the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ 310 ดินแดนทางเหนือของสมาคมตระกูลจง

ตอนที่ 310 ดินแดนทางเหนือของสมาคมตระกูลจง

สมาคม​ตระกูล​จงตั้งอยู่​ใน​มุมหนึ่ง​ของ​ทางเหนือ​ ดินแดน​ภาคเหนือ​แห้งแล้ง​และ​มีภัยพิบัติ​ธรรมชาติ​มากมาย​ ดังนั้น​กำลัง​โดยรวม​ของ​สมาคม​ตระกูล​จงจึงด้อย​กว่า​สมาคม​ตระกูล​หยาง​และ​ชิ่งมาตลอด​ และ​ทำให้​พวกเขา​ก็​ไม่กล้า​ก่อปัญหา​อะไร​กับ​เหล่า​สมาคม​ทางใต้​ด้วย​

ถึงพวกเขา​จะไม่ได้​เคลื่อนไหว​อะไร​ใหญ่โต​ แต่​กลเม็ด​เล็กน้อย​นั้น​มีไม่ขาด​ อย่าง​เช่นว่า​สมาคม​ตระกูล​จงเป็น​ต้นตอ​ปัญหา​พวก​โจร​

หยาง​อวี้​อัน​อนุมาน​ว่า​สมาคม​ตระกูล​จงมีจิต​ทะ​เยอะ​ทะยาน​แต่​สภาพการณ์​ไม่อำนวย​ นี่​เป็น​เหตุผล​ที่ว่า​ทำไม​สมาคม​ตระกูล​จงถึงพยายาม​แทรกซึม​เข้าไป​ใน​ป้อมปราการ​ 178 ด้วย​ ถ้ากลุ่ม​เดนตาย​ใน​ป้อมปราการ​ 178 ยอม​โจมตี​ทางใต้​ สมาคม​ตระกูล​หยาง​และ​ชิ่งต้อง​ปวดหัว​มาก​แน่​

เดิมที​สมาคม​ตระกูล​ชิ่งมีแผน​ขณะที่​จางจิ่งหลิน​ไม่อยู่​ใช้กลยุทธ์​ ‘การ​แปรเปลี่ยน​อย่าง​สันติ​’ กับ​ป้อมปราการ​ 178 แต่ว่า​พวกเขา​ดูหมิ่น​ขีด​ความศรัทธา​กลุ่ม​เดนตาย​พวก​นั้น​เกินไป​

หลังจาก​จางจิ่งหลิน​กลับ​ป้อมปราการ​ 178 แผนการ​สิบ​กว่า​ปี​ของ​สมาคม​ตระกูล​จงก็​เหลว​เป๋​ว​ ตอนนี้​ทุกคน​ได้​ตระหนัก​แล้ว​ว่า​ป้อมปราการ​ 178 ยังคง​ผูก​กับ​สกุล​จาง

ถ้าหยาง​อวี้​อัน​รู้​ถึงมิตรภาพ​ระหว่าง​เริ่น​เสี่ยว​ซู่กับ​จางจิ่งหลิน​ล่ะ​ก็​ เขา​คง​รับรอง​เริ่น​เสี่ยว​ซู่เป็น​แขก​กิตติมศักดิ์​ทันที​ นั่น​เป็น​อำนาจ​ที่​น่าเกรงขาม​ที่สุด​ใน​ชายแดน​ตะวันตกเฉียงเหนือ​เลย​นะ​ เป็น​นักรบ​ผู้​กล้า​ผู้​หล่อหลอม​ตน​จาก​สภาพแวดล้อม​อัน​โหดร้าย​ซึ่งไม่กลัว​ต่อ​ความตาย​

ทว่า​ไม่ใช่แค่​หยาง​อวี้​อัน​ที่​ไม่รู้เรื่อง​นั้น​ ขนาด​เริ่น​เสี่ยว​ซู่เอง​ยัง​ไม่รู้​เลย​ว่า​จางจิ่งหลิน​คือ​ใคร​ แต่​เขา​ก็​ไม่คิด​จะพึ่งพา​ชื่อ​นั้น​เหมือนกัน​ ถึงกับ​ยื่น​จดหมายแนะนำตัว​ให้​สูเสี่ย​น​ฉู่ไป​แล้ว​

ทันใดนั้น​หยาง​อวี้​อัน​ก็​ว่า​ “เด็กหนุ่ม​สมาคม​ตระกูล​จงที่​กำลัง​มาชื่อว่า​จงเฉิง เป็น​ผู้รับผิดชอบ​กลยุทธ์​การ​ตั้ง​รับ​ของ​สมาคม​ตระกูล​จง ถึงจะยัง​เด็ก​มาก​แต่​ก็​เป็น​ผู้บังคับบัญชา​ใน​ตำแหน่ง​สำคัญ​ พวกเรา​แก่​แล้ว​ และ​โลก​ใบ​นี้​เป็น​ของ​คน​รุ่นเยาว์​ ได้ยิน​ว่า​นายทหาร​หนุ่ม​ชื่อ​สูเสี่ย​น​ฉู่ก็​เพิ่ง​ไต่เต้า​ขึ้น​มาอยู่​ใน​ระดับ​นายทหาร​ใน​ป้อมปราการ​ 178 ชื่อ​นี้​คุ้นหู​มาก​ทีเดียว​ ใช่สูเสี่ย​น​ฉู่ที่​เธอ​เคย​เจอ​ใช่ไหม​ เธอ​รู้จัก​เขา​ดี​หรือเปล่า​”

หยาง​เสียว​จิ่น​ชะงัก​ไป​ เธอ​ไม่ได้​สนิท​อะไร​กับ​สูเสี่ย​น​ฉู่หรอก​ แต่​เป็น​เริ่น​เสี่ยว​ซู่ต่างหาก​ที่​มีความสัมพันธ์​แนบแน่น​กับ​เขา​

ทำเอา​จู่ๆ หยาง​เสียว​จิ่น​ก็​รู้สึก​ว่า​มัน​ตลก​อยู่​หน่อย​ๆ ทำไม​บุคคล​ที่​มีชื่อเสียง​โด่งดัง​ใน​ป้อมปราการ​ 178 อย่าง​จางจิ่งหลิน​และ​สูเสี่ย​น​ฉู่ถึงสนิท​กับ​เริ่น​เสี่ยว​ซู่หมด​เลย​ล่ะ​ คิด​แล้ว​หยาง​เสียว​จิ่น​ก็​รู้สึก​สนิท​ชิด​เชื้อ​กับ​ป้อมปราการ​ 178 ขึ้น​มาเล็กน้อย​

หยาง​เสียว​จิ่น​ว่า​ “ไม่รู้จัก​ดี​เท่าไร​ พวกเรา​เคย​เดินทาง​ด้วยกัน​มาก่อน​ แต่​ว่าไม่ได้​สนิท​อะไร​”

หยาง​อวี้​อันว่า​ “หืม​ ก็​น่าจะ​ยัง​เป็นเพื่อน​กัน​อยู่​ ตั้งแต่นี้ไป​ก็​สร้างความสัมพันธ์​กับ​ป้อมปราการ​ 178 ไป​ ถ้าพวกเรา​ได้การ​สนับสนุน​จาก​พวกเขา​ ต่อให้​เป็น​ชิ่งเจิ่น​ก็​ต้อง​ถอย​”

หยาง​เสียว​จิ่น​ไม่ได้​พูด​อะไร​ ป้อมปราการ​ 178 ไม่เคย​สนใจ​จะยุ่ง​เกี่ยวกับ​สมาคม​ชั้นใน​ คน​จาก​ป้อมปราการ​ 178 ก็​กระหายเลือด​มาก​ ถ้าหยาง​เสียว​จิ่น​อยาก​เข้าหา​ป้อมปราการ​ 178 จริงๆ​ เธอ​อาจจะ​ต้อง​ให้​เริ่น​เสี่ยว​ซู่ออกมา​รับมือ​

จากนั้น​หยาง​อวี้​อัน​ก็​ว่า​ต่อ​ “จงเฉิงน่าจะ​อยู่​วัย​เดียวกัน​เธอ​ ได้ยิน​ว่า​เขา​ยัง​เป็น​ผู้​มีพลัง​พิเศษ​ด้วย​ นี่​จะเป็น​โอกาส​อัน​ดี​”

เขา​พูดถึง​อะไร​อยู่​นั้น​เป็นอัน​เข้า​ใจดี​ หยาง​เสียว​จิ่น​ขมวดคิ้ว​แน่น​ พอ​น้า​สามเมิ่งหรง​สังเกตเห็น​ก็​พูดว่า​ “อย่า​ไป​ลอบ​ยิง​เขา​ระหว่างทาง​ล่ะ​ ล่าสุด​เธอ​…”

คิ้ว​โก่ง​ใต้​เงาหมวก​ของ​หยาง​เสียว​จิ่น​เลิก​ขึ้น​เล็กน้อย​ “ได้​ค่ะ​ เข้าใจ​แล้ว​”

หยาง​เสียว​จิ่น​มายัง​ที่พัก​ของ​พวก​เริ่น​เสี่ยว​ซู่อีกครั้ง​ใน​เช้าวัน​ต่อมา​ เหยียน​ลิ่ว​หยวน​ได้ยิน​เสียงเคาะ​ประตู​ก็​รู้​ทันที​ว่า​เป็น​หยาง​เสียว​จิ่น​แน่ๆ​ และ​แล้วก็​เป็น​เธอ​จริงๆ​

เริ่น​เสี่ยว​ซู่กำลัง​นั่งยองๆ​ แปรงฟัน​อยู่​กับ​พื้น​ เขา​คาย​ยาสีฟัน​และ​ยิ้ม​พูด​ “มาทำไม​แต่เช้า​น่ะ​”

หยาง​เสียว​จิ่น​พูด​เข้า​ประเด็น​ทันที​ “ฉัน​เกรง​ว่า​หวัง​อวี่ฉือ​กับ​เพื่อน​ๆ จะเข้าไป​นั่ง​สอบ​ไม่ได้​”

เมื่อวาน​ตอนบ่าย​เธอ​เข้าไป​ติดต่อ​หน่วยงาน​ที่ทำงาน​เกี่ยวกับ​เรื่อง​นี้​ แต่​พอ​อา​สามเธอ​รู้​ข่าว​ก็​ห้าม​เธอ​

เริ่น​เสี่ยว​ซู่ถาม “มีปัญหา​อะไร​เหรอ​”

“เพราะ​พวก​นาย​ไม่ได้​เป็น​พลเมือง​ของ​ป้อมปราการ​” หยาง​เสียว​จิ่น​พูด​เสียง​ค่อย​ “แถมใน​มหาวิทยาลัย​มีงานวิจัย​ลับ​อยู่​ด้วย​ พวก​นาย​เลย​ถูก​ห้ามไม่ให้​ยุ่งเกี่ยว​”

พูดตรงๆ​ คือ​เพราะ​พวกเขา​ไม่ใช่คน​ของ​สมาคม​ตระกูล​หยาง​ และ​ทาง​สมาคม​ตระกูล​หยาง​ก็​ไม่มีความคิด​จะให้​พวกเขา​เข้าร่วม​ด้วย​ หยาง​อวี้​อัน​ไม่ชอบ​ผู้อพยพ​และ​ไม่คิด​ว่า​พวกเขา​จะมีประโยชน์​อะไร​

แต่​เริ่น​เสี่ยว​ซู่ก็​ไม่ได้คิด​อะไร​มาก​ เขา​ถามอี​กรอบ​ “แล้ว​ลิ่ว​หยวน​กับ​ต้า​หลง​ล่ะ​ พวกเขา​แค่​เข้า​มัธยมต้น​เอง​”

เหยียน​ลิ่ว​หยวน​ก้าว​ออกมา​ “แต่​ผม​ไม่ใช่พลเมือง​ของ​ป้อมปราการ​เหมือนกัน​นะ​!”

หยาง​เสียว​จิ่น​ยิ้ม​ “พวกเขา​สอง​คน​เข้า​โรงเรียนมัธยม​ได้​ จัดการ​ลงทะเบียน​อะไร​ไว้​ให้​เรียบร้อย​แล้ว​”

เหยียน​ลิ่ว​หยวน​กับ​หวัง​ต้า​หลง​ได้ยิน​แบบ​นั้น​ก็​แทบ​น้ำตาไหล​ “พวกเรา​ไม่ใช่ชาว​ป้อมปราการ​เสียหน่อย​ เป็น​แค่​ผู้อพยพ​เอง​! และ​ผู้อพยพ​ก็​ไม่ควร​ได้​เข้า​โรงเรียน​!”

“เอาล่ะ​ๆ พวก​นาย​สอง​คน​พอได้​แล้ว​” เริ่น​เสี่ยว​ซู่มอง​พวกเขา​ด้วย​ความขบขัน​ “แค่​ไป​ศึกษา​หา​ความรู้​และ​เรียน​วิธี​แก้ปัญหา​เอง​ ทำ​อย่าง​กับ​ต้อง​ไป​เข้า​คุก​งั้น​แหละ​ เลิก​ร้อง​ได้​แล้ว​”

“แต่​ถึงพวก​หวัง​อวี่ฉือ​จะเข้าไป​สอบ​ไม่ได้​ แต่​ฉัน​ทำ​บัตรห้องสมุด​มาให้​แล้ว​ กลาง​ป้อมปราการ​มีห้องสมุด​อยู่​ สามารถ​ไป​ยืม​หนังสือ​จาก​ที่นั่น​ได้​” หยาง​เสียว​จิ่น​ว่า​

หวัง​อวี่ฉือ​ตะลึง​ “พวกเรา​ทำ​แบบ​นั้น​ได้​ด้วย​เหรอ​”

“ทำได้​สิ” หยาง​เสียว​จิ่น​พยักหน้า​ตอบ​

อารยธรรม​คืบหน้า​ มีคน​มากมาย​เลิก​ไขว่คว้า​หา​ความรู้​ แต่​ก็​ยังมี​คน​ที่​มุ่งมั่น​อยาก​เติมเต็ม​ช่องว่าง​ที่​หาย​ไป​

เทคโนโลยี​ของ​มนุษย์​ไม่ได้​หาย​ไป​หมดสิ้น​ เพียงแต่​สภาพ​โดย​องค์​รวม​ถดถอย​ไป​ ยังมี​ส่วนหนึ่ง​ที่​ยัง​ไม่หาย​ไป​ตาม​กาลเวลา​ เพราะ​อย่างนั้น​ทิศทาง​พัฒนา​ของ​ปัจจุบันนี้​จึงต่าง​ไป​จาก​ก่อน​ยุค​ภัยพิบัติ​มาก​

นี่​ไม่ใช่อยู่​ที่ว่า​มนุษย์​ต้องการ​อะไร​ แต่​อยู่​ที่ว่า​มีเทคโนโลยี​อะไร​ที่​เหลือ​รอด​ และ​มีทรัพยากร​อะไร​บ้าง​ให้​เหมาะกับ​การพัฒนา​

มีคน​เคย​เจอ​แล็บ​วิจัย​ของ​อารยธรรม​ก่อน​ยุค​ภัยพิบัติ​ และ​ข้อมูล​ใน​นั้น​ก็​ถูก​ป้อมปราการ​แห่ง​หนึ่ง​ใน​ที่ราบ​ตอนกลาง​ซื้อ​ไป​ใน​ราคา​สูงเสียดฟ้า​

แล้ว​อารยธรรม​มัน​สืบทอด​ส่งต่อ​อย่างไร​ล่ะ​ ก็​อยู่​ที่​ถ้อยคำ​สัญลักษณ์​ผ่าน​การขีดเขียน​

ถึงสมาคม​ต่างๆ​ จะมีห้องสมุด​เป็น​ของ​ตัวเอง​ ก็​ต้อง​มีสถานะ​ระดับ​หนึ่ง​ถึงจะใช้ได้​ ตอนที่​พวก​หวัง​อวี่ฉือ​เรียน​ใน​ป้อมปราการ​ พวกเขา​ก็​ยัง​ไม่ได้รับอนุญาต​ให้​เข้าไป​ห้องสมุด​เลย​

คิด​แล้ว​หยาง​เสียว​จิ่น​น่าจะ​ลงแรง​ไป​ไม่น้อย​ถึงได้รับ​บัตรห้องสมุด​มาได้​

เริ่น​เสี่ยว​ซู่ยิน​ดีมาก​จริงๆ​ “อืม​ เข้าไป​ค้นคว้า​ด้วยตัวเอง​ใน​ห้องสมุด​ก็​เป็น​ความคิด​ไม่เลว​ ขอบคุณ​มาก​เลย​นะ​”

หยาง​เสียว​จิ่น​มอง​เริ่น​เสี่ยว​ซู่ “อยากได้​อะไร​อีก​ไหม​”

“เอ่อ​…” เริ่น​เสี่ยว​ซู่ตั้งใจ​พิจารณา​ ก่อน​จะว่า​ “ใน​ป้อมปราการ​มีอาจารย์​สอน​วิชา​ต่อสู้​ไหม​ ฉัน​อยาก​เรียน​ให้​มัน​เป็นระบบ​น่ะ​”

เมื่อก่อน​ขณะ​อยู่​ใน​แดน​รกร้าง​ เริ่น​เสี่ยว​ซู่ก็​จะสู้อย่าง​ดุร้าย​และ​พึ่งพา​สัน​ชาต​ญาณที่​ฝึกฝน​มานาน​ตลอด​ ไม่ว่า​จะการ​ส่งแรง​หรือ​โจมตี​จุดอ่อน​ ล้วน​เป็น​ความรู้​ที่​ค่อยๆ​ สะสมผ่าน​ประสบการณ์​ ดังนั้น​ทักษะ​ต่อสู้​เขา​จึงอยู่​แค่​ระดับ​กลาง​เพราะ​เขา​พึ่ง​แต่​ความดุร้าย​ของ​ตัวเอง​อย่าง​เดียว​

หยาง​เสียว​จิ่น​คิด​พัก​หนึ่ง​ “เดี๋ยว​ฉัน​หาทาง​”

เหยียน​ลิ่ว​หยวน​ที่อยู่​ข้างๆ​ สังเกตว่า​ถ้าที่​เริ่น​เสี่ยว​ซู่ร้องขอ​ หยาง​เสียว​จิ่น​ก็​ไม่มีทาง​ปฏิเสธ​ เริ่น​เสี่ยว​ซู่เคย​ช่วยชีวิต​หยาง​เสียว​จิ่น​มาก่อน​ ดังนั้น​จะทำ​แบบ​นั้น​ก็​ไม่แปลก​

ทันใดนั้น​หยาง​เสียว​จิ่น​ก็​พูด​ “คือ​ว่า​…”

“ทำไม​เหรอ​” เริ่น​เสี่ยว​ซู่ถาม

“อีกไม่นาน​อาจจะ​มีคน​จาก​สมาคม​ตระกูล​จงทางเหนือ​มาที่​ป้อมปราการ​ 88 พอ​พวกเขา​มาถึง นาย​ไป​ต้อนรับ​กับ​ฉัน​หน่อย​ได้​ไหม​” หยาง​เสียว​จิ่น​ถาม

“ได้​สิ”

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

Score 10
Status: Completed

ในความมืดมิดอันปั่นป่วนโกลาหล หนุ่มน้อยเริ่นเสี่ยวซู่ผงะตื่นขึ้นพร้อมกับปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก จากนั้นก็หันไปมองเด็กชายอายุราวสิบสี่ปีที่ยืนอยู่ตรงประตู

“ลิ่วหยวน มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม

แม้จะเรียกเด็กชายว่าลิ่วหยวน แต่ความจริงแล้วชื่อเขาคือเหยียนลิ่วหยวน

มองแวบแรก เหยียนลิ่วหยวนดูราวกับคนใสซื่อไม่มีพิษภัยอะไร ทว่าในมือเขานั้นกลับกำมีดกระดูกแน่น ยืนเฝ้าอยู่ตรงประตู ตอนนี้ดึกดื่นค่อนคืน แม้ว่าเขาจะดูง่วงงุนเพียงไร ก็ไม่หลับตาลงแม้แต่น้อยเพราะว่าจำเป็นต้องเฝ้ายามตอนกลางคืน

Options

not work with dark mode
Reset