บทที่428
ผู้แปล : N.
(ตอนที่แล้วบอกว่าชายขับรถเป็นคนคิดแผนการ มาตอนนี้เปลี่ยนเป็นชายที่นั่งมาด้วยเป็นคนคิดซะงั้น ดังนั้นผู้แปลของยึดตามนี้นะ)
“แกหมายความอะไร” ชายขับรถที่ได้ฟังแบบนั้นก็แสดงสีหน้าไม่เข้าใจออกมา
“ไม่ว่าไอ้ระบบนั้นจะขับดีแค่ไหน แต่แกก็อย่างลืมว่ามันไม่ใช้คนแบบเรา!” ชายที่นั่งมาด้วยยังคงพูดต่อว่า “ถ้าแกพบกับสถานการณ์ที่ลำบาก เช่น ความปลอดภัยของคนเดินเท้า หรือเงื่อนไขอื่นๆ มันก็อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุจากการจราจรได้ และนั้นจะตรงกับเงื่อนไขที่บริษัทพวกนั้นจะต้องจ่ายเงินให้กับผู้เสียหาย! “
“ดังนั้นถ้าเกิดว่านายกับฉันทำแบบนี้ … ” เขาได้เริ่มเล่าถึงแผนการที่เขาคิดเอาไว้ออกมา และนั้นทำให้ชายที่ขับรถอยู่นั้นใจเต้นอย่างบ้าครั่ง
ใช่! ในฐานะ “คนขับรถมานาน” เขาได้รู้หลายวิธีในการจัดการกับอุบัติเหตุบนท้องถนน บางคนได้ใช้วิธีอย่างการ “นำเครื่องเคลือบลายครามที่ชำรุด” มาไว้ในรถตัวเอง ตราบใดที่คนนั้นมีเทคนิคและความฉลาดที่มากพอ เขาจะทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ และตำรวจเองก็ไม่สามารถจับผิดได้
ถ้าหากพวกเขาใช้วิธีนี้ในการทำให้รถยนต์ของบริษัทแพนแพนออโต้โมทีฟเกิดอุบัติเหตุได้ พวกเขาจะต้องได้รับค่าตอบแทนที่สูงอย่างแน่นอน…
“ ด้วยวิธีนี้! มันน่าจะไม่มีปัญหาอะไรใช้ไหม?” ชายที่ขับรถได้ถามออกไปด้วยความกังวลเล็กน้อย หลังจากที่เขาฟังแผนการของเพื่อนจบ
“ผ่อนคลายเข้าไว้! มันต้องโอเค!” เพื่อนที่มาด้วยกันได้พูดออกมาอย่างมั่นใจ “และตราบใดที่พวกเราทำตามแผนทุกอย่าง ถึงตำรวจจะเก่งแค่ไหน พวกเขาก็ไม่สามารถพิรุธของเราได้”
“งั้น … พวกเรามาทำกันเลยไหม?”
“อย่าพึ่ง! โอกาสในการรวยแบบนี้มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น! พวกเราจะต้องกลับไปเตรียมตัวให้ดีๆก่อน!”
ไม่กี่วันต่อมาหลังจากการเตรียมตัวอย่างระมัดระวังของทั้งสอง พวกเขาก็ได้เริ่มแผนเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาทันที
คนขับรถที่ชื่อว่าเหว่ยเจี้ยน ยังคงขับรถของตัวเองโดยที่ไม่มีผู้โดยสารบนรถที่ควรจะเป็น เพราะว่าในรถของเขาตอนนี้มันเต็มไปด้วยเครื่องลายครามและงานฝีมือจำนวนมาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีค่าเป็นอย่างมาก แต่ด้วยเหตุผลที่ไม่อาจจะทราบได้ พวกมันได้ถูกทำลายและได้กลายเป็นเพียงขยะกองหนึ่งเท่านั้น
เหว่ยเจียนและเพื่อนที่นั่งมาด้วยกันที่ชื่อว่าจ้วงหยาน ได้ดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆที่พวกเขาได้เตรียมเอาไว้อย่างดี
เขาได้บรรจุเครื่องลายครามที่ชำรุดเอาไว้ในห้องโดยสารของรถ และได้ขับมันไปบนถนนตามปกติ
ในอีกด้านหนึ่งจ้วงหยานเองก็พร้อมที่จะขี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าพร้อมกับสวมหน้ากากเอาไว้
“เป็นยังไงบ้าง?” เหว่ยเจี้ยนได้ติดต่อหาจ้วงหยานผ่านทางโทรศัพท์ เพราะตอนนี้เขาได้ขับตามหลงรถยนต์ไร้คนขับของบริษัทแพนแพนออโต้โมทีฟเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จ้วงหยานที่ได้ฟังแบบนั้นก็ก้มลงมองดูนาฬิกาของเขา แล้วพูดว่า “แกขับเร็วไปแล้ว ช้าๆลงหน่อย ฉันต้องการเวลาอีกซีกสามหรือห้านาที!”
“ นี้แกมั่นใจใช้มั้ยว่าจะไม่เป็นอะไร เพราะตอนนี้ฉันเริ่มเป็นกังวลเกี่ยวกับแผนการของเรายังๆแล้วสิ” เหว่ยเจี้ยนที่ก่อนหน้านี้เต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่พอเริ่มแผนการนี้ขึ้นมาจริงๆ เขากับรู้สึกถึงลางร้ายขึ้นมาซะอย่างงั้น
ในห้องตรวจสอบและทดสอบระบบรถไร้คนขับของบริษัทแพนแพนออโต้โมทีฟ พนักงานหลายคนเพิ่งจะยืนยันความปลอดภัยของระบบนี้พร้อมกับการพูดคุยกันตามปกติ
“รถยนต์ของบริษัทเราก็วิ่งได้เกือบ 10,000 กิโลเมตรแล้วนะ และเห็นได้ชัดว่าพวกมันยังคงมีเสถียรภาพที่ดีเป็นอย่าง ฉันคิดว่าหลังจากเดือนนี้ไปแผนกการจัดการการจราจรจะต้องพิจารณาออกใบอนุญาตL3-5ให้เราอย่างแน่นอน” ช่างเทคนิคคนหนึ่งได้พูดขึ้นมา.
“มันก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะพูดอยู่นะ แต่ตราบใดที่การทดสอบภายในเดือนนี้ประสบความสำเร็จ ไอ้เรื่องใบอนุญาตอย่างเป็นทางการอะไรนั้นมันก็เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น!” เพื่อนร่วมงานที่อยู่ไม่ไกลได้พูดขึ้นต่อว่า “และเมื่อเราได้รับใบอนุญาตนั้นมาได้! มันก็จะทำให้บริษัทของเราเป็นบริษัทแรกในโลกที่สามารถนำเทคโนโลยีอย่างรถยนต์ไร้คนขับมาใช้ได้”
“ที่นายจะบอกก็คือ หลังจากนี้ชื่อบริษัทของเราจะกลายเป็นแบรนด์รถยนต์ที่ดังที่สุดในโลกใช้ไหม?! “
“ใช้! เพราะยังไงเบื้องหลังของเราก็ยังมีบริษัทลู่เทคโนโลยีอยู่!”
“อ๊ะ?” คนที่ทำหน้าที่ตรวจสอบความปลอดภัยได้เห็นอะไรบางอย่างขึ้น เขาจึงได้ส่งเสียงร้องออกมา
“มีอะไรผิดปกติ” เพื่อนร่วมงานที่กำลังพูดคุยเรื่องไร้สาระกันอยู่ก็ได้หยุดลง ก่อนที่จะมีใครบางคนได้ถามออกมา
“ ดูสิ! รถคันนี้เหมือนจะพยายามปาดหน้ารถของเรา” คนที่รับหน้าที่ตรวจสอบได้พูดออกมา
” ชายคนนั้นอาจจะพึ่งหัดขับรถก็เป็นไปได้!” เพื่อนร่วมงานที่อยู่ไม่ไกลก็ได้พูดออกมา
บนท้องถนนที่รถไร้คนขับของบริษัทแพนแพนออโต้โมทีฟได้ขับขี่อยู่นั้น ด้านหลังมันก็ได้ตามติดมาด้วยรถหน้าสงสัยที่กำลังขับตามมาติดๆ
เหว่ยเจี้ยนที่ขับรถตามมานั้นก็รู้สึกประหม่าเป็นอย่างมาก ตอนนี้ได้มีเหงื่อไหลออกมาจากมือของเขาจำนวนมาก
“เร็วเข้า! มันใกล้จะถึงเวลาที่ตกลงกันเอาไว้แล้ว!”
“โอเค!” รถจักยานยนต์ไฟฟ้าที่จ้วงหยานขับมาอยู่นั้นก็ได้ทำการปาดหน้ารถไร้คนขับของบริษัทแพนแพนออโต้โมทีฟทันที
ณ สถานที่ที่พวกเขาได้จัดเตรียมเอาไว้ จ้วงหยานได้เริ่มขับรถไปทางขวาราวกับว่าเขากำลังจะหลีกทางให้รถไร้คนขับไป
ซึ่งระบบการขับขี่อัจฉริยะของรถไร้คนขับนั้นได้กำหนดว่าความเร็วปัจจุบันของยานพาหนะข้างหน้าได้ต่ำลงเกินไป และถนนข้างหน้านั้นก็ราบเรียบและสามารถแซงได้ ดังนั้นมันจึงได้เปิดโหมดการแซงและได้เปิดไฟเลี้ยวแซงขึ้นไป
และเมื่อรถที่ใช้ระบบไร้คนขับใกล้จะแซงได้สำเร็จและไปที่ด้านหน้าของรถที่จ้วงหยานขับนั้น ทันใดนั้นรถจักยานยนต์ไฟฟ้าก็ได้ทำการหักเลี้ยวกะทันหันไปทางรถยนต์ไร้คนขับทันที
“เป็นไปตามแผน!” ในตอนนี้หัวใจของเหว่ยเจี้ยนกำลังตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เมื่อเขาเห็นว่าตอนนี้ความเร็วของรถไร้คนขับนั้นกำลังลดลง เขาก็ได้เหยียบคันเร่งขึ้นทันที เพื่อที่เขาได้ทำตามแผนที่ว่างเอาไว้
จ้วงหยานเองก็ได้พยายามขับให้ดูเหมือนว่าเขาต้องรีบเปลี่ยนเลนเช่นกัน
ด้วยวิธีนี้มันสามารถทำให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ขึ้นได้ ซึ่งถ้าแผนการนี้สำเร็จ พวกเขาทั้งสองก็จะต้องรับค่าชดเชยเป็นจำนวนมาก และนั้นจะทำให้พวกเขาสบายไปทั้งชาติ!
แต่พวกเขากับประเมินความเฉลียวฉลาดของระบบรถไร้คนขับน้อยเกินไป เมื่อมันได้วิเคราะห์แล้วว่ากำลังมีรถเข้ามาประชิดตัว ถ้าตามปกติรถยนต์จะต้องชะลอตัวลงเพื่อที่จะไม่ชนเข้ากับผู้ขับขี่จักรยานไฟฟ้าข้างหน้าซึ่งนี้เป็นวิธีปกติที่ทุกคนจะใช้กัน และเมื่อรถไร้คนขับทำแบบนั้นมันก็จะต้องชนเข้ากับรถของเหว่ยเจี้ยนที่ขับตามหลังมาอย่างกระชัดชิด
ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบ ถ้าพวกเขาใช้วิธีนี้กับคนขับธรรมดาไม่ใช้รถที่ใช้ระบบไร้คนขับที่ตอนนี้มีสุดยอดเอไอประมวลผลทุกวินาที
ทุกอย่างไม่ได้สมบูรณ์แบบตามที่เหว่ยเจี้ยนได้จินตนาการเอาไว้ เมื่อรถที่จ้วงหยานขับกำลังจะไปทิศทางของรถยนต์ไร้คนขับ ระบบเอไออัจฉริยะก็ได้ทำการตัดสินใจที่จะเร่งเครื่องยนต์ ก่อนที่มันจะทำการปรับเปลี่ยนทิศทางอย่างละเอียดเพื่อหลีกเลี่ยงการชนท้าย
เหว่ยเจี้ยนที่กำลังเหยียบคันเร่งมาสุดแรงนั้นก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ ด้วยความเร็วที่เขาทำตอนนี้มันเป็นอะไรที่ยากเป็นอย่างมากที่เขาจะหักหลบรถที่อยู่ด้านหน้า
“ว้าย!” คนขับรถผู้หญิงที่อยู่ด้านหน้าได้ตะโกนออกมา เมื่อเธอเห็นว่ารถที่จ้วงหยานขับมานั้นกำลังจะชนเข้ากับรถของเธอ และดูเหมือนว่าช่วงเวลานั้นเธอจะทำผิดพลาดอย่างมาก โดยที่เธอได้เหยียบคันเร่งลงไปจนสุด โดยที่เธอคิดว่านั้นคือเบรก