the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ 304 นกสิ้นเกาทัณฑ์ซ่อน

ตอนที่ 304 นกสิ้นเกาทัณฑ์ซ่อน

และ​ทันใดนั้น​เริ่น​เสี่ยว​ซู่ก็​พบ​ว่า​ตัวเอง​เข้าใจผิด​ไป​แล้ว​ ก่อน​สงคราม​เขา​ก็​สงสัย​อยู่​ว่า​ทำไม​ผู้​ก่อ​จลาจล​ไม่ออกมา​หยุด​สงคราม​หรือ​ก่อ​จลาจล​อะไร​ แต่​ตอนนี้​เขา​ได้​รู้​แล้ว​ว่า​เป้าหมาย​ของ​ผู้​ก่อ​จลาจล​เล็ง​ไป​ที่​สถานี​ทดลอง​นิวเคลียร์​อย่าง​เดียว​ เรื่องราว​อื่นๆ​ ไม่อยู่​ใน​ความสนใจ​

น่าจะเป็น​อย่าง​ที่​หยาง​เสียว​จิ่น​ว่า​ เพราะ​เทคโนโลยี​นิวเคลียร์​ทำให้​โลก​ตก​อยู่​ใน​ภัยพิบัติ​ ดังนั้น​มนุษย์​ไม่ควร​คิด​จะควบคุม​มัน​อีก​

เริ่น​เสี่ยว​ซู่ถามอย่าง​สงสัย​ว่า​ “แต่​ฉัน​คิด​ว่าที่​ชิ่งเจิ่น​พูด​ก็​ไม่ผิด​นะ​ มนุษย์​ต่างหาก​ที่​ผิด​ ไม่ใช่เทคโนโลยี​นิวเคลียร์​ที่​ผิด​”

หยาง​เสียว​จิ่น​ “ตอนแรก​ฉัน​ก็​คิด​งั้น​ แต่​สถานี​ทดลอง​นิวเคลียร์​สิบ​เจ็ด​แห่ง​ที่​พวกเรา​ทำลาย​ทั้งหมด​ล้วน​กำลัง​วิจัย​ใน​ด้าน​การทหาร​ คน​จะค่อยๆ​ หยุด​ตั้งคำถาม​ถึงแรงจูงใจ​เบื้องหลัง​การวิจัย​ไป​ในที่สุด​”

“แต่​รอบ​นี้​สมาคม​ตระกูล​ชิ่งเป็น​คน​เริ่ม​สงคราม​นะ​ ถ้าชิ่งเจิ่น​มีอาวุธ​แบบ​นั้น​ใน​คลังแสง​จริง​ สมาคม​ตระกูล​ห​ลี่​คง​เละ​ไป​แล้ว​ไหม​” เริ่น​เสี่ยว​ซู่ว่า​

“ไม่รู้​สิ” หยาง​เสียว​จิ่น​ส่าย​หัว​

ที่จริง​เริ่น​เสี่ยว​ซู่ไม่ได้คิด​จะเข้า​ฝั่งใด​ฝั่งหนึ่ง​ใน​เรื่อง​นี้​ ปัญหา​ ‘สำคัญ​’ นี่​ไม่ได้​เกี่ยว​อะไร​กับ​เขา​ อย่างไร​เขา​ก็​เป็น​แค่​ผู้อพยพ​ที่​พยายาม​เอา​ตัว​ให้​รอด​คน​หนึ่ง​

ชิ่งเจิ่น​มีเหตุผล​ของ​ตัวเอง​ ผู้​ก่อ​จลาจล​ก็​มีการตัดสินใจ​จาก​ข้อเท็จจริง​ส่วนตัว​ สุดท้าย​แล้ว​ใคร​กัน​จะเป็น​คน​บอ​กว่า​อะไร​ผิด​อะไร​ไม่ผิด​ล่ะ​

เริ่น​เสี่ยว​ซู่ถาม “สถานี​ทดลอง​นิวเคลียร์​สิบ​เจ็ด​แห่ง​? อยู่​ที่ไหนบ้าง​เหรอ​ เป็น​ของ​สมาคม​ตระกูล​ชิ่งหมด​เลย​?”

“เปล่า​” หยาง​เสียว​จิ่งส่ายหน้า​ “ที่จริง​หลาย​ปี​มานี้​ที่​เรา​สนใจ​หลัก​ๆ เลื่อน​ไป​อยู่​ยัง​ที่ราบ​ตอนกลาง​แล้ว​ สถานี​ทดลอง​นิวเคลียร์​ทั้ง​สิบ​เจ็ด​แห่ง​ที่​ถูก​ทำลาย​อยู่​ที่นั่น​หมด​ ที่​ตะวันตกเฉียงใต้​มีสมาชิก​ผู้​ก่อ​จลาจล​อยู่​หยิบมือเดียว​ ที่ราบ​ตอนกลาง​เป็น​โลก​ใบ​ใหญ่​กว่า​มาก​”

เริ่น​เสี่ยว​ซู่ตะลึง​ นี่​เป็น​ครั้ง​ที่สอง​ที่​เขา​ได้ยิน​คำ​ว่า​ ‘ที่ราบ​ตอนกลาง​’ หลัง​เกิด​ภัยพิบัติ​ มนุษย์​อยู่​แต่​ใน​ป้อมปราการ​ ข้อมูลข่าวสาร​และ​การ​เดินทาง​ก็​ชะงัก​ไป​

ดังนั้น​ตั้งแต่​เริ่น​เสี่ยว​ซู่ยัง​เด็ก​ เขา​มีความคิด​ตลอด​ว่า​โลก​มัน​กว้างใหญ่​แค่นี้​เอง​ ทาง​ตะวันออกเฉียงเหนือ​มีสมาคม​ตระกูล​ชิ่ง ทางเหนือ​มีสมาคม​ตระกูล​หยาง​ ป้อมปราการ​ 178 อยู่​ตะวันตกเฉียงเหนือ​ และ​สมาคม​ตระกูล​ห​ลี่​อยู่​ทางใต้​

นี่​คือ​แผนที่​ทั้งโลก​ที่อยู่​ใน​หัว​ของ​เริ่น​เสี่ยว​ซู่ แต่​ให้​หลังเขา​ก็​พบ​ว่า​มัน​ไม่ใช่เช่นนั้น​เลย​ จางจิ่งหลิน​เคย​พูด​เรื่อง​นี้​แต่​ก็​ไม่ได้​เจาะลึก​อะไร​นัก​ เขา​พูด​เพียง​ว่า​จะเดินทาง​จาก​ตะวันตกเฉียงใต้​ไป​ที่ราบ​ตอนกลาง​นั้น​ไม่ง่าย​เลย​ แผ่น​โลก​เคลื่อนตัว​ทำลาย​ถนน​และ​ทาง​ภูเขา​ รวมถึง​ยก​พื้นที่​ให้​สูงขึ้น​ อุบัติการณ์​นี้​ได้​กลายเป็น​ปราการ​ธรรมชาติ​ของ​ตะวันตกเฉียงใต้​ไป​

เริ่น​เสี่ยว​ซู่สงสัย​ “ที่ราบ​ตอนกลาง​หน้าตา​เป็นไง​เหรอ​”

หยาง​เสียว​จิ่น​ส่ายหน้า​ “ฉัน​ไม่เคย​ไป​เหมือนกัน​ แต่​ได้ยิน​จาก​น้า​ว่า​ที่นั่น​รุ่งเรือง​มั่งคั่ง​มาก​ ถึงกับ​มีถนน​เชื่อมต่อ​ระหว่าง​ป้อมปราการ​ด้วย​นะ​ พลเมือง​ของ​ป้อมปราการ​สามารถ​เดินทาง​ไป​ไหน​มาไหน​อย่าง​เสรี​ บางคน​ก็​ขับรถ​ไป​ไกลๆ​ เพื่อ​พักผ่อน​ ประตู​เปิด​ปราการ​เปิด​ตลอด​ยาม​กลางวัน​ และ​จะปิด​ตอนกลางคืน​ น้า​บอ​กว่า​ป้อมปราการ​ 1 เป็น​เหมือน​ปาฏิหาริย์​ของ​อารยธรรม​มนุษย์​ พอ​ตกดึก​ที่นั่น​ก็​จะกลายเป็น​หมู่​ดาว​อัน​ลุกโชน​ไม่หลับใหล​”

“อยาก​ไป​ที่ราบ​ตอนกลาง​ไหม​” เริ่น​เสี่ยว​ซู่ถาม

หยาง​เสียว​จิ่น​มองหน้า​เขา​แล้ว​ว่า​ “ไม่อยาก​”

เริ่น​เสี่ยว​ซู่แปลกใจ​ จาก​ที่​หยาง​เสียว​จิ่น​พูดว่า​ งาน​ของ​ผู้​ก่อ​จลาจล​ส่วนใหญ่​อยู่​ที่​ที่ราบ​ตอนกลาง​ พูดตาม​หลัก​แล้ว​หยาง​เสียว​จิ่น​ก็​น่าจะ​ไป​อยู่​นั่น​เช่นกัน​ แล้ว​ทำไม​เธอ​ถึงไม่อยาก​ไป​ล่ะ​

“อ้อ​ใช่” หยาง​เสียว​จิ่น​พูด​ “หลัว​หลาน​น่าจะ​ใกล้​ออกจาก​ป้อมปราการ​ 88 แล้ว​ ถ้าเดิน​ทางได้​ยาว​ๆ นาย​น่าจะ​ไป​ทัน​เจอ​หน้า​เขา​”

“หลัว​หลาน​กำลัง​ออกจาก​ป้อมปราการ​ 88 เหรอ​” ได้ยิน​แบบ​นั้น​เริ่น​เสี่ยว​ซู่ผงะ​ไป​ เขา​รู้​มาจาก​ถังโจว​ว่า​หลัว​หลาน​ถูก​ชิ่งเจิ่น​ส่งไป​ป้อมปราการ​ 88 เพื่อ​จัดการ​การ​ร่วมมือ​กัน​ของ​ทั้งสอง​สมาคม​ หลัว​หลาน​ไป​ที่นั่น​ใน​ฐานะ​ตัวแทน​ของ​สมาคม​ตระกูล​ชิ่ง

แต่​ตอนนี้​หลัว​หลาน​กำลัง​เดินทาง​ออกจาก​ที่นั่น​ หมายความ​ว่าการ​ร่วมมือ​กัน​ของ​ทั้งสอง​สมาคม​สมาคม​กำลัง​มาถึงจุดจบ​

หลังจาก​ทั้งสอง​สมาคม​ตระกูล​ทำลาย​กำลัง​สมาคม​ตระกูล​ห​ลี่​ถึงระดับ​หนึ่ง​แล้ว​ การ​จับมือ​ของ​ทั้งสอง​ก็​กำลัง​ไร้​ซึ่งความหมาย​ไป​

ตอนนี้​หลัว​หลาน​ใน​ป้อมปราการ​ 88 กำลัง​สั่งให้​ลูกน้อง​เก็บ​สัมภาระ​ “เบา​หน่อย​ๆ ตอน​ขน​ขึ้นรถ​ให้​ระวัง​ด้วย​ ฉัน​ใช้เงิน​ไป​ตั้ง​เยอะ​ซื้อ​ของฝาก​ ถ้าของ​แตก​ขึ้น​มาพวก​นาย​จ่าย​ไม่ไหว​แน่​!”

ลูกน้อง​หัวเราะ​ “เจ้านาย​ ท่าน​ชิ่งเจิ่น​ชนะ​แล้ว​เหรอ​”

“ดู​พูด​เข้า​สิ!” หลัว​หลาน​ยิ้ม​พูด​ “มีสงคราม​ไหน​ที่​ชิ่งเจิ่น​ชนะ​ไม่ได้​ด้วย​เหรอ​ พวก​ตาแก่​ใน​สมาคม​จบสิ้น​แล้ว​ล่ะ​!”

ใน​สงคราม​นี้​ นอกจาก​มาเจรจา​กับ​สมาคม​ตระกูล​หยาง​แล้ว​ หลัว​หลาน​ก็​ไม่ได้​ทำ​อย่าง​อื่น​อีก​ ที่​ทำ​ก็​แค่​กิน​ดื่ม​และ​ก็​กิน​ดื่ม​อยู่​ใน​สมาคม​ตระกูล​หยาง​

ตอนนี้​เขา​กำลัง​กลับ​ อาจจะ​ไป​ทัน​สงคราม​กับ​สมาคม​ตระกูล​ห​ลี่​รอบ​สุดท้าย​ คิด​แล้ว​หลัว​หลาน​ก็​ตื่นเต้น​ขึ้น​มา ไม่รู้​ทำไม​แต่​เขา​นิยมชมชอบ​จะสู้ใน​สงคราม​มาก​ ถึงการ​สู้รบ​จะเป็น​วัน​เวลา​ที่​ลำบาก​ กิน​ก็​ไม่ดี​ หลับ​ก็​ไม่สบาย​ แต่​เขา​ก็​ยัง​ชอบ​มาก​

แต่​ทันใดนั้น​ ก็​มีเสียง​รถ​ขับ​ดัง​มาจาก​ถนน​ใน​ป้อมปราการ​ ทหาร​ข้างๆ​ หลัว​หลาน​อยาก​จะควัก​ปืน​ขึ้น​มา แต่​หลัว​หลาน​โบกมือ​แล้ว​ว่า​ “ไม่ต้อง​กลัว​หรอก​น่า​ ไม่มีใคร​ใน​ป้อมปราการ​ 88 กล้า​แตะต้อง​พวกเรา​หรอก​ น่าจะ​มาส่งพวกเรา​มั้ง”

จากนั้น​ก็​เห็น​รถบรรทุก​ทหาร​สามคัน​ขับ​มาหา​พวกเขา​ พอ​ขบวนรถ​หยุด​ลง​ก็​มีทหาร​กลุ่ม​ใหญ่​กระโดด​ลงมา​ หลัว​หลาน​พึมพำ​ “แม่*ไม่เห็น​เหมือน​กำลัง​มาส่งพวกเรา​เลย​…”

พูด​จบ​ก็​มีนายทหาร​คน​หนึ่ง​เดิน​มาหา​หลัว​หลาน​และ​เอ่ย​เสียง​นิ่ง​ว่า​ “ห้าม​ให้​ใคร​ออกจาก​ที่นี่​”

“ทำไม​” หลัว​หลาน​ผงะ​ “สมาคม​ตระกูล​หยาง​เสียสติ​ไป​แล้ว​เหรอ​”

“ไม่ใช่พวกเรา​ที่​เสียสติ​” นายทหาร​แค่น​เสียง​ “เป็น​สมาคม​ตระกูล​ชิ่งของ​นาย​ต่างหาก​ที่​เสียสติ​ไป​แล้ว​ หรือ​พูดตรงๆ​ กว่า​นั้น​ก็​คือ​ชิ่งเจิ่น​นั่นแหละ​ที่​เสียสติ​ไป​แล้ว​!”

“เกิด​อะไร​ขึ้น​” หลัว​หลาน​ขมวดคิ้ว​มุ่น​

“ตามที่​ตกลง​กัน​ไว้​ เมื่อคืน​พวกเรา​กับ​สมาคม​ตระกูล​ชิ่งจะโจมตี​แนว​หน้าที่​เขา​กว่าง​อิ๋ง​ แต่​พอ​สมาคม​ตระกูล​หยาง​เรา​ไป​ถึงสนามรบ​ จู่ๆ สมาคม​ตระกูล​ชิ่งก็​ถอย​ ปล่อย​ให้​เรา​เผชิญหน้า​กับ​การถล่ม​ยิง​ของ​สมาคม​ตระกูล​ห​ลี่​เพียงลำพัง​ พวกเรา​เลย​เสียหาย​หนัก​มาก​” นายทหาร​แค่น​เสียง​ “พวก​นาย​เป็น​คน​เลิก​พันธมิตร​ก่อน​ ดังนั้น​พวก​นาย​ก็​ไม่ต้อง​ออก​ไป​จาก​ที่นี่​แล้ว​ ทุกคน​ จับ​พวกเขา​คุมขัง​ไว้​ใน​บ้าน​ คอย​เฝ้าตลอด​ยี่สิบ​สี่ชั่วโมง​!”

หลัว​หลาน​ผงะ​ “เป็น​ความจริง​เหรอ​”

นายทหาร​ว่า​ “ดูเหมือนว่า​น้องชาย​จะไม่สน​ชีวิต​นาย​นะ​”

พวก​ทหาร​ยก​ปืน​และ​กดดัน​ให้​หลัว​หลาน​และ​พรรคพวก​กลับ​เข้าไป​บ้าน​ หลัว​หลาน​ยก​มือขึ้น​แล้ว​ว่า​ “ไม่ต้อง​ผลัก​ๆ พวกเรา​เข้าไป​เอง​ได้​ ค่อยๆ​ คุย​กัน​”

ระหว่าง​ถอยกลับ​เข้าไป​ใน​บ้าน​ ร่าง​อ้วน​ท้วม​ถึงกับ​ชน​เข้า​ประตู​รอบ​หนึ่ง​ตอน​ก้าว​ถอยหลัง​

ทหาร​คน​หนึ่ง​กระซิบ​กับ​หลัว​หลาน​ “เจ้านาย​ครับ​ ท่าน​ชิ่งเจิ่น​สละ​พวกเขา​ทิ้ง​จริงๆ​ เหรอ​”

“พูด​ไร้สาระ​” หลัว​หลาน​ตัดบท​ “ชิ่งเจิ่น​ไม่มีทาง​ทำ​แบบ​นั้น​”

“งั้น​…” ทหาร​ผู้​นั้น​อึกอัก​พูด​

หลัว​หลาน​ถอนหายใจ​ “ฉัน​กลัว​ว่า​ชิ่งเจิ่น​จะไม่ได้​เป็น​คน​ที่​มีสิทธิ์​ตัดสิน​คำสั่ง​สุดท้าย​ใน​กองทัพ​อีกแล้ว​น่ะ​สิ”

หลัว​หลาน​เข้าใจ​ชิ่งเจิ่น​เป็น​อย่าง​ดี​ เขา​รู้​ว่า​ชิ่งเจิ่น​ไม่มีทาง​ทิ้ง​ตน​แน่​ ถ้าอย่างนั้น​ก็​เหลือ​ความเป็นไปได้​เดียว​แล้ว​ คน​ที่​สั่งถอยทัพ​ไม่ใช่ชิ่งเจิ่น​

ก่อนหน้านี้​สมาคม​ตระกูล​ชิ่งไม่ได้​ทำ​อะไร​ชิ่งเจิ่น​เพราะ​ไม่อยาก​เปลี่ยน​ผู้นำ​ทัพ​ใน​วินาที​สุดท้าย​จน​ชวด​โอกาส​ใน​สงคราม​นี้​ไป​

แต่ว่า​สมาคม​ตระกูล​ห​ลี่​พ่ายแพ้​ไป​แล้ว​ ชิ่งเจิ่น​ย่อม​ไม่เป็นที่​ใช้งาน​อีก​ นก​สิ้น​เกาทัณฑ์​ซ่อน​[1]

[1] นก​สิ้น​เกาทัณฑ์​ซ่อน​ (鸟尽弓藏) หมายถึง​ใช้งาน​เสร็จ​ก็​เฉดหัว​ทิ้ง​

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

Score 10
Status: Completed

ในความมืดมิดอันปั่นป่วนโกลาหล หนุ่มน้อยเริ่นเสี่ยวซู่ผงะตื่นขึ้นพร้อมกับปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก จากนั้นก็หันไปมองเด็กชายอายุราวสิบสี่ปีที่ยืนอยู่ตรงประตู

“ลิ่วหยวน มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม

แม้จะเรียกเด็กชายว่าลิ่วหยวน แต่ความจริงแล้วชื่อเขาคือเหยียนลิ่วหยวน

มองแวบแรก เหยียนลิ่วหยวนดูราวกับคนใสซื่อไม่มีพิษภัยอะไร ทว่าในมือเขานั้นกลับกำมีดกระดูกแน่น ยืนเฝ้าอยู่ตรงประตู ตอนนี้ดึกดื่นค่อนคืน แม้ว่าเขาจะดูง่วงงุนเพียงไร ก็ไม่หลับตาลงแม้แต่น้อยเพราะว่าจำเป็นต้องเฝ้ายามตอนกลางคืน

Options

not work with dark mode
Reset