the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ 313 ภายใต้การจับตา

ตอนที่ 313 ภายใต้การจับตา

พอ​อัน​อวี้เฉียน​ได้เงิน​จาก​เริ่น​เสี่ยว​ซู่ปุ๊บ​ เขา​ก็​ออก​ไป​ซื้อ​กระดานดำ​ที่​ตลาด​มือสอง​ หลังจาก​เอา​กลับมา​ที่​ห้องสมุด​แล้ว​ สถานที่​ก็​พร้อมพรัก​จะจัด​สอน​

ตอนแรก​ ดู​จาก​ที่​เขา​รู้จัก​เริ่น​เสี่ยว​ซู่มา เขา​นึกว่า​จะสอน​ได้​อย่าง​ยากลำบาก​มาก​เสีย​อีก​ ขนาด​หัวหน้า​ห้อง​ยัง​เรียน​วิชา​ของ​ชั้นมัธยมศึกษา​ที่สี่​อยู่​ นักเรียน​คนอื่นๆ​ คง​ไม่ได้ดี​ไป​กว่า​กัน​เท่าไร​

อย่าง​มาก​พวกเขา​ก็​น่าจะ​ดีกว่า​เริ่น​เสี่ยว​ซู่หน่อย​ล่ะ​มั้ง ถึงที่ผ่านมา​พวกเขา​อ่านหนังสือ​เกี่ยวกับ​วิศวกรรมเครื่องกล​ที่อยู่​เหนือ​ระดับ​ตัวเอง​ขึ้นไป​ก็​เถอะ​ นี่​ทำให้​อัน​อวี้เฉียน​มอง​พวกเขา​ในแง่​ลบ​ ว่า​เรียน​ที่จะ​วิ่ง​ก่อนที่จะ​เดิน​เป็น​

แต่​พอ​เริ่ม​สอน​ไป​ อัน​อวี้เฉียน​ก็ได้​รู้​ว่า​พวก​หวัง​อวี่ฉือ​นั้น​มีพื้นฐาน​ดีมาก​

แม้ว่า​เขา​กำลัง​ปู​พื้นฐาน​คณิตศาสตร์​กับ​ฟิสิกส์​ชั้นสูง​อยู่​ ซึ่งไม่ใช่เนื้อหา​ที่​นักเรียน​มัธยมปลาย​จะตามทัน​ได้​ง่ายๆ​ ทว่า​หวัง​อวี่ฉือ​และ​นักเรียน​คนอื่นๆ​ กลับ​เข้าใจ​ได้​อย่าง​ไม่ลำบาก​เลย​

ไม่ว่า​จะนักเรียน​คน​ไหน​ก็​นับ​ได้​ว่า​เป็น​นักเรียน​หัวกะทิ​ของ​โรงเรียน​มัธยมปลาย​ เป็น​นักเรียน​ประเภท​ที่​มีสิทธิ์​ได้​เข้าไป​เรียน​ใน​ระดับ​มหาวิทยาลัย​!

อัน​อวี้เฉียน​ขมวดคิ้ว​แล้ว​ถาม “พวก​เธอ​ทุกคน​เตรียม​จะเข้า​มหาวิทยาลัย​กัน​ใช่ไหม​ พวก​เธอ​ไม่จำเป็นต้อง​เรียน​พวก​นี้​สำหรับ​การ​สอบ​นี่​”

หวัง​อวี้ฉือ​ตอบ​ “พวกเรา​ไม่คิด​จะเข้า​มหาวิทยาลัย​ครับ​”

“อ้อ​” อัน​อวี้เฉียน​ไม่พูด​อะไร​อีก​ น่าเสียดาย​จริงๆ​ ที่​นักเรียน​หนุ่มสาว​ชั้นดี​พวก​นี้​ไม่คิด​จะเข้า​มหาวิทยาลัย​

แต่​ถ้าพวก​นักเรียน​ไม่คิด​จะเข้า​มหาวิทยาลัย​ พวกเขา​จะเรียน​พวก​นี้​ไป​ทำไม​ล่ะ​ ทว่า​นั่น​ไม่ใช่เรื่อง​ของ​อัน​อวี้เฉียน​ เขา​แค่​สอน​และ​ก็​รับ​ค่า​สอน​

แต่​อัน​อวี้เฉียนพบ​ว่า​ทุกครั้ง​พวก​หวัง​อวี้ฉือ​จะมาถึงห้องสมุด​ใน​ตอนบ่าย​ด้วย​เหงื่อ​เปียกโชก​ ราวกับว่า​เพิ่ง​ออกกำลังกาย​เสร็จกัน​มา

เขา​ถาม “ไป​ทำ​อะไร​กัน​มาน่ะ​”

“ออกกำลังกาย​ครับ​” หวัง​อวี้ฉือ​ตอบ​สั้น​ๆ

นี่​ทำให้​อัน​อวี้เฉียน​งุนงง​กว่า​เดิม​ “ฝึก​ร่างกาย​ไป​ทำไม​น่ะ​ จะเข้า​กองทัพ​เหรอ​”

“เปล่า​ครับ​”

“แล้​วจะ​ออกกำลังกาย​เพื่อ​?” อัน​อวี้เฉียน​ยังคง​ไม่เข้าใจ​

“คุณ​จะถามไป​ทำไม​” หวัง​อวี้ฉือ​ระแวง​ขึ้น​มา “พวกเรา​แค่​ฝึก​ไป​ตามที่​หัวหน้า​ห้อง​บอก​”

เพราะ​ตอนนี้​อัน​อวี้เฉียน​เป็น​อาจารย์​พวกเขา​ หวัง​อวี้ฉือ​ย่อม​สุภาพ​ต่อ​ผู้​ถ่ายทอด​ความรู้​ให้​แก่​พวก​ตน​ แต่​ถ้าอัน​อวี้เฉียน​ยังคง​จี้ถามเรื่อง​ที่​ไม่เกี่ยวกับ​การเรียน​ เขา​ก็​อด​ระแวดระวัง​ขึ้น​มาหน่อย​ไม่ได้​

อัน​อวี้เฉียน​รู้สึก​ว่า​มัน​แปลก​ๆ “เขา​เป็น​แค่​หัวหน้า​ห้อง​พวก​นาย​ไม่ใช่เหรอ​ ทำไม​ต้อง​ฟังคำ​ของ​เขา​ขนาด​นั้น​ด้วย​ล่ะ​”

ทำไม​พวกเขา​ต้อง​เชื่อฟัง​คำพูด​ของ​เริ่น​เสี่ยว​ซู่ขนาด​นี้​กัน​ ไหนจะ​เรียน​ ไหนจะ​การ​ฝึก​ร่างกาย​

พูด​ก็​พูด​ สมัย​เขา​อยู่​โรงเรียน​ อัน​อวี้เฉียน​ก็​เป็น​หัวหน้า​ห้อง​เหมือนกัน​ แต่​ตอนนั้น​มีใคร​เห็น​หัว​เขา​ด้วย​เหรอ​ ทำไม​หัวหน้า​ห้อง​สอง​คน​นี้​ถึงมีช่องว่าง​ใหญ่​ขนาด​นี้​ล่ะ​

หลาย​วัน​มานี้​ เริ่น​เสี่ยว​ซู่จะออก​นอกบ้าน​ไป​ทุก​เช้าและ​กลับมา​อีกครั้ง​ตอน​ฟ้ามืด​

เป็น​วัน​เวลา​แห่ง​ความ​สงบสุข​ที่​หา​ยาก​นัก​

เริ่น​เสี่ยว​ซู่ชื่นชอบ​วัน​แบบนี้​นะ​ แต่​มัน​จะดีกว่า​นี้​มาก​ถ้าไม่มีคน​คอย​ตาม​จับตา​เขา​

ถึงมีคน​อ้างว่า​ทหาร​นอก​เครื่องแบบ​ที่​คอย​จับตา​อยู่​นั้น​กลับ​ไป​หมด​แล้ว​ เริ่น​เสี่ยว​ซู่ก็​พบ​ใน​วัน​ที่สาม​ว่า​ทุก​วันที่​เขา​ออก​ไป​ข้างนอก​จะมีคน​สลับ​สับเปลี่ยน​กัน​ตาม​เขา​

เพื่อ​จะตาม​จับตาดู​เขา​ ระหว่างทาง​มีการ​เปลี่ยนคน​กัน​ด้วยซ้ำ​ พอ​ถึงทางแยก​เมื่อไร​ คน​ที่​ตาม​เขา​ก็​จะเปลี่ยนเส้นทาง​และ​ปล่อย​ให้​อีก​คน​ทำหน้าที่​ติดตาม​ต่อ​

วิธีการ​ที่​คน​กลุ่ม​นี้​ลงมือ​เป็น​มืออาชีพ​ไม่น้อย​เลย​ ถ้าไม่ใช่ว่า​เริ่น​เสี่ยว​ซู่มีประสาทสัมผัส​เฉียบแหลม​ที่​พัฒนา​มาใน​แดน​รกร้าง​ล่ะ​ก็​ เขา​คง​สัมผัส​ถึงตัวตน​พวกเขา​ไม่ได้​ด้วยซ้ำ​

ใคร​กัน​นะ​ที่​อยาก​จับตาดู​เขา​ และ​จับตา​ไป​ทำไม​

เริ่น​เสี่ยว​ซู่มั่น​ใจมากว่า​คน​พวก​นี้​ยัง​ไม่รู้​ตัวตน​ของ​เขา​ ซึ่งคน​ส่วนใหญ่​น่า​เห็น​เขา​เป็น​เพียง​ผู้อพยพ​ธรรมดา​คน​หนึ่ง​

แถมหยาง​เสียว​จิ่น​ก็​น่าจะ​ไม่รู้เรื่อง​นี้​ด้วย​ เพราะ​ถ้าเธอ​เป็น​คน​จัดการ​เรื่อง​นี้​ ก็​น่าจะ​รู้​ว่า​ถ้าเริ่น​เสี่ยว​ซู่คิด​หนี​จริงๆ​ คนธรรมดา​พวก​นี้​ก็ตาม​จับ​เขา​ไม่ทัน​หรอก​

คน​พวก​นี้​ยัง​คน​ตาม​เขา​ต่อ​ใน​ทุกวัน​ กระดูก​แตกหัก​ของ​เริ่น​เสี่ยว​ซู่ฟื้นตัว​มาก​แล้ว​ มีหลาย​แห่ง​ที่​ไม่ต้อง​ใช้นาโน​แมชชีน​คอย​เชื่อม​อีก​

หลังจาก​อาการ​บาดเจ็บ​หายสนิท​ดีแล้ว​ เขา​ก็​สามารถ​แบ่งเวลา​ไป​เข้าเรียน​วิชา​ต่อสู้​ได้​ เขา​เฝ้ารอ​ชั้นเรียน​นั้น​มาก​

อัน​อวี้เฉียน​เห็น​เริ่น​เสี่ยว​ซู่นั่ง​เงียบๆ​ ใน​ห้องสมุด​ตลอด​ นอกจาก​จะลุก​ขึ้นไป​หยิบ​หนังสือ​เล่ม​อื่น​ก็​ไม่ขยับเขยื้อน​อะไร​อีก​

อีก​ด้าน​หนึ่ง​ คือ​เริ่น​เสี่ยว​ซู่ทุ่ม​สมาธิอ่านหนังสือ​ อีก​ด้าน​หนึ่ง​คือ​ขยับ​ทีไร​ก็​ปวดแปลบ​ ดังนั้น​เขา​จึงไม่คิด​จะขยับเขยื้อน​โดยไม่จำเป็น​

ตอนนี้​ระหว่าง​มาห้องสมุด​ เริ่น​เสี่ยว​ซู่ไม่คิด​จะทำให้​พวก​ที่​ตาม​เขา​มาตื่นตัว​ ถึงไม่รู้​ว่า​พวกเขา​ทำ​เช่นนี้​ทำไม​ แต่​ให้​พวกเขา​คิด​ว่า​เริ่น​เสี่ยว​ซู่เป็น​คนธรรมดา​นั้น​ดี​ที่สุด​แล้ว​

จางจิ่งหลิน​เอง​ก็​เคย​สอน​กลเม็ด​ที่​ต้อง​ทำ​ยาม​ถูก​ติด​ตามมา​นิดหน่อย​ ถ้าตก​อยู่​ใน​สถานการณ์​แบบ​นั้น​ ก็​ให้​ชะงัก​และ​ก้ม​มอง​นาฬิกาข้อมือ​ พอ​ทำ​แบบ​นั้น​ไป​ คน​ที่​ตามตัว​เขา​อยู่​ก็​จะก้ม​มอง​นาฬิกาข้อมือ​ตาม​สัน​ชาต​ญาณไป​ด้วย​

แต่​ประเด็น​คือ​เริ่น​เสี่ยว​ซู่ทำ​ไม่ได้​เพราะว่า​ไม่มีนาฬิกาข้อมือ​นี่​สิ

ใน​คฤหาสน์​ตระกูล​หยาง​ หยาง​อวี้​อัน​กำลัง​อ่าน​เอกสาร​อย่าง​ตั้งใจ​ เขา​สายตาสั้น​เล็กน้อย​ เวลา​อ่าน​เอกสาร​จึงต้อง​สวม​แว่นตา​คู่​หนึ่ง​

แต่​ปกติ​เขา​จะไม่สวม​แว่นตา​ขณะ​ออก​ไป​ข้างนอก​ ด้วยว่า​สายตาสั้น​ไม่มาก​นัก​ ราวๆ​ สอง​สามร้อย​

ทันใดนั้น​พ่อบ้าน​ก็​เดิน​เข้ามา​และ​เอ่ย​ “นาย​ท่าน​ มีคน​จาก​หน่วย​ข่าวกรอง​มาครับ​”

หยาง​อวี้​อัน​คิด​พัก​หนึ่ง​ก่อน​จะตอบ​ “ให้​เข้ามา​”

ผู้หญิง​คน​หนึ่ง​เดิน​เข้ามา​ เธอ​ยัง​สาว​มาก​ น่าจะ​อยู่​ใน​วัย​ยี่สิบ​ต้น​ๆ เธอ​ไม่ได้​หน้าตา​สวย​สด​ แต่ทว่า​มีกลิ่นอาย​ความ​ชดช้อย​อยู่​ใน​ตัว​ ถ้าไม่นับ​ตัวตน​สายลับ​ของ​เธอ​แล้ว​ ยาม​ออก​ไป​บน​ถนน​ก็​ดูเหมือน​หญิงสาว​มาก​เสน่ห์​ทั่วไป​

เธอ​เดิน​เข้า​มาหา​หยาง​อวี้​อัน​ที่​โต๊ะ​และ​พูด​อย่าง​นอบน้อม​ว่า​ “นาย​ท่าน​ ฉัน​ตาม​ดู​เจ้าเด็ก​นั่น​มาหลาย​วัน​แล้วแต่​ยัง​ไม่พบ​อะไร​ผิดปกติ​ นอก​จากไป​กลับ​ห้องสมุด​กับ​บ้าน​ทุกวัน​แล้วก็​ไม่ได้​ไป​ไหน​อีก​”

“เหนื่อย​หน่อย​นะ​อิ๋ง​เสวี​ย​ เคย​คลาด​สายตา​เขา​หรือเปล่า​” หยาง​อวี้​อัน​ถาม

“ไม่เคย​ค่ะ​” หญิงสาว​นาม​โจว​อิ๋งเสวีย​ว่า​ “เขา​โง่มาก​ ไม่รู้​ด้วยซ้ำ​ว่า​เรา​กำลัง​ตาม​เขา​อยู่​ อย่าง​ที่​ท่าน​ทราบ​ นี่​เป็นเรื่อง​ที่​ฉัน​เชี่ยวชาญ​ที่สุด​ ฉัน​เชื่อ​ใน​สายตา​ตัวเอง​ค่ะ​”

“ดีมาก​” หยาง​อวี้​อันว่า​ เขา​เริ่ม​สงสัย​แล้ว​ว่า​เริ่น​เสี่ยว​ซู่อาจจะ​เป็น​เพียง​ผู้อพยพ​ธรรมดา​จริงๆ​

เขา​เคย​ได้ยิน​ชื่อ​เริ่น​เสี่ยว​ซู่ครั้งหนึ่ง​บน​หมายจับ​ของ​สมาคม​ตระกูล​ชิ่ง แต่ว่า​เขา​ก็​ถูก​ถอน​ออก​ไป​จาก​รายชื่อ​อย่าง​รวดเร็ว​ หลังจาก​สมาคม​ตระกูล​ชิ่งตรวจสอบ​เป็นการ​ภายใน​แล้วก็​พบ​ว่า​เป็น​เพียงแค่​ผู้อพยพ​จริงๆ​ จึงถูก​ถอน​หมายจับ​ไป​

หยาง​อวี้​อัน​เคย​ไป​ถามลู่​หย่วน​เกี่ยวกับ​เริ่น​เสี่ยว​ซู่ แต่​เขา​พูด​เพียง​ว่า​ไม่เคย​ได้ยิน​ชื่อ​คน​ผู้​นี้​มาก่อน​ หยาง​อวี้​หยวน​ถามเขา​ว่า​เป็น​หยาง​เสียว​จิ่น​ที่​ห้ามไม่ให้​บอก​ตน​ใช่ไหม​ แต่​ลู่​หย่วน​ก็​ปฏิเสธ​

หยาง​อวี้​อัน​ขมวดคิ้ว​มุ่น​ เริ่น​เสี่ยว​ซู่เป็น​แค่​ผู้อพยพ​จริงๆ​ อย่างนั้น​เหรอ​ แต่​เขา​มีลางสังหรณ์​ว่า​มีคน​กำลัง​ปิดบัง​อะไร​บางอย่าง​จาก​ตน​อยู่​ทว่า​ยัง​ไม่มีหลักฐาน​ แต่​ดู​ไป​แล้ว​เริ่น​เสี่ยว​ซู่ก็​น่าจะเป็น​แค่​ผู้อพยพ​คน​หนึ่ง​จริงๆ​

หยาง​อวี้​อัน​มอง​โจว​อิ๋งเสวีย​และ​ว่า​ “ตั้งใจ​สืบ​ล่ะ​ ฉัน​ยัง​มีความรู้สึก​อยู่​ว่า​เรื่อง​นี้​มัน​ไม่ชอบมาพากล​ ผู้อพยพ​ธรรมดา​จะทำให้​หยาง​เสียว​จิ่น​สนใจ​ได้​ยังไง​ ถ้าจำเป็น​ก็​ลอง​ไป​ทดสอบ​เขา​ดู​ได้​”

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

Score 10
Status: Completed

ในความมืดมิดอันปั่นป่วนโกลาหล หนุ่มน้อยเริ่นเสี่ยวซู่ผงะตื่นขึ้นพร้อมกับปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก จากนั้นก็หันไปมองเด็กชายอายุราวสิบสี่ปีที่ยืนอยู่ตรงประตู

“ลิ่วหยวน มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม

แม้จะเรียกเด็กชายว่าลิ่วหยวน แต่ความจริงแล้วชื่อเขาคือเหยียนลิ่วหยวน

มองแวบแรก เหยียนลิ่วหยวนดูราวกับคนใสซื่อไม่มีพิษภัยอะไร ทว่าในมือเขานั้นกลับกำมีดกระดูกแน่น ยืนเฝ้าอยู่ตรงประตู ตอนนี้ดึกดื่นค่อนคืน แม้ว่าเขาจะดูง่วงงุนเพียงไร ก็ไม่หลับตาลงแม้แต่น้อยเพราะว่าจำเป็นต้องเฝ้ายามตอนกลางคืน

Options

not work with dark mode
Reset