นหนึ่งในตัวเลือกการวิจัยมากที่สุดในการผลิตพลังงานฟิวชันเทอร์โมนิวเคลียร์ที่ควบคุมได้ มันเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สนามแม่เหล็กรูปวงห่วงยาง (อังกฤษ: toroidal magnetic field หรือ torus) ในการเก็บกักพลาสม่า