EP.106 เสาะหาโอสถ
“ใต้เท้าหลินจื้อ ตื่นเถอะขอรับ!”
เสียงคนรับใช้ดังมาจากด้านนอก
หลินมู่อวี่ตื่นขึ้นมา ปราณหมุนวนอยู่ทั่วร่างกาย เขาเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น”
“เกิดเรื่องกับใต้เท้าจางเหว่ยแล้วขอรับ!”
“ฮะ?”
พอตื่นตกใจอาการง่วงหงาวหาวนอนก็หายเป็นปลิดทิ้ง หลินมู่อวี่คว้าเสื้อผ้ามาสวม แล้วพุ่งออกไปยังโถงฝึกซ้อมที่อยู่ไม่ไกล เปลวเพลิงคบไฟโบกสะบัด ตอนที่เขาเดินเข้าไปใกล้ ก็พบร่างของจางเหว่ยที่โชกไปด้วยเลือดบนนอนอยู่บนหินยาวด้านหนึ่งของโถงฝึกซ้อม เหลยหง เกอหยาง และผู้ดูแลวิหารคนอื่นๆ ก็อยู่ด้วย
“เกิดอะไรขึ้นกับจางเหว่ยขอรับ”
หลินมู่อวี่เดินขึ้นไปด้านหน้า เข้าไปเขย่าแขนของจางเหว่ยแต่เขาก็ไม่ขยับ จึงลองตรวจลมหายใจดูก็พบว่ายังคงหายใจอยู่ เขาเงยหน้าขึ้น “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ขอรับ ท่านปู่เหลยหง”
เหลยหงหน้าซีดเผือด “จางเหว่ยถูกคนลอบโจมตีบนถนนทงเทียน อาอวี่ เจ้าดูบาดแผลที่ด้านหลังของจางเหว่ยก็จะรู้เอง”
ครูฝึกระดับดาวเหล็กสองคนเดินเข้ามาประคองร่างของจางเหว่ยขึ้น ทำให้เห็นทั้งสองข้างกระดูกสันหลังของเขาถูกปราณกระบี่สับจนแหลกละเอียด สภาพเละเทะเป็นแถบ หลินมู่อวี่ทนดูไม่ไหว หันมาถาม “ใครมันโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้”
เกอหยางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “อาอวี่ ที่โหดเหี้ยมน่ะไม่ใช่การฆ่าคนหรอก แต่เป็นการเปลี่ยนคนให้กลายเป็นขยะที่ใช้การไม่ได้ต่างหาก เอ็นมังกรที่กระดูกสันหลังทั้งสองข้างของจางเหว่ยนั้นถูกสับอย่างละเอียด!”
“เอ็นมังกร?” เขางงงัน
เหลยหงพูดอย่างเยือกเย็นว่า “เอ็นมังกรคือจุดปล่อยพลังที่อยู่บริเวณสองข้างของกระดูกสันหลังในร่างกายมนุษย์ เหมือนกับสายเกาทัณฑ์ หากเอ็นมังกรถูกทำลาย ปราณแท้กับปราณยุทธ์ของผู้ฝึกยุทธ์ก็ไม่มีทางที่จะโคจรได้ทั่วร่าง คนผู้นี้ไม่ฆ่าจางเหว่ย แต่กลับทำให้จางเหว่ยกลายเป็นคนพิการที่ไม่สามารถฝึกยุทธ์ได้อีกต่อไป”
“อะไรนะ!”
หลินมู่อวี่เบิกตาโต “เป็นฝีมือผู้ใดกัน”
“เจ้าว่าใครกันล่ะ” เหลยหงเอ่ยเบาๆ “จะอย่างไรจางเหว่ยก็เป็นยอดฝีมือที่กำลังจะเข้าสู่ขอบเขตนภา ผู้ที่สามารถเอาชนะจางเหว่ยได้ภายในกระบวนท่าเดียว…อย่างน้อยก็ต้องเข้าสู่ขอบเขตปราชญ์แล้ว หลังจากการเปลี่ยนแปลงที่หลิ่งตงเมื่อหลายร้อยปีก่อน ผู้แข็งแกร่งขอบเขตปราชญ์ที่อยู่จักรวรรดินั้นมีจำนวนแทบนับนิ้วได้ เฮอะ…ข้าก็พอจะเดาได้แล้วล่ะว่าเป็นใคร”
เกอหยางที่อยู่ด้านข้างเอ่ยว่า “ในตอนนี้ เรื่องที่ควรจะทำมากที่สุดก็คือหาทางรักษาจางเหว่ย เขาเป็นครูฝึกระดับดาวสีเงินของพวกเรา ที่กำลังจะเลื่อนขั้นเป็นครูฝึกระดับดาวสีทอง หากเขากลายเป็นคนพิการ เช่นนั้นชั่วชีวิตเขาก็คงจบสิ้นแล้ว”
“อือ รีบไปตามคนของสมาพันธ์โอสถมาเร็วเข้า”
ผ่านไปไม่นาน แพทย์แห่งสมาพันธ์โอสถที่สวมชุดขาวกลุ่มหนึ่งก็มาถึงวิหาร พวกเขาทำการรักษา ห้ามเลือด และอื่นๆ อย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นไปอย่างไม่ค่อยราบรื่นนัก จนกระทั่งถึงตอนฟ้าสาง ผู้ดูแลของสมาพันธ์โอสถก็เอ่ยกับเหลยหงด้วยใบหน้าที่แสดงออกถึงความเสียใจ “ใต้เท้าเหลยหง บาดแผลของจางเหว่ยสาหัสนัก เอ็นมังกรแหลกละเอียดเป็นชิ้นๆ ไม่มีทางรักษาให้หายคืนสภาพเดิมได้ เขาไม่สามารถฝึกยุทธ์ได้อีกต่อไปแล้ว”
เหลยหงคาดเดาไว้ก่อนแล้วว่าจะมีผลลัพธ์เช่นนี้ เขาถอนหายใจ “ขอบใจพวกท่านมาก สามารถช่วยชีวิตเขาไว้ได้ก็นับว่าไม่ง่ายแล้ว”
ผู้ดูแลสมาพันธ์โอสถกล่าวอำลาแล้วจากไป
ในตอนนี้เอง จางเหว่ยรู้สึกตัว เขานอนอยู่บนเตียงไม่ขยับเขยื้อน ใช้สายตาคมกริบมองไปยังเหลยหง “ผู้ดูแลอาวุโส…”
“จางเหว่ย!”
เหลยหงตัวสั่นเทิ้ม “ไม่เป็นอะไรแล้ว เจ้าจะต้องหายดี”
จางเหว่ยกลับสงบนิ่งอย่างน่าประหลาด แววตาเผยให้เห็นความสิ้นหวัง “ผู้ดูแลอาวุโสไม่จำเป็นต้องปลอบใจข้า ข้ารู้ว่าข้าพิการแล้ว เอ็นมังกรถูกตัดขาด ไม่มียาใดจะรักษาได้ แม้แต่เทวดาก็ยากที่จะช่วยเหลือ”
ขณะที่พูด จางเหว่ยก็มองไปทางหลินมู่อวี่ เขายิ้ม “หลินจื้อ…”
หลินจื้อเดินเข้าไปหา มือจับขอบเตียง “เจ้าไม่ต้องพูดอะไร รักษาตัวให้ดี”
จางเหว่ยยิ้มบางๆ “ข้าอยากจะเตือนเจ้า ผู้ที่ล่วงเกินจวนเสินโหวมีสองคน คนหนึ่งคือข้า ซึ่งถูกแก้แค้นแล้ว ส่วนอีกคนก็คือเจ้า…หลินจื้อ เจ้าอย่าได้ประมาทศัตรู ผู้ที่ลอบโจมตีข้านั้นแข็งแกร่งมาก เกรงว่าพลังยุทธ์คงทัดเทียมกับผู้ดูแลอาวุโสเลยทีเดียว เจ้าต้องระวังตัว ข้า…ข้าจางเหว่ยที่มีชีวิตเส็งเคร็งนี้ ตายก็ไม่เสียดาย!”
“ไม่!”
น้ำเสียงของหลินมู่อวี่สงบแต่หนักแน่น พูดชัดถ้อยชัดคำ “ข้าสามารถรักษาเจ้าได้!”
“อาอวี่ เจ้าอย่าได้ล้อเล่น” เหลยหงที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้น “เอ็นมังกรคือรากฐานของผู้ฝึกยุทธ์ หากถูกตัดขาดแล้วก็ยากที่จะช่วยเหลือ ยิ่งไปกว่านั้นเอ็นมังกรของจางเหว่ยมิได้ถูกตัดขาด แต่ถูกสับจนละเอียด!”
“ไม่ ท่านปู่เหลยหง ท่านต้องเชื่อข้า” แววตาของหลินมู่อวี่กระจ่างใสอย่างยิ่งยวด “จางเหว่ยเจ้าก็ต้องเชื่อข้า อย่ายอมแพ้ ข้าสามารถรักษาเอ็นมังกรของเจ้าได้อย่างแน่นอน ข้าจะทำให้มันฟื้นกลับคืนดังเดิม”
“หือ?” ถึงแม้จางเหว่ยจะไม่รู้ว่าหลินมู่อวี่กำลังคิดอะไรอยู่ แต่ก็พยักหน้าแล้วยิ้ม “เช่นนั้น…เช่นนั้นก็รบกวนท่านหลินจื้อแล้ว!”
เมื่อเดินพ้นประตูออกมา เหลยหงกล่าวตำหนิ “อาอวี่ แม้เจ้าอยากจะปลอบใจจางเหว่ย แต่ก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดโกหกกระมัง”
“ไม่ขอรับ ข้าพูดจริง”
เหลยหงหันกลับมา สายตาแสดงให้เห็นถึงความสงสัย “เจ้าจะรักษาอาการบาดเจ็บสาหัสของจางเหว่ยได้อย่างไร”
“ท่านปู่เหลยหงเคยได้ยินชื่อโอสถ ‘ผงต่อเส้นเอ็น’ หรือไม่ขอรับ” หลินมู่อวี่ถามด้วยท่าทางที่จริงจัง
เหลยหงนิ่งตะลึงทันที เกอหยางที่อยู่ด้านข้างลูบเคราแล้วพูดว่า “ข้าได้ยินมาว่าในหอเก็บตำราของตำหนักเจ๋อเทียนเคยมีตำราเล่มหนึ่งบันทึกไว้ว่า มีโอสถระดับสิบชนิดหนึ่งเรียกว่าผงต่อเส้นเอ็น สามารถฟื้นคืนกระดูกและเส้นเอ็นได้ใหม่ แต่…แต่นี่ก็เป็นแค่ตำนานเท่านั้น เทพโอสถไม่ได้ปรากฏให้เห็นบนแผ่นดินนี้มาหลายร้อยปีแล้ว และยังจะมีใครที่สามารถปรุงผงต่อเส้นเอ็นนี้ขึ้นมาได้อีกเล่า”
หลินมู่อวี่ไม่พูดมากความ “เช่นนั้นให้เวลาข้าสักนิดก็แล้วกัน!”
“อืม!”
เหลยหงพยักหน้า “ข้าให้เวลาเจ้าครึ่งเดือน พอหรือไม่”
“ขอบคุณท่านปู่เหลยหง!”
“ไปเถอะ!”
หลินมู่อวี่จูงม้าตัวใหญ่ตัวหนึ่งออกมาจากคอกม้าของวิหาร ขึ้นม้าได้ก็ห้อตะบึงไปยังศูนย์กลางการค้าของเมืองหลันเยี่ยน ขณะเดียวกันในหัวก็พยายามทบทวนความทรงจำของตำรับโอสถของผงต่อเส้นเอ็น มีเถาวัลย์เอ็นมังกรและหญ้าราตรีกระจ่าง ซึ่งเป็นสมุนไพรระดับสิบที่หาได้ยากยิ่ง ไปวัดดวงเอาที่สมาคมร้านโอสถของจักรวรรดิก็แล้วกัน!
หลินมู่อวี่ควบม้า พลางร้องเรียก “ลู่ลู่?”
“พรึ่บ!”
ภูตระบบที่งดงามก็บินออกมา ในสภาพอากาศที่หนาวจัดในปลายฤดูใบไม้ร่วงเช่นนี้ ลู่ลู่ก็ยังสวมกระโปรงสีเขียวบางเบาราวกับปีกจักจั่น หัวเราะคิกคัก “พี่ชาย มีเรื่องอะไรเหรอ”
“ตอนเจ้าวาดแผนที่ป่าล่ามังกร เจ้าเคยเห็นเถาวัลย์เอ็นมังกรกับหญ้าราตรีกระจ่าง สมุนไพรสองชนิดนี้บ้างไหม ถ้าเคยเห็นละก็รีบมาร์กจุดให้ข้าทีได้ไหม” หลินมู่อวี่พูดอย่างรีบเร่ง
ลู่ลู่นั่งอยู่บนไหล่ของเขา พร้อมส่ายหน้า “ไม่เคยเห็นเลย สมุนไพรสองชนิดนี้หายากเหลือเกิน อีกอย่างพลังวิญญาณของลู่ลู่เองก็ไม่พอที่จะบินไปได้ไกลนัก”
“อือ งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าไปถามหาเอง!”
จากนั้นไม่นาน เขาก็มาถึงสมาคมการค้าแห่งเมืองหลวง หลินมู่อวี่ตรงเข้าไปพบจินซานพั่ง พอเห็นว่าเป็นหลินมู่อวี่ เขาก็ยิ้มแย้มอย่างเบิกบาน “ท่านอาจารย์ ท่านต้องการซื้อดอกบัวเจ็ดสีอีกใช่หรือไม่ ข้าน้อยเตรียมไว้ให้ท่านเรียบร้อยแล้วล่ะ!”
“ไม่ใช่”
หลินมู่อวี่ส่ายหน้า แล้วถามขึ้น “เถ้าแก่จิน ที่นี่มีขายเถาวัลย์เอ็นมังกรกับหญ้าราตรีกระจ่างหรือไม่”
จินซานพั่งตกตะลึง “นั่นมันสมุนไพรระดับสิบทั้งนั้นเลยนะท่าน…”
“ใช่ มีหรือไม่”
จินซานพั่งกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “แม้จะพูดว่าสมาคมร้านโอสถแห่งจักรวรรดิล้วนแล้วแต่มีสมุนไพรที่แปลกและหายาก แต่สมุนไพรสองชนิดที่ท่านอาจารย์ต้องการพวกเราไม่มีหรอก ว่ากันว่าเถาวัลย์เอ็นมังกรจะเติบโตขึ้นเฉพาะที่ช่องว่างระหว่างกระดูกสันหลังมังกร มีเอ็นมังกรเป็นปุ๋ยบำรุง ส่วนหญ้าราตรีกระจ่างก็ไม่แตกต่างอะไรกับหญ้าทั่วไป จุดเด่นพิเศษเพียงอย่างเดียวก็คือใบของมันสามารถเปล่งแสงออกมาได้เวลากลางคืน สมุนไพรทั้งสองชนิดนี้…พวกเราไม่มีหรอกขอรับ”
“เช่นนั้น…ก็ขอบคุณมาก…”
หลินมู่อวี่รู้สึกหมดหวัง นึกถึงท่าทางที่ดูมืดมนของจางเหว่ยแล้ว ในซอกหลืบหนึ่งของความรู้สึกก็บอกว่า การที่จางเหว่ยเป็นเช่นนี้ก็เพราะเขา แม้จะต้องเหนื่อยยากอย่างสุดกำลังก็จะต้องรักษาเขาให้ได้ นี่เป็นเรื่องที่ลูกผู้ชายควรจะกระทำ
แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่หดหู่ของหลินมู่อวี่ จินซานพั่งจึงยิ้มแล้วกล่าวว่า “ข้าน้อยได้ยินมาว่าในจวนเมืองชีไห่ เก็บสมุนไพรที่ล้ำค่าไว้ไม่น้อย โดยมากเป็นสมุนไพรที่ชางหลานกงสั่งให้คนเก็บรวบรวมเอาไว้ ท่านลองไปยังจวนชีไห่ดูสิขอรับ หากไม่มีจริงๆ…ด้วยสถานะระดับดาวสีทองของวิหารของท่าน น่าจะสามารถเข้าไปดูที่หอเก็บโอสถของตำหนักเจ๋อเทียนได้ บางทีอาจจะเจอ”
“อือ ขอบใจท่านมาก!”
หลินมู่อวี่พยักหน้า แล้วหมุนตัวเดินออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว
ไม่ถึงสิบนาที ม้าก็มาหยุดลงที่หน้าจวนที่ประทับเมืองชีไห่ หลินมู่อวี่พลิกตัวลงจากหลังม้า สะพายกระบี่เหลียวหยวนไว้บนบ่า แล้วประสานมือคารวะทหารรักษาการณ์ที่เฝ้าอยู่สองสามคน “ข้าหลินจื้อจากวิหารศักดิ์สิทธิ์ ขอเข้าพบองค์หญิงซี ได้โปรดแจ้งให้ด้วยขอรับ”
ทหารนายหนึ่งพยักหน้าให้ด้วยความเคารพ หลังจากเข้าไปยังจวนที่ประทับไม่นานก็กลับออกมา เขาทำความเคารพตามระเบียบของทหารแห่งจักรวรรดิ “ใต้เท้าหลินจื้อ องค์หญิงซีเชิญท่านเข้าพบ พระองค์ทรงรอใต้เท้าอยู่ที่ห้องโถงขอรับ!”
“ขอบใจมาก!”
ด้านในจวนที่ประทับเมืองชีไห่ราวกับสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ก็มิปาน ทำให้หลินมู่อวี่รู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าถ้ำเสือ ตลอดทางเต็มไปด้วยทหารรักษาการณ์ ราวกับกำลังแสดงแสนยานุภาพของทหารเมืองชีไห่ที่ทรงพลัง ห้องโถงนั้นอยู่ไม่ไกล ตอนที่เขาไปถึงนั้น ถังเสี่ยวซีก็ออกมาในชุดกระโปรงแดงสลับขาวที่งดงาม รองเท้าหุ้มข้อคู่น้อยเหยียบอยู่บนใบเฟิงสีแดง (ใบเมเปิ้ล) ยิ้มพูด “มู่มู่ ในที่สุดเจ้าก็มาเยี่ยมข้าแล้วสินะ”
เมื่อเห็นใบหน้าที่งดงามมีความสุขของถังเสี่ยวซีแล้ว เขากลับรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย ยกมือเกาศีรษะ “เสี่ยวซี ที่จริงแล้วข้ามาครั้งนี้เพราะมีเรื่องอยากจะขอร้อง…”
“ฮึ ว่าแล้วเชียว บอกมาสิ เรื่องอะไร” ถังเสี่ยวซีไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอะไร
“ข้าได้ยินมาว่าจวนที่ประทับเมืองชีไห่มีสมุนไพรที่ล้ำค่าอยู่ไม่น้อย ตอนนี้ข้าจำเป็นต้องใช้สมุนไพรสองชนิดเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าเสี่ยวซีจะช่วยข้าได้หรือไม่…” เขาพูดด้วยความกระอักกระอ่วนใจเป็นที่สุด
ถังเสี่ยวซีกะพริบดวงตาคู่งาม “ความจริงประเภทของสมุนไพรในโรงเก็บของจวนข้าก็ไม่ค่อยรู้มากนัก แต่ในเมื่อเจ้าต้องการ เช่นนั้นพวกเราก็ไปดูกันเถอะ”
“อือ!”
ถังเสี่ยวซียื่นมือออกไปจูงมือเขา แล้วเดินเข้าไปด้านในจวนที่ประทับ แล้วไปหาเจ้าหน้าที่ที่ดูแลรับผิดชอบคลังสมุนไพร ค้นหารายชื่อในสมุดบันทึกอยู่เป็นนาน ก็ยังไม่เจอสมุนไพรสองชนิดนี้ หลินมู่อวี่รู้สึกผิดหวังอย่างยิ่ง ขมวดคิ้วแน่น
“เจ้าต้องรีบใช้ตัวยาสองชนิดนี้ไหม” ถังเสี่ยวซีถามอย่างเป็นห่วง
“อือ ใช้ช่วยชีวิตคนน่ะ” หลินมู่อวี่พึมพำ “แก่นโอสถของเถาวัลย์เอ็นมังกรและหญ้าราตรีกระจ่าง บวกกับเลือดของนกเข็ม จะสามารถหลอมโอสถระดับสิบที่เรียกว่าผงต่อเส้นเอ็นออกมาได้ สรรพคุณของผงต่อเส้นเอ็นก็คือสามารถสร้างกระดูกเส้นเอ็นขึ้นมาได้ใหม่ มีประสิทธิภาพเหมือนกับเกิดใหม่เลยทีเดียว”
ถังเสี่ยวซีเบิกตาโต “เจ้า…เจ้าต้องการช่วยจางเหว่ยใช่หรือไม่”
“อือ” หลินมู่อวี่ไม่ปฏิเสธ มองไปยังถังเสี่ยวซีอย่างลึกซึ้ง “จางเหว่ยเป็นสหายของข้า เขากับข้ารื้อคดีฆาตกรรมพ่อแม่ของถั่วงอกน้อยจึงถูกลอบทำร้าย ตอนนี้จางเหว่ยถูกยอดฝีมือลึกลับสับเอ็นมังกรจนแหลกละเอียด ข้าไม่อาจทนนิ่งดูดายได้!”
ถังเสี่ยวซีกุมมือไว้ที่ด้านหน้า พลันยิ้มออกมา “แม้ในจวนที่ประทับเมืองชีไห่จะหาเถาวัลย์เอ็นมังกรกับหญ้าราตรีกระจ่างไม่พบ แต่…แต่เรายังมีอีกที่หนึ่งที่สามารถไปลองเสี่ยงดวงดูได้ ไม่แน่ว่าอาจจะมีก็ได้นะ!”
“ที่ไหนเหรอ”
“หอโอสถตำหนักเจ๋อเทียน!” ถังเสี่ยวซียิ้มเบิกบานท่ามกลางสายลมในฤดูใบไม้ผลิที่โชยผ่านเบาๆ โบว์ที่มัดอยู่บนศีรษะราวกับผีเสื้อสีแดงตัวหนึ่ง