The Divine Nine Dragon Cauldron 593

ตอนที่ 593

ซือหยูตาเป็นประกาย

 

“ขั้นแรกก็มาแลกของกันก่อนเถอะ ไม่ว่ามันจะทนรับวิบัติอัสนีได้แค่ไหน เจ้าจะไปทดสอบกี่ครั้งก็ได้”

 

ฉีเทียนโจวพยักหน้า เขาไปยืนอยู่กับจ้าวเทวะอีกสองคนระหว่างซือหยูกับกู้ไทซู แค่ท่าทางของเขาอย่างเดียวก็บอกได้ว่าเขากังวลกับซือหยูแค่ไหน

 

สีหน้าของกู้ไทซูหม่นหมองลง ซือหยูรู้สึกได้ถึงจิตสังหารอันชัดเจนจากสายตากู้ไทซู

 

กู้ไทซูเชื่อว่าซือหยูจะกลับลานประลองลับสวรรค์ของจิวโจวอย่างแน่นอน และเมื่อเขากลับไปที่นั่น ด้วยกำลังของกู้ไทซูตอนนี้ที่อยู่ในระดับจ้าวเทวะขั้นสูง ซือหยูก็แทบจะทำอะไรไม่ได้เลยถ้าเขาอยากจะชิงโลหิตมังกร

 

และพวกเขายังมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องที่ยังทำไม่สำเร็จ นั่นก็คือเรื่องของไข่แก่นแท้วิญญาณที่ข้าวเทวะตู่ม่อขโมยออกมา

 

คนที่เจอซากศพของเขาจะต้องมีไข่เทวะของแก่นแท้วิญญาณอย่างแน่นอน แต่คนคนนั้นยังไม่ปรากฏตัว นั่นก็เพราะร่างของจ้าวเทวะตู่ม่อยังไม่เคยมีใครพบมาก่อน!

 

ขณะที่ทุกคนเงียบ ซือหยูกับกังต้าเหล่ยก็แลกเปลี่ยนกันเสร็จสิ้น ซือหยูถืออำพันและมองโลหิตสดๆภายใน มันปล่อยพลังประหลาดออกมา เขาตื่นเต้นมาก

 

เขาได้วัตถุดิบมาสองในสามชิ้นในการสร้างเนตรเงินล้างอสูรแล้วนั่นก็คือสมุนไพรบาดาลกับโลหิตมังกร! ตอนนี้เขาเพียงต้องการมุกเงินเลี่ยงอัสนี!

 

หลังจากที่แลกกันเสร็จ ซือหยูถอนหายใจยาวและเงยหน้าขึ้น เขามองลู่จือยี่ที่อยู่ด้านหลังกู้ไทซู

 

นางที่เอนกายมาข้างหน้าทำให้เห็นร่างอันน่ายั่วยวนและส่วนโค้งเว้าอย่างชัดเจน ลำคอเนียนละเอียดดั่งเครื่องหยกนั้นงดงาม นางดูบริสุทธิ์อย่างมีอาจแตะต้อง

 

ฐานพลังขอบเขตจ้าวเทวะพร้อมกันกับความสูงส่งก็มากพอที่จะทำให้ทุกคนหันมองนาง คงไม่มีใครเชื่อว่าคนที่เป็นแค่กึ่งภูติจะได้เสพสมกับร่างอันงดงามนี้ไปเมื่อครึ่งเดือนก่อน

 

ลู่จือยี่แววตาเปลี่ยนไปเมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของซือหยู แต่นางก็ไม่ได้หันไปมองหน้าของเขา นิ้วเรียบเนียนจับกระโปรงเอาไว้อย่างอึดอัดใจ ยากที่มองผ่านและแน่ใจได้ว่านางรู้สึกแบบใดอยู่

 

ซือหยูรู้สึกผิดเป็นอย่างยิ่ง นางไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาเชียวรึ?

 

เขามองไปยังชายตรงหน้า นั่นคือกู้ไทซูผู้รูปงาม ชายคนนี้มีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมและเป็นคนรักของนาง ซือหยูถอนหายใจอยู่ภายในก่อนจะละสายตาจากทั้งสอง

 

กิเลนน้อยที่อยู่ข้างๆเขาเบิกตากว้าง มันมองลู่จือยี่และออกท่าทางด้วยขาคู่หน้าอย่างตื่นเต้น ความหมายของมันก็คือ

 

“นางดูเหมือนข้าเลย!”

 

และเมื่อเป็นเช่นนั้นซือหยูจึงได้ทันคิดว่ากิเลนน้อยในตอนนี้ทำให้ลู่จือยี่คิดว่าเขาไม่เกรงใจนาง แต่ถ้าหากซือหยูรู้ว่าลู่จือยี่จะเข้าใจผิดกับเรื่องนี้และคิดไปอีกแบบ เขาก็คงจะตกใจมากแน่!

 

“ไทซู นี่ก็ครึ่งวันแล้ว! ข้าทนรับได้อีกไม่นาน จัดการเร็วเข้า”

 

ในตอนนั้น ผู้เฒ่าหยินหยางเงยหน้ามองฟ้าเปิดที่เริ่มสั่นสะเทือน

 

กู้ไทซูพยักหน้าและมองไปยังคนรอบๆด้วยสายตาเย็นชา

 

“ถ้าใครอยากจะแลกอะไรก็จงทำให้เร็ว”

 

เหล่าจ้าวเทวะเริ่มเคร่งเครียดเมื่อได้ยินกู้ไทซู ซือหยูสีหน้าแปลกไป ดูเหมือนว่าเหล่าจ้าวเทวะจะรอคอยของที่พิเศษบางอย่าง

 

ทันใดนั้นเอง ซือหยูใจเต้นแรง…

 

หรือว่าพวกนั้นจะมาเพื่อกิเลนน้อย? จะมีอะไรอื่นอีกที่พวกจ้าวเทวะจะสนใจกันล่ะ?

 

พวกเขากำลังรอคนที่เจอศพของจ้าวเทวะตู่ม่อสินะ?

 

เขาเพิ่งจะรู้ว่าเขาได้รอดพ้นวิกฤติครั้งใหญ่มาได้อย่างโชคดี! โชคดีที่กู้ไทซูเข้ามาขัดเขาในการเอาของจ้าวเทวะตู่ม่อออกมาประมูล มิเช่นนั้นซือหยูอาจจะตายไปแล้วก็ได้!

 

พวกเขารออยู่นานแต่ก็ไม่มีใครตอบอะไรอีก วงพื้นที่เริ่มที่จะสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงแล้ว เหล่าจ้าวเทวะรู้ดีว่าตัวเองเหลือเวลาอีกไม่มาก

 

“ไม่มีใครมีสิ่งใดเลยรึ?”

 

กู้ไทซูหรี่ตา

 

“ถ้าอย่างนั้น ข้าก็จะบอกพวกเจ้าว่ามีของที่อันตรายมากในกระโจมเทพสวรรค์ที่จะปล่อยให้ไปอยู่ในโลกของจิวโจวไม่ได้ ดังนั้นแล้ว เพื่อความสงบสุขของจิวโจว โปรดเอาของทุกอย่างที่พวกเจ้ามีออกมา และถ้าเจ้ามีแหวนมิติก็จงเอาออกมาให้พวกข้าตรวจสอบ”

 

ทุกคนที่ได้ยินโกรธแค้น พวกเขาคิดว่ามันน่าหัวเราะเป็นอย่างมาก พวกเขากำลังจะประกาศเพื่อหาสมบัติของบางคนและพยายามจะหลอกพวกเขาให้เข้ารับการถูกบังคับตรวจสอบ พวกเขาจึงโกรธเกรี้ยวกับการหยามหน้ากันเช่นนี้!

 

แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจ้าวเทวะพร้อมกับเหล่าภูติขั้นสูง ซึ่งแต่ละคนเองก็เป็นจ้าวเทวะที่ทรงอำนาจและปกครองสำนัก ทุกคนล้วนสังหารพวกเขาได้อย่างง่ายดาย

 

ซือหยูใจหาย เขาสัมผัสได้ถึงลางร้าย ส่วนกระบี่ของจ้าวเทวะตู่ม่อและวิชาบ่มเพาะที่ไม่สมบูรณ์นั้นอยู่ในแหวนมิติของเขา!

 

เมื่อพวกนั้นพบ เขาจะไม่มีทางหนีไปได้ แต่พวกเขาก็อาจจะไม่รู้จักของพวกนี้ก็ได้

 

แต่ถ้าหากพวกเขาแน่ใจแล้วว่าจะค้นหาเอาสมบัติของจ้าวเทวะตู่ม่อ มันก็คงจะไร้เหตุผลเกินไปถ้าซือหยูจะหลอกพวกเขา นี่มันคำขอให้เขาตายชัดๆ

 

เหตุการณ์ที่จู่ๆก็เกิดขึ้นทำให้ซือหยูตกอยู่ในวิกฤติครั้งใหญ่ เพราะที่นี่มีจ้าวเทวะถึงหกคน! ไม่ว่าซือหยูจะขัดขืนอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะต่อสู้กับทั้งหกคน

 

“หึหึ ที่กู้ไทซูพูดนั้นเป็นเรื่องจริง และเพื่อความสงบสุขของจิวโจว พวกข้าต้องล่วงเกินเจ้าทุกคน”

 

ฉีเทียนโจวฉวยโอกาสในสถานการณ์นี้ เหล่าจ้าวเทวะอื่นๆก็เริ่มแบ่งกลุ่มกันแล้ว

 

การต่อสู้ที่กำลังจะมาถึงจะเกิดขึ้นเมื่อมีการพบคนที่ครอบครองสมบัติของตู่ม่อเป็นคนแรกและหาไข่เทวะของแก่นแท้วิญญาณเจอ

 

ปั้ง!

 

เหล่าผู้เฒ่าจากจิวโจวไม่รู้ถึงความจริงในเรื่องนี้เลย พวกเขาเริ่มตกใจและโกรธแค้น พวกเขาตกใจที่ว่าจ้าวเทวะทั้งหกคนเก็บเรื่องนี้ไว้ในเงามืดขณะที่ค้นหาบางอย่างที่สำคัญและล้ำค่า

 

พวกเขาโกรธยิ่งกว่าเมื่อคิดว่าของสิ่งนั้นอาจจะอยู่ในมือศิษย์ของตัวเอง การค้นเจอก็ไม่ต่างอะไรจากการย่ำยีเกียรติของสำนัก!

 

“หยุดนะ!”

 

จ้าวเทวะคนหนึ่งสั่งการ

 

แม้ว่าพวกเขาจะเป็นจ้าวเทวะที่ทรงพลัง เขาก็จะไม่ปล่อยให้คนเหล่านั้นทำตามที่ใจต้องการ

 

เพราะพวกเขามีจ้าวเทวะที่ทรงพลังของตัวเองอยู่กับสำนัก พวกเขาจึงไม่ต้องไปกลัวจ้าวเทวะจากตำหนักเมฆาม่วงหรือตำหนักโลหิต ทั้งสองตำหนักต่างก็เป็นผู้ปกครองกับสิบหกสำนัก ความสัมพันธ์นั้นคล้ายกับราชาและเจ้าเมือง ดังนั้นสิบหกสำนักจึงไม่จำเป็นต้องเคารพผู้ใดนอกจากผู้ปกครองสูงสุด นั่นก็คือม่อเทียนฉวนกับบุรุษแห่งเมฆาม่วง

 

ในตอนนี้ เงาร่างของหลายคนเข้ามาขวางเหล่าจ้าวเทวะ ผู้เฒ่าหยินหยางเตรียมรับมือไว้แล้ว เขาสร้างผนึกด้วยมือซึ่งทำให้วงแสงระเบิดแสงสีทองออกมาผนึกท้องฟ้า

 

ดังนั้นแล้วร่างเงาของเหล่าผู้เฒ่าที่เข้ามาขวางจึงถูกบังคับกลับไป! ผู้เฒ่าหยินหยางแอบวางแผนล่วงหน้ามาแล้ว!

 

“ทุกท่านสบายใดได้ พวกเราจะไม่ทำร้ายศิษย์ของสำนักใดถ้าหากให้ความร่วมมือในการตรวจสอบของเรา”

 

ผู้เฒ่าหยินหยางพูดด้วยเสียงแหบพร่า

 

เมื่อวงแสงหายไปก็เป็นไปไม่ได้อีกแล้วที่คนจากลานประลองลับสวรรค์ของจิวโจวจะได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นในกระโจมเทพสวรรค์ นั่นทำให้พวกเขาโกรธมาก พวกเขาจ้องมองหกจ้าวเทวะที่สั่งสมาธิควบคุมร่างเงาอยู่ในลานประลองลับสวรรค์

 

มีเพียงจิตสำนักของพวกเขาที่ลงไปยังเบื้องล่าง ส่วนร่างกายนั้นได้รับการปกป้องจากคนที่มีพลังภูติขั้นสูงที่ติดตามมาด้วย ดังนั้นเหล่าผู้เฒ่าจากสำนักต่างๆจึงทำอะไรไม่ได้

 

จ้าวเทวะทั้งหกได้เริ่มการตรวจสอบขณะที่เหล่าผู้เฒ่าที่มองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกำลังโกรธแค้น คนทั้งเก้าร้อยคนไม่พอใจและพากันแตกตื่น

 

มีหลายคนอย่างซือหยูที่เก็บงำสมบัติลับบางอย่างที่ไม่ต้องการจะให้ใครพบเห็น แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังของจ้าวเทวะ หลายคนก็เลือกที่จะยอมรับความอัปยศและเลิกคิดหนี

 

ในเวลานั้น ซือหยูพยายามที่จะคิดหาวิธีจัดการกับเรื่องนี้ เขาจะไม่ปล่อยให้พวกนั้นตรวจดูของของเขาแน่ เพราะเขาครอบครองสมบัติของจ้าวเทวะตู่ม่อ!

 

และแหวนมิติของเขายังมีของล่อตาล่อใจมากมายเช่นต้นแบบสมบัติภูติอย่างตราสายฟ้าห้าธาตุกับสายใยมังกร แต่ละอย่างล้วนเป็นสมบัติที่จะทำให้เขาต้องตายหากมีใครอื่นได้เห็น!

 

ในตอนนั้น หกจ้าวเทวะเริ่มที่จะตรวจสอบคนกลุ่มแรกรอบๆ ลานนกกระจอกเทวะ…

 

“ถ้าถูกตรวจสอบแล้ว เจ้าต้องออกจากลานนกกระจอกเทวะนี้ทันที…”

 

กู้ไทซูพูด

 

คำพูดอันเย็นชาของเขาทำให้ซือหยูใจหายยิ่งกว่าเดิม เหล่าจ้าวเทวะจะต้องเตรียมจัดการกับคนที่คิดหนีไว้แล้ว การค้นหานั้นรวดเร็วและแม่นยำ เพียงแค่เหลือบมองก็บอกได้เลยว่าใครซ่อนอะไรเอาไว้บ้าง

 

“เจ้าอยากตายสินะ!”

 

เสียงอันเยือกเย็นดังขึ้นมา มันคือเสียงของฉีเทียนโจว

 

เขากำลังค้นดูยอดฝีมือเร่ร่อน เมื่อเขาตบท้องของชายคนนั้นก็มีน้ำเต้าสีขาวพุ่งออกมาจากปาก น้ำเต้านี้เป็นสมบัติมิติที่ใช้เก็บของ แม้ว่าเขาจะกลืนลงไปก็มิอาจรอดพ้นจากการตรวจค้น

 

ฉีเทียนโจวหยิบมันขึ้นมาและพูดอย่างเยือกเย็น

 

“โอสถหยางอสูร กับสมบัติอสูร! ทำไมเจ้าถึงมีสมบัติของศิษย์สำนักข้า? เจ้าฆ่าศิษย์ของข้าไปสินะ?”

 

ฉีเทียนโจวไม่ให้โอกาสเขาได้แก้ตัว เขาโบกมือพัดยอดฝีมือคนนั้นไปไกลหลายร้อยเมตร เขากรีดร้องขณะที่อยู่กลางอากาศ เขากระแทกพื้นอย่างแรงและหมดสติ ไม่มีใครรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่

 

“ข้าจะจัดการเจ้าทีหลัง! คนต่อไป มาได้…”

 

ฉีเทียนโจวพูดอย่างเย็นชา

 

 

สถานการณ์ยังดำเนินต่อไปในทุกมุมของลานนกกระจอกเทวะ…

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 450 อ่านนิยาย


หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ

เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Options

not work with dark mode
Reset